คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : MOON
บ็อกการ์ต (Boggart) เป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ มันจะเปลี่ยนรูปเป็นอะไรก็ตามที่ผู้พบเจอหวาดกลัวที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าบ็อกการ์ตมีรูปร่างเป็นอย่างไร หลักฐานที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของมัน สังเกตได้จากเสียงกรอกแกรก การสั่นไหว หรือรอยขีดข่วนบนวัตถุในที่ซึ่งมันกำลังซ่อนตัว บ็อกการ์ตชอบพื้นที่จำกัดเป็นพิเศษ แต่อาจจะพบมันในป่า และตามซอกหลืบของมุมมืด
และใช่ในตอนนี้ฉันอยู่ในคาบวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดซึ่งผู้สอนวิชานี้มีด้วยกันสองคนคือ ทอม ริดเดิ้ล และรีมัส ลูปิน โดยที่ศาสตราจารย์ริดเดิ้ลเป็นคนสอนภาคทฤษฎีส่วนศาสตราจารย์ลูปินเป็นคนสอนภาคปฏิบัติ นักเรียนทุกคนกำลังยืนอยุ่หน้าตู้เสื้อผู้ที่กำลังสั่นราวกับมีสัตว์ร้ายน่ากลัวถูกขังอยู่ในนั้น ศาสตราจารย์ลูปินเรียกให้เด็กกริฟฟินดอร์ที่ชื่อลองบอตทอมมาเป็นอาสาสมัครคนแรก ก่อนจะถามว่าเขากลัวอะไรซึ่งสิ่งที่เขากลัวที่สุดคือศาสตราจารย์เสนป ไม่กี่นาทีต่อมาบ็อการ์ตก็กลายเป็นศาตราจารย์เสนป ลองบอตทอมร่ายคาถา ริดิคิวรัส ก่อนที่ศาตราจารย์เสนป(บ็อกการ์ต)จะอยู่ในชุดคุณยาย ซึ่งนั้นเรียกเสียงหัวเราะเป็นอย่างดี
"เอาล่ะทุกคนเข้าแถวมาเร็ว" ศาตราจารย์ลูปินบอกกับนักเรียนทุกคนพลางเดินไปเปิดเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศ ฉันรู้สึกเบื่อหน่ายจึงเดินไปข้างหลังสุดจนไม่รู้เลยว่าได้ไปยืนข้างกับอาจารย์หนุ่มหน้านิ่งอย่างศาตราจารย์ริดเริ้ดเสียเเล้ว
"คุณพาร์กินสัน "
"มีอะไรรึเปล่าค่ะ ศาตราจารย์?" ร่างบางกอดอกตอบอีกฝ่ายแต่สายตายังคงมองเหตุการณ์ตรงหร้าที่กำลังเกิดขึ้นอยู่
"เปล่า"
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนทุกคนได้ร่ายคาถาจนมาถึงพอตเตอร์คนดัง ที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าบ็อกการ์ตก่อนที่มันจะกลายเป็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่ฉันคาดว่าน่าจะเป็นแม่ของเขากำลังแสดงท่าทีที่ดูโกรธเขา เวลาผ่านไปรวดเร็วจนหมดคาบเรียนฉันยื่นเงียบไม่ได้ร่วมกิจกรรมด้วย ก่อนที่คาบเรียนนี้จะจบลง
ร่างบางยังคงยื่นอยู่ที่เดิมโดยที่ข้างๆก็มีศาตราจารย์ริดเดิ้ลยืนอยู่เหมือนเดิม ฉันมองบริเวณรอบๆที่ผู้คนในชั้นเรียนเริ่มทะยอยกันออกจากห้องเรียนจนมันเหลือแค่ฉันคนเดียว
"คุณพาร์กินสัน ผมคิดว่าคุณควรกลับไปได้แล้ว" คนข้างกายเอ่ยขึ้น
"ศาตราจารย์ลูปินค่ะ หนูขอลองได้ไหมบ็อกการ์ตน่ะ"
