คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ละอองไอที่ 4 ร่องรอยที่ถูกบิดเบือน
ไอหมอกเหนือสมุทร
ละอองไอที่ 4 ร่องรอยที่ถูกบิดเบือน
หลักฐานทางนิติเวชออกมาแล้ว ผลเป็นไปตามที่คาด ทัพฟ้าไม่ได้ตายเพราะอุบัติเหตุตามที่มีการกล่าวอ้างก่อนหน้านี้ เด็กคนนี้ถูกฆาตกรรม พบสารเสพติดเกินขนาดที่คาดว่าได้ร้บเป็นเวลาติดต่อกัน และสาเหตุการเสียมาจากการถูกรัดที่คออย่างรุนแรง พบร่องรอยบอบช้ำตามร่างกายหลายจุด และที่สำคัญพบว่ามีการร่วมเพศอย่างรุนแรงจนอวัยวะฉีกขาด
"..." ไอหมอกอ่านเอกสารในมือด้วยใบหน้าซีดเซียว สภาพร่างขาวซีดหลับตาแน่นิ่งอยู่บนเตียงยิ่งทำให้คุณหมอหนุ่มรู้สึกหนาวเหน็บในใจ ความรู้สึกผิดบางอย่างถาโถมเข้าใส่
...ถ้าเขาใส่ใจอีกสักนิด เด็กคนนี้คงไม่ตาย
...ถ้าเขาตัดสินใจเด็ดขาด ปฏิเสธไม่ไปทานข้าวเย็นกับราฟาเอล อาจจะยังพอมีเวลามากกว่านี้ เขาคงมีทางช่วยเหลือเด็กหนุ่มได้บ้าง
ไอหมอกไม่อยากจะคิดเลยว่าก่อนตาย ทัพฟ้าจะเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสแค่ไหน และไม่ว่าทัพฟ้าจะเป็นใครก็ตาม
"ไม่ควรมีใครเจอเรื่องราวเลวร้ายแบบนี้"
"ฉันรู้" รุ่งอรุณโอบไหล่เพื่อนเอาไว้ เอกสารในมือไอหมอกคือสิ่งที่เขาแอบใช้อำนาจเอาออกมาให้ตามที่อีกฝ่ายร้องขอ แต่ไม่คิดว่าเพื่อนสนิทจะรู้สึกแย่ได้ขนาดนี้ "อย่าโทษตัวเองสิ นายทำเต็มที่แล้ว"
"แต่ถ้าฉันเอะใจสักนิด เด็กคนนี้คงไม่ตาย ถ้าฉันรั้งเขาไว้ เราอาจจะมีทางช่วยเหลือเขาก็ได้" ไอหมอกว่าด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสู้ดีนัก แม้ว่าการทำงานตรงนี้ทำให้เขามองเห็นความตายมาหลายครั้ง ทว่าเคสอย่างทัพฟ้าเป็นเคสแรกที่เขาเจอ
"ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก อีกอย่างเราทำเต็มที่แล้ว เราทำตามหน้าที่จนสุดความสามารถแล้วไอหมอก ปล่อยให้เด็กคนนั้นหลับอย่างสงบเถอะ" รุ่งอรุณเข้าใจดีว่าไอหมอกกำลังคิดอะไร จิตใจที่อ่อนโยนและบริสุทธิ์ การอุทิศตัวเองเพื่อส่วนรวมทำให้ไอหมอกเป็นที่รักของใครอีกหลายคน รวมทั้งตัวเขาเองด้วย
"เห้อออ... นั่นสินะ ยังไงคนก็ตายไปแล้วนี่ ฉันจะคร่ำครวญโทษนั่นนี่ไปก็ไร้ประโยชน์" ไอหมอกถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ ทั้งเบะปากน้อย ๆ อย่างจำยอมให้กับความจริงตรงหน้า จนกระทั่งนึกไปถึงอีกเรื่อง "แล้วพ่อเขาล่ะ ว่าไงบ้าง"
คุณหมอหนุ่มคิดว่าพิศักดิ์คงไม่มีทางปล่อยคนที่ทำร้ายลูกชายตัวเองให้ลอยนวลไปได้แน่นอน ลูกใคร ใครก็รัก แม้ไม่อาจทำให้คนตายฟื้นคืนมาได้ แต่การลากคอคนผิดมารับโทษก็เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะถ้าเป็นไอหมอกเอง หากมีคนมาทำร้ายคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะเอาเรื่องมันอย่างถึงที่สุดแน่นอน
"ได้ข่าวว่าวุ่นวายกันยกใหญ่ คนเป็นพ่อเสียใจหนักจนหมดสติถูกหามส่งเข้าโรงพยาบาล ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าฟื้นแล้วยัง"
"งั้นเหรอ"
รุ่งอรุณบีบไหล่บางอย่างให้กำลังใจอีกครั้ง ไอหมอกเก็บเอกสารใส่ลิ้นชักเอาไว้ คนทั้งคู่เดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้รู้เลยว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งมองตามไปด้วย
ห้องพักหน่วยปฏิบัติการพิเศษในยามดึก วันนี้หัวหน้าเหนือสมุทรยังไม่กลับมา ขณะที่เคนจินั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าแลปทอปมานานนับชั่งโมง เขามองตัวเลขสิบสามหลักวิ่งวนไปมาอย่างคิดหนัก
