คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ละอองไอที่ 7 รสจูบกลิ่นน้ำตา
คำเตือน : มีฉากสะเทือนอารมณ์ (ทำร้ายร่างกาย) โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
*****
ไอหมอกเหนือสมุทร
ละอองไอที่ 7 รสจูบกลิ่นน้ำตา
กลิ่นน้ำมัน กลิ่นดินปืนคละคลุ้ง ความร้อนจากทะเลเพลิงน่าหวาดหวั่น หลายชีวิตหนีตายกันอลหม่านเมื่อสถานที่เปรียบเสมือนคุกมานานนับปีกำลังพังทลายลง ไม่ใช่เพราะถูกลอบวางเพลิง แต่มาจากการโจมตีของคู่แข่งที่แฝงตัวเข้ามา ประจวบเหมาะกับการบุกทะลวงของหน่วยรบพิเศษ ทำให้สภาพย่านเริงรมย์ที่ถูกเนรมิตขึ้นมากลายเป็นทะเลเพลิงในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
เสียงปืนยังคงดังสนั่น เฟเรเดล อาดอร์ฟหลบหนีการปะทะกับคนของทั้งสองฝ่ายออกทางด้านหลัง เขาไม่กลัวที่จะรับมือกับหน่วยรบ แต่การโดนฉกฉวยโอกาสของคู่แข่งต่างหากที่ทำให้เขาเป็นได้แค่ฝ่ายตั้งรับ
ขณะที่กำลังวิ่งฝ่าดงกระสุนออกไป ตรงทางออกเขาเจอเข้ากับคู่อริที่เป็นคู่แข่งทางการค้ามานับสิบปี ทางเฟเรเดลกำลังเสียเปรียบและทางนั้นกำลังลั่นไก พ่อค้าตลาดมืดคิดว่าลมหายใจของตัวเองคงต้องจบลงตรงนี้แล้วอย่างแน่นอน แต่ผิดคาดเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งพุ่งออกมารับกระสุนแทนเขา ทำให้เขาได้โอกาสเพื่อต่อลมหายใจตัวเองได้อีกครั้ง
สุดท้ายพ่อค้าตลาดมืดก็รอดมาได้แม้จะทุลักทุเลไปบ้าง ทั้งยังหิ้วหญิงสาวที่ใช้ร่างกายอันบอบบางปกป้องตัวเองเอาไว้กลับมาด้วย และเฟเรเดลมารู้ในภายหลังว่าเธอคือเด็กสาวที่เขาซื้อมาจากตลาดมืดอีกทีเมื่อหลายปีก่อนแล้วเอาไปปล่อยทิ้งไว้ในเมืองใหญ่ห่างไกลจากกลุ่มค้ามนุษย์ที่เขาเกลียดนักหนา ในตอนนั้นเขาคิดแค่ว่า ไม่ว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่ แต่เด็กสาวยังเด็กเกินไปที่จะเข้าสู่วงจรอันโสมมนี้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วเด็กสาวคนนี้จะหนีชะตากรรมชีวิตนี้ไม่พ้นก็ตาม
จากเด็กสาว เติบโตเป็นหญิงสาว เฟเรเดลได้ให้ชีวิตใหม่กับเธอ เลี้ยงดูเธออย่างดี ทั้งให้การศึกษาเท่าที่เธอต้องการ จนสุดท้ายเธอหลงรักผู้มีพระคุณคนนี้ จนยอมมอบกายถวายหัวใจให้อย่างไร้ข้อแม้
แต่หลังจากนั้นไม่นานวันที่เลวร้ายก็มาถึง เฟเรเดลจากไปตลอดกาล ส่วนตัวเธอเองก็จมอยู่กับความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจไปตลอดชีวิต
เฟเรเดลรู้ว่าลูกชายตัวเองวางยาพิษตนเพื่อแก้แค้นแทนแม่ที่จากไป แต่นั่นไม่เท่ากับว่าชายหนุ่มโทษว่าพ่อตัวเองเมินเฉยจนทำให้แม่ต้องตาย ทั้งยังยกผู้หญิงจากซ่องขึ้นมาเป็นภรรยาเทียบเท่าแม่ตัวเอง
และคืนนั้นเธอได้รู้ว่านรกบนดินเป็นอย่างไร ราฟาเอลใช้ยาบางอย่างกับเธอ และข่มขืนเธอต่อหน้าพ่อตัวเองที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่กำลังมองมาด้วยสายตาเศร้าสลด เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและสุขสมปะปนไปกับเสียงหัวเราะและสบถด่าอย่างบ้าคลั่งของราฟาเอล
เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนสุดท้ายชายที่เธอรักก็จากเธอไปตลอดกาล เธอเองตกเป็นทาสกามของลูกเลี้ยงนานนับปี จนกระทั่งวันครบรอบวันตายของเฟเรเดลในปีที่สี่ เธอก็ได้อิสระอีกครั้ง ราฟาเอลยอมปล่อยเธอไป
แต่ในตอนนี้นรกบนดินที่เธอชิงชังหวาดกลัววนกลับมาเธออีกครั้งหนึ่ง และเธอเองเหนื่อยเกินกว่าจะดิ้นรนหลีกหนีอีกแล้ว
"ฉันใจดีมีทางเลือกให้เธอสองทาง ระหว่างเธอเอามันมาให้ฉันหรือให้ฉันไปเอามันมาเอง กับ...เผามันให้ตายไปพร้อมกับชิปนั่นไปเลย แค่นี้ข้อมูลก็ไม่รั่วไหลแล้ว"
ปรางทรายนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงกว้างภายในห้องของเธอเอง เธอกลับมาที่แห่งนี้เมื่อสามวันก่อน และตอนนี้เวลาของเธอใกล้จะหมดลงแล้ว
รูปสองใบวางอยู่บนตัก ใบหนึ่งเป็นภาพเธอในชุดราตรีสีแดงสดอวดรอยยิ้มกว้างอยู่ข้างชายหนุ่มสองคน คนแรกคือสามีที่เธอรักกำลังโอบเอวเธอไว้และมองเธอด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู อีกคนจับจ้องมองเลนส์กล้องด้วยแววตาเรียบเฉย
แด่เธอ ..บาดาร์ที่รัก
และภาพอีกใบ ชายหนุ่มในชุดกาวน์สีขาวสะอาด ในมือถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่ ส่งรอยยิ้มกว้างให้เธอ เขาคือชายหนุ่มที่ทำให้เธอกลับมามีชีวิตเหมือนดั่งตัวละครในฝันอีกครั้ง เป็นหญิงสาวที่ได้รับเกียรติที่เหมาะสมและคู่ควรจากคนรักที่สุด ทำให้เธอเป็นดั่งเจ้าหญิงที่ถูกรักจนหมดหัวใจ
