ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไอหมอกเหนือสมุทร : ป๋อจ้าน

    ลำดับตอนที่ #5 : ละอองไอที่ 5 คนแปลกหน้าที่ใกล้ชิด

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 64


    ไอหมอกเหนือสมุทร

    ละอองไอที่ 5 คนแปลกหน้าที่ใกล้ชิด

     

    เป็นธรรมดาที่เรื่องการตายของทัพฟ้าเป็นที่สนใจของสื่อ เพราะพ่อของเจ้าตัว พิศักดิ์ ภัครวัฒิโยธินจัดว่าเป็นคนมีหน้ามีตาในวงการการเมืองและเป็นที่จับตามองของสื่ออยู่แล้ว ทว่าหลังจากการตายของเด็กหนุ่ม คนเป็นพ่อได้บริจาคเงินให้โรงพยาบาลอีกก้อนหนึ่งเป็นตัวเลขจำนวนหกหลักปลาย ๆ ทำให้กลายเป็นที่นับหน้าถือตามากกว่าเดิม แต่นั่นกลับเป็นสิ่งที่ทำให้ไอหมอกนั่งไม่ติดที่

    "เด็กคนนั้นโดนฆ่าตาย ทำไมถึงบอกว่าเป็นอุบัติเหตุล่ะ"

    และอีกเรื่องที่ทำให้ไอหมอกไม่อาจตัดใจจากเรื่องนี้ได้ เอกสารที่รุ่งอรุณเอามาให้เขาเมื่อหลายวันก่อนหายไปแล้ว ทั้งหมอทางนิติเวชที่ดูแลเคสนี้ก็ลาออกอย่างไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน และที่น่ากังวลใจไปมากกว่านั้น เขารู้สึกได้ว่าหลายวันมานี้มีคนสะกดรอยตามเขาจนตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาพักคอนโดรุ่งอรุณชั่วคราวไปก่อน

    ส่วนเหนือสมุทรเองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และไอหมอกมั่นใจว่าคนที่สะกดรอยตามเขาไม่ใช่เหนือสมุทรแน่นอน อย่างน้อย ๆ คนที่คิดไม่ดีกับเขาไม่น่าจะทิ้งต้มยำกุ้งหม้อใหญ่รสชาติถูกปากไว้ให้เขาแบบนั้น!

    "นั่นนายจะไปไหน" รุ่งอรุณรีบคว้าแขนเพื่อนเอาไว้

    "ฉันจะไปคุยกับผอ. มันไม่ถูกต้อง"

    "เรื่อง? แต่เด็กนั่นตายไปแล้ว"

    "ใช่ไง เพราะคนตายพูดไม่ได้ เราเลยต้องพูดแทนเขาไม่ใช่เหรออุ่น" สีหน้าร้อนใจของไอหมอกทำให้รุ่งอรุณยกยิ้มอ่อน เป็นคนดี เห็นแก่คนอื่นจนตัวเองเดือดร้อนนั่นแหละคือไอหมอก

    "...งั้นฉันไปด้วย" เมื่อหมดหนทางจะห้ามไอหมอก รุ่งอรุณเลยตัดสินใจตามติดเพื่อนไปด้วย ดีกว่าปล่อยให้อีกฝ่ายไปคนเดียว

    ห้องทำงานของผอ.อยู่ชั้นบนสุด ไอหมอกที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปทว่าเป็นจังหวะเดียวกับที่มีคนเปิดออกมา และเป็นคนที่ไอหมอกไม่คิดว่าจะได้เจอกัน

    "คุณพิศักดิ์? " เขาเอ่ยเรียกชายหนุ่มอายุราวสามสิบปลาย ๆ ตรงหน้าที่มาพร้อมกับคนสนิทอีกสองคน

    พิศักดิ์ได้ยินเสียงขานชื่อตัวเองจึงหันกลับมามอง เจอเข้ากับชายหนุ่มในชุดกาวน์สีขาวสะอาดยืนอยู่สองคน โดยส่วนตัวแล้วพิศักดิ์ไม่ได้รู้จักสองคนนี้แน่นอน แต่คุ้น ๆ ว่าคนหนึ่งเป็นหลานของดร.สุรชิต ส่วนอีกคนนั้น...

    "ครับ? " สีหน้าแสดงออกถึงความสงสัยทำให้ไอหมอกรีบรายงานตัวกับอีกฝ่ายทันที

    "เอ่อ ผมไอหมอกหรือหมอไอหมอกครับ คนที่เคยรักษาทัพฟ้าก่อนหน้านี้" ไอหมอกสัมผัสได้ว่าท่าทีที่อีกฝ่ายมีหลังจากได้ยินชื่อเขานั่นเปลี่ยนไป สายตาคู่นั้นแอบไล่มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง

    "อ้อ คุณนั่นเองที่ทัพฟ้าเคยพูดถึง" พิศักดิ์ไม่คิดว่าเขาจะเจออีกฝ่ายด้วยความบังเอิญขนาดนี้ เขาเผยรอยยิ้มราวผู้ใหญ่ใจดีให้คุณหมอหนุ่มตรงหน้า "ขอบคุณมากนะครับ ก่อนหน้านี้ที่เคยช่วยเหลือทัพฟ้าเอาไว้ เห้ออ แต่ตอนนี้คุณคงช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะครับ" เขาหัวเราะออกมาเล็กน้อย ช่างเป็นเสียงหัวเราะที่ชวนให้ปวดใจเหลือเกิน

    ไอหมอกสัมผัสได้ว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดมากแค่ไหน "ผมเสียใจด้วยครับ" คุณหมอหนุ่มโค้งกายให้อีกฝ่ายเล็กน้อย

    "เสียใจด้วยครับคุณพิศักดิ์ ขอให้คุณผ่านมันไปได้นะครับ" รุ่งอรุณเองก็โค้งกายให้พิศักดิ์เช่นเดียวกัน ทว่าพิศักดิ์กลับแตะไหล่ไอหมอกและบีบเอาไว้ด้วยแรงที่มากกว่าปกติ จนไอหมอกที่โดนสัมผัสตัวกะทันหันแอบสะดุ้งด้วยความตกใจเล็กน้อย

