คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ละอองไอที่ 3 จุดเริ่มต้นในจุดจบ
*** เนื้อหามีความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน พฤติกรรมไม่ควรลอกเลียนแบบ***
ไอหมอกเหนือสมุทร
ละอองไอที่ 3 จุดเริ่มต้นในจุดจบ
เตียงสีขาวขนาดใหญ่วางอยู่กลางห้อง ม่านผืนบางสีแดงสดกางกั้นเรื่องราวภายในต่อคนภายนอก ชายชุดดำสองคนยืนหันหลังไม่ห่างจากเตียงดังกล่าวมากนัก พวกเขาทั้งคู่ไม่ต่างจากหุ่นยนต์ ไร้ความรู้สึก ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้อง ครางเครือด้วยความเจ็บปวดหรือสุขสม ไปจนถึงการอ้อนวอนร้องขอชีวิตของเด็กหนุ่มอย่างทัพฟ้า
“พอ อึก แล้ว ผมเจ็บ อ๊ะ..” กายบางสั่นไหว ใบหน้าเนียนแนบไปกับหมอนใบโต ข้อมือทั้งสองข้างถูกจับไขว้หลังโดยมีมือใหญ่ข้างหนึ่งกดมันเอาไว้ อีกข้างกระชับเอวผอมบาง ใส่แรงไม่ยั้ง ตอกย้ำความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้เด็กหนุ่มเจ็บเจียนตาย
ราฟาเอลไม่สนใจเสียงอ้อนวอนเหล่านั้น เขายังคงตักตวงรสชาติจากเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่รู้จักพอ เขาทำแบบนี้ซ้ำ ๆ ยาวนานมาตั้งแต่เมื่อคืน จนกระทั่งตอนนี้เป็นเวลาเช้าของอีกวัน เขาให้เวลาทัพฟ้าพักแค่ลมหายใจไม่กี่เฮือกเท่านั้น แล้วจึงกระแทกกายเข้าหาร่างผอมบางจนบอบช้ำไปทั้งตัว
ยิ่งทัพฟ้าอ้อนวอนร้องขอชีวิตมากเท่าไหร่ ราฟาเอลยิ่งรู้สึกหื่นกระหายมากเท่านั้น
“อ่าห์” เสียงครางทุ้มต่ำเยียบเย็น มือหนาเสยผมชื้นเหงื่อ เผยใบหน้าคมเข้ม แววตาแฝงความเจ้าเล่ห์ราวกับอสรพิษ
สะโพกสอบถอนกายออก มองทัพฟ้าทิ้งตัวราบไปกับเตียงสะอาดอย่างหมดแรง หอบหายใจถี่หนักราวจะขาดใจเสียให้ได้ ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยช้ำ บางจุดเขียวจนม่วงคล้ำ โดยเฉพาะรอบเอวเป็นรอยแดงชัดกว่าจุดอื่น ต้นขาด้านในเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบคาวสีขุ่นปนสีแดงจาง ๆ เสียงสะอื้นไหัไม่ได้ช่วยให้อสรพิษหนุ่มนึกเห็นใจ แต่กลับรู้สึกสนุก สมเพชและเวทนา
บอดี้การ์ดคนสนิทนำอาหารเช้าเสิร์ฟให้ถึงเตียง หลังจากเห็นเจ้านายตัวเองออกจากห้องน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า
“เรื่องนั้นไปถึงไหนแล้ว”
“ส่งคนไปจับตามองแล้วครับท่าน แต่นอกจากใช้ชีวิตตามปกติแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยครับ”
ราฟาเอลได้ยินแบบนั้นจึงปรายตามองทัพฟ้า คืนก่อนทัพฟ้าไม่ได้เชื่องเหมือนอย่างตอนนี้ เด็กหนุ่มทั้งดิ้นรนต่อสู้เพื่อไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างของเขา แต่แน่นอนว่าถ้าเขาต้องการ ใครก็ขัดเขาไม่ได้ทั้งนั้น สุดท้ายหลังจากผ่านการลงโทษครั้งแล้วครั้งเล่า ร่วมกับการใช้เด็กหนุ่มเป็นตัวทดลองสินค้าตัวใหม่ไปในตัว เดรัจฉานน้อยสุดพยศตัวนี้ก็กลายมาเป็นทาสกามเขาได้อย่างถึงใจภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที และเพราะให้ยาทีละนิด ทำให้เด็กหนุ่มยังคงเหลือสติอยู่ตลอดเวลา และรับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ทั้งกระตุ้นให้รู้สึกต่อสิ่งเร้าได้มากกว่าปกติถึงสิบเท่า เขาจึงเค้นถามในสิ่งที่เพื่อนสนิทอย่างพิศักดิ์ไม่สามารถทำได้
“...ที่หมอคนนั้น อึก ...ไอ... หมอไอหมอก แค่ก ๆ อ๊ะ...”