To My love...ปรางทราย
น้ำตาสายหนึ่งหยดลงบนหลังมือ ก่อนที่มันจะพรั่งพรูออกมาราวกับจะเป็นการเสียใจครั้งสุดท้ายของชีวิตนี้
"ฉันขอโทษนะคะเฟเรเดลที่ใช้ชีวิตให้มีความสุขตามที่คุณขอไว้ไม่ได้"
ฝนตกหนักสลับประปรายมาตลอดทั้งสัปดาห์ บรรยากาศเย็นชื้นสำหรับบางคนคงรู้สึกบางเบาสบาย แต่สำหรับบางคนกลับรู้สึกหนักอึ้งกว่าเป็นเท่าตัว
ตรอกแคบตรงหัวมุมถนนเป็นเส้นทางลัดตัดผ่านไปยังร้านคาเฟ่ที่ไอหมอกชอบไปนั่งเป็นประจำ คนสองคนเดินสวนทางกันราวกับเป็นเรื่องปกติที่ทั่วไป
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใส่หมวกปิดครึ่งหน้า ใส่เสื้อฮู้ดตัวโตสีเข้ม สองมือล้วงกระเป๋าเดินผ่านหญิงสาวร่างสูง ผิวสีแทน ใส่เสื้อคอเต่าแขนยาวสีอ่อนคลุมทับด้วยเสื้อไหมพรมสีเข้ม ใบหน้าอ่อนหวานรับกับรอยยิ้มอ่อนโยน แต่น่าแปลกที่ดวงตาคู่นั้นกลับดูโศกเหลือเกิน
เสี้ยวนาทีกระดาษแผ่นบางถูกส่งผ่านมือต่อมือขณะเดินผ่านกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวเดินตรงไปยังคาเฟ่ที่มีคนคุ้นเคยนั่งรอเธออยู่ คนที่ทำให้เธอเป็นดั่งเจ้าหญิงในนิยาย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่เจ้าชายที่เธอรัก เพราะเจ้าชายหนึ่งเดียวของเธอได้ตายจากไปแล้ว
ชายหนุ่มร่างสูงกำสิ่งนั้นไว้ในมือสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง เดินเลี้ยวผ่านหัวมุมถนนไปอีกทาง ก่อนจะหายลับไปกับฝูงชน
ไอหมอกออกมารอปรางทรายเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน วันนี้เขาตั้งใจจะทำสิ่งที่พิเศษที่สุด เขาจะขอปรางทรายแต่งงาน
หลังจากกลับมาจากโรงแรมหรูในวันนั้น ไอหมอกคิดว่าตัวเองต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ความหวั่นไหวที่ไม่ควรเกิดขึ้นในใจนี้ให้มันจางหายไป คุณหมอหนุ่มคิดว่าหากเขามีปรางทรายอยู่ข้าง ๆ กัน ใครก็ทำให้ใจเขาสั่นคลอนไม่ได้ แม้แต่เหนือสมุทรเองก็ตาม
ปรางทรายมองไอหมอกที่นั่งติดริมหน้าต่าง เธอค่อย ๆ ก้าวเข้าหาชายหนุ่มช้า ๆ แต่ละย่างก้าวเบาหวิวราวกับสลัดทิ้งความรู้สึกเอาไว้เบื้องหลัง รอคอยแค่ยกหมุดอีกอันออกจากอกก็เท่านั้น หมุดที่ปักรั้งเธอไว้
"มานานแล้วเหรอคะ"
"อ้าว ปรางมาแล้วเหรอ ขอโทษนะ ผมเหม่อไปหน่อยน่ะ" ไอหมอกสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเผยรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนอย่างปกติออกมา
ปรางทรายส่งยิ้มให้แล้วนั่งลงอีกด้าน เธอทอดสายตามองไอหมอกด้วยความเอ็นดูเหมือนที่ผ่านมา ทว่าสิ่งที่ต่างไปคือความเหนื่อยล้าที่ฉายชัดบนใบหน้าใส เธอรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับไอหมอกทั้งหมดแล้ว แม้ว่าไอหมอกจะไม่ปริปากบอกเธอสักคำเลยก็ตาม
"ทานอะไรไหม เดี๋ยวปรางสั่งให้" และเธอยังคงมองไอหมอกไม่ต่างไปจากเดิม รักและหวังดีราวกับเป็นน้องชายที่น่ารักคนหนึ่งเท่านั้น แม้มันจะเป็นความจริงที่โหดร้ายกับไอหมอก แต่ปรางทรายเองก็สั่งให้ตัวเองรักไอหมอกเหมือนคนรักไม่ได้
"เอาสิ ผมแล้วแต่ปรางเลย" ไอหมอกรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขากะเวลาเอาไว้ว่าหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จจะขอปรางทรายแต่งงาน
ปรางทรายสั่งอาหารสำหรับตัวเองและสิ่งที่ไอหมอกชอบทาน คนทั้งคู่พูดคุยกันปกติ ปรางทรายบอกแค่ว่าตัวเองไปทำธุระมาและเป็นการยากที่จะติดต่อใครสักคนจากที่แห่งนั้น ไอหมอกสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ปรางทรายปกปิดเอาไว้ แต่เพราะเชื่อใจอีกฝ่ายมากพอ เขาจึงคิดว่าเมื่อถึงเวลาสมควรแล้วปรางทรายก็จะบอกเขาเอง
"หือ? อะไรกันคะ" ปรางทรายเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ไอหมอกกุมมือเธอไว้แน่น เธอเห็นชายหนุ่มประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไอหมอกหยิบตลับกำมะหยีสีแดงออกมา เอ่ยเรียกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อยอย่างนึกประหม่า "ปราง"
"ว่าไง"
"คือ...เราแต่งงานกันไหม" ไอหมอกเปิดตลับออก เผยให้เห็นแหวนเกลี้ยงสีเงินที่มีเพชรเม็ดเล็กอยู่ตรงกลาง
ปรางทรายมองไอหมอกด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว แม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่ไม่เกินจากที่เคยคิดไว้ตั้งแต่แรก และตามสัญญาเธอควรตอบตกลง แต่ในตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
