คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คฤหาสน์ติดทะเล
คฤหาสน์ติดทะเล
ในห้องนอนที่ติดป้ายว่า 'ห้ามเคาะ'
เสียงสะอื้นของฉันอาจจะดังไปถึงด้านนอก แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่แยแสหรอก ความรู้สึกเจ็บและร้อนผ่าวตรงบริเวณแก้มซ้าย ทำให้ฉันต้องใช้ฝ่ามือถูมันเบาๆ...
ทั้งๆที่ในบ้านนี้มีคนรับใช้อยู่สามคน บวกกับป้าดาวอีกคน ทุกคนต่างไม่ได้เห็นว่าฉันถูกกระทำร้ายร่างกายเลยสักคนเดียว... อย่างนี้ฉันจึงไม่มีหลักฐานสินะ เศร้าใจจัง พ่อคะ... บนสวรรค์สบายและมีความสุขมากไหมคะ ฉันอยากจะตามไปอยู่กับพ่อเหลือเกิน แต่ว่า...ฉันจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อสิทธิของตัวเอง
ช่วงค่ำคืนหลังจากสะกดหัวใจไม่ให้ร้องไห้ได้แล้ว... ฉันจึงเอากระเป๋าสะพายสำหรับเดินทางสีส้มออกมาจากตู้เสื้อผ้าที่คุ้นเคย การที่ติดป้ายห้ามเคาะไว้ ทำให้ฉันไม่เสียสมาธิเหมือนกันนะ พูดก็พูดเถอะ ตอนนี้ฉันอยากจะให้ใครสักคนโอบกอด อืม...คนนั่นคงจะไม่มีในโลกนี้แล้ว พ่อจากไปแล้วล่ะ
ฉันเริ่มต้นจากการนำเสื้อสเวตเตอร์แขนยาวสีครีมตัวโปรดใส่กระเป๋าเดินทางนี่ แล้วตามด้วยกระโปรงหลากสีสันต่างๆที่พ่อและแม่เคยซื้อให้กับฉัน เก็บเสื้อผ้าไปร้องไห้ไป...น่าตลกดีนะ ชีวิตฉันเหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่ เกิดมาโชคร้ายกว่าเดิม เกิดมาแล้วต้องพบเจอสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ท่านพญายม ท่านรู้ไหมว่าฉันอยากให้ท่านปลดปล่อยฉันออกจากพันธนาการแห่งความโชคร้ายของท่านเสียที
เมื่อหยิบสร้อยข้อมือและเครื่องประดับสีใสๆ ที่พ่อซื้อให้ฉัน ซึ่งมันคือคริสตัลเหมือนกันกับชื่อของฉัน น้ำตาก็พลันไหลมากขึ้นอีก อ้า...ชีวิตที่แสนสุขของฉันถูกพรากไปเพราะผู้หญิงคนนั้นแท้ๆเลย
ต่อไปฉันจะทำยังไงดีล่ะ ต้องปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนใหม่ โรงเรียนใหม่ แล้วก็ที่สำคัญคือบ้านหลังใหม่ บ้านที่ผู้หญิงคนนั้นเรียกว่า ...คฤหาสน์ติดทะเล... ฉันคิดว่าบ้านนั่นคงจะเศร้าสลดน่าดูเชียวแหละ
ระหว่างที่ปิดกระเป๋าเดินทางลง ฉันจึงได้พบกับบางอย่าง...
เด็กสาววัยสิบเจ็ดคนหนึ่งปรากฏชัดเจนอยู่ในกระจก เผ้าผมสีดำขลับผูกโบอย่างเรียบร้อย ดวงตาบวมเป่งเนื่องจากการร้องไห้อย่างหนัก สีหน้าไร้เลือดมันซีดเสียจนน่าตกใจ แล้วคำถามก็เกิดขึ้นในใจฉัน ...นี่คือเราเหรอ...
เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องถอนหายใจออกมา
"เฮ้อ...เฮ้อ..."
ฉันพยายามพาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของตัวเองมุ่งไปยังเตียงนอนสีขาว...ผ้าห่มขนแกะทำให้ฉันรู้สึกปลอดโปร่งมาก...กลิ่นของห้องยังคงเหมือนเดิมทุกๆอย่าง มีเพียงฉันเท่านั่นที่แปรปรวนไป
หลับตาลง แล้วเผลอหลับไป มันก็คงจะดีกว่ารับรู้สินะ
แสงแดดของรุ่งเช้าวันอาทิตย์ ทำให้ฉันต้องหยี่ตาให้หดลง แสงนี้ทำให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นอีกครั้ง ฉันขยี้ตาเพื่อให้สายตาปรับเข้ากับความสว่าง ไออุ่นจากแดดยามเช้าทำให้ฉันสดชื่นได้อย่างน่าประทับใจ...
ฉันแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะลงไปด้านล่าง ตอนนี้ไม่มีใครตื่นเลยสักคน นี่ฉันตื่นเช้าไปอย่างนั้นเหรอ ปกติทุกคนจะต้องมาทำงานแล้วสิ...สงสัยคงจะเบื่อละมั้ง
วันนี้ฉันมีภารกิจที่จะต้องออกไปข้างนอก ฉันคิดไว้ว่าจะไปหาเพื่อนสาวแสนสนิทของฉันสักหน่อย เมื่อไม่ได้พบกันหลายวัน ทำให้ฉันต้องการความเข้าใจจากเพื่อนที่รักมากเป็นสามเท่า
ฉึบๆ... ใส่รองเท้าอย่างขะมักเขม้น
"จะไปไหนล่ะ หึ!"
เสียงนี้...เสียงแหลมสูง เสียงที่หยาบกระด้างและน่าเกลียด
ฉันเงยหน้าขึ้น แล้วก็แทบจะต้องทรุดร่างกายลง ความกลัวกลับมาอีกครั้ง
"...จะออกไปหาเพื่อนคะ..."
ฉันบอกคุณย่าพิมพ์ภาดาที่ใส่ชุดสีแดง เหมือนกับสีลิปสติกบนปากเธอ
"ไม่ได้! วันนี้และวันไหน แกก็ห้ามออกจากบ้าน!! ฉันไม่ยอม!!"
" หา!? "
ฉันร้องเสียงหลง แค่นี้ฉันก็หดหู่เพียงพอแล้วนะ ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ล่ะ
"ก็ฉันไล่พวกคนใช้ออกหมดแล้ว... คนที่จะต้องทำความสะอาดแทนก็คือแกนะนังโง่! ฉันไม่ยอมให้แกออกจากบ้านหลังหรอก จนกว่ามันจะสะอาดเอี่ยม... อา ไม่ต้องถามหรอกนะ ว่าทำไมต้องทำ ก็เพราะว่าฉันจะขายบ้านหลังนี้ให้กับพวกคนรวยคนใหม่ๆ บ้านเฮงซวยนี่! จะได้ปิดทำการสักที!"
ฉันหลับตาลงแวบหนึ่ง... อดทน ฉันอดทนแล้วนะ ฉันกำลังอดทนที่สุดในชีวิต...
"...ค่ะ..."
ฉันรับคำมา...งานบ้านอย่างนั้นเหรอ...หวังว่าแปปเดียวก็คงเสร็จนะ...
"ออ...มีเรื่องจะบอก...ฉันเปลี่ยนใจแล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะให้คนมารับแกไปที่คฤหาสน์ติดทะเลของฉันเลยแล้วกันนะ จะได้ไปแนะนำตัวกับหลานสาวสุดที่รักของฉันเสียหน่อย..."
ราวกับถูกมีดกรีดในหัวใจ...คำพูดทุกคำพูดของหญิงชราคนนี้ ทำให้ฉันที่รู้สึกเกือบดี แย่ลง แย่ลง และแย่ลงเรื่อยๆ ลดลงฮวบเลยแหละ เฮอะ!
"ค่ะ...หนูจะรอค่ะ"
"เก็บบ้านให้เรียบร้อยละ เดี๋ยวฉันจะกลับมาดูตอนเย็น"
พูดเสร็จ โบกมือ แล้วเดินจากไป...
ทั้งๆที่บอกกับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว แต่พอหันหลังกลับเข้าบ้านน้ำตาก็รื้นออกมาจนได้เรื่องที่ฉันต้อง
เสียใจสุดๆในวันนี้ก็คือ ป้าดาว อีกทั้งคนใช้ในบ้านที่ใจดีอ่อนน้อม ต้องตกงานไป ทั้งๆที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีความผิดอะไรอย่างใด...ถ้าหากเพียงแต่ทำได้...ฉันอยากจะเกลียดผู้หญิงคนนี้ เฮ้อ...เกลียดได้เพียงในใจเท่านั้น
งานบ้านทั้งหมดคือ การทำปัดกวาดเช็ดถูที่ต่างๆ ฉันทำจากห้องรับแขกเป็นอันดับแรก แล้วตามมาด้วยห้องนั่งเล่น จากนั้นก็ห้องครัว ห้องนอนของตัวเอง และห้องนอนของ...ห้องนอนของเขา ห้องนอนของพ่อ...
