ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Fic Harry Potter} Pick me

    ลำดับตอนที่ #2 : Episode : 1 I don't have Lightning again

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.66K
      346
      21 พ.ค. 62



    'เมื่อฟ้ามืดก็ย่อมมีดาว ท้องฟ้าสว่างก็จะมีเมฆ'


    ___________________________________________


    Episode 1 

    I don't have Lightning again





    เปลือกตาที่แสนหนักอึ้งเริ่มขยับ มือทั้งสองข้างที่ชักเกรงเริ่มที่จะแข็งค้างไปกับพื้นเตียง ดูเหมือนที่นี้จะเป็นห้องแคบๆเล็กๆเป็นแน่ ผมพยายามนึกถึงตัวเองว่าตอนนี้ตายแล้วเขาคงกำลังพาศพผมลงโลงสินะ เสียงดังกึ่งๆกั่กๆยังคงไม่หยุดจนผมชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าผมอยู่ในโลงศพจริงหรือเปล่า แต่ก็ได้แต่นึกถึงเรื่องสภาพของตัวเองก่อนตายตกจากที่สูงนี่ไม่น่าจะรอดหรือขยับตัวตอนนี้ได้ด้วยซ้ำไป หรือว่าผมยังไม่ตายกันแน่นะ สมองสั่งตัวก็เริ่มทำตาม ดวงตาของผมเริ่มเปิดออกอย่างช้าๆ แขนสองข้างเริ่มที่จะยกขึ้นแล้วเอือมมาที่ใบหน้าของตัวเอง แต่สายตาที่เพิ่งหายจากอาการพร่ามัวของผมต้องตกใจจนสะดุ้งขึ้นมา 


    "ให้ตายสิฉันขาวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!?"


    ผมมองมือเรียวสวยที่เริ่มไม่มั่นใจว่าใช่ของตัวเองหรือเปล่า(?) มือที่ทั้งเรียวยาวค่อนไปทางผอมแห้งขยับไปมาตามที่ผมออกแรง ผิวกายที่ขาวซีดเซียวเหมือนคนที่อยู่เมืองหนาวมาทั้งชาตินี่มันอะไรกัน หัวของผมโคลงเคลงไปมาคล้ายอยู่เรือที่กำลังแล่น แต่ไม่มีทางเพราะที่นี่ไม่มีเสียงน้ำเลยสักนิดเดียว ผมเริ่มขยับตัวแต่ว่ามันกลับทำให้ผมล้มลงไปกองที่พื้นราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่น เส้นผมสีบลอนด์เงินออกโทนเทาๆไหลย้อยลงมาที่ตรงหน้าผม


    "เฮือก!"


    ผมนี่สะดุ้งตัวอย่างแรงเลยทีเดียว ผมที่เคยเป็นสีดำธรรมชาติทำไมถึงได้กลายเป็นสีนี้ไปได้กันล่ะ 


    "ใช่กระจก!เราต้องดูกระจก!"


    ผมพาร่างของตัวเองที่ดูเหมือนจะเบาหวิวเฝเอามากๆนี้ลุกขึ้นแล้วมองซ้ายมองขวาเพื่อหาสิ่งที่ตัวเองต้องการก่อนจะไปสะดุดกับกระจกถือคันหนึ่ง ผมเอือมมือไปหยิบมันทันทีด้วยความร้อนรนพร้อมยกมันขึ้นมาเพื่อตรวจสอบใบหน้าของตนเอง 


    โอ้พระเจ้าๆๆๆ


    "เย้ยยยย...วอทเดอะ*าค!"


    ผมในตอนนี้แทบจะวิญญาณหลุดออกจากร่างไปอีกรอบอย่างไงอย่างงั้น ร่างของเด็กผู้ชาย ผู้ชายจริงๆนะ ร่างที่อยู่ในกระจกดูสวยหวานมากเลยนะ มันใช่เหรอวะคุณครับ!? ดวงตาสีเขียวหม่นปนกับสีเทาคู่สวยมันค่อนข้างกลม แล้วก็เรียวมากจริงๆ ดูปากนั่นสิ!!! ปากสวยเชียวพ่อคุณเอ๊ย! ผมได้แต่โอดครวญในใจมันเริ่มมีบรรยากาศเหมือนนิยายต่างโลกแล้วมีตัวเอกเป็นผู้ชายหน้าหวานกับสามีย์(?)ของเขา แค่คิดผมก็ปวดหัวเต็มทีแล้ว


    "วัตสันลูกเป็นอะไรไป!!"


