ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [HARRY POTTER] แพนซี่ พาร์กินสัน นั่นชื่อฉันเอง (AU)

    ลำดับตอนที่ #2 : Girl

    • อัปเดตล่าสุด 5 มิ.ย. 64


     

     


     






                ในตอนนี้ชานชราเก้าเศษสามส่วนสี่พลุกพล่านไปด้วยผู้ปกครองที่ทาส่งลูกหลานของตนไปฮอกวอตส์ ร่างบางอายุสิบสามแต่รูปร่างและส่วนเว้าส่วนโค้งกลับเด่นจนบรรดาบุรุษทั้งหลายยังมองเหลียวหลัง  เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นกระดุมปลดออกสองถึงสามเม็ดแต่ก็ลึกพอที่จะเห็นร่องหน้าอกคัพซี กระโปงทรงเอสีดำสั้นเลยเข่าเล็กน้อยทุกอย่างล้วนทำให้ร่างบางดูสวย แซ่บ ได้ใจใครหลายๆคนร่างบางถอดแว่นกันแดดสีดำออก เพื่อปรับสายตาเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองผู้เป็นพ่อและแม่ที่เดินตามหลังมา

     

    " แพนซี่ลูก อย่าลืมเจียนจดหมายมาหาพ่อกับแม่นะ"

     

    "พ่อ พูดประโยคนี้เป็นครั้งที่5แล้วนะคะ"

     

    "ก็พ่อกลัวลูกลืมนี่ ลูกสาวพ่อโตขึ้นเป็นสาวแล้วพ่อก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาจริงไหมคุณ" ผู้เป็นพ่อหันไปถามมารดาที่มองลูกสาวอยู่ก่อนแล้ว

     

    "แน่นอนลูกแม่สวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะแบบนี้ หนุ่มๆคงมารุมจีบลูกแน่"

     

    "ก็คงจะอย่างนั้นแหละค่ะ หนูไปก่อนนะคะ " ร่างบางเอ่ยพลางเข้าไปสวมกอดกับพ่อแม่

     

    "โชคดีนะลูกพ่อ" ฉันโบกมือลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินขึ้นรถไฟไปทันที 

     

     

                        ร่างบางเดินหาโบกี้ที่ว่างเพราะอยากอยู่เงียบๆคนเดียวแต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง เสียงเคาะประตูดังขึ้นก็พบกับชายผิวสีถ้าจำไม่ผิดคงจะเป็นเบลส ซาบินี่ เพื่อนร่วมบ้านงูที่พูดกวนประสาทเก่ง(ในความทรงจำเก่า) และธีโอดอร์ น๊อต ชายผิวขาวเรือนผมสีน้ำตาลทองผู้มีนิสัยเงียบ พูดน้อยต่อยหนัก ฉันหันไปก่อนจะเปิดประตูออก

     

    "ฉันขอนั่งด้วยได้ไหม? " เขาถามกับร่างบาง ก่อนจะโดนปิดประตูใส่แต่ด้วยความที่มือไวเขาจึงสามารถจับประตูได้ทันก่อนที่จะปิด

     

    "เฮ้ แพนซี่ฉันจอนั่งด้วยไม่ได้รึไง" 

     

    "......ไม่" 

     

    "เอาหน่ายังไงเราก็เพื่อนกัน" 

     

    "โทษทีฉันไม่มีเพื่อน" ร่างบางรีบตัดบทสนทนาก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

     

    "อะไรกันพาร์กินสันเดี๋ยวนี้กลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  " เสียงครางยานเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นพร้อมกับลูกสมุนสองคน ร่างบางหันไปมองเล็กน้อย

     

    " แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกนาย"

     

    "เกี่ยวสิ พวกฉันมาขอนั่งด้วยนะปกติเธอออกจะเปิดรับให้เข้าจะตาย ยิ่งเป็นฉันแล้วด้วยจริงไหมเเครบ กอย" ไม่ทราบว่าไปเอาความมั่นหน้าจากไหนพ่อคุณ  

     

    "โทษที ฉันอยากอยู่คนเดียวไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมารบกวน" พูดจบร่างบางก็ปิดประตูใส่กลอนแถมยังเอาม่านลงทิ้งให้พวกเขายืนอยู่หน้าโบกี้นี่ เสียงโวยวายของมัลฟอยดังขึ้นหน้าโบกี้ที่ฉันนั่ง ฉันหยิบหูฟังขึ้นมาสวมก่อนจะเปิดเพลงพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพนอกบานกระจกช่างสวยงามเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ก่อนจะเห็นวิวภูเขาที่สวยจนน่าหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย 