ราฟาเอลจดจ้องมองรูปภาพในมือก่อนแสยะยิ้มออกมา
ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงสีขาวขนาดพอดีตัว ขับให้เห็นรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียวหล่อเหลากับผิวกายขาวสะอาด มือหนึ่งมีเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดพาดไว้ อีกมือหนึ่งลูบหัวเด็กน้อย และสิ่งที่สะดุดตาราฟาเอลมากที่สุด คงเป็นรอยยิ้ม
...รอยยิ้มใสซื่อที่เขาอยากทำให้ดูเจ็บปวดขมขื่นที่สุด หมอคนนี้ให้ความรู้สึกบริสุทธิ์จนเขากระสั่นอยากทำให้มันแปดเปื้อนด้วยมือตัวเอง
อสรพิษหนุ่มยิ่งมองยิ่งหลงใหล ความกระหายกลิ่นเลือดเนื้อตีตื้นขึ้นมา ปลุกเร้าความต้องการที่ยังไม่สงบให้แข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง และในตอนนี้เหยื่ออันโอชะยังคงนอนหมดสิ้นแรงอยู่บนเตียงกว้างด้วยสภาพน่าเวทนาเกินทน
ราฟาเอลกระโจนพุ่งเข้าหาทัพฟ้าอีกครั้ง แขนเรียวถูกจับไว้มั่นก่อนที่ปลายแหลมคมของเข็มสีเงินจะกดลงกับต้นคอขาวอย่างไม่ออมแรง ทั้งที่บริเวณเดียวกันมีร่องรอยเป็นจุดแดงช้ำอยู่แล้วสามสี่รอย เขากดปลายเข็มลงไปอย่างไม่นึกสนใจเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว
ทัพฟ้าดีดดิ้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของอสรพิษหนุ่มที่เริ่มต้นรัดเหยื่อและกลืนกินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
วันนี้เป็นวันหยุดยาววันที่สอง หลังจากที่ไอหมอกเข้าเวรติดต่อกันมาสามวัน วันแรกไอหมอกหลับเป็นตาย แต่วันนี้คุณหมอหนุ่มไม่อยากให้วันหยุดอันมีค่านี้หมดไปกับการนอนเพียงอย่างเดียว เขายังอยากใช้เวลาอันมีค่าที่นาน ๆ จะมีสักครั้งนี้ไปกับคนที่เขารักอย่างปรางทราย
ห้องครัวในบ้านพักหลังเล็กตรงหัวมุมถนน ด้านหน้าเป็นร้านขายดอกไม้ ด้านในเป็นสวนเล็กที่ติดกับห้องครัว ไอหมอกกำลังล้างผักอยู่ข้าง ๆ กับหญิงสาวที่กำลังวุ่นวายอยู่หน้าเตา ใบหน้าใสมีรอยยิ้มประดับไว้ด้วยความสุข
“อร่อยมากเลยครับ ปรางนี่เก่งจัง ทำอะไรก็อร่อยไปหมดเลย อย่างนี้ผมต้องมาฝากท้องทุกวันแล้วมั้ง” ไอหมอกเอ่ยเย้าหญิงสาวหลังจากปรางทรายให้เขาชิมต้มยำกุ้งที่ตัวเองเป็นคนบอกว่าอยากกิน
“อย่ามาปากหวานเลยค่ะคุณหมอ ปกติคุณทานข้าวเป็นเวลาที่ไหน หื้ม?” ปรางทรายว่าด้วยรอยยิ้ม ยิ่งเห็นไอหมอกพยายามฉีกยิ้มกลบเกลื่อนความผิดที่ทำให้เธอเป็นห่วง เธอยิ่งรู้สึกเอ็นดูแฟนหนุ่มคนนี้มากกว่าเดิม ราวกับเด็กน้อยที่โดนพี่สาวจับได้ว่าแอบขโมยกินขนมในตู้เย็นจนหมด
“ผมเปล่านะปราง” ไอหมอกชูสองมือแสร้งยอมแพ้จนได้ค้อนวงโตจากปรางทราย เห็นอย่างนั้นคุณหมอหนุ่มก็หัวเราะร่าออกมาอย่างซุกซน เพราะเขารู้ว่าปรางทรายไม่ได้โกรธตัวเองจริงจัง
ความวุ่นวายในห้องครัวยังคงดำเนินต่อไปอีกพักใหญ่ จนกระทั่งมื้อเที่ยงเสร็จลงและไอหมอกอาสาล้างจานเอง เสียงพูดคุยหยอกเย้าตามประสาคนรักกันดังออกมาให้ได้ยินไม่หยุด คุณหมอหนุ่มยิ่งยิ้มเต็มแก้มเมื่อทำให้ปรางทรายหัวเราะออกมาได้
“ต่อไปถ้าย้ายมาอยู่ด้วยกัน ผมคงอ้วนตุ้บแน่นอนเลย ถึงตอนนั้นปรางอย่าเพิ่งทิ้งผมไปไหนนะ” เสียงใสว่ากลั้วเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ปรางทรายมองแผ่นหลังของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วหัวเราะออกมาเล็กน้อยอย่างนึกเอ็นดู เธอนึกภาพไอหมอกตอนอ้วนตุ้บไม่ออกจริง ๆ เพราะทุกวันนี้แค่ทำให้คุณหมอหนุ่มไม่น้ำหนักลดลงไปมากกว่านี้ก็ยากพอแล้ว และแม้ว่าเธอกับรุ่งอรุณจะคอยดูแลไอหมอกไม่ห่าง แต่ก็ไม่สามารถทำให้ไอหมอกว่าง่ายได้มากมายขนาดนั้น บางครั้งเธอเองยังรู้สึกว่า คนดื้อเงียบอย่างไอหมอกควรเจอคนที่ดุกว่านี้ คนที่สามารถกำราบคนดื้อตาใสคนนี้ได้อยู่หมัด โดยไม่หลงกลแพ้ลูกอ้อนราวลูกแมวอย่างไอหมอกเข้าให้ และต้องเอาใจใส่ไอหมอกได้มากกว่าที่เธอทำ เพราะสารภาพจากใจจริง ไม่ว่าในตอนนี้เธอและรุ่งอรุณจะอยู่ในสถานะไหน แค่เจอลูกอ้อนของชายหนุ่มเข้าไป เป็นอันต้องยอมแพ้ให้ไอหมอกราบคาบไปเสียทุกครั้ง
...ถ้าใครสักคนสามารถดูแลไอหมอกได้ดีกว่านี้ เธอคงวางใจ
“...ปราง มีอะไรรึเปล่า” ไอหมอกมามองปรางทรายที่มองมาที่ตัวเองด้วยรอยยิ้มน้อย ทว่าเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกใจหายอย่างแปลกประหลาด
“...” ไอหมอกปกป้องตัวเองได้ ปรางทรายรู้ แต่เธอก็อยากให้มีใครสักคนสามารถปกป้องและดูแลไอหมอกได้ อย่างน้อย ๆ ความรู้สึกผิดที่มีอยู่ในใจคงเบาบางลงบ้าง ปรางทรายยังคงจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