สองสามวันที่ผ่านมา เคนจิเจาะเข้าระบบของตัวเอง ไล่ถอดรหัสย้อนกลับไปยังวันที่เข้าไปสำรวจเรือลำนั้นที่ระบบของเขาโดนใครบางคนแก้ลำย้อนกลับ วันนั้นเคนจิยอมรับว่าเขาใช้วิธีในการแฮกแบบพื้นฐานเข้าไป ไม่ได้ใช้หลักการขั้นสูงหรือเฉพาะเจาะจง ยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นความคิดน้อยของตัวเอง เรื่องนี้เขาประมาทมากไปจริง ๆ แต่นั่นหมายความว่าคนที่แฮกข้อมูลเขากลับก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
ทั้งเรื่องของชายชุดดำคนนั้นยังคงติดอยู่ในความคิด วิธีการต่อสู้ที่คุ้นเคยยังคงเด่นชัดจนสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้เกิดขึ้นจนลบไม่ออก จนเขายอมอดหลับอดนอนมากว่าสามวันเต็ม ตั้งสมมุติฐานขึ้นมาเพื่อหาข้อมูลที่ใกล้เคียงและเป็นไปได้ที่สุดมายืนยัน และในตอนนี้ที่เขาสามารถแกะรหัสย้อนกลับหาอีกฝ่ายได้แล้วนั้น สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้เคนจิไม่รู้ว่าเขาคิดผิดหรือคิดถูกกันแน่ที่ตามสืบเรื่องนี้ เพราะรหัสที่เขาใช้มีแค่ไม่กี่คนที่สามารถถอดได้ นั่นทำให้เขาเหลือตัวเลือกที่สอดคล้องกับสมมุติฐานตัวเองไม่กี่คนเท่านั้น
ปลายปากกาเคาะลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด "ใช่เหรอวะ" คิ้วขมวดมุ่นจนหน้าแทบยับ แม้ความจริงจะปรากฏอยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังอยากหาข้อมูลอื่นมาลบล้างอยู่ดี "ไม่น่าใช่มั้ง" เคนจิอยากทึ้งหัวตัวเองสักรอบ ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงทุกอย่างก็วนกลับมาที่เดิมอยู่ดี
เสียงเครื่องยนต์แล่นเข้ามาจอด หนุ่มญี่ปุ่นปรายตามองนาฬิกาใกล้จะตี 3 และมีอยู่คนเดียวที่สามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระ นอกจากเคนจิแล้วก็คือเหนือสมุทรนั่นเอง จนร่างกำยำของบุรุษหนุ่มเปิดประตูเข้ามา เคนจิคิดว่าเขาควรบอกเรื่องนี้กับเหนือสมุทร แต่ใบหน้าคมที่ดูผ่อนคลายกว่าที่ผ่านมาทำให้เขาอดใจแซวออกไปไม่ได้
"มีอะไรดี ๆ หรือไงหัวหน้า กลับมาคราวนี้ดูสดใสเหมือนได้ทำอะไรสนุก ๆ มางั้นแหละ หรือว่า.... โอ้ไม่นะ คุณหมอตัวน้อยของฉัน" เคนจิยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะแสร้งตกใจได้อย่างน่าหมั่นไส้
"ก็นิดหน่อย แต่วางใจได้ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรคุณหมอของนายหรอก" เหนือสมุทรว่าอย่างหน่ายใจ ยิ่งเห็นท่าทางเสแสร้งเจ็บปวดเกินจริง เขาจึงคว้าเอาปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะขวางใส่อย่างไม่จริงจังนัก
"อูยย เจ็บนะหัวหน้า ปามาได้" เคนจิลูบหัวป้อย ๆ เพราะแรงเบา ๆ ของพวกเขา นั่นคือมากกว่าแรงของคนปกติเกือบเท่าตัว
"เลิกเล่นได้แล้ว ได้เรื่องว่าไงบ้าง" เหนือสมุทรเห็นสีหน้าเพื่อนสนิทเปลี่ยนไปเครียดขึงจริงจังในพริบตาหลังเขาเอ่ยถามจบ
เคนจิกดอะไรบางอย่างแล้วยื่นแลปทอปให้เหนือสมุทรดูรหัสดิจิตอลสิบสามหลักที่เรียงตัวสวยราวกับรหัสดีเอ็นเอ นัยน์ตาคมกวาดสายตามองครู่เดียวแล้วจึงเบนสายตามามองเคนจิ แฮกเกอร์มือหนึ่งในองค์กรพยักหน้ายืนยันสิ่งที่เหนือสมุทรเข้าใจ
"มั่นใจแค่ไหน"
"เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์"
คราวนี้เหนือสมุทรเผลอแผ่แรงกดดันออกมา หากเป็นคนอื่นอาจจะสำลักความตึงเครียดไปแล้ว แต่เคนจิรู้ดีว่าเหนือสมุทรกำลังคิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนอยู่ ทั้งอาจจะมีแผนการอยู่ในหัวแล้ว
"มีใครรู้เรื่องนี้บ้าง"
เคนจิส่ายหน้า "ไม่มี ก่อนหน้านี้มีแค่ฉันคนเดียว ตอนนี้มีนายเพิ่มมาอีกคน และคิดว่าทางโน้นเองก็คงยังไม่รู้ตัวว่าโดนฉันย้อนรอยกลับอีกที"