     

     

                 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                        เมื่อถึงที่หมายร่างบางนั่งสักพักก่อนจะลงรถไปเป็นคนสุดท้าย แต่ดูท่าเธอคงจะไม่ใช่คนสุดท้ายเพราะยังมีกลุ่มของเด็กกริฟฟินดอร์อย่างแฮรี่ พอตเตอร์เดินออกจากรถไฟเหมือนกัน

     

    "นั่นพาร์กินสันใช่มั้ย งั้นข่าวลือที่ว่าก็เป็นจริงนะสิ" ชายผมแดงปากไม่มีหูรูดอย่างโรนัลด์ วีสลีย์พูดกับเพื่อนอีกสองคน

     

    "ข่าวลือ? เรื่องอะไรทำๆมฉันไม่เห็นรู้" เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ถามขึ้นด้วยความสงสัย 

     

    "ก็ข่าวที่ว่ายัยนั้นถูกถอนหมั้นกับมัลฟอยไง " อยู่ฉันก็รู้สึกเจ็บที่อกข้างซ้ายขึ้นมาทันที สงสัยยัยหนูนั้นคงจะรับรู้ได้สินะ

     

    "จริงหรอ? ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นได้ละปกติฉันเห็นพาร์กินสันอยู่กับมัลฟอยยิ่งกว่าอะไรซะอีก"  พอตเตอร์เอ่ยขึ้นพลางมองร่างของหญิงสาวที่เดินนำอยู่ข้างหน้าพวกเขา

     

    "ฉันได้ยินมาว่าเจ้ามัลฟอยมันรำคาญยัยนั้นที่ไปยุ่งกับชีวิตมันไม่ไหว แต่ยัยนั้นก็น่ารำคาญจริงๆนั้นแหละจุ้นจ้านไปทั่ว เหอะ สมน้ำหน้า" จู่ๆร่างบางที่เดินนำหน้าพวกเขาก็หยุดฝีเท้าก่อนจะหันมามองพวกเขา

     

    "ฉันว่าพาร์กินสันได้ยินที่เราพูด" เฮอร์ไมโอนี่กระซิบบอกเขากับรอน รอนทำหน้าเหวอเล็กน้อย

     

    "ฉันก็ว่าแบบนั้น" เขาพูดขณะที่สายตามองร่างบางที่เดินเข้ามาที่กลุ่มพวกเขาเรื่อยๆจนหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา

     

    "ไม่ทราบว่าที่บ้านพ่อแม่ไม่สอนมารยาทหรอวีสลีย์ แต่ว่าจะโทษพ่อแม่ก็ไม่ได้ก็ในเมื่อลูกมันไม่จำใส่สมอง "

     

    "นี่ เธ-"

     

    "หุบปาก!!! ฉันยังพูดไม่จบอย่ามาทำตัวมารยาทต่ำเหมือนคนไร้การศึกษา วันหลังถ้าจะนินทราว่าร้ายคนอื่นก็ช่วยไปพูดไกลๆด้วย เคยได้ยินไหมใจเขาใจเรา แล้วแต่ละคำที่พูดแม่งมีแต่คำพูดไร้สมอง เหมือนพวกหน้าโง่พูดกัน ขอโทษนะแต่ช่วยไปสร้างมลพิษเสียงที่อื่นได้ไหมตรงนี้มันน่ารำคาญ พวกเธอสองคนวันหลังก็หัดสั่งสอนเพื่อนตัวเองด้วยไม่ใช่ปล่อยให้เห่าใส่ชาวบ้านไปทั่วแค่นี้คงไม่เกินความสามารถพวกเธอจริงไหม หรือไม่มีปัญญา?"

     

                     หลังจากที่ร่างบางพูดจบก็เดินจากไปทันทีปล่อยให้เด็กบ้านสิงห์ทั้งสามยืนหน้าซีดแข็งเป็นหิน ทุกคำที่ร่างบางพูดมันทำเอาหน้าพวกเขาชาเลยทีเดียว 

     

           ระหว่างที่เดินผู้คนมักจับกลุ่มกันพูดถึงเรื่องของฉันส่วนใหญ่มักจะพูดกันอย่างสนุกปาก ฉันทำเป็นหูทวนลมเมื่อถึงห้องโถงใหญ่ พิธีคัดสรรของเด็กปีหนึ่งก็เริ่มขึ้น ร่างบางเลือกที่นั่งที่อยู่ท้ายที่สุดให้ลับหูลับตาเพราะรำคาญกับสายตาที่เหยียดหยามหรือสมน้ำหน้า ฉันนั่งเหม่อลอยสักพักก่อนจะรับประทานอาหารตรงหน้า 

