ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทลำนำสู่ตำนาน
Chapter 1 บทลำนำสู่ตำนาน
อำนาจแห่งมนุษย์ จักสยบใต้ธุลีแห่งความตาย
ใช่!....ข้าต้องการ
ข้าต้องการอำนาจ......
ข้าต้องการทำลาย.....
ข้าเกลียด...
เกลียดเผ่าพันธุ์ตัวข้า......
เผ่าพันธุ์มนุษย์อันน่าสมเพช!
เสียงคร่ำครวญทุกข์ระทม ราวกับจะสาปผืนพิภพให้มอดไหม้ภายใต้ความตายและการนองเลือด ของกษัตริย์เกรียงไกรผู้ปกครองอาณาจักรลูซเฟียร์ ดินแดนแห่งมนต์ดำ
เจ้าต้องการข้า?
ใช่! ข้าต้องการท่าน
จงแลก........เจ้าจะแลกกับสิ่งใดสำหรับพรของข้า...?
แลก? ข้าไม่มีอะไรเหลือ.....ไม่มีอีกแล้ว..!
เสียงกรีดร้องด้วยความอาดูร บ้าคลั่ง ก้องสะท้อนกังวานภายในหอคอยกรีฟฟิลอันไร้ชีวิต เหลือเพียงซากเน่าฟอนเฟะและกลิ่นซากศพของเหล่าผู้กล้าแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์...
ลมยามราตรีหวีดหวิวพร่ำไห้ โชยกลิ่นสาบสางจากชีวิตนักรบผู้หาญกล้าจากสมรภูมิ ในดินแดนลูซเฟียร์ ศึกครั้งนี้ สูญเสียใหญ่หลวงนัก แม้จันทราก็มิอาจนิ่งเฉย แผดแสงเงินยวงยามราตรี เป็นดั่งโลหิตสีแดงจ้าไล้โลมผืนดินที่นองเลือด
สูญสิ้นแล้ว....
เดวิลลาร์ท เทโอลดราย กษัตริย์กระหายเลือด และมนต์ดำ แห่งอาณาจักรลูซเฟียร์ ผู้นำทัพต่อกรกับอาณาจักรต่างๆ ด้วยความเกลียดชัง สงครามได้ดำเนินมาเนิ่นนาน จนกระทั่งศึกสุดท้าย....ศึกสุดท้ายที่จะต้องจารึก
ศึก หอคอยกรีฟฟิล แห่งลูซเฟียร์
ทัพใหญ่จากดินแดนนักรบ นำโดยลอร์ดดีรอร์ท อัศวินแห่งเคดาส ข้ามทะเลทรายเดทดีเซิร์ท โจมตีอาณาจักรลูซเฟียร์ ผู้กบฏต่อเผ่าพันธุ์ ร่วมพิชิตโดยเหล่านักรบจากดินแดนไวลด์ฟรีกซ์ และเซเรซอน ผนึกกำลังต่อต้านกษัตริย์ผู้บ้าอำนาจ กระหายเลือดมวลมนุษย์.....
บัดนี้......ไม่มีอีกแล้ว....ดินแดนแห่งมนต์ดำ...สูญสิ้นแล้ว...ดินแดนแห่งความตาย
ล่มสลาย!
แล้วท่านจะเอาอะไรจากข้า?
เป็นข้ารับใช้ของข้า.... อาณาจักรเจ้า มอบแด่ ข้า
อาณาจักรลูซเฟียร์? ตัวข้า?
ใช่ เจ้า และอาณาจักรของเจ้า จงอยู่ใต้อาณัติของข้า
ข้าต้องการอำนาจอีกครั้ง ไม่ว่านานเท่าใด ข้าจะกำจัดมัน!
ตกลง...........
ในนามข้า ซาตาน แห่งภพนริยะ
สาป....อสุภ ดับดิ้น แดนวางวาย
สาป....ลูซเฟียร์ สูญสิ้น แผ่นดินมลาย
สาป...ความตาย สู่ห้วงนิรันดร์กาล
สิ้นกล่าว แสงจันทราเลือดกลับพลิกผัน ความมืดมิดบดบังทุกสรรพสิ่งให้นิ่งสงัด คละคลุ้งกลิ่นคาวเลือด จวบจนเสียงเพรียกพร้องระงมเซ็งแซ่ โหยหาด้วยอาดูร แว่วสำเนียงเสียงสุดท้าย แห่งชีวา นำเมฆหมอกแต้มนภาผืนฟ้ายามวิกาล ดั่งเงาทมิฬให้เคลื่อนคล้อยโอบล้อมอาณาจักรล่มสลาย....