"ดีแล้ว อย่าเพิ่งบอกใคร" คราวนี้เคนจิไม่เข้าใจเหนือสมุทรเล็กน้อย ทำไมเหนือสมุทรไม่แจ้งไปยังหน่วยกลางให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และราวกับเหนือสมุทรล่วงรู้ความคิดของคนที่เป็นทั้งเพื่อนและสมาชิกร่วมทีม "หลักฐานเราอ่อนเกินไป และเพื่อความปลอดภัยของนายด้วย"
"แค่เราเจอเขาบนเรือลำนั้น ทั้งเขาแฮกข้อมูลย้อนกลับฉันที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ จนทำให้เราตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงตายแบบนั้น ที่สำคัญเขารู้จักกับราฟาเอลได้ยัง แล้วทำไมถึงไปทำงานให้พวกมัน แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ" เคนจิคิดว่าแค่นี้ก็มากพอให้คนคนนั้นโดนตรวจสอบจากหน่วยกลางแล้ว
"งั้นฉันถามหน่อย นายมั่นใจได้ไงว่าเป็นเขา ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อนาย แต่ถ้าเกิดไม่ใช่เขาขึ้นมาจะเป็นเราเองที่แหวกหญ้าให้งูตื่น แต่ถ้าใช่เขาจริง มั่นใจได้ไงว่ามีแค่เขาคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เราถึงต้องการหลักฐานที่มากกว่านี้ไง และแน่นอนนายก็รู้ว่าหน่วยปฏิบัติการพิเศษของเราเด็ดขาดกับเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน ถ้าคนคนนั้นรู้ตัวว่าเราจะเข้าไปแตะต้องเรื่องสกปรกของตัวเอง คิดเหรอว่าเขาจะยังเก็บเราไว้น่ะ"
เหนือสมุทรมองสบตาเคนจิที่มองมา เขาเองก็ใช่ว่าจะยอมรับได้เร็ววันว่าคำสัตย์ปฏิญาณที่เพียรท่องให้สลักลึกในใจจะเป็นแค่ลมปากสำหรับคนบางคนเท่านั้น การที่เขาหายไปหลายวันมันทำให้เขาได้ตระหนักคิดได้ว่ายังไงพวกเขาก็ยังเป็นมนุษย์ ความต้องการ ความทะเยอทะยานยังคงเปี่ยมล้น ความโลภหลงใหลในทรัพย์และยศศักดิ์ยังคงมี
"นายอย่าลืมสิ สิ่งที่เราได้จากการฝึกฝนในหน่วย ถ้าใช้ในทางที่ถูกมันสร้างประโยชน์มหาศาล แต่ถ้าใช้ในทางที่ผิดมันก็ไม่ต่างจากเครื่องจักรสังหารดี ๆ นี่แหละ และนายต้องยอมรับว่า นาย..ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา"
เป็นความจริงที่น่าเศร้าสำหรับเคนจิ "แต่ฉัน...ทำใจไม่ได้ว่ะ ที่นี่ทำให้ฉันมีตัวตน ฉันยอมให้คนเห็นแก่ตัวแบบนั้นมาทำให้แปดเปื้อนไม่ได้หรอก อีกอย่างฉันเองก็รู้ว่านายรักในเกียรติและศักดิ์ศรีของหน่วยมากแค่ไหน ฉันยอมให้ทุกอย่างพังลงแบบนี้ไม่ได้"
เหนือสมุทรเห็นสีหน้าสลดลงของเพื่อน มือจับไหล่หนาสองข้างเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ฉันไม่ได้ปล่อยพวกมันไป เชื่อฉันสิ ฉันนี่แหละจะสาวไส้พวกมันออกมาเอง และนายต้องอยู่ช่วยฉันด้วย เข้าใจไหมเคน"
เคนจิมองสบตาคมดุทอประกายกร้าวตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมา "เข้าใจแล้ว" สำหรับเคนจิแล้ว คำมั่นของเหนือสมุทรจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะคิดว่ามันโกหกหลอกลวง
เหนือสมุทรตบไหล่หนาเบา ๆ แล้วแจ้งเรื่องสำคัญ "พรุ่งนี้ 1 ทุ่ม รุ่นพี่จะมาถึงที่นี่ เตรียมตัวให้ดีล่ะ"
"แล้วนายไม่อยู่เหรอ" เคนจิเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง ทำให้เขาต้องหันขวับไปมองเพื่อนสนิทอย่างเหนือสมุทรทันที
เหนือสมุทรไม่สนใจสายตานั้น เขาไหวไหล่แบบไม่ใส่ใจ พูดสบาย ๆ "ดูเหมือนคุณหมอของนายจะเกิดเรื่อง" หัวหน้าหนุ่มยังไม่ทันได้หมุนกายจากไปหันมาเตือนเคนจิอีกอย่าง "อ้อ บอกรุ่นพี่ว่าฉันไปทำธุระ เสร็จแล้วจะรีบกลับ ยังไงฝากนายรับรองด้วยละกัน สนิทเหมือนกันนี่" คราวนี้เหนือสมุทรแสยะยิ้มเย็น พอกับที่เคนจิจะกระตุกยิ้มร้าย เหมือนอย่างที่เหนือสมุทรว่า สิ่งที่ฝึกฝนเรียนรู้มาหากใช้ในทางกลับกัน ก็ไม่ต่างนักฆ่าดี ๆ นี่เอง