    เสียงของหญิงคนคนหนึ่งดังมาก่อนตัว เธอวิ่งมาหาเขาด้วยความเร็วสูงก่อนจะใช้มือจับไหล่ผมไว้ แล้วเริ่มตรวจสอบผมว่าผมยังสบายดีหรือเปล่า เมื่อรู้ว่าผมนั้นไม่เป็นไรเธอก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอก่อนผมเอาไว้ เธอเรียกผมว่าลูกผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นแม่ของผม อะแฮ่ม! แม่ของเจ้าของร่างนี้สินะ


    "แม่ฮะผมไม่เป็นไร" ผมตอบกลับไปก่อนจะต้องตกใจกับเสียงของตัวเองที่เพิ่งรู้สึกถึงมัน มันเรียบนิ่งมาก นิ่งยังกับเสียงวิญญาณ ยิ่งกว่าน้องสิริในกูเกิ้*


    "เฮ้อ...แม่ตกใจหมดเลยวัตสันปรกติลูกไม่เคยตะโกนแบบนั้นแท้ๆ" เธอพูดด้วยความสงสัยแต่ไม่ได้คาดคั้นอะไรจากผม "งั้นแม่จะให้เวลาลูกอีกสิบนาทีแล้วลงไปหาแม่ข้างล่างนะ


    "...." ผมพูดอะไรไม่ออกก่อนจะมองคุณแม่คนสวยของผมที่เดินออกไปจากห้องจนสุดสายตา


    เด็กคนนี้ชื่อ วัตสัน สินะแหมชื่อเพราะดีเหมือนกันนะ ผมเริ่มมองหาข้อมูลอื่นๆภายในห้องก่อนที่จะเห็นว่าห้องมันทั้งโทรมและมีแต่ตู้หนังสือที่มีหนังสืออยู่เต็มตู้ไปหมด คุณก็น่าจะทราบกันดีว่าเด็กไทยไม่ค่อยอ่านหนังสือ ผมนี่ถึงกับขยาดเลยทีเดียว ถึงจะชอบอ่านนิยายแต่ถ้าเป็นหนังสือวิชาการแบบนี้มันค่อนข้างที่จะ.... ฆ่าผมเถอะ! สองขาของผมก้าวไปที่โต๊ะเขียนหนังสือตัวเก้าๆที่ทำจากไม้ที่มุมห้อง เมื่อวางมือลงไปก็เกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดขึ้นมาจนแทบไม่กล้าใช้มัน วัตสันคนนี้ยากจนขนาดนี้เชียวเหรอ? ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะนึกถึงชีวิตเก่า ตอนนี้ผมปรับตัวกับที่นี่ได้แล้ว(มั้งนะ) สายตาของผมจ้องมองดูสมุดบันทึกที่ปกทำด้วยหนังที่วางบนโต๊ะนั้นเล็กน้อยก่อนจะเปิดดูที่หน้าแรก


    "วัตสัน ควีน ทรีลอว์นีย์?"


    ชื่อเต็มของวัตสันสินะ แต่ชื่อกลางเป็น ควีน ที่แปลว่า ราชินี นี่หมายความว่ายังไง ถึงมันจะสามารถย่อด้วยตัว ควีค์ ก็เถอะ ผมถือวิสาสะเปิดสมุดบันทึกต่อไปหลายๆหน้าผมทั้งอ่านและตกตะลึงไปกับเรื่องที่อยู่ในบันทึกเล่มนี้ 


    "ว้าว...วัตสันเธอเป็นเด็กที่น่าทึ่งจัง"


    เด็กคนนี้ฉลาดเป็นกรด เป็นผู้วิเศษที่จะได้เข้าโรงเรียนพ่อมดแม่มดฮอกวอตส์ปลายปีนี้อีก แถมยังมีพลังมองอนาคตได้ถ้าแตะต้องตัวคนคนนั้นอีกต่างหาก ถึงในบันทึกจะเขียนว่าเป็นแค่ช่วงเวลา 1-2 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆก็เถอะ แจ่ถ้าเกิดจะเป็นอนาคตที่ไกลกว่านั้น... เขาจะจำอะไรที่ตนเองพูดเกี่ยวกับคำทำนายไม่ได้เลยสักนิด นี่คือเรื่องที่พ่อเขาเล่าให้ฟังผ่านจดหมายนกฮูก ผมชักจะสนุกที่ได้อ่านบันทึกของเด็กคนนี้เข้าแล้วสิ