"...ผมอยากดูแลปรางให้ดีกว่านี้ อยากมีเวลาให้กันมากกว่านี้ ผม...อยากอยู่กับปราง หลังจากนี้ให้ผมได้ดูแลปรางนะ" ไอหมอกพยายามหาเหตุผลมากมายเพื่อบอกให้หญิงสาวเข้าใจ ทั้งที่ความจริงแล้ว คนรักกันไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลมากมายขนาดนั้น
"ไอหมอก" ปรางทรายบีบมือนุ่มเอาไว้ มองมือเรียวสวยที่ผ่านการช่วยชีวิตคนอื่นมาไม่น้อย ก่อนจะสบตากลมที่มองมาด้วยแววตาสั่นไหวไร้ความมั่นคง "ปรางขอโทษนะคะ แต่ปรางคงแต่งงานกับคุณไม่ได้"
"ทำไมล่ะปราง เรารักกันไม่ใช่เหรอ" ไอหมอกรู้สึกลำคอตีบตัน หัวใจที่เต้นด้วยความประหม่าตื่นเต้นกลับนิ่งสงบลงราวกับจะหยุดเต้น น้ำเสียงนุ่มเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
"ปรางรักคุณค่ะ คุณเป็นคนดีมาก มากจนปรางรู้สึกละอายใจตัวเอง ปรางพยายามแล้วที่จะรักคุณแบบที่คุณรักปราง" ปรางทรายยิ้มออกมา เธอยังกุมมือเรียวของไอหมอกเอาไว้สัมผัสได้ถึงความสั่นไหวจากคนตรงหน้า เธอเห็นนัยน์ตากลมโตคู่นั้นเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำใสจนดูน่าสงสาร
"ผมรักปรางนะ ให้โอกาสผมได้ดูแลปรางได้ไหม นะปราง ผมสัญญาว่าผมจะดูแลปรางให้ดีกว่านี้" รอยยิ้มของไอหมอกช่างดูอ่อนแรง
"คุณดูแลปรางมามากพอแล้วละค่ะ หลังจากนี้คุณต้องดูแลตัวเองแล้วนะ ปรางคงอยู่ข้าง ๆ คุณไม่ได้แล้ว อีกอย่างอย่าหาว่าปรางใจร้ายเลยนะคะ ที่ผ่านมาปรางรักคุณแบบน้องชายมาตลอด นี่คงตอบคำถามในใจคุณได้แล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้เราถึงไม่เคยสัมผัสกันแบบคนรักเลยสักครั้ง"
ความจริงอันเจ็บปวดทำให้คุณหมอหนุ่มนิ่งงัน
"คุณเป็นคนดีมากนะไอหมอก ...แต่ทุกวันนี้ปรางต้องพยายามรักคุณแบบมีเงื่อนไข ปรางเหนื่อยค่ะ" รอยยิ้มอ่อนโยนยังคงประดับใบหน้าหญิงสาว "สักวันหนึ่งจะมีคนรักคุณโดยปราศจากเหตุผลและเงื่อนไขใด ๆ แน่นอน คุณเองก็ไม่ต้องเหนื่อยด้วย" เธอตบเบา ๆ ลงบนหลังมือเนียน ทำราวกับพี่สาวใจดีที่ปลอบใจน้องชายที่แสนอ่อนโยน
แค่นี้ก็มากพอแล้วที่จะทำให้ไอหมอกไร้คำเอ่ยรั้ง
"ทำไมปรางเพิ่งมาบอกผมตอนนี้ ...ตลอดเวลาที่ผ่านมาล่ะ ไม่มีความหมายเลยเหรอปราง"
"เพราะวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เจอกันไงคะ วันนี้ที่ปรางนัดคุณออกมา ก็ตั้งใจเพื่อมาบอกลานี่แหละค่ะ แต่ไม่คิดว่าคุณจะ..." เธอมองแหวนวงนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่ไอหมอก แต่เป็นเขาคนนั้น เธอคงดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว แต่ตอนนี้เธอมีแค่เพียงความรู้สึกสงสารและเอ็นดูเท่านั้น
"อีกอย่างตลอดเวลาที่ผ่านมา เรื่องระหว่างเราทำให้ปรางมีความสุขมาก คุณทำให้ปรางผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่มีคนอย่างคุณมารักและให้เกียรติกัน ทุกสิ่งที่คุณทำให้ปรางมันมีค่ากับปรางมากเลยนะไอหมอก เพียงแค่คุณไม่ใช่เขาแค่นั้นเอง" ประโยคสุดท้ายเธอพูดแผ่วเราราวกับพึมพำกับตัวเอง
"ขอปรางแต่งงาน ผมนี่มันบื้อจริง ๆ ฮะ ๆ " ไอหมอกปรายตามองแหวนสองวงนั้นด้วยแววตาเสียใจ แม้จะพยายามกลบเกลื่อนด้วยเสียงหัวเราะแต่มันกลับฟังดูฝืดเคืองเต็มที
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเรา ฝนที่ตกเทกระหน่ำลงมาไม่หยุดยิ่งฉุดความรู้สึกของไอหมอกให้ดิ่งลงเหว ความรักที่คิดว่ากำลังเติบโตและใกล้จะผลิบานกลับแห้งเหี่ยวลงกะทันหัน ไม่มีเวลาให้เขาทำใจเลยสักนิด อดคิดไม่ได้ว่าในชีวิตนี้ไม่มีสิ่งไหนที่เขาจะทำสำเร็จเลยหรือไงนะ
ปรางทรายปล่อยให้ไอหมอกได้ซึมซับความจริงอันเจ็บปวด เพราะหลังจากนี้จะมีเรื่องให้คุณหมอหนุ่มคิดหนักกว่านี้
"เอาละค่ะ เรื่องของเราจบลงแล้วก็จริง แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่ปรางจะบอกคุณ" คราวนี้ปรางทรายเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน รอยยิ้มอ่อนโยนหายไปเหลือแค่น้ำเสียงจริงจัง แววตาสดใสจางหายเหลือแค่ความเจ็บปวดกังวล
ไอหมอกมองสบแล้วรู้สึกใจหายวาบ พลางนึกสงสัยไปว่า ...หรือมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในช่วงที่ปรางทรายหายตัวไป "ปราง เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรปราง" น้ำเสียงร้อนรนไม่ได้ทำให้ปรางทรายสั่นไหว เธอยังคงจดจ้องคุณหมอหนุ่มตรงหน้าราวกับค้นหาอะไรบางอย่าง
"เรื่องของปรางไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกค่ะ ที่สำคัญคือเรื่องของคุณต่างหาก คุณจำทัพฟ้าได้ใช่ไหม"