    "อึก" แรงบีบที่ไหล่ไม่เบาเลย แต่ไอหมอกยังคงมีสีหน้าเรียบสงบ

    "อย่ากังวลไปเลยครับ" พิศักดิ์โน้มกายเข้าไอหมอกแล้วกระซิบเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน "คนผิดได้ชดใช้แน่นอน ขอให้คุณหมอโชคดีนะครับ"

    "...!! " ไอหมอกสะดุดกึกกับน้ำเสียงกึ่งข่มขู่แบบนั้น ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงแสดงออกแบบนี้กับตน

    "อะไรของเขากัน" รุ่งอรุณมองตามหลังชายในชุดสูทหายเข้าไปในลิฟต์ หันกลับมาก็เจอเพื่อนสนิทหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ก่อนแล้ว "เป็นอะไร"

    ไอหมอกส่ายหน้าบอกปัด ไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวล "เปล่าหรอก เข้าไปหาผอ.กันเถอะ"

    ห้องทำงานสีขาวสะอาด ชายผู้มีผมสีเงินแซมดำยืนมือไพล่หลังมองออกไปด้านนอกราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก โดยไม่ได้รู้เลยว่ามีอีกสองชีวิตยืนอยู่ด้านหลัง

    "ผอ.ครับ" ไอหมอกหันมองหน้ากันกับรุ่งอรุณแล้วจึงลองเรียกผู้อำนวยการดู อีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งไ่ม่ไหวติง

    "ดร.ครับ" รุ่งอรุณช่วยเรียกอีกคน 

    เสียงเรียกซ้ำ ๆ ทำให้ดร.สุรชิตหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ "อ้าว มีอะไรเหรอ" เมื่อเห็นเป็นรุ่งอรุณ ดร.สุรชิตก็ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหรี่ตาลงเมื่อหันมาเจอไอหมอกที่ยืนอยู่ข้างกัน "ทำไมถึงมาพร้อมกันล่ะ แล้วนี่หมอไอมาทำงานทำไม ผมให้คุณพักไม่ใช่เหรอ" ชายผู้มีอายุย่าง 50 เอ่ยถามออกมาเป็นชุด เจอหลานชายอย่างรุ่งอรุณถือเป็นเรื่องปกติ แต่อีกคนนี่สิ มาทำไม

    ไอหมอกไม่รอช้า "ผมมาเพราะเรื่องการตายทัพฟ้า ทำไมผลที่ออกมาขัดกับหลักฐานทางนิติเวชแบบนั้นล่ะครับ เด็กคนนั้นโดนฆาตกรรมชัด ๆ แล้วทำไมผลออกมาว่าเขาตายเพราะอุบัติเหตุ"

    รุ่งอรุณรั้งแขนเพื่อนตัวเองเอาไว้แน่น เมื่อไอหมอกแทบจะพุ่งเข้าอีกฝ่ายอยู่แล้ว "ไอหมอกใจเย็น ๆ ก่อน"

    ทว่าหนุ่มใหญ่ยังคงสงวนท่าทีนิ่งสงบ เขาไล่สายตามองชายหนุ่มทั้งคู่ช้า ๆ แล้วจึงหย่อนกายลงบนเก้าอี้บุนวมเนื้อดี "ผมไม่มีอะไรจะพูดท้้งนั้น ทุกอย่างก็เป็นไปตามหลักฐานที่ตรวจสอบได้"

    คราวนี้ดร.สุรชิตจดจ้องมายังหมอตรงหน้า ทั้งยังปรายสายตามองไปยังหลานชายตัวเองครั้งหนึ่งแล้ววกกลับมาหาไอหมอกอีกครั้ง "คุณมีหลักฐานไหมว่าเขาโดนฆ่าตาย? ไม่มีใช่ไหม เพราะงั้นก็สรุปได้ว่าเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และตำรวจเองก็กำลังปิดคดีนี้แล้ว อย่าสร้างความวุ่นวายขึ้นมาเลยนะ"

    "หลักฐานก็คือศพของเด็กคนนั้นไงครับ บนร่างกายของเขายังคงมีร่องรอยหลงเหลืออยู่แน่นอน"

    "ไม่ ...ไอหมอก ศพเด็กคนนั้นไม่อยู่แล้ว ทางบ้านเขามารับกลับไปทำพิธีทางศาสนาตั้งแต่วันรุ่งขึ้นหลังจากเขาสิ้นใจแล้ว และทางครอบครัวไม่ติดใจเอาความต่อด้วย ส่วนคุณ...ผมจำได้ว่าคุณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้เคยรักษาเด็กคนนี้มาก่อนก็คงไม่เกี่ยวกันแน่นอน" คราวนี้สายตาหลังแว่นจ้องเขม็งด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกของคนพูด

    "แล้วคุณจะเดือดร้อนแทนเด็กคนนั้นทำไมหมอไอ หรือว่าคุณ...มีความสัมพันธ์อย่างอื่นกับเด็กคนนั้นกันแน่ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงต้องพักงานคุณอย่างไม่มีกำหนดเพราะทำผิดวินัย หรืออาจจะยื่นเรื่องถอนใบประกอบวิชาชีพของคุณเลยก็ได้นะ"

    ไอหมอกไม่คิดว่าเรื่องจะวกกลับมาหาตัวเองอย่างไร้เหตุผลแบบนี้ เขารับรู้ได้ว่าราวกับทุกฝ่ายต้องการให้เรื่องเงียบและจบโดยเร็วที่สุด "นี่ผอ.ขู่ผม?"