“...ปรางครับ ปราง” มือเรียวโบกไปมาตรงหน้าหญิงสาว จนเขาต้องจับไหล่ปรางทรายเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง
“คะ ว่าไงนะคะ”
ไอหมอกนึกเป็นห่วงเมื่อเห็นหญิงสาวเหม่อลอย เขาเรียกเธอหลายครั้งก็ไม่มีการตอบรับจนเขาต้องถือวิสาสะแตะไหล่หญิงสาวเบา ๆ นัยน์ตากลมยังคงมองหญิงสาวด้วยความกังวล "ปรางเป็นอะไรรึเปล่า บอกผมได้นะ"
“เปล่าค่ะ ปรางแค่คิดว่าเย็นนี้จะทำอะไรให้คุณทานดี” ปรางทรายยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม้จะไม่เชื่อสนิทใจ แต่คุณหมอหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจยิ้ม ๆ “โถ่ปราง ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ปรางทำอะไรมา ผมก็กินหมดแหละ แค่เป็นฝีมือปรางก็พอแล้ว”
“ปรางดีใจนะที่เห็นคุณได้พักบ้างแบบนี้ คุณรู้ไหมว่าปรางเป็นห่วงคุณแค่ไหนที่คุณแทบไม่ได้พักผ่อนเลย แต่ปรางก็เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร” ปรางทรายจับมือทั้งสองข้างของไอหมอกเอาไว้ มองสบตากลมที่มองมา “อย่ารักคนอื่นจนลืมรักตัวเองเข้าใจไหมคะ”
หญิงสาวแนบแก้มลงกับมือนุ่มทั้งสองข้าง หลับตาแอบสูดหายใจเข้าลึกราวกับคิดหนัก “ถ้าวันไหนที่ไม่มีปรางแล้ว คุณต้องรักตัวเองให้มาก ๆ เข้าใจไหม”
“ไม่เอาสิ ปรางอย่างพูดแบบนี้” ไอหมอกรีบเอ่ยขัด แต่ดูเหมือนปรางทรายจะจมไปกับความคิดของเธออีกครั้ง
“คุณยังมีคนที่รักคุณอีกมาก อย่าเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งไว้กับใคร และอย่าให้ใครมาพรากความเป็นคุณไปจากคุณนะไอหมอก” คราวนี้หญิงสาวสบตาไอหมอกนิ่งงันทำให้คุณหมอหนุ่มเองก็นิ่งค้างไปเช่นกัน
“ปรางพูดอะไร ...ปราง”
ปรางทรายยิ้มให้ไอหมอกอย่างอ่อนโยน มือเรียวยื่นมาลูบผมนิ่มของชายหนุ่ม “สัญญากับปรางได้ไหมคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณต้องรักตัวเองให้มาก และถ้าวันไหนไม่มีปรางแล้ว คุณต้องเดินไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งให้ได้ ...นะคะ” เธอสวมกอดไอหมอกเอาไว้ มือเรียวลูบหลังแฟนหนุ่มไปมาราวกับต้องการปลอบโยน
“ปรางเป็นอะไร ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ปรางจะไปไหนเหรอ” ไอหมอกรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่ปรางทรายพูดเลยสักนิด ราวกับว่ามันเป็นการสั่งลา
“เปล่าหรอกค่ะ ปรางแค่คิดว่าถ้าวันหนึ่งเราต้องจากกัน คุณต้องอยู่ให้ได้ และอยู่อย่างมีความสุขด้วย”
“แต่ผม... ปรางอย่าพูดแบบนี้สิ ผมไม่ชอบเลย” ไอหมอกพยายามดันร่างปรางทรายออก แต่หญิงสาวยังคงรัดเอาไว้แน่น
“รับปากปรางสิคะ” ทั้งยังคงรบเร้าต้องการคำตอบนั้นจากเขา
ไอหมอกคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับปรางทรายแน่นอน หญิงสาวอาจจะกำลังเครียดหรือกังวลกับอะไรบางอย่างอยู่ หรือว่าปรางทรายจะบอกเลิกเขา
“ทำไมปรางพูดเหมือนเราจะเลิกกันล่ะ เราไม่ได้รักกันแล้วเหรอ” เสียงที่เอ่ยออกมาสั่นเล็กน้อย จากที่คิดจะดันร่างปรางทรายออก อ้อมแขนผอมบางกลับโอบกอดหญิงสาวเอาไว้แทน
“เด็กโง่” ได้ยินแบบนั้นเธอก็หัวเราะออกมาเบา ๆ มือเรียวเล็กถ่ายทอดความอ่อนโยนลงบนแผ่นหลังบางของไอหมอกมากกว่าเดิม เสียงหวานพูดออกมาราวกับเสียงกระซิบแผ่วเบา “...ขอโทษ”
“ปรางว่าไงนะ” ไอหมอกได้ยินไม่ชัด เขาอยากถามย้ำอีกครั้ง แต่ปรางทรายกลับผละตัวออกจากอ้อมกอดเสียก่อน
“ปรางแค่บอกว่า ปรางรักไอหมอกขนาดนี้ จะเลิกรักได้ยังไง” เธอดันร่างคุณหนุ่มที่อายุห่างจากเธอไม่กี่ปีออกห่าง ไล่มองใบหน้าหล่อเหลาเรื่อยมาจนถึงนัยน์ตากลม มองสบราวกับจะสื่ออะไรบางอย่างออกไป
“...ถ้าแค่เลิกกัน เรายังมีโอกาสเจอกัน แต่ถ้าตายจากกัน ...ปรางขอโทษ”
การต่อสู้ดิ้นรนสิ้นสุดลงแล้ว ร่างกายเปลือยเปล่าแต่งแต้มไปด้วยรอยช้ำม่วงแดง นัยน์ตากลมเบิกโพลง น้ำตารินไหลตามหางตาหยดกลิ้งลงสู่ผ้าปูเตียงสีขาวสะอาด ทัพฟ้าสำลักอากาศสองสามครั้งแล้วแน่นิ่งไป ร่างกายท่อนล่างยังถูกรุกรานซ้ำ ๆ จากความเจ็บปวดกลายเป็นด้านชาจนไร้ความรู้สึก มือเรียวจิกลงบนท่อนเขนแกร่งหวังให้อีกฝ่ายออมอแรงสักนิดกลับผ่อนแรงลงอย่างราวกับหมดแรงเฮือกสุดท้าย
เมื่อใกล้แตะจุดสูงสุด เมื่อใหญ่เลื่อนมาบีบคอเรียวเอาไว้เต็มแรง ยิ่งอีกฝ่ายออกแรงอันน้อยนิดดิ้นรนขัดขืน ความสุขสมก็ยิ่งทวีคูณ ทว่าครั้งนี้ราฟาเอลคงลงมือแรงไปนิด ทำให้เด็กหนุ่มนัยน์ตาเหลือกแล้วแน่นิ่งไป ...