คราวนี้เป็นไอหมอกที่เผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมาบ้าง เขานึกสงสัยว่าปรางทรายถามเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม "จำได้สิ ก็ผมเป็นหมอคนสุดท้ายของเขาก่อนที่เขาจะตาย ส่วนตอนนี้ผมก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่ข่มขู่กดดันจนทำให้เด็กคนนั้นคลุ้มคลั่งจนตายด้วย ว่าแต่ปรางรู้เรื่องนี้ได้ยังไง"
ดูเหมือนคำถามของไอหมอกจะไม่ได้ทำให้ปรางทรายสนใจ เธอเอ่ยถามอีกเรื่องที่ทำให้ไอหมอกเผยสีหน้าสงสัยออกมาหนักกว่าเดิม
"เด็กคนนั้น ...ให้อะไรคุณไว้หรือเปล่า" เธอมองสบตาไอหมอกนิ่ง จังหวะหนึ่งไอหมอกเห็นว่าเธอหรี่ตามองไปทางขวาเล็กน้อยก่อนจะกลับมาจดจ้องเขาไว้เหมือนเดิม
"เปล่านี่ครับ เขาไม่ได้ให้อะไรไว้" คุณหมอหนุ่มตอบเสียงนิ่ง และเผลอบีบมือปรางทรายไปอีกที
"คุณแน่ใจใช่ไหม ลองคิดให้ดี ๆ สิคะ" คราวนี้ปรางทรายถามซ้ำอย่างคาดคั้น เขาเห็นหญิงสาวหรี่ตาลงมากกว่าเดิม ทั้งยังบีบมือเขาแน่นกว่าเดิมอีกเดิม
ผิดปกติ นี่คือสิ่งที่ไอหมอกคิด
"ผมแน่ใจ เขาไม่ได้ทิ้งหรือฝากอะไรไว้ทั้งนั้น" น้ำเสียงและแววตาจริงจังของปรางทรายทำให้ไอหมอกตอบกลับหนักแน่พอกัน สุดท้ายเป็นปรางทรายเองที่หลบสายตาและยิ้มออกมาในที่สุด
เธอได้คำตอบที่เธอต้องการแล้ว ไอหมอกยังไม่รู้เรื่องชิปนั่น บางทีนี่อาจจะดีกับตัวไอหมอกเองก็ได้ เพราะไอหมอกเป็นคนโกหกไม่เก่ง ถ้าเขาโกหกพวกมันต้องจับได้แน่นอน
"ปรางเชื่อคุณค่ะไอหมอก วันนี้ปรางกลับก่อนนะคะ หวังว่าหลังจากนี้คุณจะมีชีวิตที่ดี"
"เดี๋ยวปราง ผมไปส่งได้ไหม"
ปรางทรายยิ้มให้ เธอคว้ากระเป๋ามาถือไว้ อีกข้างหยิบร่มคันเล็กออกมา ไอหมอกรีบลุกตามมาด้วย คนทั้งคู่หยุดยืนอยู่หน้าร้าน มองถนนที่ยังคงมีผู้คนสัญจรไปมาแม้ว่าฝนกำลังเทกระหน่ำลงมาไม่หยุดก็ตาม
เท้าสองคู่เดินเคียงข้างกันออกมาเรื่อย ๆ ต่างคนต่างเดินอยู่ในร่มของตัวเอง ไร้เสียงสนทนามีแค่เสียงฝนตกกระทบกับร่มคันสีดำเท่านั้น จนเท้าของทั้งคู่หยุดลงตรงทางข้ามถนน สัญญาณตัวเลขกำลังนับถอยหลังเพื่อเปลี่ยนเป็นสัญญาให้คนข้าม
หลังฝนพรำ ฟ้ายังคงสวยอยู่เสมอ ...ใช่ไหมนะ
ปรางทรายกำลังจะก้าวออกเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง ขณะที่ไอหมอกหยุดนิ่งลงแค่ตรงนั้น ไอหมอกไม่ใช่คนพูดไม่รู้เรื่อง หญิงสาวที่แสนดีกับเขามาตลอดมาวันนี้กลับบอกเลิกรากันโดยง่ายดาย แสดงว่าปรางทรายคงคิดมาดีแล้ว บางทีเขาควรปล่อยเธอไปอย่างที่เธอต้องการ เพราะไอหมอกคิดว่าตัวเองรักปรางทรายมาก จึงหวังให้อีกฝ่ายมีความสุขกับสิ่งที่เลือก
...แต่ก็ยังอยากเห็นแก่ตัวอีกสักนิด
"เดี๋ยวปราง หลังจากนี้เราจะได้เจอกันอีกไหม" เสียงตะโกนของไอหมอกแข่งกับเสียงฝนและฟ้าร้อง
ปรางทรายชะงักเล็กน้อย สิ่งที่ไอหมอกถามเธอเองก็ไม่รู้คำตอบของมันเหมือนกัน "ไม่รู้สิคะ"
ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีเธออยู่บนโลกใบนี้อีกรึเปล่าด้วยซ้ำ เธอนึกไปถึงสิ่งที่เตรียมเอาไว้แล้ว เธอเตรียมจะไปหาคนที่เธอรักที่สุดที่อยู่ไกลออกไป นรกบนดินที่วนกลับมาหาทำให้เธอตัดสินใจจะจากไป
"แล้วปรางจะทำไงต่อ ยังไงผมขอแวะไปหาบ้างได้ไหม สัญญาว่าจะไม่ทำให้ลำบากใจ" ยังอยากขอเห็นแก่ตัวเพิ่มอีกสักนิด นั่นคือสิ่งที่ไอหมอกคิด แผ่นหลังบางตรงหน้าลู่ลงเล็กน้อย ไอหมอกได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาก่อนที่หญิงสาวจะออกเดินอีกครั้ง
หญิงสาวก้มหน้ามองพื้น ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ และก้าวออกเดินอีกครั้ง เธอคงให้ความหวังไอหมอกไม่ได้ เพราะชะตาชีวิตเธอถูกขีดเอาไว้หมดแล้ว
ลืมฉันไปเถอะค่ะ คุณยังมีพรุ่งนี้ แต่เวลาของฉันหมดลงแล้ว
ชั่วแวบหนึ่งไอหมอกสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ อยู่ดี ๆ ราวกับผู้คนถูกกันให้ออกห่างจากบริเวณนี้ รถที่เคยวิ่งผ่านก็หายไป จิตสำนึกสั่งให้เขารีบข้ามถนนไปหาปรางทราย แต่แล้วกลับมีกลุ่มคนชุดดำนับสิบคน ทั้งยังถือร่มสีดำสนิทเดินชนเขาจนเซซ้ายทีขวาที บางสิ่งบางอย่างทำให้เขารีบหันไปมองปรางทรายอย่างรวดเร็ว ทันเห็นหญิงสาวหันมายิ้มให้ตัวเองเหมือนที่ผ่านมา ก่อนที่ร่มสีดำเหล่านั้นจะบังสายตาเขาจนมิด
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้ไอหมอกถึงกับนิ่งค้าง
ปรางทรายนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น และร่มถูกทิ้งลงข้าง ๆ กัน
"ปราง!!"