"เธอยังไม่ได้ลองดูหรอ " ฉันไม่ตอบเพียงพยักหน้าเป็นคำตอบให้อีกฝ่ายไป เขามองฉันอยู่พักหนึ่งก่อนจะยิ้มให้เป็นคำตอบ
"จำคาถาที่ฉันสอนได้ใช่ไหม ริดิคิวรัส"
"ค่ะ"
ประตูที่ขังบ็อกการ์ตถูกเปิดขึ้นอีกครั้งโดยที่มีศาตราจารย์ทั้งสองคอยยืนมองร่างบางอยู่ไม่ใกล้และก็ไม่ไกลหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้เจ้าไปช่วยได้ในทันที บ็อกการ์ตที่ตอนนี้ลอยไปไม่ยังไม่ปรากฏสิ่งที่ดูจะทำให้ร่างบางกลัวได้ ไม่นานบ็อกการ์ตก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นร่างของหญิงสาวที่มีผมยาวปกปิดใบหน้าจนไม่สามารถเห็นใบหน้าได้ชัดเจนเนื้อตัวเต็มไปด้วยของเหลวสีแดงฉานที่ดูก็รู้ว่ามันคือ เลือด ร่างนั้นกรี้ดร้องลั่นก่อนจะวิ่งเจ้ามาหาร่างของเด็กสาว อาจารย์ทั้งสองที่เห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งเข้ามาช่วยแต่ดูเหมือนเด็กสาวจะรับมือได้
"ริดิคัวรัส!!!! " สิ้นเสียงร่างบ็อกการ์ตก็เปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนเดิมเพียงแต่คราวนี้เธอดูดีกว่าเดิมเรือนผมสีน้ำตาลถูกปล่อยยาวจนถึงแผ่นหลังดวงหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอาง สวมชุดเดรสลูกไม้สีขาวสะอาดตาก่อนจะนำมือมาสัมผัสกับแก้มนวลของเด็กสาวข้างขวา
'รักนะ'
ร่างบ็อกการ์ตพูดเพียงคำสั้นๆคำเดียวก่อนจะหายเข้าไปในตู้ ร่างบางยืนนิ่งจนศาตราจารย์ทั้งสองเริ่มเป็นห่วงจึงเดินเข้าไปหาก็พบว่า เด็กสาวไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวหรือตกใจแท้แต่น้อยเพียงแค่ยิ้มบางๆไว้เท่านั้น
"คุณพาร์กินสัน โอเครรึเปล่า" ลูปินเอ่ยถามเด็กสาว
"ได้ยินไหมคุณพาร์กินสัน" ทอมที่เห็นว่าเด็กตรงหน้าไม่มีกิริยาตอบโต้จึงเขย่าร่างบางนั้นเบาๆ
"ได้ยินค่ะ งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ" รอยยิ้มนั้นหายไปจากใบหน้าก่อนจะขอตัวออกจากห้องนี้ทันที เมื่อประตูเปิดออกก็พบกับเจ้าชายสลิธีรินอย่างเดรโก มัลฟอย ฉันมองแค่หางตาแล้วเดินผ่านเขาไปเหมือนอากาศแต่ก็ถูกมือของอีกคนรั้งไว้เสียก่อนฉันหันกลับไปมองและสะบัดแขนออกทันที
“อะไรกัน เดี๋ยวนี้รังเกียจฉันงั้นหรอเมื่อก่อนนี้วิ่งตามฉันอย่างกับอะไร” ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมยังต้องมารังควาญชีวิตคนอื่นทั้งๆที่เป็นคนที่ต้องการอิสระ ก็ให้แล้วไงต้องการอะไรอีก?
“แล้วนายต้องการอะไร ”
“เธอไม่เหมือนเดิมแพนซี่ เธอเปลี่ยนไป” เปลี่ยนงั้นหรอ ………มันก็แน่นอนอยู่แล้วนิจะมีคนบ้าที่ไหนโดนถอนหมั้นแล้วจะทำตัวปกติตามติดคนที่เขี่ยเราทิ้งพูดมาได้เปลี่ยนไป เฮงซวย!!