อสรพิษหนุ่มไม่ได้สนใจ เขาพาตัวเองเข้าห้องน้ำปล่อยให้บอดี้การ์ดเป็นคนจัดการพาเด็กหนุ่มส่งกลับที่เดิม
ท่ามกลางสายน้ำเย็นจัดราดรดร่างกายกำยำ ไหลผ่านแผ่นหลังหนาเต็มไปด้วยรอยสักรูปอรสพิษขดตัวจ้องมองมาด้วยแววตาดุร้าย และแม้จะเพิ่งสุขสมไปไม่นาน แต่ภาพชายหนุ่มคนนั้นทำให้เขาร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง ความต้องการพุ่งขึ้นมาจนขนลุกชันด้วยความตื่นเต้น
“ไอหมอก ...อืม อ่าห์”
น้ำสีขาวขุ่นเลอะผนังเย็นเฉียบ เปรอะเปื้อนมือใหญ่ เสียงทุ้มสบถแหบพร่า “ทำให้ฉันต้องเสร็จด้วยมือตัวเองนี่ ...แย่ชะมัด นายต้องรับผิดชอบแล้วล่ะ ไอหมอก ฤทธิ์พิทักษ์กุล”
เวลาอันมีค่าของไอหมอกกำลังจะหมดลง วันหยุดสองวันผ่านไปเร็วราวโกหก และตอนนี้คุณหมอหนุ่มกำลังถกเถียงกับเพื่อนสนิทอย่างไม่นึกยอมลงให้แม้แต่นิดเดียว
“ไม่! ไม่ว่ายังไงก็ไม่เอา ทำไมฉันต้องเป็นฉันด้วยล่ะ นายไปหาคนอื่นเถอะ” ไอหมอกรู้สึกราวกับตัวเองกำลังทำเรื่องไร้สาระที่สุด เพราะสิ่งที่รุ่งอรุณขอให้เขาทำเป็นสิ่งที่เขาเลี่ยงมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน
การตกเป็นเป้าสายตาไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม การเข้าร่วมพิธีไร้สาระยิ่งแล้วใหญ่ ไอหมอกแทบไม่เคยเข้าร่วมเลยสักครั้ง หลีกได้เป็นหลี หนีได้เป็นหนี และไม่คิดว่าเมื่อเรียนจบจนมีงานทำ เรื่องราวพวกนี้จะยังวนกลับมาให้เขาเจออีก
“แต่ถ้าไอไม่ไป แล้วใครจะไปล่ะ” อีกสามวันจะมีผู้ใหญ่มาเยี่ยมโรงพยาบาล และทางโรงพยาบาลต้องการคนออกมารับหน้าให้การต้อนรับอย่างดีที่สุด ซึ่งหน้าที่นี้จะเป็นใครก็ได้ แต่เพราะรุ่งอรุณเป็นถึงหลานเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ เขาเลยเลี่ยงไม่ได้ และแน่นอนเขาไม่อยากไปคนเดียว
“เลยคิดจะมาลากฉันไปด้วยสินะ บอกเลยว่า ไม่ มี ทาง” ไอหมอกไม่สนใจน้ำเสียงโอดครวญของเพื่อนสนิท ทั้งส่งยิ้มสะใจให้อีกต่างหาก คุณหมอหนุ่มไม่อ่อนโยนเหมือนหน้าตาเลยสักนิด
“ถ้าไอยอมไปด้วยกัน อุ่นจะเลี้ยงชาบูสามวันติดเลย” รุ่งอรุณถึงขั้นเปลี่ยนสรรพนามการเรียกหวังให้ไอหมอกเห็นใจ แต่นอกจากอีกฝ่ายจะเบะปากใส่แล้ว ก็ไม่ได้หันกลับมาสนใจอีกเลย
“เหอะ! ชาบูฉันหากินเองได้ ไม่ต้องรอให้นายมาเลี้ยงหรอก” ทั้งก้มหน้าทำงานต่ออย่างไม่นึกสนใจคนที่กรอกตาใส่ตัวเองอยู่
รุ่งอรุณนึกอยากบีบเรียวปากบางนั่นสักทีด้วยความมันเขี้ยว แต่ก็ทำได้แค่คิด “ฉันจะเข้าเวรแทนนายเอง ทั้งเดือนเลยเอ้า!”
ข้อเสนอนี้ดูเหมือนจะน่าสนใจขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นไอหมอกทำหน้าครุ่นคิด “อืมม ก็น่าสนใจดี ถ้าให้ดีเลี้ยงชาบูหนึ่งเดือน เข้าเวรแทนอีกหนึ่งเดือนไปด้วยเลยไม่ดีกว่ารึไง” คุณหมอหนุ่มยิ้มแฉ่ง ขณะที่รุ่งอรุณแทบจะกระโดดงับหัวอยู่แล้ว
“ได้! เลี้ยงชาบูหนึ่งเดือน เข้าเวรแทนอีกหนึ่งเดือนตามนี้” รุ่งอรุณกัดฟันตอบ สายตามองเพื่อนสนิทอย่างเชือดเฉือน
“เค ดีล!” คราวนี้ไอหมอกยิ้มกว้างจนตาหยีเมื่อเห็นหมออุ่นหน้าบูดขั้นสุด
“ไม่ต้องมายิ้มเลย นายนี่มันร้ายกาจจริง ๆ” รุ่งอรุณว่าพลางใช้มือทั้งสองข้างขยี้หัวไอหมอกไปหลายที ทำเอาคุณหมอหนุ่มเบี่ยงหลบแทบไม่ทัน
“อื้อ! อย่าทำดิวะ ผมเสียทรงหมด”
“แล้วไง ยังไงนายก็หล่อสู้ฉันไม่ได้อยู่ดี เพราะนายน่ะ...น่ารัก หึ ๆ” คราวนี้ไอหมอกผุดลุกขึ้นจนเก้าอี้แทบล้มลงกับพื้น นัยน์ตากลมวาววับทันทีที่ได้ยินคำนั้น น่ารัก!
“ไอ้เพื่อนปากเสีย นาย ตาย!”