ไอหมอกร้องเรียกหาปรางทรายดังลั่น ผู้คนบริเวณนั้นยังอยู่ในอาการมึนงง จนกระทั่งเห็นสีแดงฉานไหลนองต่างน้ำจึงส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ บ้างโทรหาตำรวจ บ้างเรียกรถพยาบาล มีแค่เพียงไอหมอกที่เอ่ยเรียกหญิงสาวในอ้อมแขนซ้ำ ๆ
"ปรางอดทนไว้นะ! ผมจะพาคุณไปหาหมอ" เนื้อตัวเปียกโชก น้ำเสียงสั่นเครือ ร่างกายสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
ปรางทรายปรือตามองไอหมอกด้วยความยากลำบาก เธอเจ็บจนชา มือหนึ่งกำหน้าท้องที่เลือดไหลทะลักเอาไว้ อีกมือพยายามยื่นมาจับแก้มใสของไอหมอก นิ้วเรียวเปื้อนเลือดปาดหยาดน้ำใสออกให้อย่างเบามือ
"อย่าร้องไห้ คุณไม่เหมาะกับน้ำตาสักนิด"
"ปราง คุณอย่าเพิ่งพูดสิ อดทนอีกนิดนะ รถพยาบาลกำลังมาแล้ว" ไอหมอกพยายามห้ามเลือดให้ปรางทราย แต่ดูเหมือนบาดแผลจะสาหัสเกินไป ปรางทรายสำลักเลือดออกมาอีกหลายคำโตจนเลอะไอหมอก สีหน้าซีดเซียว เรียวปากเริ่มซีดจาง น้ำฝนที่เจิ่งนองกลายเป็นสีแดงฉานกระจายเป็นวงกว้าง ใครหลายคนมองมาอย่างหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้คนทั้งคู่
ไอหมอกรู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องตัวเองอยู่ตลอดเวลา สัญชาตญาณทำให้เขาตวัดสายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะไปตกที่อีกฝั่งของถนน ทันเห็นชายร่างสูงกำยำในชุดสูทสีดำยืนถือร่มสีดำยืนมองมาทางนี้ด้วยรอยยิ้มบาง รอยยิ้มที่ชายคนนั้นส่งมาให้ทำไอหมอกรู้สึกหนาวเย็นขึ้นมา
เสียงวิ่งอย่างเร่งรีบ เสียงเข็นเตียงดังกึกก้อง ไฟห้องฉุกเฉินสว่างจ้าอีกครั้ง ร่างหญิงสาวถูกเข็นเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไอหมอกเองแม้จะเคยเป็นหมออยู่ที่นี่แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ตามเข้าไปด้วยได้
รุ่งอรุณรู้เรื่องจากพยาบาลที่มาแจ้งว่ามีเคสด่วนเป็นเพื่อนตัวเอง และเมื่อรู้ว่าเป็นไอหมอกเขาก็รีบมาทันที ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เขาต้องคว้าเอาเพื่อนสนิทเข้ามากอดไว้แน่นด้วยความโล่งใจ เมื่อคนที่ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไปไม่ใช่ไอหมอกแต่เป็นปรางทราย
"ไอหมอกเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม" รุ่งอรุณถามอย่างร้อนรน มือไล่จับไปตามตัวเพื่อนสนิทเพื่อหาร่องรอยบาดเจ็บ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่าไอหมอกปลอดภัยดี แต่ภาพเนื้อตัวเปียกซกชุ่มไปด้วยเลือดยังคงติดตา และมันเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากให้มันเกิดกับไอหมอกมากที่สุด
"อุ่น ปราง อึก ช่วยปรางด้วย" ไอหมอกจับแขนเพื่อนตัวเองแน่น เขาเขย่าแขนอีกฝ่ายเต็มแรง มือเรียวที่เลอะเลือดทำเอาเสื้อกาวน์สีขาวของรุ่งอรุณเลอะไปด้วย
รุ่งอรุณพยายามให้เพื่อนสนิทใจเย็นลง "ไอหมอกใจเย็นก่อน เกิดอะไรขึ้น เล่าให้ฉันฟังได้ไหม"
"ฉันไม่รู้ ฉันแค่เดินออกมาส่งปราง รู้ตัวอีกที ปรางก็นอนจมกองเลือดแล้ว" มือเรียวกำแขนรุ่งอรุณแน่นจนรู้สึกเจ็บ "นายต้องช่วยปรางนะอุ่น อึก นายต้องช่วยปราง ต้องช่วย..."
ไอหมอกเป็นหมอ แน่นอนว่าเขาเคยพบเจอการสูญเสียมาหลายครั้ง แต่เขาไม่อาจยอมรับได้เมื่อมันเกิดขึ้นกับตัวเองแบบนี้
รุ่งอรุณพยายามให้เพื่อนมีสติ ตอนนี้ดูเหมือนไอหมอกยังตกใจไม่หาย "ไม่เป็นไร ปรางถึงมือหมอแล้ว เราจะช่วยเขาเต็มที่เหมือนที่นายเคยทำไง"
รุ่งอรุณไม่รู้ว่าปรางทรายอาการหนักแค่ไหน แต่ดูจากสภาพไอหมอกแล้ว คงไม่สู้ดีนัก ทว่ายังไม่ทันได้พูดคุยซักถามมากกว่านี้ก็มีผู้ชายสามคนเข้ามาด้านใน ตรงเข้ามาหาเราทั้งคู่
"คุณไอหมอกใช่ไหมครับ ทางเราขอเชิญตัวคุณไปให้ปากคำหน่อยครับ" หนึ่งในสามคนเปิดป้ายแสดงเป็นเจ้าหน้าที่ให้คนทั้งคู่ดู รุ่งอรุณหรี่ตามองคนซ้ายมือที่หลบสายตาเขา
"ผมไปด้วย" รุ่งอรุณรั้งแขนเพื่อนเอาไว้ เขาไม่วางใจที่จะให้ไอหมอกไปคนเดียว
"ไม่เป็นไรอุ่น ฝากนายดูแลปรางแทนฉันหน่อยนะ" ไอหมอกวางมือทาบทับมือของเพื่อนสนิทก่อนจะดึงออกเบา ๆ เขาทอดสายตามองไปยังห้องฉุกเฉินแล้วหันกลับมายิ้มให้รุ่งอรุณ
"เดี๋ยวฉันกลับมา ตอนนี้เธออยู่ในมือหมอแล้ว คงปลอดภัยแล้วล่ะ"