เกือบจะห้าโมงครึ่งแล้ว ตอนที่ฉันผลักประตูห้องนอนพ่อเข้าไป...
แอ๊ด... ประตูถูกเปิดออกช้าๆ ฉันก้าวเท้าเบาๆ คล้ายกับจะมีใครอยู่ในห้องนี้อย่างนั้นล่ะ
ฉันมองสภาพห้องนอนของพ่อ มันสงบเงียบ ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม รูปภาพที่ตั้งโต๊ะยังคงวางไว้อยู่ที่เดิม ที่ๆมันเคยอยู่ ภาพฉันพ่อและแม่กอดกันช่างสวยงามนัก
ฉันยิ้มให้กับพ่อและแม่ในรูป จากนั้นจึงประทับจูบลงไป...
แค่ก แค่ก!
ฉันสำลักฝุ่นที่ติดอยู่หน้าปัดรูปภาพ... เกือบตายแล้วไหมฉัน...
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ขณะที่ฉันยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ซึ่งเข็มยาวชี้เลขสิบสอง ส่วนเข็มสั้นชี้เลขหกบ่งบอกถึงเวลาหกโมงเย็นแล้ว เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงรถจอดหน้าบ้าน...
เอาล่ะ...เสร็จสักทีนะ!!
ฉันรีบเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเองทันที ในเวลาที่ผู้หญิงคนนี้มาที่บ้านหลังนี้ ฉันจะไม่อยากรับรู้คำพูดทุกคำพูดของเธอเลย เพราะมันช่างเหมือนค้อนที่ใช้สำหรับทุบหัวสมองของฉัน อีกทั้งบางคำยังเหมือนกับมีดเล็กที่สามารถจิ้มเข้าไปในหัวใจจนเจ็บปวด...
ก่อนออกมาฉันรีบฉวยรูปครอบครัวบนโต๊ะของพ่อมา
"เชิญเลยค่ะ...ท่านประธาน...เชิญเลย"
เสียงจากเบื้องล่างดังขึ้นมา...ฉันคาดเดาว่าแม่มดอาจจะพาคนมาดูบ้านหลังนี้
"ครับ ครับ"
ถ้ารู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนกับพ่อฉันล่ะก็ ฉันคงจะเสียใจมากๆแน่...
ขอโทษจริงๆ ที่ฉันต้องเอาหูแนบกับประตูห้อง เพื่อให้ได้ยินเสียงของพวกวายร้ายที่อยู่ด้านล่าง ดูเหมือนจะเป็นการผิดมารยาทนะ แต่ฉันจำเป็นจะต้องรู้ในสิ่งที่พ่อทิ้งให้ไว้เหมือนกันล่ะ ฉันสับสนว่าทำไมพ่อถึงยกบ้านและทรัพย์สินให้แม่มดนะ ทั้งๆที่เธอก็เป็นคนไม่ดีเลยสักนิดเดียว!
"บ้านหลังใหญ่ และพร้อมเฟอร์นิเจอร์นะค่ะ"
"...อ่อ...ครับๆ..."
ฉันเลิกเอาหูแนบประตูในเวลาต่อมา... ยิ่งฟังความสับสนในใจฉันก็ยิ่งล้นทะลัก ฉันเอาเวลาว่างก่อนที่
แม่มดจะขึ้นมาบนห้องนอนของฉันเสียดีกว่า ฉันเอารูปที่แอบขโมยมาจากห้องนอนของพ่อใส่กระเป๋าเดินทาง
ของในกระเป๋าสีส้มเต็มจนแทบจะปิดไม่มิด เมื่อฉันลองใส่ของจำเป็นอีกไปสองสามอย่าง
กริ๊ง กริ๊ง...
โทรศัพท์ดัง และเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันรับ โทรศัพท์ก็เงียบลง...
"ขอสาย...คริสตัลหน่อยคะ"
มานา มานา! เพื่อนสนิทของฉัน... อา ฉันลืมโทรศัพท์หาเธอได้ยังไงนะ
ฉันจะพูดกรอกเสียงลงไปในหูโทรศัพท์นั่น แต่ถูกใครบางคนขัดเอาไว้
"ที่นี่...ไม่มีคนชื่อคริสตัลนะ"
อะไรนะ! ฉันจำเสียงสูงๆนี้ได้ดี แม่มด แม่มดโกหก...