    '19 May  1991  07:45  PM


    พรุ่งนี้แม่จะตาย ฉันต้องบอกแม่ จะมีคนมาฆ่าแม่ ขอร้องไดอารี่ที่รักฉันต้องทำได้สิ'



    หัวใจของผมหล่นลงไปที่พื้นทันทีที่อ่านจบประโยค สมุดบันทึกในมือหล่นลงกับพื้น มันถูกเขียนไว้ล่าสุด ป็นบันทึกสุดท้ายก่อนที่ผมจะมาที่นี่ งั้นก็ แสดงว่า!! ผมพาร่างของวัตสันพุ่งตรงดิ่งออกจากห้อง วิ่งลงบันไดมาอย่างรวดเร็วโดยที่กลัวว่าเรื่องเลวร้ายจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ นาทีที่ปลายเท้าเรียวสวยสัมผัสพื้น เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็เกิดขึ้นทันที 


    "วัตสันหนีไปเดี๋ยวนี้!!อ๊ากกกกก!!!"


    ลำแสงสีเขียวสดพุ่งตรงมาที่เขา เป็นเสี้ยววินาทีที่แม่ของผมนั้นพุ่งตัวเข้ามารับลำแสงสีเขียวนั้นแทน เธอสิ้นใจต่อหน้าผม เสียงกรีดร้องก่อนสิ้นใจของเธอยังคงดังก้องอยู่ในหัวของผม


    ใบหน้าของผมเริ่มชา ดวงตาคู่กลมเริ่มหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมกลัว ผมกลัวเหลือเกิน ผมทรุดตัวลงกอดร่างของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของวัตสันที่ผมอาศัยร่างอยู่ แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่กี่นาทีที่ผู้อาศัยอย่างผมเข้ามา ผมรู้สึกผูกพันธ์ทั้งๆที่เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก 


    "แม่ครับ!" ผมตะโกนกู่ร้องใส่ร่างไร้วิญญาณตรงหน้า


    "แม่แกไม่อยู่แล้วเด็กน้อย" เสียงทุ้มเย็นเหยียบของคนตรงหน้ากล่าวขึ้นอย่างสบายอารมณ์ เพิ่งฆ่าคนไปพวกแกเห็นคนเป็นผักปลาหรือไงกัน! "งั้นก็ตามแม่แกไปซะ อาวาดา เคดราฟ-รา!"


    ผมมองลำแสงสีเขียวสดนั้นทีหนึ่งก่อนจะมีใครสักคนปรากฏตัวออกมา เขาเป็นชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมตัวยาวที่กำลังถือไม้บางอย่างทรงยาวแล้วสาดลำแสงบางอย่างกลับไป ก่อนชายในผ้าคลุมสีดำจะพลาดท่าแล้วหายตัวไป ผมกอดร่างไร้วิญญาณในอ้อมแขนแน่นแล้วมองคนตรงหน้าด้วยแววตาไม่ไว้ใจสุดๆก่อนจะพาร่างของแม่และตัวเองถอยห่างออกไปเรื่อยๆ


    "เด็กน้อยไม่ต้องกลัว...ไม่ต้องกลัวฉันมาดี" ชายคนนั้นถอดฮู้ดออกแล้วหันหลังกลับมาหาเขาแล้วย่อตัวลงด้วยท่าทีที่เป็นมิตร "ฉัน เมสัน เมแกน "


    "ผมไม่รู้จักคุณแล้วทำไมคุณถึงได้มาที่นี่" เป็นใครก็ไม่รู้แถมแนะนำตัวกันโต้งๆอีกให้ตายเถอะ ทำไมมีแต่คนน่าสงสัยกันนะ


    "พอดีฉันแวะมาหาแม่ของเธอเพื่อทำธุระนิดหน่อยแต่ไม่นึกว่า...." เขาส่ายหน้าไปมาก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง "ฉันเสียใจ"


    "....." ใครจะเสียใจกว่ากันระหว่างคุณกับผม น่นอนว่าต้องเป็นผม "ขอบคุณ" ผมบอกขอบคุณออกไปด้วยเสียงเรียบอันเป็นเอกลักษณ์ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาขับไสไล่ส่ง


    "ไม่เป็นไรเด็กน้อย....ฉันจะส่งจดหมายเรียกครอบครัวเธอที่เหลือให้มาจัดการธุระแล้วก็งานศพแม่ของเธอนะเด็กน้อย" เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะยกยิ้มสลดให้ผมราวกับเขาเสียใจมากจริงๆ "แต่ตอนนี้เธอต้องเชื่อใจฉันแล้วนะคุณทรีลอว์นีย์"

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     ;
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×