ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Destiny เส้นทางรัก...สองหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 49


    บทนำ

     

                ครืนๆ

                    เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว...ต้นไม้ใบหญ้าที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสายฝนนั้นโยกเยกไปมาราวกับภาพในหนังสยองขวัญสักเรื่อง ฉันกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาเหม่อมองถนนที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝน

                    ฉันมองสิ่งเหล่านั้นผ่านกระจกรถด้านหลัง...ความเงียบสงัดเกิดขึ้นมาพักใหญ่ๆ ทั้งๆที่มีมนุษย์สามคนอยู่ในรถคันนี้แท้ๆ ทว่ากลับไม่มีใครอยากจะเปิดปากพูด แม้แต่ตัวฉันเองที่ต้องแสร้งเป็นว่าหลับใหล

                    ครืนๆ

                    ฟ้าแลบก่อให้เกิดแสงสีขาวทอดยาวบนถนน...ฉันกลัวฟ้าเหลือเกิน...

                    จังหวะที่รถกำลังจะเลี้ยวนั้น จู่ๆก็มีแสงสว่างจ้าส่องประกายมาทางรถฉัน ตามด้วยเสียงการบีบแตรที่รัวเร็วซึ่งดังเสียจนฉันไม่ได้ยินฟ้าร้อง ตอนนั้นฉันคิดว่ามันคือสายฟ้า แต่ทว่ามันไม่ใช่...

                    โครม!

                    แล้วรถก็หมุนวนไปในอากาศ...ฉันปิดตาลงด้วยความตกใจ

                    ความมืดเข้าปกคลุมทั่วทั้งรถ

                    จากนั้นฉันก็ไม่มีสติการรับรู้เหลืออยู่อีกเลย

     

                    ฝันร้าย!! ฝันร้าย!!

                    ...แฮ่ก แฮ่ก...

                    ฉันลืมตาที่หลับใหลด้วยความเหน็ดเหนื่อยมาเนิ่นนาน  ลมหายใจของฉันถี่เสียจนเหมือนกำลังหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่าง...ดวงตารู้สึกเจ็บนิดๆเนื่องจากต้องปรับสภาพกับไฟนีออนที่สว่าง

                    กลิ่นยาลอยล่ะลองในลมหายใจที่เข้าออกของฉัน  ตอนนี้ฉันอยู่ในชุดซึ่งแปลกประหลาดมันเป็นชุดสีเขียวและค่อนข้างดูสะอาดสะอ้าน...บนหลังมือมีสายสีขาวสายหนึ่ง...ในหัวปวดราวกับถูกทุบด้วยก้อนหิน อีกทั้งร่างกายที่เหมือนสำลีชุบน้ำ อา...เจ็บในหัว เจ็บไปถึงด้านในสมอง

                    ที่นี่คือ... โรงพยาบาล

                    ในขณะที่ฉันกำลังจะสำรวจสิ่งต่างๆอยู่นั้น ประตูหน้าห้องก็ถูกเปิดออก...

                    แอ๊ด...เสียงฝีเท้าเบาและเหมือนกับเกรงกลัวว่าคนภายในห้องนี้จะตื่น หากฟังไปเรื่อยๆจะพบว่าเสียงฝีเท้านี้เป็นเสียงที่เกิดขึ้นจากร้องเท้าส้นสูงสำหรับผู้หญิง

                    ไม่นานนัก ผู้หญิงที่ฉันคาดเดาก็ปรากฏตัวให้เห็น เธอไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เธอคือป้าดาว

                    ป้าดาวเป็นแม่นมที่เลี้ยงฉันตั้งแต่สมัยเด็กๆ ฉันคุ้นเคยกับใบหน้านี้ดี

                    คุณหนู...คุณหนูฟื้นแล้วเหรอคะ!”

                    ดูป้าดาวมีความสุขมากๆ ที่ฉันสามารถฟื้นมาได้

                    ...ค่ะ...

                    มีคำถามมากมายที่ฉันอยากจะถามในตอนนั้น แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้ฉันต้องถามเป็นอย่างแรกคือคุณพ่อและลุงคิมคนขับรถเป็นยังไงบ้างตั้งหากล่ะ

                    คุณป้า...พ่อล่ะคะ... ฉันถามเสียงนิ่ม

                    ป้าดาวมีสีหน้าสลดเล็กน้อย ดวงตามีน้ำเอ่อล้นออกมา

                    ....

                    ลุงคิมล่ะคะ

                    ....

                    ฉันอดทนเฝ้ารอคำตอบ...ยิ่งรอเท่าไร ความเงียบยิ่งมีมากขึ้น

                    เกิดอะไรขึ้น!!!”

                    ฉันตวาดออกไป ทั้งๆที่ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยแม้แต่จะตะโกนเสียงดังอย่างนี้กับป้าดาวเลยสักครั้ง ป้าดาวเงียบและมีเพียงแต่น้ำตาเป็นคำตอบ  เธอกัดริมฝีปากที่แห้งสนิทนั่นเสียแน่น ก่อนจะยอมเปิดปากพูด...

                    คือว่า... ตอนรถถูกชนนั่น คุณพ่อของคุณหนูไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย ลุงคิมเองก็ไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย ฮึก...ฮือ..มีเพียงแต่คุณหนูที่รัดเข็มขัด แล้วช่วงที่รถกระแทกนั้น ลุงคิมก็โดนรถชนจากด้านหน้าไปเสียเต็มๆ... จากนั้นคุณท่านก็ ท่านก็...

