ใครเป็นหนุ่มสาวขี้อาย ยกมือขึ้น - ใครเป็นหนุ่มสาวขี้อาย ยกมือขึ้น นิยาย ใครเป็นหนุ่มสาวขี้อาย ยกมือขึ้น : Dek-D.com - Writer

    ใครเป็นหนุ่มสาวขี้อาย ยกมือขึ้น

    เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยดีดี สำหรับคนขี้อายที่อยากจะปรับเปลี่ยนตัวเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    435

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    435

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ต.ค. 49 / 15:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ใครรู้ตัวว่า ขี้อาย มั่งยกมือขึ้น?

      รู้น่ะว่า ความขี้อายนั้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อย น่าอภิรมย์เท่าไหร่ สำหรับคนสุภาพเรียบร้อย ใช่มะแถมความขี้อายยังทำให้ พวกเขาไม่กล้าเข้าสังคม, ไม่กล้าพูดในสิ่งที่คิดอยู่ และที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ มันทำให้พวกเขาไม่กล้าเหล่ ใครสักคนมาเป็นแฟนด้วยนี่สิ เจ็บไหมล่ะ


      ผู้ X วชาญด้านหว่านเสน่ห์ บอกไว้ว่า

      ความจริง คนขี้อายนั้นเป็นที่ต้องการของ ใครต่อใครมากมาย (แต่อาจไม่รู้ตัวก็ได้) แต่ความที่บางคนขี้อายมาก ไปจึงทำให้พวกเขาชวด โอกาสที่จะเข้าไปตีสนิท หรือทำความรู้จักมักจี่กับ “คนที่เขามีใจให้” อย่างน่าเสียดาย
      เพราะฉะนั้น ถ้า “ความขี้อาย” ทำให้คุณพลาดโอกาส

      จากคนพิเศษที่คุณนั้นใฝ่ฝันล่ะก็ ลองอ่านคำแนะนำต่อไปนี้ดูสิ แล้วคุณจะสามารถเอาชนะความขี้อายได้นะเออ

      ใน 10 วิธีเอาชนะความขี้อาย (Top 10 Ways To Overcome Your Shyness)

      แนะให้คุณผู้อ่านเป็นคนกล้า (ในสิ่งที่ถูกที่ควรนะยะ ไม่ใช่กล้าบ้าบิ่นจนไม่ลืมหูลืมตา) โดยค่อยๆฝึกปรือความกล้า ดังนี้

      1. ฝึกจากการเป็นแม่สื่อให้เพื่อน

      ว่ากันว่าปัจจัยหลักที่ทำให้กลายเป็นคนขี้อายก็คือ ความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ดังนั้นจงเอาชนะ ปัจจัยข้อนี้ด้วยการลองจีบใครบางคนให้เพื่อนดูสิ คุณจะได้ ไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับ การถูกบอกปัดไง การเข้าไปลองเลียบๆเคียงๆจีบสาวหรือจีบหนุ่มให้เพื่อนเนี่ย

      เชื่อหรอกน่าว่าเป็นงานถนัดแหงซะเพราะการเป็นแม่สื่อแม่ชักน่ะได้บุญนะ แถมยังมีโอกาสได้ฝึกลับฝีปากไว้จีบนาง (หรือนาย) ในฝันให้ตัวเองด้วย ทำงี้ได้ประโยชน์ทั้งกะเพื่อนและกะตัวท่านเองงั้นอย่ารีรอ

      2. ค่อยๆก้าวสั้นๆแต่ระมัดระวัง

      ค่อยๆขจัดความอายให้เหมือนกับการฝึกหัดเดินของเด็กดูสิ เอาง่ายๆ เริ่มต้นจากรอยยิ้มก่อน ก็ได้คุณควรยิ้มให้ทุกคน เพราะจะช่วยแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นมิตรและสามารถที่จะเข้า ไปพูดคุยด้วยได้ไม่ยาก ถ้าเผอิญพบกะคนแปลกหน้าและอยากฝึกความกล้าก็นี่เลย เดินเข้าไปทักทายสะวีดัด สวัสดีเค้าหน่อย ทำแบบนี้ 2-3 ครั้ง แล้วค่อยชวนคนแปลกหน้าคุยถึงสิ่งละอันพันละน้อย

      ชนิดค่อยๆเปิดตัวเอง แล้วจะรู้ว่าไม่เห็นยากตรงไหน

      และถ้าเผื่อคุณกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาดต่อหน้าคนอื่นเข้าล่ะก็ จงลืมมันซะ เนื่องจากคนดีๆโดยทั่วไปมักให้อภัยกับความมะงุมมะงาหรา หรือความเคอะเขินของเพื่อนใหม่ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีพิษมีภัยเสมอแหละ แล้วจะวิตกจริตไปทำไมกันละท่าน

      3. อย่าทำราวกับว่า คนที่คุณเล็งหรือกะจะเข้าไปจีบนั้นเป็นสัญลักษณ์ ทางเพศมากเกินไป

      ในกรณีของฝ่ายชาย หากสนใจสาวสักคนขึ้นมา จงอย่ามีทรรศนะว่าเธอเป็นถ้วยรางวัลที่ยาก จะชนะใจเธอได้ แต่ ให้มองหล่อน เป็นคนธรรมดาคนนึงไม่ดีกว่ารึ จะได้ไม่เกิดอาการเก้อเขินไงตัว แล้วอีกอย่างขืนหนุ่มเจอสาวที่ชอบแล้วคิดถึงแต่เรื่อง อยากมีเพศสัมพันธ์กับเธอมากไปล่ะก็ ฝ่ายหญิงเค้าก็มีสัญชาตญาณที่ไม่อยากถูกใคร ลวนลามทางสายตาเหมือนกันนะ

      เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อไหร่ที่เธอคิดว่ากำลังถูกรุกหนักเกินไป

      โอกาสที่เธอจะปฏิเสธ ก็มีมากเท่านั้นก็ใครเค้าอยากถูกหิ้วไปเป็นนางบำเรอ ตั้งแต่เมื่อแรกพบกันล่ะโอ้ยถูกสายตาหื่นปานนั้น ใครวะจะอยากเข้าใกล้ X บ้านั่น
      4. อย่าทำเหมือนกับว่าเค้าคนนั้นเป็น ของบูชาที่อยู่บนหิ้ง

      แบบว่า อย่าทำอย่างกะคนที่คุณอยากรู้จักเป็นเทวรูปหรือ สิ่งที่ควรคู่กับการบูชามากกว่าจะรักก็แล้วกันไม่งั้นจะกล้าเดินเข้าไปทัก หรือพูดคุยกะเค้าด้วยไหมล่ะมีแต่จะกระบิดกระบวยไม่กล้าเข้าใกล้

      เพราะเกรงบารมีสิไม่ว่างั้นเอางี้ก่อนจะสนอกสนใจใคร

      จนถึงกับอยากเข้าไปพูดจาจีบเจิบเมื่อไหร่ให้มองอย่างงี้นะ น้องคนนั้นเค้าไม่ได้เป็นนางฟ้าหรือเทวดามาจากไหน แต่เป็นคนที่คุณอยากแบ่งปันสิ่งดีๆในชีวิตด้วยกันแบบนี้ น่าจะช่วย ลดความประหม่าลงได้หน่อย
      5. อย่าคาดหวังอะไรให้สูงเกิน

      เมื่อสามารถทำความรู้จักมักจี่กะคนที่คุณสนใจได้แล้ว ควรปล่อยให้อะไรต่อมิอะไรที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วกัน อย่ากระตือรือร้นหรือรีบรู้จักเค้ามากจนกลายเป็นความเครียด
      6. อย่าคิดมาก

      ถ้าอยากเอาชนะใจคนที่คุณเหล่ไว้ล่ะก็อย่าฟุ้งซ่าน ถ้าเผื่อคนที่คุณปักใจเกิดมีอาการ ไม่ใส่ใจคุณขึ้นมา ก็แหมคนเราอาจมีการเล่นตัวกันมั่งใช่ป่าว หรือถ้าเผื่อใครคนนั้นเกิดไม่ชอบขี้หน้าเราขึ้นมาจริงๆ

      ก็อย่าถือเป็นอารมณ์คิดซะว่าไม่มีใครถูกใจใครไปซะทุกคน ถ้าเค้าไม่ชอบเราเป็นแฟน อาจชอบเป็นเพื่อนก็ได้ (ฝันกลางวันไปเรื่อย...มีไรป่าว)
      7. เรียนรู้ที่จะฟัง

      บางคนขี้อายก็จริง แต่พูดเป็นต่อยหอยก็มีนะ เพราะงี้จงอย่าเอาแต่พูด พูด พูดเพื่อกลบเกลื่อนความหน้าไม่อายของตัวเองนักเลย หัดฟังคนอื่นเพื่อเปิดประเด็นใหม่ๆในการคุยจ้อกันดีกว่า
      8. ฝึกลดความขี้อาย

      ด้วยการอย่าคุยกับคนที่เราอยากรู้จักเท่านั้น แต่จงผูกมิตรกับทุกคน
      9. อย่ากลัวถูกปฏิเสธ

      ถ้านักมวยขึ้นเวทีพร้อมกับรู้ว่าพวกเขามีโอกาสที่จะชนะและก็แพ้ได้เท่ากัน ในเกมของความรักคุณก็ไม่ควรคาดหวังว่าต้องวิน วินหรือชนะทุกครั้งไม่ใช่หรือ? ดังนั้นจงมองการที่คุณเข้าไปจีบใครสักคนให้เหมือนกับการสร้างประสบการณ์ที่ดี

      แม้ความขี้อายและลังเลอาจทำคุณมือสั่น หรือใจเต้น แต่หลังผ่าน เหตุระทึกครั้งแรกที่ได้ทักทายคนที่คุณหลงรักเป็นนักหนาแล้ว อีกหน่อยอาการสั่นสะท้านก็จะหายไปเอง ทำใจดีๆไว้
      10. สรุปว่าจงออกไปข้างนอกและเข้าสังคมแล้วจะกล้าขึ้น

      เข้าร่วมกิจกรรมที่จะทำให้คุณมีโอกาสปฏิสังสรรค์กับผู้อื่นบ้าง เช่น ไปเข้าคอร์ส เต้นแอโรบิกงี้,ไปวัด หรือทำงานช่วยสังคม อาทิ นำสิ่งของไปบริจาคให้ผู้ด้อยโอกาสทางสังคมได้ก็ทำซะสิท่าน

      การได้สมาคมสโมสรกับคนอื่นบ่อยๆ เดี๋ยวก็ช่วยทำให้คุณหายเขินไปเอง โอ้ย...คิดจะจีบใครก็รีบเข้านะ เดี๋ยว ม.ค.ป.ด. หมาคาบไปแดกแล้วจะเจ็บกระดองใจเด้อ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×