    "ผอ. แบบนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือไง หมอไอแค่อยากให้เด็กคนนั้นได้รับความยุติธรรมเท่านั้นเอง ถึงขั้นต้องหาเรื่องถอนใบประกอบวิชาชีพเลยเหรอ" รุ่งอรุณเองฟังแล้วยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด

    "ฉันเปล่า หมอไอทำตัวเองต่างหาก" ดร.สุรชิตไม่ได้สนใจท่าทีเกรี้ยวกราดของรุ่งอรุณ เขายังคงจ้องมองไอหมอกแล้วพูดสิ่งที่ทำให้ไอหมอกถึงกับงงงวย "ทางเราได้รับหลักฐานว่าคุณมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเด็กคนนั้นในแบบชู้สาว ...เมื่อครั้งก่อนที่ทัพฟ้าเข้ารับการรักษาตัวที่นี่ คุณมีอะไรจะแก้ตัวไหม"

    "ว่าไงนะ! ผมเนี่ยนะมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับเด็กคนนั้น? " ตากลมเบิกกว้าง สิ่งที่ได้ยินเกินความคาดหมายไปมากโข

    "เป็นไปไม่ได้" รุ่งอรุณคิดว่านี่มันไร้สาระทั้งเพ

    "อยากดูหลักฐานไหม ผมมีนะ" ดร.สุรชิตคว้าแลปทอปบนโต๊ะมาเปิดอะไรบางอย่าง แล้วยื่นมันให้ไอหมอกดู และสิ่งที่เห็นทำให้ไอหมอกถึงกับอ้าปากค้างไม่ต่างจากรุ่งอรุณที่สีหน้าตื่นตะลึง

    ภาพชายหนุ่มในชุดกาวน์สีขาวพูดคุยหยอกล้อกับเด็กคนนั้น ภาพทัพฟ้าโอบกอดไอหมอกเอาไว้แน่น ...เพราะตอนนั้นเด็กหนุ่มกำลังขาดสติและเป็นฝ่ายรั้งไอหมอกเอาไว้เอง และสุดท้ายภาพที่ถ่ายจากมุมสูงด้านหลังเห็นชายหนุ่มในชุดกาวน์โน้มหน้าเข้าทัพฟ้าราวกับกำลังจูบกัน ทั้งที่เป็นความจริงในตอนนั้นทัพฟ้ายื่นนกกระเรียนกระดาษให้เขาและจับมือเขาไว้ รั้งให้เขาก้มลงไปหาพร้อมกระซิบบอกเสียงเบา

    ผมฝากมันไว้ที่หมอแล้วนะครับ ความหวังของผม

    สุดท้ายแล้วคนทั้งคู่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา ทั้งที่ตั้งใจไปเพื่อเปิดโปงว่าการตายของทัพฟ้ามีเบื้องหลังมากกว่านั้น กลับกลายเป็นตัวไอหมอกเองที่โดนตลบหลังแทน 

    "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย"

    "นายเผลอไม่เหยียบหางใครเข้ารึเปล่า ทำไมเรื่องการตายของทัพฟ้าถึงกลายเป็นนายทำผิดวินัยไปได้" รุ่งอรุณเองมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกัน แต่แล้วอยู่ดี ๆ ไอหมอกก็ลุกขึ้นกะทันหัน

    "ฉันต้องไปหาคุณพิศักดิ์ ยืนยันกับเขาว่าฉันกับทัพฟ้าไม่ได้มีความสัมพันธ์เกินกว่าหมอเจ้าของไข้กับคนไข้ และหากเขาต้องการหลักฐานเพื่อดำเนินคดีเรื่องการตายของทัพฟ้าเพิ่ม ฉันจะช่วยเขาเต็มที่เลย! " ไอหมอกว่าอย่างมุ่งมั่น

    คราวนี้รุ่งอรุณถึงกับสติหลุด "นายจะบ้าเหรอ! มันอันตรายนะเว้ย อีกอย่างแค่เด็กคนเดียวตายไป นายปล่อยให้เรื่องมันเป็นไปตามที่ควรจะเป็นไม่ดีกว่าหรือไง ทำไมต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วยวะ! "

    "พูดอย่างนี้หมายความว่าไง ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ฉันเองก็ตกเป็นเหยื่อเหมือนกันนะ จะให้ฉันอยู่กับคำกล่าวหานี้ไปจนตายรึไง! "

    ไอหมอกเป็นคนดื้อมากแค่ไหน เพื่อนอย่างรุ่งอรุณรู้ดี ที่ผ่านมาเขาไม่เคยห้ามไม่ว่าไอหมอกจะทำอะไร แต่เรื่องนี้เขายอมไม่ได้ รุ่งอรุณยอมให้คนที่เขารัก พาตัวเองเดินเข้าดงอสรพิษไม่ได้

    รุ่งอรุณสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อให้ใจเย็นลง มือหนาจับไหล่บางของไอหมอกเอาไว้แน่น " ฟังฉันนะไอหมอก ที่ผ่านมาฉันไม่เคยขอร้องอะไรนายเลย แต่เรื่องนี้ถือว่าฉันขอได้ไหม"

    เขามองสบตากลมของไอหมอกอย่างจริงจัง "อย่าไปยุ่งกับพวกมัน ถ้ามันคิดจะเอาผิดคนที่ฆ่าลูกมันจริง ๆ มันไม่รอให้นายหรือใครวิ่งแจ้นวุ่นวายแบบนี้หรอก แต่นี่นายก็เห็นว่าพวกมันต้องการให้เรื่องเงียบและจบโดยเร็วที่สุด แค่นี้ก็พอแล้วไหมว่าเรื่องมันไม่ปกติ"

    ไอหมอกมองแววตาเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ไม่บ่อยนักที่รุ่งอรุณจะมีสีหน้าจริงจังแกมหวาดกลัวเช่นนี้ "นายรู้อะไรมา"

    "ไม่สำคัญหรอกว่าฉันรู้อะไรมา แต่ฉันหวังดีกับนายจริง ๆ เพราะถ้านายไม่หยุด นายต้องเสียใจไปจนตายแน่ ๆ ไอหมอก"

    คนทั้งคู่มองสบกันและกันนิ่งงัน ทั้งสองต่างพยายามทำความเข้าใจในเหตุผลของอีกฝ่าย

    ไอหมอกยกยิ้มออกมา มือเรียวปลดมือหนาของเพื่อนสนิทออกจากไหล่ของตัวเองมากอบกุมเอาไว้ รุ่งอรุณมองการกระทำนั้นด้วยใจวูบโหวง แววตาที่เขามองเห็นจากไอหมอกคือสิ่งที่เขาหวาดกลัว

    "ขอบใจนะอุ่น ฉันรู้ว่านายหวังดี อีกอย่างนายปกป้องฉันมามากพอแล้ว วันนี้ให้ฉันต่อสู้ปกป้องตัวเองด้วยสองมือของฉันเองเถอะนะ"

    ราวกับเนิ่นนาน ทว่าทุกอย่างเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาที ตอนนี้ไอหมอกจากไปแล้ว ทิ้งไว้แค่ความเป็นห่วงที่ไร้ผลของรุ่งอรุณ