“นี่มัลฟอย ฉันจะบอกอะไรให้ฟังนะมันไม่มีคนสติดีที่ไหนโดนถอนหมั้นจากคนที่ตัวเองรักแล้วจะทำตัวปกติได้ จำใส่สมองไว้” การโดนคนที่รักมองด้วยสายตาที่ไม่เห็นค่า ฉันเข้าใจดีเลยแหละยัยหนูแพนซี่มันเจ็บปวดขนาดไหนเราทำให้เขาได้ทุกอย่างแม้กระทั่งตายแทนแต่ไม่รักก็คือไม่รักที่หนักกว่านั้นคือ ไม่เห็นคุณค่าของตัวเราเลย
ร่างบางพูดแค่นั้นก่อนจะสาวเท้าให้ห่างจากตรงนั้นทิ้งให้เด็กชายยื่นอยู๋ที่เดิมไม่ขยับเขยินไหนเพียงมองแผ่นหลังบางที่ค่อยๆห่างไกลมากขึ้นจนลับสายตาไป เขาแค่รู้สึกแปลกๆหลังจากที่เจอเธอในตรอกไดแอนกอนเขาก็รู้สึกว่าเธอน่าสนใจขึ้น ดูสวยขึ้น สง่าขึ้นต่างจากเมื่อก่อนที่ทำตัวน่ารำคาญเอาแต่ตามติดเขายิ่งกว่าปลิง แต่วันนี้เธอกลับตีตัวออกห่างจากเขาพอไม่มีเธฮคอยตามติดก็รู็สึกเหมือนบางอย่างขาดหายไปเหมือนกัน วันนี้ในคาบเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด เขาก็มองหาเธอไปทั่วจนสายตาไปหยุดอยู่ที่ท้ายแถวเธอยืนข้างกับศาสตราจารย์ริดเดิ้ลเหมือนคุยอะไรบางอย่างก่อนจะสนใจกับบ็อกการ์ตเขารู้สึกไม่ชอบใจนิดหน่อยที่เธอไปพูดกับผู้ชายคนอื่น เมื่อคาบเรียนจบลงเขาเห็นเธอขอศาสตราจารย์ลูปินว่ายังไม่ได้ ร่ายคาถากับบ็อกการ์ตเขาแอบมองอยู๋นอกประตูเพราะอยากรู็ว่าบ็อกการ์ตของอีกฝ่ายเป็นอะไร แล้วความสงสัยก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขาตอนแรกเขานึกว่าเธอจะกลัวเรื่องที่เราถอนหมั้นแต่ดันเป็นว่าบ็อกการ์ตเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง พอเธอเดินออกมาเขาก็รั้งเธอไว้ทันทีเราคุยกันแต่ดูเธอเหมือนจะไม่อยากคุยกับผมเท่าไหร่จนเธอพูดออกมาจนผมรู้สึกผิดก็จริงของเธอ ถ้าเกิดคนรักทำให้เธอเสียใจมันจะแปลกอะไรหากเธอจะไม่เหมือนเดิม
เหมือนว่าการมานั่งที่ริมทะเลสาบจะกลาบเป็นสิ่งที่ฉันชื่นชอบเสียแล้วแถมยังมีเจ้าดำที่วันนี้ก็ยังมานอนซบตับของเธอโดยที่แกว่งไปมาอย่างสบายใจ มือบางลูบขนสีดำที่นุ่มเหมือนกับเจ้าของใส่ใจเป็นอย่างดี
“นี่ ฉันสงสัยจังเจ้าของแกเป็นใครกันเจ้าหมา” หางที่ขยับไปมาชะงักทันที มันเงยหน้าขึ้นมามองฉันสักพักแล้วซบหน้าไว้ที่ตักเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองรึเปล่าว่าตอนที่มองเงยหน้าขึ้นมามองเหมือนมันจะทำตาเลิ่กลั่ก นี่ถ้าเกิดเป็นคนแปลงร่างแอนนิเมจัสเป็นหมาฉันคงจะเอาไม้มาฟาดหน้าข้อหาหลอกลวงไปแล้วนะเนี่ย แต่คงไม่ใช่หรอกมั้งหรืออาจจะใช่?
“นี่รู้อะไรไหมเจ้าหมา ฉันว่าถ้าเกิดแกเป็นแอนนิเมจัสแล้วคนคนนั้นจะเป็นใคร” ร่างของสุนัขสีดำสนิทรู็สึกเกร็งเล็กน้อย ที่ร่างบางพูดขึ้น นี่ฉันโดนจับได้แล้วหรอ!!!