     

    "น่าเบื่อฉิบ*าย" เสียงหวานสถบเล็กน้อยก่อนจะลุกออกไปเดินเล็กข้างนอก 

     

                    ร่างบางเดินไปอย่างไร้จุดหมายโดยสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความสนใจเล็กน้อย เดินไปเดินมาก่อนพบกับทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีปลาหมึกยักษ์ว่ายไปมากลางน้ำ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่ามันโบกมือทักทายโดยใช้หนวดโผล่เหนือผิวน้ำแล้วขยับไปมา ร่างบางขบขันกับท่าทางของเจ้าปลาหมึกเล็กน้อยพลางโบกมือตอบกลับไปให้ก่อนจะทรุดตัวนั่งกับพื้นหญ้ามองดวงอาทิตย์ที่ในไม่ช้าก็จะลับขอบฟ้าไป

     

    "ไม่ได้ดูอาทิตย์ตกดินนานเท่าไหร่แล้วนะ" ร่างบางเอ่ยอย่างแผ่วเบาจนราวกับเสียงกระซิบ  เสียงฝีเท้าปริศนาดังขึ้นด้วยสัญชาตญาณเก่าจึงหันไปมองอย่างรวดเร็วก็พบกับสุนัขสีดำตัวใหญ่ที่กำลังจ้องมองมาฉัน 

     

    "ไงเจ้าหมามานี่สิ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก" มือบางยื่นไปทางสิ่งมีชีวิตสีดำ มันมองก่อนจะเดินมาข้างๆและล้มตัวนอนลงด้วยความที่ขนาดตัวของมันใหญ่จนคางของเจ้าก้อนดำเกยตักฉัน มือเรียวลูบหัวมันก่อนจะมองภาพตรงหน้าต่อ

     

    "รู้อะไรไหมเจ้าดำบางครั้งฉันก็รู้สึกเหนื่อยกับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน  ต้องทนรับสายตาเหยียดหยาม ดูถูก พูดจาทำร้ายจิตใจ แถมยังต้องใช้ชีวิตต่อไปทั้งๆที่มันไม่ควรเป็นแบบนั้น......พูดไปแกก็ไม่เข้าใจเพราะแกเป็นหมานี่" ดวงตาสีเหลืองมองร่างเด็กสาวที่ดูสวยและลึกลับดูสง่ายามเหม่อมองท้องฟ้า แสงสีส้มจากดวงอาทิตย์ยิ่งทำให้ภาพตรงหน้าชวนหลงใหลมากขึ้นไปอีก 

     

     

     "ดูเหมือนฉันต้องไปแล้ว ลาก่อนนะเจ้าหมา" ดวงตากลมโตมองอิริยาบถของร่างบางที่ค่อยๆเดินจากมันไป ร่างของสุนัขสีดำขนาดใหญ่เดินจากตรงนั้นก่อนจะไปหยุดข้างชายวัยกลางคนผู้เป็นอาจารย์สอนศาตร์มืดคนใหม่อย่าง รีมัส ลูปิน เพียงเสี้ยววินาทีร่างของสุนัขขนาดใหญ่ก็กลายร่างเป็นหนุ่มหล่อยืนเคียงข้างกับเพื่อนของเขา ใช่ เขาคือ ซีเรียส แบล็ค 

     

     "ลมอะไรหอบนายมานี่ล่ะ ซีเรียส"

     

     "ก็ฉันได้ข่าวว่านายได้มาเป็นอาจารย์สอนที่นี่เลยมาแสดงความยินดีไง "

     

    "งั้นหรอ แต่ฉันว่านายดูจะเจออะไรเข้าสินะ" รีมัสที่เห็นซีเรียสเพื่อนรักดูอารมณ์ดีแปลกๆ ก็ถามขึ้น

     

     "ก็คงงั้นแหละ ฉันไปล่ะแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาหา" มาอีกงั้นหรอ? แปลกจริงๆ

     

    "รู้ไหมท่าทางของนายตอนนี้เหมือนกันตอนที่จีบสาวๆเลยนะ ซีเรียส" เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีทำไมจะไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไร อยากรู้จริงๆว่าสาวคนไหนทำให้เพื่อนคนนี้สนใจได้


    "รู้ใจฉันจริงๆ " ซีเรียสพูดเป็นครั้งสุดท้ายก็จะหายตัวไป


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×