ขณะนี้เวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ทว่าเคนจิยังอยู่ห้องพักเหมือนเดิม เพราะก่อนหน้านี้มีอีเมลแจ้งมาจากรุ่นพี่ว่าต้องไปทำธุระก่อน ไม่ต้องมารับ เสร็จแล้วจะติดต่อกลับอีกที หลังจากอ่านอีเมลจบ หนุ่มญี่ปุ่นก็แจ้งเหนือสมุทรทันที หลังจากนั้นก็หมกตัวอยู่หน้าคอมฯ ตัวเก่งตลอดทั้งวัน บนหน้าจอเต็มไปด้วยตัวเลขและตัวอักษรวิ่งไปมาไม่หยุดจนกระทั่งเจอสิ่งที่ต้องการ เขาทำอะไรบางอย่างกับมัน ไม่นานก็ยกยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
"เก่งเหมือนกันนะเราเนี่ย หึหึ"
เช้าวันนี้คุณหมอคนเก่งเป็นอันต้องล้มป่วยลงกะทันหัน ด้วยสาเหตุพักผ่อนไม่เพียงพอจนล้มวูบลงหลังจากเข้าตรวจคนไข้เมื่อวานเช้า แม้ว่าเขายืนยันว่าตัวเองยังสามารถทำงานได้ปกติ แต่รุ่งอรุณกลับไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น ความเป็นห่วงของเพื่อนสนิทเป็นสิ่งที่เขาเข้าใจได้ แต่ไม่น่าสงสัยเท่ากับผู้อำนวยการที่โทรหาเขาโดยตรงและบอกให้เขาพักผ่อนอยู่บ้าน ให้หยุดงานไปเลยสามวันรวด ไอหมอกพยายามปฏิเสธอย่างหนักแน่นแต่น้ำเสียงเว้าวอนของคนปลายสายทำให้เขาต้องยินยอมหยุดงานอย่างเลี่ยงไม่ได้
"อย่าให้เราต้องเสียหมอที่มีจิตใจดีอย่างคุณไปเลยนะไอหมอก"
ความหิวทำให้คุณหมอหนุ่มไม่อาจขังตัวเองอยู่ในห้องได้ เขาจะไปหาปรางทรายก็ไม่ได้เพราะหญิงสาวไปทำธุระต่างจังหวัดโดยไม่มีกำหนดกลับ และการทำอาหารทานเองก็ดูเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับเขา
"ไม่มีอะไรพอจะกินได้เลยแฮะ" เสียงนุ่มบ่นออกมาเบา ๆ เมื่อเปิดตู้เย็นแล้วเจอแต่น้ำเปล่า มองไปบนโต๊ะก็เจอแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซึ่งเขากินจนเอียนแล้ว จะสั่งอาหารมาทานเองก็ไม่รู้จะกินอะไรดี
"เห้อ อยากกินต้มยำกุ้งจัง" ไอหมอกรู้สึกว่าหากได้ทานอะไรร้อน ๆ รสชาติไม่จืดชืด คงทำให้เขาคงรู้สึกดีไม่น้อย แต่จะสั่งมาทานก็กลัวจะเหมือนหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา รสชาติก็อร่อยดีตามที่มีการรีวิวนั่นแหละ แต่ไม่ถูกปากเขาเลยสักนิด คุณหมอหนุ่มเลยคิดว่าอาจจะถึงเวลาแล้วที่เขาต้องตัดสินใจทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อีกสักครั้ง
"ต้มยำกุ้งถ้วยนึงคงไม่ทำให้หมออย่างฉันดูโง่หรอกมั้ง ใคร ๆ ก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ ฉันก็ด้วย! " ว่าแล้วคุณหมอหนุ่มก็หายเข้าห้องนอนไปก่อนจะออกมาด้วยสภาพเสื้อยืดตัวโคร่ง กางเกงสีเบจขาสั้น รองเท้าแตะสีดำแล้วหายออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
ซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ไม่ไกลจากบ้าน ทว่าไอหมอกเลือกที่จะไปเดินตลาดมากกว่า ตลาดสดยามเย็นทำเอาคุณหมอหนุ่มมีสีหน้าหลากหลายราวกับเด็กน้อยเจอของเล่นถูกใจ
"ป้าครับ กุ้งนี่ขายยังไงครับ" กุ้งสามถาดไล่ขนาดกันไปวางอยู่ตรงหน้า
"กิโลละ 280 ค่ะ เอาเท่าไหร่ดีคะ" แม่ค้ายิ้มหวานให้ไอหมอกที่งงกว่าเดิม เพราะเขาไม่รู้ว่าต้มยำกุ้งหนึ่งถ้วยใช้กุ้งกี่กิโล และยิ่งงงเข้าไปอีกว่าหนึ่งกิโลได้กุ้งกี่ตัว
"เอ่อ ผมเอา..."
"เอากุ้งไซต์นี้ 1 กิโลครับ"
ยังไม่ทันที่ไอหมอกจะเอ่ยปากบอกป้าแม่ค้า กลับมีชายหนุ่มร่างสูงกำยำมาแย่งซื้อกุ้งตัดหน้าเขาไปเสียก่อน คนหน้ามนหันขวับมองชายหนุ่มตรงหน้า เมื่อเห็นว่าเป็นใคร คิ้วเรียวก็ผูกเป็นปมแทบจะทันที
ผู้ชายในวันฝนตกคนนั้น ไอ้บ้าที่ขโมยจูบเขา คือคนเดียวกับที่ซื้อกุ้งตัดหน้าเขาไป!
"มาซื้อกับข้าวเหรอคุณ" เหนือสมุทรยื่นเงินให้แม่ค้า รับกุ้งตัวโตมาถือเอาไว้ หันมองคนตัวเล็กกว่าข้างกายที่กำลังทำหน้าบูด มองมาที่ตัวเองด้วยสายตาเชือดเฉือน
ไอหมอกยังโกรธเรื่องเมื่อวันนั้นอยู่มาก และไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกันอีกแบบนี้!