    คิดได้ พูดง่ายแต่ทำยาก ทุกครั้งที่ไอหมอกพยายามหาโอกาสเข้าพบพิศักดิ์ มักพบเจออุปสรรคอยู่บ่อยครั้ง นานวันเข้าแม้แต่รั้วหน้าบ้านหลังใหญ่ ไอหมอกยังไม่มีสิทธิ์เข้าไปย่างกรายเลยด้วยซ้ำ จนเมื่อหลายวันก่อนมีการแจ้งเตือนมาว่าหากเขาไม่ยอมเลิกยุ่งกับบ้านภัครวัฒิโยธินอีก ทางนั้นจะแจ้งความข้อหาบุกรุกและก่อความเดือดร้อนให้แก่คนในบ้าน

    ไอหมอกอดคิดไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงตกเป็นจำเลยในเรื่องนี้ไปได้ นี่แค่มายืนยันความบริสุทธิ์ระหว่างตัวเองกับทัพฟ้า ยังถูกกีดกันขนาดนี้ ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าก่อนหน้านี้ทัพฟ้าเคยพูดอะไรกับเขาไว้บ้าง ไม่ส่งคนมาเก็บเขาเลยหรือไง

    แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าครอบครัวภัครวัฒิโยธินคงตัดสินว่าเขาเป็นสาเหตุการตายของทัพฟ้าไปแล้วแน่นอน ทว่านั่นยังไม่น่ากังวลใจเท่ากับว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาไร้ที่มามากกว่าเดิม การถูกจับจ้องแทบทุกเวลาทำให้ไอหมอกรู้สึกราวกับถูกคุกคาม ครั้งหนึ่งถึงขั้นมีคนเดินตามเขาจากตลาดจนเกือบถึงบ้าน บางครั้งแม้แต่ในบ้านของตัวเองก็รู้สึกไม่ปลอดภัยอีกต่อไป และถึงแม้ว่าเขาจะไปแจ้งความแล้ว ทว่าเพราะไม่มีหลักฐานมากพอ จึงทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันเอาไว้เท่านั้น

    ไอหมอกอดคิดไม่ได้นี่ช่างเป็นการทำงานที่ไร้ประโยชน์และสิ้นเปลืองภาษีโดยแท้จริง

     

    วันนี้ไอหมอกกลับมาถึงบ้านเกือบสี่ทุ่มแล้ว บ้านทั้งหลังมืดสนิท คุณหมอหนุ่มอ้าปากหาวจนน้ำตาไหล สองวันมานี้เขายังไม่ได้หยุดพัก ทั้งทำงานประจำ ทั้งวิ่งไปขอเข้าพบพิศักดิ์ ทั้งต้องระวังตัวจากคนที่สะกดรอยตามตัวเองมา แต่วันนี้เขารู้สึกได้ว่าไม่มีสายตาคุกคามจับจ้องเหมือนอย่างหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เขาพอจะหายใจสะดวกกว่าเดิมเล็กน้อย

    ไอหมอกชะงักกึก มือขาวกำลูกบิดประตูเอาไว้แน่น คิ้วเรียวขมวดมุ่น

    ประตูไม่ได้ล็อก!

    ไอหมอกมั่นใจว่าเขาไม่มีทางลืมล็อกประตูแน่นอน หรือบางทีช่วงนี้เขาอาจจะพักผ่อนน้อยเกินไปจนเผลอลืมจริง ๆ แต่ทันทีที่ย่างเท้าเข้าในตัวบ้าน คุณหมอหนุ่มก็มั่นใจแล้วว่าในบ้านหลังนี้ไม่ได้แค่เขาคนเดียวเสียแล้ว เสียงบางอย่างดังมาจากชั้นสองของบ้าน

    “ขโมย?” ไอหมอกค่อย ๆ ย่องเข้าใกล้บันได ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวขาขึ้นก็มีมือปริศนามาโอบรัดปิดปากเขาไว้จากด้านหลัง นัยน์ตากลมเบิกกว้าง ความตกใจทำให้เขาเผลอทิ้งทุกอย่างลงกับพื้นเพื่อดิ้นรนต่อสู้ แต่อีกฝ่ายไม่ได้ทำร้ายเขาแค่ลากเขาหายไปยังมุมมืดของบ้าน ดันให้ร่างกายเขาแนบไปกับผนัง กดจนเขาขยับตัวไม่ได้ และเมื่อมองเลยไหล่หนานี้ไปก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องนอนชั้นสองถูกเปิดออกมาจากด้านใน

    ไอหมอกเห็นชายชุดดำสองคนเดินออกมาจากห้องนั้น แสงสลัวในห้องนอนที่ส่องกระทบทำให้มองเห็นว่าในมือต่างถืออาวุธปืนเอาไว้ทั้งคู่ และสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องเขม็งมายังที่เขากับบุคคลปริศนาหลบซ่อนตัวในความมืดอยู่ แต่เพราะร่างสูงกำยำทั้งยังอยู่ในชุดดำสนิทบดบังเขาเอาไว้ทั้งตัว ทำให้ฝ่ายนั้นมองไม่เห็นเรา

    “อื้อ!”

    “ชู่ว์”

    ไอหมอกอยากจะดิ้นหนีและวิ่งไปแจ้งตำรวจเสียเดี๋ยวนั้น อยากรู้นักว่าเจอขโมยในบ้านตัวเป็น ๆ แบบนี้แล้วยังจะหาว่าเขามีหลักฐานไม่พออีกหรือเปล่า แต่เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ใจดวงน้อยที่เต้นโครมครามด้วยความตกใจก่อนหน้านี้ค่อย ๆ นิ่งสงบลงได้

    “คุณรออยู่นี่ก่อน เดี๋ยวผมมา” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบา ไอหมอกจ้องมองอีกคนด้วยแววตาตื่น “เข้าใจไหม” เจ้าของร่างกำยำถามย้ำเสียงดุอีกครั้ง ทำให้ไอหมอกจำใจพยักหน้ารับ

    “ผมปล่อยแล้วอย่าร้อง ตามผมมาเงียบ ๆ”

    ไอหมอกพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายอีกครั้ง มือใหญ่ค่อย ๆ เลื่อนออกจากการริมฝีปากบาง ไอหมอกหอบหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ คนตรงหน้าพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยก่อนที่มือใหญ่คู่นั้นจะยื่นมาจับมือเขาเอาไว้แน่นแล้วพาเดินเลียบเงามืดไปยังห้องเก็บของใต้ราวบันได

    “อยู่ในนี้อย่าออกมา จนกว่าผมจะมารับ เข้าใจไหม”

    แม้สีหน้าจะยังเผยความระแวง แต่น้ำเสียงจริงจัง ทั้งแววตาคมดุที่มองมาของคนตรงหน้าทำให้ไอหมอกยอมตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้

    “ดีมาก” เหนือสมุทรจะผละออกเพื่อไปจัดการหัวขโมยข้างบนนั่น แต่แล้วก็มีบางอย่างมายึดแขนเขาเอาไว้

    “คุณ...ดูแลตัวเองด้วย”

    เหนือสมุทรสัมผัสได้ว่ามือคู่นี้สั่นเทาแค่ไหน คนตรงหน้าเป็นแค่หมอคนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้คงทำให้อีกฝ่ายวิตกกังวลไม่น้อย

    หัวหน้าหนุ่มยกยิ้มบางเบาจนแทบมองไม่เห็น วางทาบทับมือขาวเอาไว้บีบครั้งหนึ่งอย่างให้คำมั่น

    เหนือสมุทรก้าวเข้าหาหนึ่งในชายชุดดำก่อนจะใช้สันมือฟาดท้ายทอยจนล้มสลบไป อีกคนหันมาตวัดขาใส่เขา เหนือสมุทรเบี่ยงออกข้างก่อนจะหมุนตัวตวัดมือล็อกขาข้างนั้นเอาไว้แล้วศอกเข้าสีข้างอีกฝ่ายไปเต็มแรง ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด หัวหน้าหนุ่มไม่รอช้าส่งแรงถีบยันร่างฝ่ายตรงข้ามตกลงมาจากชั้นสองกระแทกเข้ากับโต๊ะกระจกด้านล่าง

    เพล้งงง

    เสียงกระจกแตกสนั่น

    ไอหมอกสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อหนักหน่วงดังเข้ามาใกล้ จนกระทั่งทุกอย่างเงียบเสียงลงในเวลาไม่นาน คุณหมอหนุ่มยังนึกลังเลว่าตัวเองออกจากที่ซ่อนตอนนี้ได้เลยไหม จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกจากน้ำเสียงคุ้นเคย

    “ไอหมอก ปลอดภัยแล้ว”

    คุณหมอหนุ่มค่อย ๆ พาตัวเองออกมา มองเห็นร่างสูงใหญ่ในเงามือสลัวอยู่ตรงหน้า สีหน้าเยียบเย็นฉายแววดุดันเผยแววสังหารจนพาให้แข้งขาอ่อนแรงขึ้นมา ทว่าไอหมอกไม่ยอมทรุดลงไปตอนนี้แน่ ๆ เพราะตอนนี้ทุกคนรอบตัวเขาล้วนน่าสงสัยทั้งนั้น หมายรวมถึงเหนือสมุทรด้วย

    เมื่อบ้านกลับมาสว่างอีกครั้ง ไอหมอกเห็นสภาพบ้านตัวเองแล้วอยากร้องไห้ ข้าวของถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย โต๊ะกระจกแตกละเอียดทั้งมีชายชุดดำสลบอยู่ข้าง ๆ ตรงมุมบันไดด้านบนมีชายอีกคนสลบเหมือดอยู่เหมือนกัน

    “นั่นคุณจะทำอะไร”

    “แจ้งตำรวจ”

    “...แจ้งตำรวจ? คุณมั่นใจว่าพวกเขาจะจัดการสวะพวกนี้ได้งั้นเหรอ”

    เหนือสมุทรคว้าเอาสมาร์ทโฟนของคุณหมอหนุ่มมาถือเอาไว้ ไอหมอกไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะแจ้งความไม่ได้ ในเมื่อหลักฐานก็คือสภาพบ้านอันเละเทะของเขา และชายชุดดำสองคนนั้น!

    “ไม่ใช่ว่าผมไม่ให้คุณแจ้งความ แต่ถ้าพวกเขาคิดจะช่วยคุณจริง ๆ คงไม่ปล่อยให้คุณโดนสะกดรอยตามอยู่เหมือนอย่างทุกวันนี้หรอก ไหนจะโดนฟาดกระจกรถจนแตกละเอียดเมื่อวันก่อนอีก ทั้งยังโดนรถตั้งใจเฉี่ยววันนั้นก็ด้วย เห็นไหมว่าพวกนั้นไร้ประโยชน์แค่ไหน” เหนือสมุทรรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยที่ต้องร่ายประโยคยาวขนาดนี้ออกมา ไม่บ่อยนักที่เขาต้องอธิบายให้ใครเข้าใจเรื่องง่าย ๆ แบบนี้

    “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ผมไม่ใช่พวกคุณนี่! ผมไม่รู้แล้วว่าผมต้องทำยังไงต่อ ทุกวันนี้ก็เสี่ยงจะโดนไล่ออกตลอดเวลา ทั้งยังต้องมาเสี่ยงตายเพราะอะไรอีกก็ไม่รู้!” ราวกับความอึดอัดมากมายถาโถมออกมา เมื่อได้ระบายออกมาบ้างแล้วก็เหมือนเขื่อนแตกที่ไม่สามารถหยุดกระแสน้ำเชี่ยวกรากได้อีกต่อไป เป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกคนที่ยังคงหลงเหลือความเห็นแก่ตัวอยู่ไม่มากก็น้อย

    "คุณเองรู้ดีไม่ใช่เหรอว่าเพราะอะไร" เหนือสมุทรพูดหยั่งเชิงอีกฝ่าย หวังว่าจะได้ข้อมูลในสิ่งที่ต้องตามหาให้มากกว่านี้ บางครั้งก็อยากบีบบังคับให้คนตรงหน้าคายเรื่องราวเหล่านั้นออกมาให้หมด แต่ดูจากสภาพของไอหมอกในตอนนี้แล้ว ดูเหมือนเจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ อีกฝ่ายคิดแค่ว่าทุกอย่างมันยุ่งเหยิงเพราะเข้าไปยุ่งกับการตายของทัพฟ้า ภัครวัฒิโยธินอยู่เลย ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ใช่เลยสักนิด