หากใครสักคนผ่านมาคงได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูระอาใจ คนหนึ่งก็หล่อเหลาดีกรีหลานเจ้าของโรงพยาบาล อีกคนหนึ่งคือคุณหมอหนุ่มขวัญใจคนไข้และเหล่าพยาบาลกำลังวิ่งไล่จับกันราวกับเด็กน้อยซุกซน เสียงก่นด่าราวกระซิบทำให้คนถูกด่าหัวเราะร่าอย่างถูกใจ เป็นภาพที่ชวนปวดหัวและน่าเอ็นดูไปพร้อมกัน
ไอหมอก ไม่ชอบให้ใครมาชมว่าน่ารัก เพราะความน่ารักนี้ทำให้เขาเกือบต้องมีเรื่องกับใครอีกหลายคน เมื่อคนเหล่านั้นคิดว่าแฟนหนุ่มหรือแฟนสาวของตัวเองมาติดพันเขา ทั้งที่ความเป็นจริงไอหมอกแค่อยู่เฉย ๆ เท่านั้นเอง และแน่นอนว่าเรื่องราวเหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นความขบขันของรุ่งอรุณเป็นที่สุด
วันนี้ผู้ใหญ่ที่ว่าได้เดินทางมาถึงโรงพยาบาลในช่วงบ่าย ผู้อำนวยการ หมอและพยาบาลบางคนมารอต้อนรับตามที่ได้รับแจ้งมา รออยู่ไม่นานรถคันหรูก็ขับเข้ามาจอดเรียงกันสามคันติด ทันทีที่คันตรงกลางจดสนิทลงตรงประตูทางเข้าพอดี ไอหมอกที่ยอมเป็นหนึ่งในการต้อนรับอันน่าเบื่อหน่ายได้มีโอกาสมองเห็นผู้ใหญ่ที่ว่าชัด ๆ
ชายหนุ่มอายุราวสามสิบต้น ๆ ก้าวลงจากรถ รองเท้าหนังสีน้ำตาลแวววับ กางเกงเนื้อดีเข้ารูปรับกับท่อนขาแข็งแกร่ง อกหนาแน่นซ่อนตัวอยู่ใต้เสื้อสูทสีเข้ม ไล่สายตาขึ้นมาเจอใบหน้าคมคายราวชาติตะวันออก ทั้งใส่แว่นตาสีชาปกปิดดวงตาคู่นั้นเอาไว้
ทว่าไอหมอกกลับรู้สึกขนลุกขึ้นมาชั่วขณะ ราวกับโดนจับจ้องอยู่ตลอดเวลา มือเรียวเผลอยกขึ้นลูบแขนตัวเอง จนกระทั่งชายคนนั้นถอดแว่นตาออก เผยสายตาราวกับอสรพิษที่กวาดมองไปรอบ ๆ และจังหวะหนึ่งมันมาตกอยู่ที่ตัวเขา
“สวัสดีครับ ดร.สุรชิตไม่เจอกันนาน สบายดีนะครับ” ราฟาเอลกล่าวทักทายผู้อำนวยการโรงพยาบาลนี้ด้วยความสนิทสนม มือใหญ่ยื่นมาจับกันตามประสาคนคุ้นเคย ไอหมอกซึ่งยืนอยู่ถัดมาก็เจอเข้ากับเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“สวัสดีครับคุณ...” ราฟาเอลยกยิ้มเล็กน้อยให้ไอหมอก มือหนายื่นมาตรงหน้าคุณหมอหนุ่มจนเจ้าตัวเผลอขมวดคิ้ว
“อ่า ผมไอหมอกครับ” แต่สุดท้ายไอหมอกก็ยื่นมือออกไปทักทายตามปกติ และในชั่วขณะนั้นเขารู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบที่แล่นขึ้นมา จนเกือบเผลอสะบัดมือออก ดีที่อีกฝ่ายเป็นฝ่ายดึงมือกลับไปก่อน
ราฟาเอลมองคุณหมอหนุ่มตรงหน้าจนทำให้ใครหลายคนตรงหน้าทำสีหน้าแตกต่างกันไป อสรพิษหนุ่มไม่ปกปิดสายตาสักนิดว่าตัวเองสนใจไอหมอก
“นานแล้วที่ผมไม่ได้มาเยี่ยมที่นี่ มาคราวนี้นับว่าคุ้มค่ามาก ใช่ไหมครับ ดร.สุรชิต” แม้จะพูดกับผู้อำนวยการ ทว่าสายตายังคงตกอยู่บนร่างของไอหมอก รุ่งอรุณเห็นแบบนั้นก็รั้งไอหมอกเข้ามาใกล้ตัวเองด้วยสัญชาตญาณ และดูเหมือน ดร.สุรชิตเองก็เข้าใจเจตนาที่ต้องการจะสื่อของราฟาเอลดี เขาแอบลอบถอนหายใจทิ้งเล็กน้อยแล้วจึงปั้นหน้ายิ้มต่อ
ช่วงเวลาแห่งความอึดอัดผ่านพ้นไปเมื่อผู้อำนวยการอาสาเป็นคนรับรองในส่วนอื่น ๆ เอง ไอหมอกเองถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่ชอบสายตาที่ราฟาเอลมองตัวเองเลยสักนิด สายตาที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความเจ้าเล่ห์
"ฉันไม่ชอบสายตาคุณราฟาเอลนั่นเลยว่ะ" รุ่งอรุณเปรยขึ้นมา ไอหมอกเองก็คิดเหมือนกัน
"อือ ฉันว่าเขาเหมือนไม่ใช่คนดี แต่เห็นพวกพี่ ๆ เขาพูดกันว่าคุณราฟาเอล อาดอร์ฟเนี่ย บริจาคเงินให้โรงพยาบาลเราปีหนึ่งไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ ไม่แปลกที่ผอ.จะเกรงใจและให้การต้อนรับอย่างดีแบบนี้" ไอหมอกพอจะได้ยินมาบ้างว่าผู้ชายคนนี้เป็นราวกับผู้มีพระคุณของโรงพยาบาลแห่งนี้ ทั้งยังรับอุปการะผู้ป่วยยากไร้ไว้บางส่วนด้วย แต่ความรู้สึกของเขามันบอกว่าอยู่ห่าง ๆ อย่าพาตัวเองเข้าไปยุ่งด้วยจะดีกว่า แต่ดูเหมือนคำขอของไอหมอกจะไม่เป็นจริง เมื่อมีพยาบาลมาแจ้งว่าผู้อำนวยการเรียกพบเขา ส่วนรุ่งอรุณเองก็โดนเรียกไปเหมือนกัน
ทันทีที่ประตูห้องรับรองเปิดออก ทุกคนก็หันมามองคุณหมอหนุ่มแทบจะพร้อมกัน ไอหมอกสังเกตว่า ดร.สุรชิตมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขณะที่ราฟาเอลยกยิ้มมาให้ "มีอะไรหรือเปล่าครับผอ."