                    ป้าดาวปล่อยโฮออกมาพักหนึ่ง แล้วพูดต่อ...

                    ท่านอยู่ในห้องไอซียู...ตอนนี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ท่านหลับมาสามวันแล้ว…”

                    ฉันปิดตาลง...คล้ายกับคำพูดนั่นทำร้ายจิตใจมากมาย น้ำตาที่พยายามอดกลั้นไว้ หลั่งไหลออกมาด้วยความเสียใจ...ฉันเพิ่งทะเลาะกับพ่อมาเอง...ฉันเสียใจ...

                    ห้องไอซียูไปทางไหนคะ!”

                   

                    หลังจากถอดเข็มน้ำเกลือ...ฉันก็วิ่งไปที่ห้องไอซียูจนแทบจะทันที ด้านหน้าห้องไอซียูนั่นไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงแต่ความเงียบงันที่เหงาจับใจ

                    นี้ไม่ใช่เวลาจะคิดเรื่องอื่นหรอก...ฉันผลักประตูห้องไอซียูเข้าไป...

                    ติ๊ด...  ติ๊ด...

                    เสียงเครื่องอีซีจีดังเป็นระยะๆ  บนจอมอนิเตอร์นั้นมีเส้นกราฟสีเขียวขึ้นลงตลอด ฉันมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่เปียกปอนไปด้วยน้ำตา

                    บนเตียงที่ปูไปด้วยผ้าสีขาวนั่น มีชายผู้ซึ่งเป็นคนให้กำเนิดฉันบนโลกใบนี้มา ฉันมองหน้าที่ดูเหมือนกับไม่มีเลือดของพ่อ...พลางใช้หลังมือเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด...

                    ติ๊ด... ติ๊ด...

                    ฉันเดินไปจับข้อมือของพ่อ สายอะไรบางอย่างถูกเชื่อมกับร่างกายของพ่อมากมาย ฉันเอาใบหน้าไปซบกับหน้าอกที่แสนอบอุ่น...หน้าอกของคนที่ห่วงใยฉันเสมอ

                    พ่อคะ...หนูขอโทษ...ฮือๆ...หนูขอโทษที่ทำให้พ่อต้องเป็นแบบนี้...หนูขอโทษที่ไม่ยอมเชื่อฟังในสิ่งที่พ่อได้เตือน...หนูอยากให้พ่อตื่นมาให้อภัยหนูนะคะ

                    ติ๊ด...  ติ๊ด...

                    พ่อคะ...แม่จากเราด้วยโรคมะเร็งไปแล้ว...พ่อจะต้องอยู่กับหนูนะคะ...เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกัน... ถ้าหากพ่อจากหนูไปก่อนหนูจะอย่างไร...

                    ติ๊ด...  ติ๊ด...

                    ฝ่ามือของพ่อช่างเย็นเชียบ...แล้วฉันก็ได้รับรู้ถึงปฎิกริยาการตอบรับ มือของพ่อบีบมือที่ฉันกุมเอาไว้แน่น เหมือนกับพ่อเองก็ได้ยินที่ฉันพูดออกไป

                    พ่อคะ... 

                    มือนั้นถูกปล่อยจากการพันธนาการ...

                    น้ำตาฉันไหลด้วยความสูญเสีย...

                    ตี๊ดดดดด...

                    ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยค...หมอก็พากันวิ่งเข้ามาในห้องนี้ ฉันถูกพาตัวออกไปด้านนอกโดยแรงจากพยาบาลผู้ชาย  น้ำตาฉันไหลริน...พ่อคะ...พ่อจะจากหนูไปจริงเหรอ

                    ฉันถูกทิ้งให้นั่งอยู่หน้าประตูห้องไอซียูกับป้าดาว...

                    นี้เป็นความจริงเหรอ...

                    ขอให้เป็นเพียงแค่ความฝันจะได้ไหม...

                    ทำไม... ถึงรอมาได้สามวันล่ะ ทั้งๆที่ต้องไปแล้ว...

                    วอนต่อพระเจ้า...โปรดคุ้มครองพ่อด้วย...

                    ตึกตักๆๆ....

                    ฉันเฝ้ารอด้วยหัวใจที่ร้อนรนเหมือนโดนน้ำร้อนลวก

                    ปังประตูห้องไอซียูเปิดออกมาในสิบนาทีต่อมา

                    หมอที่ฉันคาดว่าเป็นคนดูแลการรักษาของพ่อทั้งหมดเดินก้าวออกมา

                    หมอเสียใจด้วยนะครับ... เราพยายามเต็มที่แล้ว...

                    หากให้พูดตามจริงก็คือ ฉันเหมือนได้ยินเสียงของหมอห่างไกลออกไปเรื่อยๆ คำว่า เสียใจสะท้อนก้องอยู่ภายในหัวที่มึนตึบของฉัน... บ่อน้ำตาของฉันกำลังสั่งการให้ปล่อยออกมาเต็มที่...

                    ฉันเหงาเหลือเกิน...

                    ท่านพญายม...ท่านช่างโหดร้ายกับผู้หญิงอย่างฉัน

                    พรากเราไป... ก่อนที่เราจะเข้าใจกัน...

                    มันช่าง...เจ็บปวด เจ็บปวดไปถึงกระดูกข้างใน...

                    เจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว

                    ลาก่อน...  ลาลับคุณพ่อที่ฉันรักเสมอ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×