ไอหมอกพยายามปลอบใจตัวเองแบบนั้น เพราะเชื่อว่าหมอและเจ้าหน้าที่ทุกคนจะช่วยชีวิตคนไข้ทุกเคสอย่างสุดความสามารถแน่นอน หลังจากเขาเดินแยกออกจากรุ่งอรุณไปอีกทางหนึ่งได้ไม่นาน ระหว่างนั้นก็มีชายอีกสองคนเข้ามาประกบเขาซ้ายขวา ไอหมอกมองด้วยนึกสงสัยแต่เพราะอีกฝ่ายแต่งกายไม่ต่างจากเจ้าหน้าที่เขาเลยไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ยังคงคิดวนกลับไปมาว่าหากปรางทรายไม่อยู่แล้ว ตัวเองจะทำอย่างไรต่อไปดี
ถ้าเลือกได้ ไอหมอกก็อยากให้เราทั้งคู่จากเป็นมากกว่าจากตาย แต่เพราะเลือกไม่ได้น่ะสิ เขาถึงได้เศร้าสลดอยู่แบบนี้
"เอ๊ะ! นี่เรากำลังจะไปไหนกันครับ ไหนว่าจะแค่สอบปากคำผมไง" กว่าจะรู้ตัว ไอหมอกเดินออกห่างจากคนอื่นพอสมควร ตรงหน้าเขาเป็นรถยนต์สีดำที่จอดติดเครื่องยนต์เอาไว้ ทั้งติดฟิล์มสีดำรอบด้าน เขารู้สึกว่าท่าไม่ดีแต่ก็สายไปเสียแล้ว ร่างกายสูงโปร่งถูกรวบยกขึ้น ปากเรียวถูกปิดเอาไว้ แรงของหมอคนหนึ่งหรือจะสู้คนพวกนี้ได้
รถยนต์ติดฟิล์มสีดำสนิทรีบแล่นออกถนนใหญ่และหายไปยังแยกออกสู่ชานเมือง
ไอหมอกถูกผ้าคาดปิดตาเอาไว้ มือสองข้างถูกมัดไขว้หลังเอาไว้ แม้ว่าขายังเป็นอิสระแต่ไอหมอกก็รับรู้ได้ว่าหน้าขาทั้งสองข้างมีบางอย่างแหลมคมจ่ออยู่ นั่นหมายความว่าถ้าเขาตุกติกขึ้นมา สิ่งนั้นจะต้องเสียบทะลุขาตนแน่นอน
ไอหมอกสัมผัสได้ถึงต้นแขนแข็งแกร่งที่วางพาดไปตามความยาวของพนักพิง พาดผ่านไหล่เขาไป ความแข็งของมันทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายสามารถหักคอเขาทิ้งได้ในพริบตาหากเขาส่งเสียงร้องออกมาให้คนช่วย
"อึก อย่ามาจับ!" ใบหน้ามนสะบัดหนีเมื่อความสากของนิ้วมือลูบไล้ไปตามแก้มตัวเอง เขาได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำไม่คุ้นหู
"ดื้อเหมือนกันนะเราน่ะ หึหึ" ลมหายใจร้อนผ่านพัดผ่านแก้มนวลเฉียดไปเล็กน้อย เสียงไม่คุ้นหูทำให้ไอหมอกถึงกับขมวดคิ้ว เขาไม่เคยรู้จักคนคนนี้แน่นอน
สายตาคมกริบมองใบหน้ามนที่ขมวดคิ้วด้วยรอยยิ้มกริ่ม นึกเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าทำไมราฟาเอลถึงได้สนใจนัก ยิ่งเขาขยับหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายยิ่งถอยห่างอย่างไร้ทางหนี ท่าทีนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกสนุกขึ้นมา การไล่ต้อนเหยื่อให้จนตรอกแล้วค่อย ๆ ฉีกทึ้งออกเป็นชิ้น ๆ เป็นสิ่งที่ชลธารชื่นชอบที่สุด
น่าเสียดาย ที่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำอย่างนั้นได้
"พวกคุณต้องการอะไร เรียกค่าไถ่เหรอ ผมไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นหรอกนะ" ไอหมอกทำใจกล้าเข้าสู้ หวังต่อรองในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นคำถามชวนสงสัยอีกครั้ง
"ชิปอยู่ไหน เอามันมาให้ผม แล้วเราจะปล่อยคุณไป" เสียงทุ้มเย็นยังคงกระซิบอยู่ใกล้หูให้ไอหมอก ชลธารพยายามฝืนตัวเองไม่ให้กัดกระชากลำคอเรียวตรงหน้าให้เลือดไหลนอง กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ยิ่งเป็นตัวเร้าให้ความเป็นต้องการลงมือเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
"อย่าครับ คุณชล นายสั่งไว้ว่าห้ามทำให้คุณหมอตาย จนกว่าเราจะได้ของกลับมา" หนึ่งในการ์ดที่นั่งติดกับไอหมอกเอ่ยห้ามเมื่อเห็นสีหน้ากระหายเลือดของชลธาร แม้จะเห็นสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ยอมหยุด
"แต้มบุญคุณยังเหลือนะคุณหมอ ไม่งั้น...คอขาว ๆ ของคุณคงแดงเถือกไปหมดแล้ว หึหึ"
ไอหมอกขมวดคิ้วแน่น ปั้นสีหน้าให้นิ่งที่สุดทั้งที่ในใจรู้สึกขยะแขยงอีกฝ่ายเต็มทนเมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนเปียกหยุ่นไล้เลียไปตามลำคอตัวเอง คุณหมอหนุ่มอยากสำรอกออกมาให้กับความกักขฬะนี้ แต่ติดที่เขาคงตายก่อนจะได้ทำแบบนั้น
"ว่าไงคุณหมอ ชิปอยู่ไหน"
"ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร"
"อย่าเล่นลิ้นคุณหมอ อยากตายเหมือนนังผู้หญิงหน้าโง่คนนั้นรึไง"
ไอหมอกชะงักงันในสิ่งที่ได้ยิน "หมายความว่าไง ปรางเหรอ? เป็นพวกแกเหรอที่ทำร้ายปราง!" เขาไม่ได้คำตอบ นอกจากเสียงหัวเราะกลับมา "พวกแกมันชั่ว ทำร้ายได้แม้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่มีทางสู้คนหนึ่ง ฉันจะลากคอพวกแกเข้าคุก!"