"วันนี้หมอไอเลิกงานแล้วใช่ไหม ยังไงช่วยเป็นธุระพาคุณราฟาเอลไปทานข้าวเย็นหน่อยสิ" คราวนี้ไอหมอกถึงกับขมวดคิ้วฉับอย่างเผลอเสียมารยาท นั่นหมายความว่าจะให้เขาพาแขกของผู้อำนวยการไปดินเนอร์งั้นเหรอ
"ผมว่าไม่เหมาะมั้งครับ ผม..."
"คุณหมอคงลำบากใจที่จะไปกับผมสินะครับ" ราฟาเอลพูดขัดขึ้นมา รอยยิ้มส่งมาให้คุณหมอหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่งอยู่
"เอาน่า หมอไอ ถือซะว่าไปพักผ่อนแล้วกันนะ ถ้าไม่ติดว่าผมมีธุระด่วน ผมคงไปเองแล้ว คงไม่ต้องรบกวนคนหนุ่มอย่างคุณหรอก ช่วยผมหน่อยนะหมอไอ ถือว่าผมขอ" ดร.สุรชิตพูดขึ้น พลางทำไม้ทำมือราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจอแบบนี้เข้าไปไอหมอกก็รู้สึกได้ว่าน้ำลายตัวเองเหนียวหนืดขึ้นมาทันที
"โอเค งั้นตกลงตามนี้ เราไปกันเลยไหมครับ" ราฟาเอลยิ้มกว้างไม่สนใจสีหน้าไม่สู้ดีของคนที่ถูกมัดมือชกเลยสักนิด
"แต่นี่ยังไม่เย็นเลย ยังไงผมขอ..."
"อ่า ผมลืมบอกไป เราจะไปดินเนอร์กันบนเรือส่วนตัวที่ผมจองเอาไว้ แต่ก่อนหน้านั้นผมอยากลองแวะเที่ยวแถว ๆ นี้ดูก่อนน่ะครับ ไม่ได้มาตั้งนานไม่รู้ว่ามีอะไรเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ยังไงรบกวนคุณหมอพาผมเที่ยว ถือซะว่าให้เกียร์ติเป็นไกด์ให้ผมหน่อย คุณหมอคงไม่ใจดำเกินไปนะครับ" ราฟาเอลพูดหว่านล้อมจนไร้ช่องทางให้ไอหมอกปฏิเสธ ดร.สุรชิตเองก็พยักหน้ามาให้เขาตอบตกลง แล้วอย่างนี้หมอตัวเล็ก ๆ อย่างไอหมอกจะขัดได้ยังไง
"ก็ได้ครับ ยังไงผมขอไปเก็บของก่อน ขอตัวครับ"
ไอหมอกก้าวออกจากห้องนั้นด้วยความหนักอึ้ง สมองขบคิดอย่างจริงจังว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมดูเหมือนคนคนนั้นเจาะจงให้เป็นเขา ทั้งที่มันควรจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่คนอื่น ไม่ก็เป็นรุ่งอรุณมากกว่าเขา ที่เป็นแค่หมอตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง คุณหมอหนุ่มเก็บของใส่กระเป๋าด้วยใบหน้ายุ่งเหยิงที่ไม่ว่าอย่างไรก็หาเหตุผลมาเชื่อมโยงระหว่งเขากับราฟาเอลไม่ได้
"เราอาจจะคิดมากไปก็ได้ คงไม่มีอะไรหรอก"
รถคันหรูจอดรอไอหมอกอยู่แล้วและด้านในมีราฟาเอลนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ไอหมอกกระชับสายเป้เล็กน้อยแล้วก้าวขึ้นรถไป คราวนี้ราฟาเอลเป็นคนขับรถเอง และช่วงเวลาที่รถคันหรูเคลื่อนตัวออกจากลานจอดด้านหน้าก็สวนทางเข้ากับรถที่ขับเข้ามาอย่างเร่งรีบ และสิ่งที่ไอหมอกเห็นทำให้นัยน์ตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่ผิดแน่ เด็กหนุ่มที่อยู่ในรถคันนั้นคือ ทัพฟ้า ภัครวัฒิโยธินแน่นอน
ไอหมอกอยากขอกลับไปโรงพยาบาลตั้งแต่ตอนนี้ ทว่าเมื่อคิดว่ายังมีหมอมากฝีมืออีกหลายคน ทัพฟ้าคงไม่เป็นอะไร กลับมาแล้วค่อยแวะเข้าไปเยี่ยมเด็กหนุ่มก็ยังไม่สาย
ตลอดเวลาที่ออกมาด้วยกัน ราฟาเอลทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี และไอหมอกก็ทำหน้าที่ทูตได้ดีพอ ๆ กัน ความเป็นกันเองไม่ถือตัวทำให้ไอหมอกเผลอวางใจลงเล็กน้อย
"ผมขอเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ" ไอหมอกเอ่ยบอกหลังจากพาแขกของผู้อำนวยการมาซื้อของในห้างดังแห่งหนึ่ง
"เชิญครับ"
ห้องน้ำชายโล่งไม่มีลูกค้าคนอื่นสักคนเดียว ทว่าคุณหมอหนุ่มก็เลือกจะเข้าไปทำธุระในห้องน้ำมากกว่าโถด้านนอกอยู่ดี เมื่อออกมาก็มีใครอีกคนยืนล้างมืออยู่แล้ว ไอหมอกไม่ได้นึกสนใจ เขาดูความเรียบร้อยของตัวเองในกระจกเล็กน้อยแล้วจะออกจากห้องน้ำไป แต่แล้วต้นแขนก็โดนคว้าเอาไว้และลากเขามาเข้าห้องน้ำด้านในสุดอีกครั้งหนึ่ง
เรียวปากสีสดถูกมือใหญ่ปิดเอาไว้ แผ่นหลังบางแนบไปกับผนังเย็น ไอหมอกตกใจและออกแรงดิ้น แต่คนตรงหน้าที่ใส่หมวก ใส่แมสก์ปกปิดตัวเองก็ใช้ท่อนขาเรียวแทรกกลางหว่างขาเขาเอาไว้ มือข้างหนึ่งรัดอยู่ตรงเอวจับมือเข้าไขว้หลัง อีกข้างปิดปากเขาเอาไว้แน่น
ผู้ชายในวันฝนตกคนนั้น!