"เหรอค่ะ...สงสัยโทรผิด ขอโทษด้วยนะคะ"
"...."
"อื้ม..."
"อือ แค่นี้นะฉันไม่ว่าง!"
แกร๊ก...โทรศัพท์ถูกวางลง...
ฉันเองก็วางหูโทรศัพท์เพื่อจะต่อสายใหม่ไปหาเพื่อน แต่ว่า...เสียงสัญญาณโทรศัพท์หายไป เหมือนกับสายโทรศัพท์ถูกกระตุกให้ขาด...เธอกำลังจะตัดขาดฉันออกจากโลกภายนอกอย่างนั้นหรือ...
ใช้หลังพิงกับเตียงนอน...เฮ้อ ทำไมฉันถึงได้โชคร้ายและคล้ายกับละครน้ำเน่าอย่างนี้นะ
ฉันหลับ ความง่วงทำให้ฉันลืมบางอย่างไปได้ ฉันจึงไม่เคยที่จะปฏิเสธการนอนเลยสักครั้งเดียว เพราะหากยามใดที่ไม่ได้รับรู้ถึงอะไรแล้ว...ฉันจะมีความสุข...ความสุขเพียงเล็กๆน้อยๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้!
ฉันนอนไม่หลับทั้งคืน... ถึงแม้จะอยากนอนสักแค่ไหนก็ตาม ฉันถูกปลุกด้วยฝันร้ายแห่งความทรงจำที่เลวร้าย ที่กว่าครั้งไหนๆก็คือ ฉันเห็นภาพของพ่อสิ้นลมหายใจในโรงพยาบาล...
นี่เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว
นาฬิกาที่ติดอยู่บนเพดานบ่งบอกถึงเวลา ฉันไม่อยากลุกออกไปจากเตียงนอนนี้เลย หากฉันต้องออกไปจากห้องนอนนี้...แล้วพบเจอกับแม่มด ฉันคงไม่อยากย่างเท้าจากห้องนี้หรอก
"ตื่นรึยัง...นังขอทาน"
เสียงเจือแว่วเข้ามาในห้องนอนฉัน...ไม่ต้องเดาก็สามารถจำได้ว่าคือเสียงของใคร
นังขอทาน ทำให้ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวๆ และทำมือเป็นกำปั้น...
"จะออกไปหลังจากแต่งตัวเสร็จละคะ"
ฉันบอกเมื่อยืนอยู่หน้าประตู...
"ออกมาแล้ว ก็รีบๆหน่อยละ รถรออยู่ ฉันไม่อยากพลาดแนะนำให้รู้จักกับหลานสาวของฉันนักหรอก"
"...คะ..."
ในใจตอนนี้ ฉันคิดว่าหลานสาวของแม่มดจะต้องเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักและมีความสวยมีอายุราวๆสิบขวบถึงสิบสองชวบก็เป็นได้นะ... บางที อาจจะนิสัยดีกว่าย่าพิมพ์ภาดาคนนี้...อาจเป็นได้นะ
ฉันระงับโทสะที่ถูกกักอยู่ในร่างกาย หลังจากที่ทำสิ่งต่างๆเสร็จแล้ว ฉันก้าวเท้าที่หวาดกลัวเหมือนจะต้องพบสิ่งแปลกใหม่ลงบันไดไป...เส้นทางของบันไดวันนี้ช่างดูสั้นนัก อีกทั้งเวลาเดินเร็วจนน่าตกใจ
อากาศยามเช้าช่างบริสุทธิ์ แตกต่างกับบรรยากาศวังเวงที่เกิดขึ้นนัก แม่มดหยิกแขนฉันแล้วพามาที่รถด้วยเหตุผลที่ฉันแต่งตัวช้า...ส่วนคนขับรถผู้ชายก็มองแล้วหัวเราะในลำคอ สิ่งที่ฉันเจ็บ มันน่าตลกอย่างนั้นเหรอ...คนที่คฤหาสน์ติดทะเล จะโรคจิตแบบนี้ทุกคนไหมนะ...
"ไปทางลัดนะครับคุณนาย..."
"ทางลัดเลย...วาน"
คนขับรถที่ชื่อวานนั่น หันมายิ้มให้แม่มด ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์
ฉันกำลังเหือดแห้งไปอย่างช้าๆ...
บรืน... บรืน...