ยิ่งไอหมอกโมโหมากเท่าไร ก็ไม่ต่างกับการเล่นละครฉากตลกให้พวกมันดู เมื่อทั้งรถเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยันในสิ่งที่เขาพูด
"ว่าไง คุณหมอ ถ้าคุณไม่บอก ผมจะค่อย ๆ กดมีดลงไปช้า ๆ แบบนี้"
ปลายมีดสีเงินคมกริบกดลงบนต้นคอไอหมอก ความเจ็บแสบทำให้ไอหมอกต้องเบ้หน้าลง เขาไม่กล้าขยับตัวแรงมากนัก ไม่งั้นอีกฝ่ายคงกดลงมามากกว่านี้แน่ "ผมไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณหาอะไรอยู่ แต่สิ่งที่พวกคุณหาไม่ได้อยู่ที่ผม"
"นึกดี ๆ สิคุณหมอ คุณทัพฟ้าเขาเป็นคนให้คุณเองกับมือ อย่ามาไขสือ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน" ชลธารปรายตามองการ์ดคนสนิทเล็กน้อย มือหนึ่งกำต้นคอเรียวจากด้านหลัง อีกมือกดมีดคมลงบนลำคอขาวด้านหน้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่เอ่ยห้าม เขาเลยกดมีดลงลึกกว่าเดิม ทำให้ตอนนี้ลำคอขาวมีเลือดไหลซึมออกมาราวน้ำหยด
"อึก!" คราวนี้ไอหมอกรู้สึกได้ถึงความเจ็บที่มากกว่าเดิม ทั้งความอุ่นที่ไหลผ่านลำคอหายลงไปในอกเสื้อ และความเย็นของคมมีดที่ค่อย ๆ เฉือนเนื้อเขาเข้ามาทีละนิด กลิ่นสนิมคละคลุ้งไปทั้งรถ
"ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณหมายถึงอะไร ทัพฟ้าไม่ได้ให้อะไรผมไว้ทั้งนั้น อึก!" ลมหายใจสะดุด คราวนี้เลือดไหลจนคอเรียวขาวกลายเป็นสีแดง อีกฝ่ายไม่ได้ต้องการฆ่าเขาให้ตายในทันที แต่เป็นการทรมานให้เขาตายอย่างช้า ๆ ไม่ตายเพราะโดนคมมีด ก็ตายเพราะเสียเลือดอยู่ดี
ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ มือเรียวจิกแน่นเข้าฝ่ามือจนเลือดไหลซึมไม่ต่างกัน เขายังไม่อยากตาย ไอหมอกยังมีความฝันอีกมากมายที่ยังไม่ได้ทำ เขายังอยากช่วยเหลือคนอื่นให้มากกว่านี้ อยากใช้ชีวิตให้มีประโยชน์ต่อผู้อื่นมากกว่านี้
"นายครับ มีรถบิ๊กไบท์คันหนึ่งขับตามมาครับ"
ชลธารละมือออกจากไอหมอก เขามองผ่านกระจกหลังเห็นบิ๊กไบท์คันหนึ่งขับตามมาด้วยความเร็ว เขาพยายามเพ่งมองผ่านความมืดว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่กว่าจะรู้ตัวรถคันนั้นก็ขับมาตีเสมอก่อนจะขับปาดหน้าจนรถยนต์ต้องหักหลบลงข้างทางชนต้นไม้ใหญ่ซ้ำอีกที
การ์ดรีบเรียกรถอีกคันมารับ คนขับรถแน่นิ่งเลือดอาบอยู่หน้าพวงมาลัย ไอหมอกที่ถูกรั้งเอาไว้ด้วยคนที่ขนาบข้างทำให้ไม่พุ่งไปข้างหน้าจนทะลุออกไปนอกรถ ทว่าเลือดที่ยังคงไหลออกมายิ่งทำให้ไอหมอกเวียนหัวหนักกว่าเดิม
"คนของเรากำลังมารับ เดี๋ยวผมจัดการทางนี้เอง คุณชลหนีไปก่อนเถอะครับ"
"ไม่เป็นไร คุณดูคุณหมอเอาไว้ อย่าให้มันตาย ผมไปจัดการมันก่อน"
ชลธารเปิดประตูรถออกมา เขาประจันหน้ากับชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้า อีกฝ่ายใส่เสื้อฮู้ดคลุมทับหมวกปิดใบหน้า ทั้งคาดผ้าสีดำปกปิดใบหน้าท่อนล่างเอาไว้ด้วย และความมืดสลัวทำยิ่งทำให้มองเห็นอีกฝ่ายไม่ชัด
ไร้คำพูด คนสองคนพุ่งเข้าหากันความด้วยความเร็ว หมัดต่อหมัดแลกกันจนได้กลิ่นคาวเลือดทั้งคู่ ฝีมือนับว่าสูสีพอควร แต่ที่น่าแปลกใจนั่นคือทักษะการต่อสู้ใกล้เคียงกันเกินกว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ และชายหนุ่มทั้งคู่ก็สัมผัสเรื่องนี้ได้เช่นกัน
ชลธารถอยห่างออกมาเล็กน้อย เขาหรี่ตามองผู้ชายตรงหน้าให้ดี ๆ อีกครั้ง มั่นใจว่าอีกฝ่ายสูงกว่าเขาประมาณ 5 เซนฯ ร่างกายดูหนากว่าเขาเช่นกัน และที่สำคัญพละกำลังทางร่างกายแทบไม่เป็นรองเขาเลยนี่สิ และส่วนหนึ่งในจิตสำนึกบอกเขาว่าหากสู้กันต่อ โอกาสที่เขาจะแพ้ก็มีมากเหมือนกัน และเรื่องสำคัญกว่าการที่เขาแพ้นั่นคือหากเขาโดนจับ ความลับจะถูกเปิดเผย นั่นเป็นสิ่งที่แย่ยิ่งกว่ายอมถอยในตอนนี้
"นายเป็นใคร" ชลธารเห็นอีกฝ่ายชะงักไปเสี้ยววิฯ แต่ไม่ตอบอะไรกลับมา จนกระทั่งมีคนคันหนึ่งขับเข้ามาด้วยความเร็วแทรกกลางคนทั้งคู่
"คุณชล ถอยก่อน!" ชายในชุดสูทอุ้มไอหมอกพาดบ่าพาไปยังรถที่เข้ามาจอดรออยู่
ชลธารเห็นแบบนั้นก็เข้าใจ ยังไงก็ได้ตัวไอหมอกมาถือว่าภารกิจนี้จบแล้ว และเชื่อว่าอีกฝ่ายคงลงมือใส่ตัวเองไม่ได้แน่นอน ส่วนหนึ่งเพราะปีนที่จ่อเรียงมาทางนี้ และปืนอีกหนึ่งกระบอกที่จ่อขมับไอหมอกเอาไว้
"ฮ่า ๆๆ วันนี้ถือว่าได้เจอเพื่อนเก่า ...ผมไปก่อนนะครับ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก ...เร็ว ๆ นี้" ชลธารนึกออกแล้ว ผู้ชายคนนี้คือคนที่อยู่บนเรือคืนนั้นสินะ เขาหันหลังเดินหัวเราะไปยังรถที่จอดรออยู่ แต่ใครเลยจะคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลัวกระสุนปืนพวกนั้นสักนิด
ร่างสูงก้าวเข้าหาชลธารด้วยความเร็วมากกว่าปกติ จิตสังหารที่กระจายออกมาทำให้ชลธารรีบหันกลับมามอง ทั้งตั้งการ์ดรับการรุกเข้าหากะทันหัน และแม้จะสกัดการโจมตีจากหมัดรุนแรงนั้นไว้ได้ แต่ก็เสียหลักจนล้มลงกระแทกพื้นเต็มแรง อีกฝ่ายพลิกกดตัวเขาไว้กับพื้น ใช้เข่ากดเอาไว้กลางหลังจนเขาหายใจไม่ออก สำลักเลือดออกมา
ชลธารหวังจะใช้มีดสั้นข้างเอวจ้วงแทงไปด้านหลังแต่เขากลับพบว่ามันหายไป รู้ตัวอีกทีความคมของมันมาจ่ออยู่ตรงคอเขาแล้ว ชลธารเบิกตากว้าง ทักษะระดับนี้ไม่ถือว่าอันตรายสำหรับเขาแต่ที่เขาตื่นตกใจนั่นคืออีกฝ่ายสามารถช่วงชิงจังหวะได้เปรียบคืนกลับไปได้อย่างรวดเร็ว การปลดอาวุธประจำตัวของเขาด้วยความเร็วและแม่นยำขนาดนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน เพราะในรุ่นที่เขาเข้าฝึกยังไม่มีใครสามารถทำได้แม้แต่ครูฝึกของเขาก็ตาม!