“แต่แกคงไม่ใช่แอนนิเมจัสหรอก จริงไหม” ร่างบางมองปฏิกิริยาของเจ้าก้อนสีดำที่ตอนนี้แกล้งทำเป็นนอน
“แกนี่คงจะไม่ใช่หมาธรรมดา ฉลาดจริงๆ”ฉันลูบหัวมัน แต่ก็เริ่มแล้วว่าถ้าเป็นคนจะจัดการยังไงดี ฉันได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกันอยู๋ไม่ใกล้ไม่ไกลตอนแรกก็ทำเป็นไม่สนใจเสียงแต่มันกลับดังขึ้นจนน่ารำคาญใจนี่สิ เจ้าหมาแสนรู้เงยหน้ามองฉันเหมือนจะถามว่า เอาไงดี ฉันถอนหายเบา
“ลุก”เจ้าก้อนดำลุกออกจากตักฉันก่อนจะเดินนำไปยังที่มาของเสียง ฉันทำหน้านิ่งแต่ก็เดินตามไปเพื่อทำให้เสียงน่ารำคาญนั้นเงียบลง เจ้าหมาน้อยแสนรู้ก็หยุดเดินฉันมองภาพเหตูการณ์ตรงหน้าก็เห็นกลุ่มเด็กผู้หญิงบ้านงูสามคนกำลังแกล้ง ไม่สิ ต้องเรียกว่าทำร้ายร่างกายเด็กผู้หญิงบ้านแบดเจอร์โดยคนหนึ่งเป็นคนตบส่วนอีกสองคนเป็นคนล็อกเด็กบ้านแบดเจอร์ ฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิมเหมือนเจ้าหมาจะรักตวามยุติธรรมจึงวิ่งเข้าไปช่วยด้วยการกัดขาของยัยคนที่กำลังจะตบเด็กบ้านแบดเจอร์
“โอ๊ย!!! ไอ้หมาบ้า!!!! ” โดนกัดร้องเสียงหลงก่อนจะเตะเจ้าหมาไปหนึ่งทีแรงๆ จนมันล้มกระแทกกับพื้น
“นี่หล่อน ไม่คิดว่าทำเกินไปหน่อยรึไง”ฉันพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าหมาโดนเตะ นี้ขนาดสัตว์นะ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ อ่อ นึกว่าใครที่ไหนที่แท้ก็ยัยพาร์กินสันถูกทิ้งนี่เอง” ยัยนั้นพูดก่อนที่อีกสองคนที่ล็อกตัวเด็กบ้านแบดเจอร์จะร่วมวงมาหัวเราะด้วย
“หัวเราะเข้าไปสิ เดี๋ยวฉันจะเราะฟันเธอออกมา”
“อีนี่!!! ” ยัยนั้นยกมือเตรียมจะตบฉันแต่ดูเหมือนว่า
ปั่ก
ช้าไป ฉันล็อคข้อมือของยัยนั้นก่อนจะเหวี่ยงร่างของอีกฝ่ายกระแทกกับพื้นจนยัยนั้นจุกเลยทีเดียว ฉันจัดการขึ้นไปคร่อมบนตัวยัยนั้นก่อนจะประทานกำปั้นให้ตรงมีปากหมาๆให้หยุดเห่าจนเลือดกบปากยัยนั้น
“ พ พอแล้ว” ยัยนั้นยกมือห้ามก่อนจะหันไปส่งสายตาให้เพื่อนยัยนั้นอีกสองคนมาจัดการกับฉัน แต่ฉันไหวตัวทันจึงศอกใส่แล้วถีบไปที่ท้องน้อยจนอีกสองคนก็ร่วงไปอีก
“อ อึก ก แก ฝากไว้ก่อนเถอะ” ยัยคนที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นหัวโจกชี้หน้าก่อนจะวิ่งหนีไปโดยมีลูกสมุนอีกสองคนตามไป ฉันหันไปมองเจ้าหมาก่อนจะนึกได้ว่าเด้กบ้านแบดเจอร์ยังยืนอยู่ สภาพคือใบหน้ามีรอยช้ำตรงมุมปากมีเลือดอยู่เนื้อตัวก็มีรอยแผลถลอกพอสมควร แถมยังตัวเปียกอีกเธอมองหน้าฉันแล้วบีบมือตัวเองเหมือนหวาดกลัวฉันถอดเสื้อคลุมสลิธีลินก่อนจะคลุมให้อีกฝ่าย เธอมองหน้าฉันพร้อมกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“อ อึก ข ขอบ ค คุณมาก ค่ะ” ร่างบางพยักหน้าให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินไปอุ้มเจ้าหมาขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอดมันไซร้คอฉันอย่างออดอ้อน ร่างบางก็มุ่งหน้าเข้าไปยังปราสาททันที