รถเคลื่อนตัวออกจากประตูรั้วบ้าน...ฉันมองบ้านด้วยความอาลัย จากนี้ไปไม่รู้อีกกี่ปีฉันจะได้กลับมาที่นี้ อีกครั้ง มันคงจะนานน่าดู...แล้วป่านนั้น บ้านฉันจะเป็นของคนอื่นแล้วไหมนะ ห้องนอนที่แสนสวย สวนสีเขียว
ฉันมองบ้าน มองจนมันลับตาไป...
น้ำตาไหล...และไหล ไหลเงียบๆ เป็นความโชคดีของฉันอย่างหนึ่งที่ได้นั่งด้านหลัง แม่มดนั่งหน้ากับคนขับรถ ฉันจึงไม่ต้องทนคำพูดเสียดแทง...
วันนี้ดูเหมือนเส้นทางในการเดินทางจะรวดเร็ว รถแล่นไปเรื่อยๆ และจุดหมายใกล้เข้ามาทุกที
สามชั่วโมงเต็มๆที่ฉันนอนหลับไปบนรถคันนั่น...
ฉันรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อแสงแดดจ้าส่องเข้านัยน์ตา ฉันเด็กสาวซึ่งนอนหลับใหลไป ตื่นมาพบกับกลิ่นคาวของน้ำทะเลที่โชยเข้ามาในรถ...
ใกล้ถึงแล้วสินะนี่ อา...อย่าถึงจะได้ไหม ไม่อยากให้ถึงเลย
ต้นไม้หลากหลายชนิดปกคลุมรถคันนี้ ก่อให้เกิดแสงสลับไปมา ไม่นานนักเมื่อรถแล่นเลี้ยวไปอีกมุมหนึ่ง ทะเลจึงเผยโฉมออกมาให้เห็น...รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆเช่นเดิม และฉันก็คิดถึงบ้านเก่าด้วยหัวใจที่อ่อนล้า
รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้า จากทะเลที่มีผู้คนเล่นอยู่ กลับกลายเป็นทะเลที่ว่างเปล่า...ช่วงหนึ่งตอนเลี้ยวครั้งสุดท้ายฉันจึงได้เห็นจุดสีขาวเล็กๆที่อยู่ตรงมุมทะเล...ฉันชอบผืนทรายสีขาว แต่ฉันก็ชอบบ้านเก่ามากกว่า
ในที่สุดรถก็เริ่มแล่นช้าลง แล้วค่อยๆเบาลง อืม ที่นี้เองเหรอ จุดสีขาวที่อยู่ริมทะเลนี้เองเหรอ ฉันเปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถ ฉันรู้ดี...คนขับรถไม่เปิดประตูรถให้ฉันหรอก
"เอาของ ของแกออกมาจากรถเสียนะ แล้วค่อยเดินตามฉันมา!"
หญิงชราสั่งฉันเสียยกใหญ่...ฉันจะหันหน้าดีกว่าหันหลังให้ความเจ็บละนะ
"ค่ะ"
ฉันรับคำ แล้วรอให้คนขับรถเปิดประตูหลังรถออก จากนั้นฉันก็หยิบกระเป๋าเดินทางสีส้มนั่นออกมา กระเป๋าของฉันค่อนข้างหนัก เนื่องจากเสื้อผ้าครึ่งตู้อยู่ในกระเป๋าใบนี้...
แม่มดเดินไปทางประตูรั้วใหญ่...
ฉันหอบเอากระเป๋าขึ้นหลัง บนเท้าที่ฉันเหยียบย้ำอยู่เป็นผืนทรายสีขาวละเอียด ถ้าหากพ่อยังอยู่ ฉันคงจะชวนพ่อเล่นก่อทรายสร้างปราสาทแล้วแหละ...เฮ้อ...
จุดที่ฉันยืนอยู่คือประตูหน้า ฉันยอมรับจริงๆว่าที่นี่สมกับคำว่าคฤหาสน์มากกว่าคำว่าบ้าน ปลายยอดสีขาวของหลังคาสูงเสียดฟ้า... หน้าต่างมีหลายบานมากเสียจนไม่รู้ว่ามีทำไม ประตูรั้วเหมือนสร้างด้วยเพชร แต่สิ่งที่ฉันกังวลที่สุดก็คือ คนในบ้าน คนในบ้านหลังนี้...บ้านที่เก็บความลับระหว่างพ่อและคุณย่าแม่มดคนนี้ไว้
ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้า...ในใจครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ...
นับจากนี้ไป...
ฉันจะต้องอยู่ที่นี่...คฤหาสน์ติดทะเล...
ท้องฟ้าสีคราม...โปรดนำทางโชคชะตาของฉันให้ไปในทิศทางที่ดีด้วยเถอะ!
ความคิดเห็น