    อ่อนแอจนน่าสมเพช แต่กลับอ่อนโยนจนน่าสาร

    ไอหมอกมองคนตรงหน้าด้วยสายตาพร่ามัว

    "ผมเหรอ? ผมแค่ไม่อยากให้ทัพฟ้าเป็นแค่เหยื่อที่ถูกมองข้ามเท่านั้นเอง! " มือเรียวกำแน่น เรียวปากบางขบกัดจนเลือดไหล

    "ผมแค่อยากทวงความยุติธรรมให้เด็กคนหนึ่ง อึก...แค่นั้นเอง ผมไม่เคยยุ่งกับทัพฟ้าเกินเลยกว่าการเป็นหมอกับคนไข้เลยสักนิด ทำไมล่ะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ...ผมทำผิดมากเลยเหรอ! "

    เหนือสมุทรมองคนตรงหน้าที่เริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ ความตึงเครียดทำให้กายบางเกร็งสั่นเทา

    "ผมแค่อยากให้คนชั่วได้รับโทษ ฮึก ไม่อยากให้คนอื่นต้องตกเป็นเหยื่อเหมือนทัพฟ้า ผมแค่อยากช่วยเขาให้ได้รับความยุติธรรม ผมแค่อยาก..."

    "...คุณช่วยพวกเขาไม่ได้หรอก คุณอ่อนแอเกินไป" เสียงทุ้มเอ่ยขัด ราวกับตัดความหวัง สะบั้นความตั้งใจของไอหมอกให้ขาดลง

    "..หึหึ นั่นสินะ เห้ออ.." คุณหมอหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามไม่ระเบิดอารมณ์ออกมามากกว่านี้ แต่ความกดดันที่เขาได้รับมาตลอดหลายวันมานี้ทำให้เขาใกล้จะสติแตกเต็มที

    "แล้วคุณล่ะ ต้องการอะไรจากผม จู่ ๆ ก็โผล่มา จู่ ๆ ก็หายไป" ไอหมอกผลักอกหนาตรงหน้าให้ออกห่าง ทั้งยังกำหมัดทุบลงไปไม่ยั้งแรงสักนิด

    เหนือสมุทรได้แต่แอบคิดว่าพูดไปตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ นี่ถ้าไอหรอกรู้เรื่องแฟนสาวของตัวเองที่หายตัวไปอีก มีหวังได้ขาดสติกว่านี้แน่ ๆ

    "...คุณพอแล้ว ไม่เจ็บรึไง" มือเรียวแดงเป็นปื้น จนเหนือสมุทรยังกลัวว่ามันจะช้ำไปกว่านี้

    “บอกมาสิ! พวกคุณต้องการอะไรจากผมกันแน่! ผมเป็นแค่หมอคนหนึ่งเท่านั้น! ผมแค่ อึก แค่อยากยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ฮึก แค่อยากคืนความยุติธรรมให้เด็กคนหนึ่งแค่นั้นเอง แค่นั้นเองจริง ๆ ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย ฮืออ”

    เหนือสมุทรยืนนิ่งเป็นที่ระบายอารมณ์ของอีกฝ่ายโดยไม่โต้ตอบ มองไหล่บางสั่นเล็กน้อยเพราะแรงสะอื้นฮัก เรี่ยวแรงของชายหนุ่มที่ฟาดลงมาค่อย ๆ แผ่วเบาลง

    “ทำไม อึก สิ่งที่ผมทำมันผิดมากนักรึไง คุณบอกผมสิ”

    เหนือสมุทรกำมือเรียวสั่นเทาเอาไว้ทั้งสองข้าง “เปล่า สิ่งที่คุณทำไม่ผิด แต่คุณต้องแกร่งกว่านี้ ไม่งั้นคุณเองก็จะกลายเป็นเหยื่อเหมือนกัน”

    ไอหมอกได้ยินแบบนั้นก็ทรุดกายลงกับพื้นร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นใจ ต้องแข็งแกร่งแค่ไหน ต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะมีวันนั้น ยังไม่ได้ทันได้ขบคิดให้มากมาย พลันหางตากลับเหลือบไปเห็นชายชุดดำที่เคยสลบอยู่บนพื้นข้างเศษกระจกขยับตัวและเล็งกระบอกปืนมาทางนี้

    “คุณระวัง!”

    การตอบสนองของเหนือสมุทรรวดเร็วเกินคาด เขาคว้าไอหมอกเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแน่นทั้งใช้ร่างตัวเองบังไอหมอกเอาไว้แทบมิด มืออีกข้างลั่นไกใส่มือข้างนั้นที่เล็งปลายกระบอกปืนมายังพวกเขาอย่างแม่นยำ

    ฟิ้ว!

    “อ๊ากกก!!”

    ชายชุดดำกรีดร้องเสียงโหยหวน มือข้างนั้นโดนยิงจนทะลุ เลือดไหลย้อมชุดสีดำจนเปียกชื้น ปืนสีดำขลับกระเด็นหายไปอีกทาง เหนือสมุทรเบนสายตาไปยังชั้นสองของบ้าน ร่างชายอีกคนได้หายไปแล้วตามคาด

    “ไป!” เหนือสมุทรจ้องตาเงียบงัน หากสายตาฆ่าคนตายได้ ชายคนนี้คงเหลือแค่ร่างกายไร้ลมหายใจไปนานแล้ว ปลายกระบอกปืนดำมันวาวยังคงหันหน้าเข้าใส่มันอยู่ รังสีสังหารที่แผ่ออกมาทำให้ชายชุดดำรู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ มั่นใจว่าหากเหนือสมุทรลั่นไกอีกครั้ง ความตายคงเป็นทางออกเดียวของมัน แต่แล้วเมื่อได้ยินเสียงทุ้มราวกับอนุญาตให้หายใจต่อได้อีกครั้ง ร่างกายชุ่มเลือดรีบลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลเร้นกายหนีหายไปกับความมืดของค่ำคืน

    บ้านกลับมาสงบอีกครั้ง เหนือสมุทรก้มมองคนในอ้อมแขนที่นิ่งงันไปแล้ว “คุณ นี่คุณ” ไร้การตอบรับจากไอหมอก