"ชู่ว์ ถ้าผมปล่อย คุณห้ามร้อง ตกลงไหม" เสียงทุ้มว่ากระซิบติดใบหูนิ่ม
ไอหมอกขมวดคิ้วไม่พอใจแต่ยอมพยักหน้ารับ มือใหญ่จึงค่อย ๆ คลายออกช้า ๆ คุณหมอหนุ่มฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอ ผลักร่างสูงกำยำให้ออกห่างแล้วร้องให้คนช่วย
"ช่วยด้วย! มีไอ้โรคจิต..อื้อ!" คราวนี้ไอหมอกตัวแข็งค้าง เมื่อความอุ่นร้อนแนบทับลงมาบนริมฝีปากตัวเอง
เขากำลังโดนจูบ ไอ้บ้านี่กำลังจูบเขา!
"อื้อ!" แม้ไอหมอกจะรูปร่างสูงโปร่งแต่ก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แม้แรงจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่การยืนเฉย ๆ ให้ตัวเองโดนจูบจากใครก็ไม่รู้ก็ทำให้เขากระดากอายเกินกว่าจะรับได้
เหนือสมุทรรับรู้ได้ถึงแรงดิ้นหนีที่มีมากขึ้น เป็นเขาก็คงทำแบบเดียวกับที่ไอหมอกทำ โดนขโมยจูบจากคนแปลกหน้า ใครมันจะไม่ตกใจ ทว่าคิดก็ส่วนคิด หัวหน้าหนุ่มไม่ได้ลดแรงบดขยี้เรียวปากบางลงเลยสักนิด ทั้งยังเแทรกกายเบียดเข้าหาร่างอุ่น ๆ ตรงหน้าจนไร้ช่องว่าง ท่อนแขนแกร่งรั้งร่างสูงโปร่งเอาไว้แน่น
ไอหมอกพยายามอ้าปากหอบหายใจ กลายเป็นการเปิดทางให้เรียวลิ้นร้อนเขามาไล้ต้อนตัวเอง ความช่ำชองของอีกฝ่ายทำให้เขาแทบหมดแรงต่อต้าน ยิ่งแรงเสียดสีท่อนล่างทำให้คุณหมอหนุ่มไร้เรี่ยวแรงกลายเป็นขี้ผึ้งเหลวในอ้อมแขนคนแปลกหน้าด้วยความเจ็บใจ
"ทีนี้นิ่งได้แล้วใช่ไหมคุณหมอ" เหนือสมุทรผละออกจากเรียวปากสีอ่อนนุ่มนิ่ม กระซิบแผ่วเบาข้างขมับขาว ท่อนแขนแกร่งรั้งร่างโปร่งที่เหนื่อยอ่อนให้พิงกับอกตัวเอง ปล่อยให้มือเรียวกำหมัดแน่นแล้วฟาดลงมาซ้ำ ๆ มองในมุมนี้หัวหน้าหนุ่มเห็นแก้มใสซับสีเลือด หูขาวแดงก่ำ ยิ่งเห็นหมัดน้อย ๆ ทุบลงบนอกตัวเองเขาพลันเกิดความรู้สึกนึกเอ็นดูขึ้นมา
"ผมขอโทษไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณตกใจ ผมแค่มาช่วยคุณ" เหนือสมุทรรั้งร่างโปร่งออกมา หวังมองหน้าคนที่เขาเพิ่งจะขโมยจูบไป แต่ไอหมอกเอาแต่ก้มหน้าหนีอย่างเดียว
มือใหญ่ช้อนใบหน้ามนให้เงยขึ้น สิ่งที่เห็นทำให้เหนือสมุทรลมหายใจสะดุด ใบหน้าหวานแดงก่ำ นัยน์ตาที่มองมาวาววับแต่ฉ่ำด้วยน้ำใส เรียวปากบางบวมเล็กน้อยและแดงช้ำ เหนือสมุทรยกยิ้มที่หายาก ใช้นิ้วปาดหยาดน้ำตาตรงหางตาออกให้ไอหมอกอย่างแผ่วเบา
"ไอ้โรคจิต ฉันจะแจ้งตำรวจ" เสียงหวานแหบพร่าเล็กน้อย
"ครับ แต่ตอนนี้คุณต้องฟังผมก่อน หาทางเลี่ยงออกมาจากราฟาเอลให้ได้ อย่าขึ้นเรือไปกับเขาเข้าใจไหม ไม่งั้นคุณกลับออกมาไม่ครบ 32 แน่" น้ำเสียงจริงจังไม่ได้ทำให้ไอหมอกสลด
คนที่กล้าทำเรื่องบัดสีกับเขา แล้วยังมีหน้ามาออกคำสั่งกับตัวเอง คิดว่าคนอย่างหมอไอหมอกจะฟังรึไง "ทำไมผมต้องเชื่อคุณด้วย คุณมันก็แค่ไอ้โรคจิตคนหนึ่งเท่านั้น ปล่อย!"