หัวหน้าหนุ่มมองคนตัวบางหมุนกายรีบจ้ำอ้าวหนีหายไปกับฝูงชนในตลาด คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างนึกขำ "สงสัยยังไม่หายโกรธแฮะ" ทั้งไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปก่อนหน้านี้สักนิด เขาปรายตามองกุ้งตัวโตในมือแล้วยกยิ้มบาง ก่อนจะรีบก้าวตามแผ่นหลังบางที่มองเห็นไกล ๆ ไป
คุณหมอหนุ่มคิดว่าตัวเองเป็นคนใจเย็นมาตลอด จนมาถึงตอนนี้ไอหมอกรู้สึกว่าตัวเองอาจจะเข้าใจตัวเองผิดไป ไม่ว่าเขาจะซื้ออะไร ก็จะมีอีกฝ่ายเป็นคนเลือกซื้อตัดหน้าตลอด และยังจ่ายเงินให้เสร็จสรรพ แต่เพราะไม่อยากโวยวายทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ทั้งยังไม่อยากตกเป็นจุดสนใจ
ไอหมอกอดกลั้นจนกระทั่งเดินพ้นเขตตลาดที่มีคนพลุกพล่านออกมาพอสมควร เขาจึงหันมาแหวใส่คนที่ตีเนียนเดินตามตัวเองมาติด ๆ
"นี่คุณ! ตามผมมาทำไม"
"ครับ? " เหนือสมุทรตีหน้าซื่อไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหมอหนุ่มต้องการจะสื่อ ทั้งยังแสร้งทำสีหน้าตกใจเกินเหตุกับระดับเสียงที่ไอหมอกคำรามใส่ตัวเอง
"ผมถามว่าคุณตามผมมาทำไม! " คราวนี้คนตัวเล็กกว่ายืนเท้าสะเอวด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังส่งสายตาหวาดระแวงมาให้ร่างสูงกำยำตรงหน้าได้รู้สึกขำเล่นอีกด้วย
“เปล่านี่ ผมแค่มาเดินตลาด”
ไอหมอกเม้มปาก นัยน์ตาวาววับจับจ้องเหนือสมุทรอย่างไม่ยอมแพ้ ปกติไอหมอกเองไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้วดังนั้นการต่อล้อต่อเถียงเขามักจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ทางยอมแพ้แน่นอน!
“โอเคครับ ผมยอมแล้ว” เหนือสมุทรเห็นท่าทีของไอหมอกพลันรู้สึกเอ็นดูขึ้นมา สองมือยกขึ้นบ่งบอกว่ายอมแพ้ “ผมมาขอโทษเรื่องวันก่อนที่ผมทำไม่ดีใส่คุณ”
“ไม่จำเป็น” เสียงนุ่มว่าเสียงห้วน ทว่าน้ำเสียงอ่อนลงมาเล็กน้อย
เหนือสมุทรยกยิ้มอ่อน “ผมมาขอโทษคุณจริง ๆ วันนี้ผมไปหาคุณที่โรงพยาบาลมากะว่าจะเลี้ยงกาแฟไถ่โทษคุณสักหน่อย แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าคุณลาป่วย แถมใจดีบอกว่าคุณพักที่ไหน ผมเลยถือโอกาสแวะมาหาคุณแค่นั้นเอง”
“...” ไอหมอกยิ่งทำสีหน้าเคลือบแคลงหนักกว่าเดิม
“อุ๊บ! หึหึ” เหนือสมุทรเห็นสีหน้าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปมาจึงหลุดหัวเราะออกมา ทำให้ไอหมอกกลับมาหน้าบูดบึ้งอีกครั้ง
“ขอโทษครับ ขอโทษ ก็คุณทำหน้าเหมือนแมวขี้สงสัยทำไมล่ะ” เหนือสมุทรยังคงไม่หยุดแหย่คนตรงหน้า ทั้งที่ในความเป็นจริงที่ผ่านมา หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษไม่เคยหยอกเย้าใครเล่นมาก่อน ไอหมอกจึงถือเป็นบุคคลพิเศษขึ้นมาทันที
“จิ๊!” คุณหมอหนุ่มกอดอกฉับ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตายังคงจับจ้องชายหนุ่มร่างกำยำตรงหน้าไม่วางตา บอกให้รู้ว่าตัวเองจริงจังแค่ไหน
“ถ้าคุณยังพูดเล่นไม่เลิก ผมจะไม่ฟังอะไรจากปากคุณแล้วนะ ส่วนเรื่องวันนั้นก็ช่างมันเถอะ ผมถือว่าทำทาน” คนตัวบางว่าอย่างถือดี ใบหน้ามนยังคงเชิดขึ้น พลันเห็นสีหน้าเหนือสมุทรเปลี่ยนไป
“ระวัง!”