"แกต้องการอะไร" ชลธารกดเสียงต่ำ หากอีกฝ่ายปริปากพูด เขาอาจจะจำได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร
"..."
นอกจากไม่ตอบแล้ว คมมีดยังกดลึกกว่าเดิมจนเลือดไหลซึมไม่ต่างจากตอนที่ตัวเองทำกับไอหมอกเลยสักนิด ชลธารรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ปริปากพูดอย่างแน่นอน แต่การกระทำก็บอกได้ว่าคนคนนี้มาเพื่อช่วยหมอไอหมอก
"ลดปืนลง! คาร์มิน เอาคุณหมอให้เขาไป คนของเขามารับกลับบ้านแล้ว" ชลธารพูดกลั้วหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลก ทั้งที่เลือดไหลซึมตามใบมีดคมจนหยดลงกับพื้น เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้จะฆ่าเขาให้ตาย เพียงแค่มารับใครบางคนกลับบ้านเท่านั้น
คาร์มินส่งไอหมอกให้ พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ชลธารซับเลือดที่คอไว้ "วันนี้ฉันแพ้ แต่วันหน้าฉันชนะแน่" ชลธารปรายตามองอีกฝ่าย ก่อนจะขึ้นรถแยกย้ายหายไป
ชายหนุ่มทอดสายตามองคนในอ้อมแขน เขาใช้ผ้าซับต้นคอขาวเอาไว้ แผลไม่ลึกมาก ฝ่ายนั้นยังคงยั้งแรงเอาไว้พอสมควรและมีความรู้เรื่องทางกายภาพเป็นอย่างดี มือลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ กดใบหน้ามนให้แนบลงกับอกตัวเอง เสียงทุ้มเอ่ยถามเจือความเป็นห่วง "นั่งรถไหวไหม ผมจะพาไปหาหมอ" เหนือสมุทรบอก พลางดึงเอาผ้าคาดตาออกให้ด้วย เขาช่วยไอหมอกแกะเชือกที่มัดมือเอาไว้ออกให้ จนเห็นข้อมือขาวถลอกจนเลือดซึม
"ไหว" ไอหมอกบอกคนที่ตัวเองซุกซบอยู่ ความเจ็บแสบกลายเป็นความชา เลือดหยุดไหลแล้วแต่รู้สึกอ่อนเพลียไม่น้อย เขาพึมพำออกมาแผ่วเบา "เป็นคุณอีกแล้วที่มาช่วยผม คุณเป็นใครกันแน่"
ไร้การตอบกลับ มีเพียงอ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดปลอบโยน เหนือสมุทรถอดเสื้อฮู้ดตัวเองให้ไอหมอกสวมทับเอาไว้ บิ๊กไบท์ถูกใช้งานอีกครั้ง "นั่งได้ไหม"
"ได้ แต่ขึ้นยังไง มันสูง" บิ๊กไบท์คันใหญ่ตรงหน้าทำให้ไอหมอกทำได้แค่ยืนมองทำตาปริบ ๆ คนตัวสูงวาดขาลงจากรถ ก่อนที่สองมือจะรวบเอวคุณหมอหนุ่มเอาไว้แล้วยกขึ้นตัวลอยให้อีกฝ่ายวาดขาคร่อมรถเอาไว้
"..!!" ไอหมอกรีบคว้าไหล่อีกฝ่ายเอาไว้แน่นด้วยความตกใจ
"แค่นี้ก็ขึ้นได้แล้ว ไปกันเถอะ" เหนือสมุทรมองคนที่จับไหล่เขาเอาไว้แน่น ทั้งนิ่งค้างนั่งกะพริบตาปริบ ๆ อยู่บนรถอย่างนึกเอ็นดู
ไอหมอกได้สติกลับมาเมื่ออีกฝ่ายแกะมือตัวเองออก แต่เขาคว้าจับเอาไว้อีกครั้ง "ไปหาปราง ผมจะไปหาปราง คุณพาไปได้ไหม"
เหนือสมุทรมองนัยน์ตากลมรื้อน้ำใสแต่ไม่ร้องไห้ออกมา นับถือความอดกลั้นของคุณหมอหนุ่มคนนี้ นิ้วสากไล้แก้มเนียนแผ่วเบา มองสบตาคนตรงหน้า "ได้สิ แต่สัญญามาก่อนว่าห้ามร้องไห้"
ไอหมอกเม้มปากแน่นก่อนจะยอมพยักหน้ารับในที่สุด ทั้งที่ไม่มั่นใจสักนิดว่าความจริงที่ต้องกลับไปเผชิญนั้นจะทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพไหน แต่มีรุ่งอรุณอยู่ เขาเชื่อว่าปรางทรายต้องปลอดภัยแน่นอน และเขาเองมีคำถามอีกมากมายที่จะถามหญิงสาว อย่างน้อย ๆ ก็เรื่องชิปอะไรนั่นที่ใครต่อใครต่างก็มาถามหาจากตัวเขาเหมือนอย่างวันนี้
กลางดึกอากาศหนาวกว่าปกติ จนไอหมอกที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังต้องโอบกอดเอวสอบแน่นกว่าเดิม ใบหน้ามนซบอยู่บนแผ่นหลังกว้าง นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ไอหมอกตกอยู่ในสภาพนี้ และเขายังคงยืนยันได้ว่าแผ่นหลังนี้ยังคงให้ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยเหมือนครั้งนั้น นัยน์ตากลมปิดลงด้วยความวางใจว่าอีกฝ่ายจะพาเขากลับไปโรงพยาบาลตามที่รับปากเอาไว้อย่างแน่นอน
ไม่มีอะไรสักอย่างทำให้เชื่อได้ว่าเหนือสมุทรมาดี แต่ไอหมอกเองก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วเหมือนกัน
เหนือสมุทรรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้น เขาปรายตามองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลัง เห็นผมนิ่มสีอ่อนปลิวสะบัดตามแรงลม แววตาคมกริบแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทำให้แรงบิดเพิ่มขึ้นจนรถยิ่งพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็ว แต่แรงกอดรัดที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้เขาใจเย็นลงอย่างไม่น่าเชื่อ
อันตรายต่อใจฉันเกินไปแล้วนะ ไอหมอก
*****
อ่านให้สนุกนะคะ
#ไอหมอกเหนือสมุทร
T: Mairymii
ความคิดเห็น