.......ขุมนรก มาเยือนหล้า กลบนภาไร้ชีวิน...........
เหมันต์ฤดูกลับบังเกิด ล่องหิมะขาวเย็นยะเยือกจับจิต โหมซัดกระเซ็นสู่ซากแผ่นดินเลือด ปกคลุมร่างไร้ชีวิตให้กลืนหายไปในดินแดนน้ำแข็ง คงร่างเหล่าทหารให้อยู่ตามกาลเวลา....รอเวลาที่หวนคืนสู่ผืนภพอีกครา
สิ้นแล้ว...สูญแล้ว... แม้กระทั่งลมหายใจแห่งกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจ.....สู่นครแห่งความตาย...
เหล่าทหารกล้า ลุกขึ้นมา ปกป้องดินแดนแห่งนี้
ฟื้นคืนชีวีขึ้นมารับใช้ข้า....
กษัตริย์แห่งความตายจักกลับมาอีกครา....
ตามพันธะสัญญา ระหว่างข้าผู้มีชัย
+++++++++++++++++++++
ณ พาราซีส สรวงสวรรค์แห่งเทพ
“......ราชันย์แห่งความตาย จักกลับมาในเร็ววัน”
“คำทำนายศักดิ์สิทธิ์นี้ หากเป็นผลจริงมนุษย์คงถึงกาลปวสาน”สุรเสียงอันเฉียบขาดเปรยขึ้น เนตรสีน้ำเงินซีด ประกายคมกล้าลึกล้ำจ้องจับอักขระเวทดั่งเส้นไหมทองจารึกในคัมภีร์มนต์แห่งเทวา
“ถึงกระนั้นสิ่งที่ยังไม่บังเกิดอาจเปลี่ยนแปลงได้”สุรเสียงหนึ่งคัดค้าน แฝงด้วยอำนาจเปี่ยมล้น ขณะดวงเนตรสีทองดุจอินทรี จับจ้องคัมภีร์มนต์จารึกบทโศกนาฏกรรมสุดท้ายแห่งมวลมนุษย์
ผู้ปรารภเบือนพระเนตรน้ำเงินซีดมาสบพระพักตร์เหลี่ยมกร้านแกร่ง ของผู้ทรงภูมิแห่งนักรบในนามเทพแห่งศาสตราผู้เอ่ยค้าน ที่ยังคงทอดมองรอยจารึกราวกับจะพลิกชะตาด้วยพลังและอำนาจในดวงเนตรที่เปี่ยมล้น
คำทำนายจักรามหาเทพ.....แห่งคัมภีร์มนต์เซลท์
“ใช่ เปลี่ยนได้ หรือไม่ได้ ไม่มีใครสามารถรู้ จนกว่าเวลานั้นจะมาถึง”
คำดำรัสจากมหาเทพแห่งปราชญ์ พลางยกพระหัตถย่นลูบเคราขาวลู่ลง จมดิ่งสู่ห้วงความคิด แม้เนตรสีน้ำเงินซีดบ่งถึงรอยชราภาพ แต่แววที่ฉายกลับปรากฏพลังอันยิ่งใหญ่ ที่เปี่ยมรอยเฉียบคมล้ำลึก ดั่งผืนมหาสมุทรสุดหยั่ง
“แต่หากเป็นดังคำทำนายจริง ท่านจะทำเช่นไรเล่า”คำตรัสถามจากเทพแห่งศาสตรา
“ข้ารึ ข้าจะทำเช่นไรได้ ในเมื่อข้าเป็นเพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งในโลก คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม” ประกายเลศนัยฉายขึ้นบนใบหน้าผู้ทรงปัญญา
“สิ่งต่างๆในโลกหาได้ไร้ค่าไม่ ดังเช่นท่านที่ยังคงมีปัญญาที่เฉียบคม”คำดำรัสแห่งอำนาจกลับกล่าวแย้ง
คำกล่าวที่ทำให้บุคคลผู้เป็นถึงเทพแห่งปราชญ์สรวลออกมาเบาๆ พระเนตรที่แฝงประกายรอบรู้ฉายแววเจ้าเล่ห์ สบนิ่งกับประกายความมุ่งมั่นแห่งอำนาจ ก่อนที่จะเบือนสายตามองทอดยาวไปเบื้องหน้า แล้วส่ายพระพักตร ก่อนกล่าวสืบไป
“มีปัญญา แต่ไร้ซึ่งอำนาจ ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้”คำดำรัสจากมหาปราชญ์แต่คำค้านกลับสวนขึ้นทันควัน
“มีปัญญา เปี่ยมอำนาจ แต่ไร้ซึ่งคุณธรรม มันไม่แย่กว่ารึท่าน”
คราวนี้คนฟังคลี่โอฐบาง เหลือบมองบุคคลเบื้องหน้าผู้ทรงภูมิ ก่อนยกชาขึ้นจิบ แล้วกล่าวด้วยภูมินัยที่ซ่อนไว้ใต้ม่านสีน้ำเงินดุจมีดเล่มงามที่อยู่ในฝัก
“แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไร ในเมื่อสิ่งนี้คือคำทำนาย.... หรือท่านจะแก้ไขอนาคต เทพแห่งศาสตรา?”