“เฮ้ย! อึก”
เอี๊ยดดดด
แรงกระชากไม่เบานักทำเอาร่างโปร่งตั้งตัวไม่ทันล้มเข้าหาอีกคน ไอหมอกตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่งอีกครั้งเมื่อมีรถคันหนึ่งขับพุ่งเข้ามาโดยไม่มีการแตะเบรกเลยสักนิด และถ้าไม่ได้เหนือสมุทรดึงเขาให้พ้นทาง ป่านนี้ไอหมอกคงเจ็บหนักพอควร
ไอหมอกยังคงตกใจอยู่ เขาทันเห็นแค่ตอนที่รถคันนั้นใกล้ประชิดตัวเขาแล้ว รับรู้ได้ถึงแรงกระชากไม่เบานัก ภาพทุกอย่างมืดสนิทเมื่อหน้าเขาแนบอยู่กับอกหนา ความตกใจแทนที่ด้วยความอุ่นใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อกี๊นี่มันอะไรกัน ...รถคันนั้น ตั้งใจจะชนเขาใช่ไหม
ทว่าเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหนความร้อนก็วิ่งผ่านแก้มเนียนจนซับสีอ่อน ใบหน้ามนยังคงซบอยู่บนอกหนา อ้อมแขนแกร่งโอบรัดอยู่ตรงเอว ส่วนมืออีกข้างกดหัวเขาให้แนบเข้าหามากกว่าเดิม เหนือสมุทรคงคิดจะเซฟเขาให้ได้มากที่สุดหากเกิดอะไรไม่คาดคิดขึ้นมา
ตึกตัก ตึกตัก
ใจเจ้ากรรมเต้นระส่ำอยู่ในอก กลิ่นกายหอมเย็นที่เผลอสูดเข้าไปยิ่งทำให้ไอหมอกหน้าแดงกว่าเดิม
"ลงมือแล้วสินะ" เหนือสมุทรพึมพำมองตามรถคันดังกล่าวไป เขามั่นใจว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน อีกฝ่ายตั้งใจขับรถพุ่งเข้าหาไอหมอก เพราะหากเป็นคนเมาขับ รถคงส่ายและเสียหลัก แต่นี่หลังจากพลาดเป้า รถคันนั้นกลับรีบเร่งขับหนีไปทันที
ใบหน้าหล่อเข้มเผยแววตาเยียบเย็นวูบหนึ่งก่อนมันจะจางหายไปเพราะแรงดิ้นของคนในอ้อมแขน
“คุณเจ็บตรงไหนไหม” เหนือสมุทรยังคงไม่ปล่อยอีกฝ่ายออกห่าง เอ่ยถามคนที่ยังคงก้มหน้างุดอยู่
“ผมไม่เป็นไร คุณ..ปล่อยได้แล้ว ผมอึดอัด” มือเรียวพยายามแกะมือเขาออกจากเอว อีกข้างดันอกหนาให้ออกห่าง
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” คราวนี้หัวหน้าหนุ่มไม่ได้แกล้งคุณหมอตัวบาง เขาผละออกแต่โดยดี ก่อนจะต้องรีบคว้าแขนเรียวของไอหมอกเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายทรุดลงกับพื้น
“อ๊ะ ซี๊ดด เจ็บ” ทันทีที่อ้อมแขนแกร่งคลายออก ไอหมอกขยับตัวออกห่างได้เล็กน้อยก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น ข้อเท้าเรียวเจ็บจี๊ดขึ้นมา
“สงสัยข้อเท้าจะแพลงแล้วคุณ เดี๋ยวผมไปส่ง” เหนือสมุทรไม่สนใจสีหน้าสงสัยของไอหมอก เขาเก็บกระเป๋าผ้าที่อีกฝ่ายใช้จ่ายตลาดขึ้นมาถือเอาไว้ ก่อนจะตั้งท่าช้อนตัวคุณหมอหนุ่มขึ้นในท่าเจ้าสาว
“เฮ้ย ๆ เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวก่อนนน คุณจะทำอะไร!” ไอหมอกร้องเสียงหลง มือเรียวปัดป้องไม่ยอมให้เหนือสมุทรช้อนตัวตัวเองขึ้นอุ้มได้ ทั้งจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง
ไอ้บ้านี่จะทำให้เขาขายหน้าไปถึงไหน
เหนือสมุทรนั่งลงตรงหน้าคนที่ยังคงนั่งจุมปุกอยู่กับพื้น นัยน์ตาคมดุจับจ้องสบตากลมนิ่ง ๆ ไอหมอกเจอแบบนี้ไม่นานก็ค่อย ๆ นิ่งสงบลงและเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อน เรียวปากบางเม้มแน่น ก่อนจะพูดบางอย่างออกมาด้วยความเขินอาย
“ขี่หลังได้ไหม ผมไม่อยากโดนอุ้ม” เสียงนุ่มอ้อมแอ้มตอบ อยากจะจดจ้องถือดีให้มากกว่านี้ แต่สายตาคู่นั้นที่มองมามันทำให้เขารู้สึกประหม่า
“อายเหรอ”
ไอหมอกไม่ยอมมองสบตาคนตรงหน้า ใบหน้ามนพยักหน้าน้อย ๆ “กลับทางหลังหมู่บ้านเลียบแม่น้ำได้ ทางนั้นไม่ค่อยมีใครใช้”
ในเมื่อไม่มีทางเลือก คุณหมอหนุ่มจึงจำเป็นต้องบอกทางลัดที่ตัวเองใช้อยู่ทุกวันให้อีกฝ่ายรู้ แค่นึกภาพว่าผู้ชายตัวโตให้ผู้ชายอีกคนขี่หลัง ไอหมอกก็รู้สึกอายจนหน้าแทบไหม้แล้ว
เหนือสมุทรทอดถอนใจออกมา “ครับผม ...ตอนว่าง่ายก็น่ารักดีนะคุณ”
ได้ยินคำพูดแสลงหู เจ้าของความน่ารักก็หันขวับคอแทบเคล็ดกันเลยทีเดียว “ใครน่ารักกัน อย่ามาพูดมั่ว ๆ นะ อึก!” และเพราะออกแรงมากเกินไปทำให้กระเทือนไปถึงข้อเท้า ไอหมอกสูดปากด้วยความเจ็บ
“ดื้อ” เหนือความคาดหมายทั้งไอหมอกและเหนือสมุทรเมื่อมืออุ่นใหญ่วางลงบนกลุ่มผมนิ่ม โยกหัวอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเอ็นดู