    “ไอหมอก ไอหมอกครับ” มืออุ่นเขย่าไหล่บางเบา ๆ เสียงทุ้มเอ่ยเรียกราวปลอบขวัญ มือข้างหนึ่งลูบแผ่นหลังบางไปมา จนกระทั่งคนในอ้อมแขนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองตากัน นัยน์ตากลมแลดูตื่นตกใจก่อนเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า เรียวปากบางที่ก่อนหน้านี้เจ้าของมันขบกัดจนเลือดไหลเผยอออกเล็กน้อย

    “คุณ...ปลอดภัยใช่ไหม พวกมัน...ไปแล้วใช่ไหม” แววตาดูเลื่อนลอยราวกับร่างกายไต่มาถึงเฮือกสุดท้ายแล้ว

    “ไอหมอกตั้งสติก่อน” มืออุ่นตบแก้มนิ่มเบา ๆ พยามเรียกสติ

    “พวกมัน...ผ...ผมไม่...” น้ำเสียงขาดห้วงเล็กน้อย ฟังดูเหนื่อยอ่อน

    เหนือสมุทรกระชับร่างโปร่งเข้าหาตัวมากกว่าเดิม "ไม่ไหวก็พักเถอะคุณ ผมอยู่ตรงนี้" ราวกับเป็นคำสั่ง ร่างกายคลายตัวลงก่อนที่เปลือกตาสีอ่อนจะหรี่ปรือแล้วปิดสนิทในเวลาไม่นาน แววตาคมมองคนตัวเล็กกว่าสลบคาอ้อมแขน แพขนตาเปียกชื้นเล็กน้อย เรียวปากบางแดงช้ำมีรอยเลือด ความอ่อนล้าปรากฏบนหน้ามนแลดูน่าสงสาร

    “คงเหนื่อยมากสินะคุณหมอ”

    แขนแกร่งช้อนร่างโปร่งพาขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน เหนือสมุทรวางไอหมอกลงบนเตียงกว้าง ก่อนจะผละออกมาถอดถุงเท้าให้ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ สภาพห้องไม่ต่างจากชั้นล่างมากนัก ทุกอย่างถูกรื้อกระจัดกระจาย ทั้งนึกไปว่าไอ้พวกนั้นไม่มีศิลปะในการหาของสำคัญเลย

    “ถือว่าผมไถ่โทษที่จูบคุณเมื่อวันก่อนก็แล้วกันนะคุณหมอ”

    ร่างสูงกำยำก้าวออกจากห้องน้ำ มือหนึ่งถือผ้าสำหรับเช็ดตัว อีกมือถืออ่างน้ำเล็ก ๆ ออกมาด้วย เขาวางทุกอย่างไว้ข้างเตียง ก่อนจะเดินไปหาเสื้อผ้าชุดใหม่มาวางเอาไว้ใกล้ ๆ กัน เหนือสมุทรมองคนตรงหน้าสลับกับมองผ้าเช็ดตัวในมือตัวเอง สุดท้ายจึงตัดสินใจปิดไฟไว้เหมือนเดิมคงดีกว่า เหลือไว้แค่เพียงแสงสว่างจากโคมไฟดวงน้อยตรงหัวเตียงเท่านั้น

    จากที่คิดว่าความมืดบางเบาจะช่วยลดการมองเห็นของตัวเองลงได้บ้าง แต่เปล่าเลย เพราะร่างกายที่ผ่านการฝึกมาอย่างหนัก การมองเห็นในที่มืดถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนในหน่วยต้องผ่านการทดสอบให้ได้ ตอนนี้เขาจึงเห็นกายขาวสะอาดล้อแสงไฟสีนวล และนั่นยิ่งขับให้ร่างโปร่งตรงหน้ายิ่งน่ามองมากกว่าเดิม

    ตามข้อมูลที่เหนือสมุทรรู้มาไอหมอกเป็นคนทางภาคเหนือ ผิวกายเลยขาวเนียนละเอียด ไร้ร่องรอยทั้งยังเกลี้ยงเกลา เรียกได้ว่าดูดีไปทุกสัดส่วน ใบหน้ายามหลับน่ารักราวสัตว์ตัวน้อยซ่อนเขี้ยวเอาไว้ ยิ่งรวมเข้ากับนิสัยดื้อรั้นและคิดบวกอยู่เสมอ แม้บางครั้งจะทำตัวให้น่าเป็นห่วงมากก็ตาม เขาไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมเพื่อนสนิทคนนั้นถึงได้หลงรักไอหมอก

    “นี่ผมไม่ได้จะฉวยโอกาสนะ สิ่งที่คุณมีผมก็มีเหมือนกัน ผมแค่อยากให้คุณพักผ่อน ได้สบายตัวเท่านั้นเอง”

    เหนือสมุทรยอมรับว่าเขาต้องใช้แรงใจอย่างมากในการจัดการกับคนตรงหน้า ส่วนหนึ่งมาจากคนที่หลับใหลอยู่ อีกส่วนมาจากตัวเองที่ไม่เคยต้องมาดูแลใครแบบนี้ หัวหน้าหนุ่มเลยกะแรงไม่ถูกว่าเขาควรลงน้ำหนักมือมากแค่ไหนเพื่อไม่ให้ผิวขาว ๆ นี้ช้ำคามือไปเสียก่อน

    หัวหน้าหนุ่มมองคนตรงหน้าพลิกกายหนีไปอีกทางหลังจากที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ใบหน้ามนซุกอยู่กับหมอนนุ่ม ในอ้อมแขนคว้าตุ๊กตามากอดเอาไว้ ได้ยินเสียงไอหมอกร้องละเมอเบา ๆ "อืออ ผมไม่ผิด ผมไม่..." ใบหน้าดูยุ่งเหยิงราวฝันร้าย

    เหนือสมุทรนั่งลงข้างเตียง ลูบผมนิ่มแผ่วเบา เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงกระสับกระส่ายไปมา อะไรบางอย่างก็ทำให้เขาเสยผมปรกหน้าผากออก ริมฝีปากอุ่นประทับจูบลงอย่างอ่อนโยน “ฝันดีครับคุณหมอ” ราวกับเป็นสิ่งปลอบโยนที่ทำให้ไอหมอกหลับสนิทจนถึงเช้า
     