“ด เดี๋ยวก่อน ค คุณชื่ออะไร!!!! ” เสียงตะโกนดังขึ้นทางด้านหลังเรียกความสนใจ ฉันจึงหันไปมอง
“แพนซี่ พาร์กินสัน”
ร่างบางที่ตอนนี้กำลังอุ้มเจ้าหมาอยู่ก็ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่และขนที่ยาวทำให้บดบังวิสัยทัศน์จนร่างบางเดินไปชนใครเข้า
ตุบ
“ข ขอโทษค่ะ”ร่างบางพูดขึ้นเมื่อเงยหน้ามองคู่กรณีก็เห็นว่าเป็นศาตราจารย์ลูปินที่ตอนนี้เขายิ้มแห้งๆมาให้
“ไม่เป็นอะไรหรอกคุณพาร์กินสัน หืม ซีเรียส" ร่างบางที่ได้ความช่วยเหลือจากคู่กรณีก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัยทันทีเพราะสายตาของเขาตอนนี้ได้หยุดมองเจ้าก้อนสีดำ
“ศาสตราจารย์เป็นเจ้าของมััน?”
“คือเจ้- อ่อ ใช่แล้วนี่หมาฉันเอง” เด็กสาวหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างกดดันจนคนได้รับรู้สึกเลิ่กลั่กกว่าเดิม กรอบหน้าเริ่มมีน้ำใสๆซึมออกมาจากผิวหนัง
“งั้นหรอ ศาสตราจารย์ทำไมเหงื่อออกแบบนั้นล่ะคะ”
“อากาศมันร้อนน่ะ” ดูนอกโลกก็รู้ว่า โกหก
“งั้นหนูขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ”
เมื่อร่างเด็กสาวเดินห่างออกไปเจ้าสุนัขก็ค่อยๆกลายร่างเป็นชายหนุ่มอีกครา ลูปินปาดเหงื่อที่กรอบหน้าก่อนจะหันมามองเพื่อนสนิทของตนทันที
“โถ่ จันทร์เจ้าเรื่องแค่นี้เองไม่เห็นตอนมองฉันแบบนั้นเลย”
“นายก็รู้นี่เท้าปุย ว่าฉันโกหกไม่เก่งอีกอย่างคุณพาร์กินสันคือคนที่นายสนใจสินะ” ยังจะมายิ้มอีก
“ก็ใช่ นายต้องช่วยฉันนะจันทร์เจ้า” เขาล่ะเหนื่อยกับเจ้าเพื่อนคนนี้จริงๆ
“จะให้ฉันช่วยอะไรล่ะ เท้าปุย”
“นายช่วยแกล้งทำเป็นเจ้าของฉันไปก่อน”
“แค่นี้? ” ซีเรียสพยักหน้าก่อนจะเดินชิวไปทางห้องทำงานของเขา เขาล่ะห่วงเพื่อนคนนี้จริงๆว่าจะเข้าอัซคาบันข้อหาพรากผู้เยาว์ ดูยังไงก็เหมือนลุงแก่ๆที่ดูล่อลวงเด็กสาว
ในเวลานี้เป็นเวลาในการนอนแต่กลับมาเด็กดื้อออกมาเดินเล่นนี่สิ ใช่ฉันเองแหละเด็กดื้อ ทั้งๆที่รู้สึกเหนื่อยแต่ก็อยากออกมาเดินเล่น บรรยากาศในตอนนี้ถือว่าเย็นสบายไม่หนาวมากเกินไป ร่างบางเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าระเบียงทางเดินที่ตอนนี้เห็นดวงจันทร์ที่กลมใหญ่ส่องแสงสีนวลออกมาผสมกับบรรยากาศและสายลมที่พัดผ่ายนไปทำให้รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหลังร่างบางหมุนตัวกลับไปก่อนจะเตะของสีข้างของบุคคลปริศนา