ไม่เคยมีใครทำท่าทางเอ็นดูแบบนี้กับตัวเองมาก่อน ไอหมอกรู้สึกอยากระเบิดตัวเองหายไปจากตรงนี้ หน้ามนร้อนจนได้กลิ่นไหม้ มือเรียวรีบปัดมือหนาออกด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง ขณะที่เหนือสมุทรยังคงทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้ใจจะกระตุกไปแล้วรอบหนึ่ง
“อย่าสิ”
“นี่เสื้อ” หัวหน้าหนุ่มถอดเสื้อแจ็กเกตตัวเองยื่นให้ไอหมอก คุณหมอหนุ่มมองตามมือที่ยื่นมาให้ก็ทำหน้างงเล็กน้อย “ก็ถ้าคุณอายที่ใครจะเห็น ก็ใส่ไว้” แม้เจ้าตัวจะรู้สึกลังเลอยู่บ้างแต่คงดีกว่าอวดโฉมหน้าให้ทุกคนเห็นสภาพน่าอายของตัวเอง
ไอหมอกรับเสื้อมาสวมเอาไว้ เสื้อตัวโตกว่าตัวเองไปเยอะ แขนเสื้อยาวจนไม่เห็นมือเรียวขาวของคนใส่ เหนือสมุทรช่วยดึงฮู้ดขึ้นมาคลุมผมนิ่มสีอ่อนให้อย่างอ่อนโยน เขาเห็นไอหมอกยังนิ่งเงียบ แต่แล้วเสียงนุ่มหวานแผ่วเบาก็เอ่ยขึ้น “ขอบคุณ”
เหนือสมุทรไม่เคยรู้สึกเอ็นดูใครแบบนี้มาก่อน คนตรงหน้าราวกับสัตว์ตัวเล็กที่แอบซ่อนเขี้ยวเอาไว้ หัวหน้าหนุ่มกระแอมไอสองสามที หันหลังให้อีกฝ่ายค่อย ๆ ปีนขึ้นมา ท่อนแขนแกร่งกระชับใต้ข้อพับขา เมื่อแน่ใจแล้วว่าคุณหมอหนุ่มไม่ตกลงไปแน่นอน เขาจึงค่อย ๆ ก้าวเท้าออกเดิน
ระยะทางจากบ้านของไอหมอกกับตลาดไม่ไกลกันมากนัก ทั้งทางลัดที่เจ้าตัวใช้ประจำก็เลียบติดแม่น้ำ มีต้นไม้ขึ้นเต็มให้ความร่มรื่น ลมพัดเอื่อย ๆ พาให้คนบนหลังอ้าปากหาววอด
“ง่วงเหรอคุณ”
“นิดหน่อย”
“คนเป็นหมอเขาเป็นแบบนี้ทุกคนรึเปล่า” เสียงทุ้มยังคงเอ่ยถาม
“อือ แตกต่างกันไม่มากไม่น้อยหรอก ถามทำไม หรือคุณอยากเป็นหมอเหรอ” น้ำเสียงเริ่มยานคางเล็กน้อย ไอหมอกรู้สึกหนังตาหนักอึ้ง ทั้งที่พยายามเกร็งตัวเอาไว้ ไม่อยากแนบชิดกับคนตรงหน้ามากนัก แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะฝืน
“ง่วงก็นอน”
“ไม่เอา”
“ตามใจ”
แม้จะปฏิเสธเสียงแข็งมากแค่ไหน ทว่าความเหนื่อยล้าที่สะสมมา เมื่อเจอความรู้สึกอ่อนโยนมั่นคงแบบนี้ ใจดวงน้อยพลันโอนเอียงอย่างเห็นแก่ตัว กายบางที่เครียดตึงเกร็งเอาไว้ค่อย ๆ ผ่อนลง สายลมพัดแผ่วเบาให้ความรู้สึกเย็นสบาย ความแข็งแกร่งของแผ่นหลังที่ซบอยู่ให้ความรู้สึกปลอดภัย ไอหมอกรู้ดีว่าไม่ควรคิดแบบนี้ เขาไม่ควรคิดแบบนี้ทั้งที่มีคนรักอยู่แล้ว
แม้จะแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ไอหมอกเองยังรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งเรื่องนี้คนที่ผ่านสนามรบมาเยอะอย่างเหนือสมุทรเข้าใจดี
“หลับได้สักทีนะคุณ”
บ้านหลังขนาดกลางอยู่ตรงหน้า เหนือสมุทรไม่จำเป็นต้องปลุกคนบนหลัง เขาถือวิสาสะเข้าบ้านหลังจากขออนุญาตคนที่ยังคงหลับใหลอยู่
โซฟาเบดตัวยาวกลายเป็นเตียงนอนชั่วคราว ไอหมอกขยับหามุมนอนเล็กน้อยแล้วแน่นิ่งไป เหนือสมุทรไม่ได้รบกวนคนหลับอีก เขามุ่งหน้าเข้าสู่ห้องครัว มองสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในกระเป๋าผ้าก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรเป็นมื้อเย็น
“ต้มยำกุ้งสินะ”
เป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง เมื่อหัวหน้าหนุ่มจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษสวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลลายหมี กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในห้องครัว สำหรับคนอื่นอาจมองว่าคนกับสถานที่ไม่เข้ากันสักนิด แต่สำหรับเหนือสมุทรแล้ว เขาสามารถทำทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่นานต้มย้ำกุ้งน้ำข้นหน้าตาน่าทานก็ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งห้องครัว
เหนือสมุทรไม่ได้มาที่นี่ด้วยความบังเอิญ แม้ว่าในเรื่องนี้จะมีความบังเอิญอยู่บ้างก็ตาม แต่การเข้าหาชายหนุ่มเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ช่วยดูแลเขาแทนฉันได้ไหมคะ”
“ทำไมต้องเป็นผม”
“ถ้าบอกว่าฉันเชื่อในสัญชาตญาณตัวเองคุณจะเชื่อไหม”
“...”