    ไอหมอกหยุดงานยาวสามวันรวดหลังจากรุ่งอรุณรู้เรื่องที่เขาโดนขโมยขึ้นบ้าน และทันทีที่มาเจอเพื่อนสนิท รุ่งอรุณพบว่าสภาพไอหมอกไม่เอื้อให้ออกไปทำงานเลยสักนิด

    "ถ้าฉันหยุดงานมากกว่านี้ เดี๋ยวก็โดนไล่ออกกันพอดี"

    "ไม่เป็นไร ถ้านายตกงานเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง แลกกับการเลิกทำเรื่องเสี่ยงอันตรายแบบนี้สักที"

    บรรยากาศการทานอาหารค่ำบนโต๊ะวันนี้ไม่เงียบเหงา สองเพื่อนสนิทพูดคุยกันอย่างออกรส เรื่องราวมากมายถูกเล่าออกมาจนมองเห็นภาพ และสุดท้ายก็จบลงที่เรื่องของปรางทราย

    "อุ่น นายติดต่อปรางได้บ้างไหม"

    "ไม่นี่ ทำไมเหรอ"

    คำตอบนั้นทำให้ไอหมอกชักสังหรณ์ใจไม่ดี เขาติดต่อปรางทรายไม่ได้มาสองสัปดาห์แล้ว มีแค่หญิงสาวที่ส่งข้อความมาบอกเป็นระยะ ๆ ว่ายุ่งมาก หากเสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมาหา รุ่งอรุณชะงักมือที่กำลังส่งช้อนเข้าปากเล็กน้อยโดยที่ไอหมอกไม่ได้สังเกตเห็น

    รุ่งอรุณเห็นไอหมอกเงียบไปจึงเอ่ยออกมา "เธอคงยุ่งจริง ๆ ละมั้ง ไม่งั้นไม่หายไปแบบนี้หรอก อย่าคิดมากเลย"

    ไอหมอกก็อยากจะคิดแบบนั้น ถึงขั้นเคยคิดจะไปหาปรางทราย แต่แล้วเขาก็รู้ตัวว่าตัวเองแทบไม่รู้เรื่องราวอื่น ๆ ของปรางทรายเลยแม้แต่นิดเดียว เขารู้แค่ปรางทรายเปิดร้านขายดอกไม้ อายุมากกว่าเขาเกือบห้าปี วันเดือนปีเกิดอันนั้นเขารู้ ทว่านอกเหนือจากนั้นที่ว่าก่อนหน้านี้เธอเป็นใคร มาจากไหน ครอบครัวอยู่ที่ไหน เขาไม่รู้เลยแม้แต่อย่างเดียว

    คุณหมอหนุ่มมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ละเลยอีกฝ่าย แต่น่าแปลกที่ข้อมูลพวกนี้กลับตกหล่นไป

    "เห้ออ นอกจากทำให้ปรางเป็นห่วงแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีเลย ฉันนี่มันแย่จริง ๆ เรื่องของแฟนตัวเองแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้อะไรสักอย่าง" หรือบางทีเขาไม่เหมาะที่จะมีใครจริง ๆ เพราะทุกวันนี้เขาแทบไม่มีเวลาให้ปรางทรายเลย มีแค่หญิงสาวฝ่ายเดียวที่เป็นฝ่ายแบ่งเวลามาให้เขา

    “อย่าคิดมากเลย ฉันว่าปรางเข้าใจ”

    ไอหมอกยกยิ้มเหนื่อยอ่อน ไม่ว่ารุ่งอรุณจะพูดปลอบใจสักแค่ไหน เจ้าตัวทำแค่ยิ้มรับเท่านั้น จนกระทั่งอาหารจานโปรดถูกเลื่อนมาตรงหน้า

    “นี่ ต้มยำกุ้งของนาย ฉันให้ที่บ้านทำมาให้นายโดยเฉพาะเลย ลองดูสิ” รุ่งอรุณเอาใจเพื่อนสนิท หวังให้อีกฝ่ายคลายสีหน้าสลด ไอหมอกเห็นของที่ชอบอยู่ตรงหน้าเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย

    ต้มยำกุ้งหน้าตาน่าทาน ทว่ารสชาติไม่เป็นไปตามที่หวัง ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยแค่ยังไม่ถูกปากเขาเท่านั้นเอง พลันนึกไปถึงต้มยำกุ้งในวันนั้น วันที่คนหน้าด้านทำเอาไว้ให้ก่อนที่เจ้าตัวจะจากไป และมาพบกันอีกครั้งในคืนวันที่ขโมยขึ้นบ้าน และก็เหมือนเช่นเคย เช้าวันถัดมาก็จากไปอย่างไร้ร่องรอย เช้าวันนั้นไอหมอกตื่นขึ้นมาด้วยไข้อ่อน ๆ ตลอดทั้งคืนคลับคล้ายคลับคลาว่ามีคนคอยเช็ดตัวและป้อนยาให้ทั้งตลอดคืน สิ่งที่สามารถยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปนั่นก็คืออ่างใส่น้ำกับผ้าผืนเล็กที่วางอยู่ข้างเตียงนั่นเอง

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้เขาคิดถึงต้มยำกุ้งถ้วยนั้นมากแค่ไหน เพราะปกติแล้วไอหมอกเป็นคนทานยากพอสมควร ไม่คิดว่าผู้ชายในวันฝนตก คนที่ทำเรื่องอุกอาจขโมยจูบเขาในห้องน้ำสาธารณะ จะเป็นคนที่ช่วยเขาเอาไว้เมื่อคืนก่อน ทั้งยังดูแลเขาอย่างดีก่อนจะจากไปตอนใกล้รุ้ง 

    ไอหมอกไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายเข้าหาตัวเองเพราะอะไร แต่...ต้มยำกุ้งถ้วยนั้นอร่อยมากจนลืมรสชาตินั้นไม่ลง

    "เพี้ยนไปแล้วแน่ ๆ ไปคิดถึงคนคนนั้นทำไม หึหึ"

    เขานี่ท่าจะบ้าไปแล้ว ยอมให้คนแปลกหน้าดูแลใกล้ชิดตัวเองขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! 

     

    ***

    #ไอหมอกเหนือสมุทร 

    T : Mairymii

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×