ได้ยินแบบนั้นหัวหน้าหนุ่มก็สะอึกไปเล็กน้อย นั่นสินะ ทำไมเหนือสมุทรถึงอยากให้คุณหมอคนนี้เชื่อเขา หรืออาจจะเพราะไม่อยากให้รอยยิ้มที่เห็นอย่างในรูปหายไปละมั้ง
"เรื่องมันยาว พูดตอนนี้คงไม่หมด แต่ตอนนี้คุณต้องเชื่อผม หมอไอหมอก" มือหนาบีบไหล่บางเอาไว้แน่น
"ปล่อย ผมจะไปไหนกับใครก็ไม่เกี่ยวกับโรคจิตอย่างคุณ อีกอย่างจะให้ผมเชื่อใครก็ไม่รู้ที่มาทำเรื่องไม่ดีกับผมแบบนี้น่ะเหรอ หึ เอาไปหลอกเด็กเถอะคุณ" ไอหมอกเรียกสติตัวเองกลับมา นัยน์ตาวาววับฉายแววโกรธขึง เขาดันร่างกำยำตรงหน้าออกห่างอย่างนึกรังเกียจ เขาไม่ได้รังเกียจที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชาย แต่รังเกียจที่อีกฝ่ายไม่ให้เกียรติเขา และที่สำคัญเขามีคนรักอยู่แล้ว
"..." เหนือสมุทรไม่คิดว่าการรับมือกับไอหมอกจะยุ่งยากขนาดนี้ แต่ก็ไม่เกินจากที่คาดเอาไว้ หัวหน้าหนุ่มจึงหลีกทางให้ไอหมอกเปิดประตูออกไป ส่วนตัวเองตามออกมาเงียบ ๆ ทันเห็นคุณหมอหนุ่มแต่งตัวใหม่ให้เรียบร้อยทั้งที่ใบหน้ายังซับสีอ่อน และถ้าสังเกตดี ๆ มือเรียวคู่นั้นก็สั่นเล็กน้อย
ไอหมอกรู้ดีว่าอีกฝ่ายจับจ้องตัวเองอยู่ เขาพยายามไม่สนใจ แต่เผลอกัดปากแน่นเมื่อรู้สึกว่าความร้อนผ่าวยังคงติดอยู่
เหนือสมุทรเดินเข้ามายืนซ้อนด้านหลังไอหมอกเอาไว้ กระซิบเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน
"ถือผมเตือนคุณแล้วนะไอหมอก" ทว่าความพยศที่อีกฝ่ายแสดงออกมา อดไม่ได้ที่จะแกล้งไปอีกที "แล้วก็ขอบคุณสำหรับจูบหวาน ๆ ของคุณด้วย"
ไอหมอกเม้มปากทันที เขามองสบสายตาคนด้านหลังผ่านกระจกด้านหน้า ก่อนปรับสีหน้าให้เรียบสนิท แล้วทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนหมุนกายออกจากห้องน้ำไป
"ผมก็ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงที่ไม่จำเป็น อ้อ แล้วก็นะ จูบของคุณน่ะ หวยมาก"
ค่ำคืนนั้นผ่านไปได้ด้วยดี ราฟาเอลพาไอหมอกมาดินเนอร์บนดาดฟ้าสุดหรูแทนเรือส่วนตัวตามที่บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อต้องการดื่มด่ำสุนทรียภาพยามค่ำคืนของเมืองหลวง ทั้งไม่ได้แสดงพฤติกรรมใด ๆ ออกมาให้นึกหวาดระแวงอย่างที่ไอหมอกคิดไปเองก่อนหน้าเลยสักนิด ทั้งไม่ได้ทำตัวคุกคามเขาเหมือนอย่างผู้ชายคนนั้น
"ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับคุณหมอไอหมอก เสียดายที่ผมมีเวลาไม่มากพอ ถ้ามีโอกาสหน้ายังไงโปรดให้เกียรติผมอีกครั้งนะครับ"
ราฟาเอลมาส่งไอหมอกที่โรงพยาบาลเหมือนเดิม ก่อนจะขับรถหายลับไปจากสายตา และทันทีที่คุณหมอหนุ่มก้าวเข้ามายังห้องพักรับรองก็เจอเข้ากับรุ่งอรุณที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ก่อนแล้ว
"เป็นไงบ้าง มันทำอะไรนายหรือเปล่าไอหมอก" รุ่งอรุณรีบลุกมาจับไอหมอกหมุนไปมาด้วยสีหน้ากังวล ทั้งจับแขนเพื่อนสนิทขึ้นมาถลกเสื้อเชิ้ตสีอ่อนออก มองท่อนแขนเรียวขาวจับพลิกไปมา เมื่อไม่เจอสิ่งผิดปกติจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย"
"ก็ฉันเป็นห่วง รู้งี้ฉันขอออกไปกับไอ้ราฟาเอลนั่นดีกว่าปล่อยให้นายไปกับมัน" ก่อนหน้านี้ดร.สุรชิตเรียกเขาไปคุยแล้ว และขอให้เขาพาแขกของโรงพยาบาลไปทำธุระต่อด้วยพาไปดินเนอร์ เขาปฏิเสธไป ทั้งอ้างว่ามีงานด่วนไปไม่ได้ แต่ไม่คิดว่าคนที่รับกรรมไปจะเป็นไอหมอก
"ไม่มีอะไรสักหน่อย เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน แค่พาไปซื้อของนิดหน่อย พาฉันไปกินข้าวแล้วก็พากลับมาส่งนี่แหละ เราอาจจะคิดมากกันไปเองก็ได้" ไอหมอกไหวไหล่ เดินผ่านเพื่อนตัวเองไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ
"เออนี่ ฉันมีเรื่องจะบอก" น้ำเสียงรุ่งอรุณฟังดูจริงจังขึ้นมาจนไอหมอกยังนึกแปลกใจ
แต่มีกวาดสายตามองหน้าอีกฝ่าย ไอหมอกไม่พบอะไรผิดปกติ จึงทึกทักว่าตัวเองคิดมากไปเอง "อะไร แปบนึง ขอฉันเข้าห้องน้ำก่อน"
รุ่งอรุณกำลังคิดว่าตัวเองจะเริ่มพูดยังไงดีเพื่อไม่ให้ไอหมอกคิดมาก พลันในใจนึกโกรธไปยังเด็กคนนั้นที่ทำให้เรื่องราวยุ่งเหยิงได้ขนาดนี้ ในตอนนี้เขารู้ดีว่าอสรพิษได้ตื่นขึ้นมาแล้วและมันกำลังคืบคลานเข้ามาช้า ๆ เพียงแต่เหยื่ออย่างไอหมอกจะรู้ตัวมากแค่ไหน
"เห้อออ" หมออุ่นถอนหายใจเสียงดัง ความคิดไม่ตกทำเอาข้างขมับปวดตุบ
"ถอนหายใจแบบนี้เดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก ว่าไง มีอะไรจะบอกฉันงั้นเหรอ" ไอหมอกใช้ผ้าผืนเล็กซับหน้าพลางพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะชะงักค้างไปกับสิ่งที่ได้ยิน
"เด็กคนนั้น ...ทัพฟ้าตายแล้ว ทัพฟ้า ภัครวัฒิโยธินตายแล้ว"
"...!"
*****
#ไอหมอกเหนือสมุทร
T : Mairymii
ความคิดเห็น