“พวกคุณไม่ใช่คนที่จะปรากฏตัวง่าย ๆ หรือเข้าหาใครอย่างไร้สาเหตุ และการที่ฉันเจอคุณอยู่ใกล้ ๆ ไอหมอก ฉันเชื่อว่าต้องมีเหตุผลมากกว่าความบังเอิญแน่นอน คุณอย่าลืมสิคะ ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ในสถานะไหนมาก่อน”
“ผมอาจจะฆ่าเขา”
“คุณจะไม่ทำแบบนั้น ถ้าคุณได้รู้จักเขาจริง ๆ คุณจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน”
“ดูเหมือนคุณจะรักเขามาก”
“ใช่ค่ะ เขาเป็นเหมือนน้องชาย เป็นเหมือนครอบครัวฉัน ได้โปรดเถอะนะคะ อย่างน้อย ๆ ก็อย่าให้เขาตกอยู่ในมือของราฟาเอลเลย”
“คุณรู้อะไรมา”
“ฉันบอกได้แค่ว่าไอหมอกกำลังเป็นเหยื่อของมัน สาเหตุก็มาจากเด็กคนนั้น ทัพฟ้า ...ฉันรู้แค่ว่าไอหมอกมีสิ่งที่พวกมันหวงมากอยู่กับตัว แต่ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคืออะไร”
หลังจากการพูดคุยในตรอกมืดกับเธอคนนั้นเมื่อหลายวันก่อน มันสอดคล้องกับเหตุผลที่ว่าราฟาเอลจะยังไม่ออกจากประเทศนี้ เพราะมันกำลังตามหาบางอย่างอยู่ อะไรบางอย่างที่ทำให้คนอย่างราฟาเอลลงมือด้วยตัวเองได้คงสำคัญมาก ทั้งหน่วยที่ส่งข้อมูลมาให้เขาจับตามองหมอหนุ่มคนนี้เอาไว้อีก
สายตาคมดุมองคนที่ยังคงหลับสนิทด้วยแววตาเงียบเย็น กลิ่นสังหารแผ่กำจายออกมาจนรู้สึกถึงแรงดันอากาศที่ลดน้อยลง
“ถ้านายเป็นยิ่งกว่าตัวร้าย ฉันก็คงต้องจัดการกับนายก่อนที่พวกมันจะได้สิ่งที่ต้องการไป” ถ้อยคำเย็นชาต่างจากมือใหญ่ที่ลูบผมนิ่มแผ่วเบา มองคนหลับลึกที่ไม่มีการระวังตัวเองใด ๆ ทั้งสิ้นอย่างนึกสมเพชแกมเอ็นดู
“แต่เอาเถอะ ฉันจะให้โอกาสนายสักครั้ง หวังว่าลาสบอสคงไม่ใช่นาย” เหนือสมุทรกระชับเสื้อตัวโตให้ห่อตัวคนหลับสนิท กะเวลาเอาไว้ว่าอีกยี่สิบนาทีจะปลุกคนขี้เซาให้ตื่น แต่แล้วสัญชาตญาณของเขาทำให้เขาต้องกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จนไปหยุดที่ประตู
ใครบางคนกำลังเข้ามาในบ้าน เหนือสมุทรผละตัวออกห่างหลบซ่อนตัวไปอีกทาง เฝ้ารออย่างใจจ่อ ราวห้านาทีปรากฏร่างชายหนุ่มคนนั้น คนที่เหนือสมุทรเคยเจอที่โรงพยาบาล เพื่อนของไอหมอก รุ่งอรุณหรือหมออุ่นนั่นเอง
เขาเห็นรุ่งอรุณมองคนหลับด้วยสายตาที่ต่างไปจากปกติ อีกฝ่ายนั่งลงข้างไอหมอกทั้งยังระมัดระวังที่จะสัมผัสอีกฝ่ายราวกับประหม่า และสิ่งที่ทำให้เหนือสมุทรต้องเลิกคิ้วมองก่อนจะกระตุกยิ้มร้ายออกมา
รุ่งอรุณจูบไอหมอกแม้จะเป็นแค่หน้าผาก แต่คนเป็นเพื่อนกัน ไม่มีทางทำแบบนี้แน่นอน ทำให้เหนือสมุทรพลันนึกคิดไปถึงหญิงสาวอีกคน
"รักสามเส้า เราสองสามคนงั้นเหรอ ...น่าสนุกดีนี่"
หลังจากเก็บรายละเอียดจนพอใจ หัวหน้าหนุ่มจากหน่วยรบพิเศษก็เร้นกายหายไปราวกับเงาอีกเช่นเคย ทิ้งไว้แค่เพียงต้มย้ำกุ้งหม้อใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งห้องครัว และมีกระดาษโพสอิทแปะเอาไว้
ทานให้อร่อยนะคุณ
ค่ำคืนนั้นเกิดข่าวชวนช็อก ทุกช่องทางในโลกโซเชียลต่างพาดหัวข่าวเรื่องเดียวกัน ใครหลายคนต่างเข้ามาแสดงความเสียใจกับการจากไปอย่างกะทันหันของเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักคนนั้น
ลูกชายคนเดียวของนักการเมืองใจบุญชื่อดัง ทัพฟ้า ภัครวัฒิโยธินประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทางครอบครัวเผยก่อนหน้านี้มีอาการตึงเครียดจนคลุ้มคลั่งควบคุมตัวเองไม่ได้ ครอบครัวรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากจนถึงขั้นหมดสติต้องหามเข้าโรงพยาบาลเป็นการด่วน!
***
อ่านให้สนุกนะคะ
#ไอหมอกเหนือสมุทร
T : Mairymii
ความคิดเห็น