“คุณพาร์กินสัน” น้ำเสียงเย็นชาที่จดจำได้อย่างดีดังขึ้น ทำให้รู็ว่าบุคคลนั้นก็คือศาตราจารย์ริดเดิ้ลนั้นเอง โอ้สงสัยฉันจะเป็นลูกรักของพระเจ้าจริงๆปรพชดน่ะ
“สวัสดีค่ะ”
“นี่คือคำที่ทักทายหลังจากทำร้ายร่างกายกันงั้นหรอ?” ชายหนุ่มพูดขึ้นพลางจับไปยังบริเวณที่โดนปทุษร้าย สายตาที่เคยเย็นชาก็เริ่มแข็งกร้าวอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย
“ก็คุณเข้ามาเงียบๆ ฉันเป็นผู้หญิงก็ต้องป้องกันตัวสิ” ร่างบางพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแต่ในสายตาของชายหนุ่มท่าท่างแบบนั้นเหมือนแมวน้อยที่แสดงท่าทีเมินเจ้าของเสียมากกว่า
“ผมคงต้องหักคะแนนคุณข้อหาออกมานอกหอนอนยามวิกาลเสียแล้วสิ”ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก่อนจะหันไปมองดวงจันทร์ต่อ ชายหนุ่มรู้สึกหมั่นไส้ที่เห็นเด็กสาวไม่สนใจ
“ไม่ได้ยินที่ผิมพูดรึไง คุณพาร์กินสัน” คราวนี้อีกฝ่ายมีปฏิกิริยาขึ้นมาเล็กน้อย ร่างเล็กหันมากอดอกพร้อมกับมองหน้าเขาเหมือนจะมีปัญหาด้วย
“ได้ยินค่ะ ” ว่าจบร่างบางก็หันไปสนใจกับดวงจันทร์อีกครั้ง เขาก็เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายพลางมองใบหน้าหวานที่มีแสงจันทร์กระทบใบหน้านวลยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ขึ้นไปยิ้ม เขามองภาพตรงหน้าอย่างลืมตาก่อนจะยื่นมือไปจับปอยผมที่ปลิวไปกับสายลมมาทัดใบหน้า ดวงหน้าหวานหันมามองสบตากับเขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เขาเริ่มหลุดออกจากภวังค์นี้
“คุณควรกลับหอได้แล้ว คุณพาร์กินสัน” ร่างบางไม่ตอบเพียงเดินไปตามทาง เขาที่เห็นแบบนั้นก็
“เดี๋ยวก่อน คุณพาร์กินสัน”
“มีอะไรค่ะ”
“เดี๋ยวผมไปส่ง” เด็กสาวทำหน้าแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ระหว่างที่เดินเขาสังเกตเด็กสาวทุกอิริยาบทก่อนจะถอดเสื้อคลุมแล้วคลุมไหล่ให้เด็กสาวเธอหันมาเหมือนจะพูดอะไรแต่เขาก็ทำเป็นเมินแล้วเดินนำเด็กสาวไป จนมาถึงหอสลิธีรีน
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ ”
“ไม่เป็นไร รีบเข้านอนล่ะอย่าให้ผมเห็นว่าคุณออกมาอีก”ชายหนุ่มเตรียมหันหลังให้ก่อนจะเดินไปแต่ก็มีเสียงเรียกไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ไม่เอาเสื้อรึไง” ชายหนุ่มหันมามองเพียงครึ่งใบหน้า
“ฉันไม่เก็บของที่ให้คนอื่นไปแล้วหรอกนะ”ว่าจบเขาก็เดินหายไปกับความมืด เป็นผีรึไงจะมาก็มาจะไปก็ไป ร่างบางก้มมองเสื้อสูทรสีดำก่อนจะปรากฏรอยยิ้มเพียงชั่ววินาทีก็หายไป เด็กสาวก็เดินเข้าหอทันที
ความคิดเห็น