พระพักตร์อันกร้านแกร่ง ขึ้งตึงขึ้นถนัดกับคำถามที่เสมือนหยั่งปัญญา เก็บงำภูมิดั่งเมธีที่ปกปิดด้วยรอยสรวลของเทพแห่งปราชญ์
“หาใช่ไม่ คำทำนายไม่อาจกำหนดชะตาชีวิตได้...ชิวิตย่อมลิขิตได้ด้วยตนเอง”สุรเสียงแห่งอำนาจที่ยังยืนกรานในความคิด
“ถ้าเช่นนั้นท่านจะใส่ใจทำไมเล่า หากท่านสามารถกำหนดชะตาชีวิตเองได้”
พระเนตรสีทองของเทพแห่งศาสตราไหวต่ำ ก่อนเปล่งวาจาหนักแน่นให้ผู้มีปัญญาได้พินิจในดำริตน
“โชคชะตาล้วนอยู่ในหัตถข้า..แล้วมนุษาเล่าอยู่ในหัตถใคร?..\"เทพแห่งศาสตราเปรยขึ้น ก่อนกล่าวสืบไป
\"หัตถข้างั้นรึ? ข้าว่าไม่...หรือหัตถท่านข้าก็ว่าไม่เช่นกัน...แล้วท่านจะให้มือน้อยๆของเหล่ามนุษย์แบกรับโศกนาฎกรรมร้ายไว้อย่างโดดเดี่ยวหรืออย่างไร..
จะให้มือนั่นหลั่งเลือดแม้วาระสุดท้ายอย่างเดียวดาย แล้วจมสู่ห้วงเหวนรกที่มืดมิดตลอดกาล..ไม่มีแม้แต่แสงนำทางที่คอยสาดส่องเข้าชะโลมวิญญาทุกโมงยาม......ไร้อดีต...ไร้อนาคต...ไร้ซึ่งเหล่ามนุษย์...
แล้วพวกเขาจะรู้หรือไม่ว่าชิวิตสั้นๆนั้นกำลังจะจบสิ้นลงในไม่ช้า เมื่อพวกเขาหลงระเริงกับกิเลสตัณหา จนลืมรำลึกถึงภัยที่ปลิดชีวา ที่มาพร้อมกับสงครามจากซาตานและความตาย...\" หัตถแกร่งเกร็งขึ้นเมื่อเอ่ยถึงเทพแห่งนรกภูมิ \"ข้าเกรงว่าท่านคงนิ่งนอนใจได้ไม่นานนักท่านเทพแห่งปราชญ์... สงครามครั้งนี้จะลามมายังสรวงสวรรค์พาราซีสแห่งนี้ในไม่ช้า
...สรวงสวรรค์หรือจะสรรค์สร้างสิ่งสวยงามที่ใด เมื่อภพมนุษย์ถูกรวมเป็นหนึ่งกับนรกภูมิ....แม้ยิ่งใหญ่ดุจผืนฟ้า หรือเมตตาดั่งผืนดิน เมื่อถึงเวลานั้นผู้ใดก็มิอาจต่อกร\"
รอยสรวลสำราญยิ่งฉายชัด ของผู้ทรงปัญญา พระเนตรสีน้ำเงินซีดระยับขึ้นเมื่อได้สดับฟังเสียงแห่งอำนาจ ที่ตรงพระทัยยิ่งก่อนกล่าว
\"ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด.......คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด.........ผู้ที่เล็กที่สุด......ก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด......\"
แล้วสุรเสียงดังประกาศิต จากจอมเทพแห่งปราชญ์ ก็พลันบังเกิดขึ้น
“กำเนิดมหาราช”
รอยสำราญบางๆฉายขึ้นบนพระพักตร์ของผู้ทรงอำนาจ ขยับถ้วยชาในมือขึ้นชูให้คนตรงหน้า ก่อนจะกล่าวสรรเสริญ
“สมกับปัญญาอันปราดเปรื่องของท่านจริงๆ เหล่าเทพอย่างเราคงช่วยเหลือมนุษย์ได้เพียงประการนี้”
++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น