ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Open diary (YURI)

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 ข้อตกลง

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 56


     Chapter 5 ข้อตกลง

     

    “ข้อตกลง????” เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างงุนงง แค่วาดภาพทำไมต้องมีข้อตกลงด้วย หรือปกติเขามีกันหรือไง

    สุนิศาเท้าคางนั่งมองแม่หมอดูสาวตรงหน้าอย่างชั่งใจ

                    ช่วงเช้าสุนิศาเคลียร์งานไว้เรียบร้อยแล้วและวันนี้ก็ไม่มีประชุม เธอจึงใช้เวลาว่างที่เหลือของวันเพื่อมาฟังคำตอบของพิรดา แต่พอมาถึงเจ้าตัวกลับไม่อยู่ มีเพียงหมอดูขี้กลัวตัวน้อยเป็นผู้ส่งสารให้เธอแทน

                    “พีชบอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มด้วยนะคะ” จีรภัทรพยายามพูดสารพัดเพื่อให้อีกคนเข้าใจ ถึงแม้ตัวเองจะไม่รู้เช่นกันก็ตามว่าข้อตกลงที่ว่าคืออะไร

                    “แล้วข้อตกลงที่ว่าคืออะไรกันคะ”

                    “เอ่อ....ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ พีชบอกว่าเดี๋ยวจะคุยกับคุณสุนิศาเอง ถ้าคุณสุนิศายังอยากให้พีชเป็นคนวาดอยู่ก็นัดวันได้เลยนะคะ” สาวนักธุรกิจถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าก้มลงพูดกับตักตัวเอง โดยไม่ยอมมองหน้าเธอ

                    “ฉันไม่ชอบเลย....” เจ้าของใบหน้าหวานพึมพำกับตัวเอง เพราะดูท่าทางคนตรงหน้าขัดใจเธอเหลือเกิน

                    “ถะ....ถ้างั้นเดี๋ยวจีบอกพีชให้นะคะ” ได้ยินแบบนั้นจีรภัทรก็ยิ่งก้มหน้าลงจนหัวแทบจะชนขอบโต๊ะอยู่แล้ว

                    “ไม่ใช่ เรื่องวาดรูปน่ะตกลงค่ะ แต่ฉันหมายถึงแม่หมอต่างหากล่ะคะ เวลาคุยกันน่ะ ต้องมองหน้าอีกฝ่ายสิ” พูดจบก็เอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับใบหน้าอีกคนให้เงยขึ้นมาสบตากัน

    อืม...ตาสวยแฮะ ดวงตากลมโตสีดำสนิทที่สะท้อนภาพของตัวเอง ทำให้สุนิศาเผลอมองอยู่นาน คุ้นๆจังเลยนะ แต่คงจะไม่ใช่หรอก ก็แค่คิดไปเอง

    “คุณสุนิสาคะ คุณสุนิศา ชะ...ช่วยปล่อยมือทีเถอะค่ะ” เสียงเรียกทำให้สุนิศารู้สึกตัว คิดไปได้ไงนะเราว่าเหมือนกับเด็กคนนั้น ถึงนิสัยดูจะคล้ายๆกันแต่รูปลักษณ์ก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง น่าอายจังแฮะ ป่านนี้แล้วยังเก็บมาคิดอยู่ได้ ก่อนที่จะปล่อยมือจากใบหน้าเรียวของแม่หมอสาว สุนิศาก็สังเกตว่าใบหน้าของอีกคนแดงแปร๊ดเลย

    “แม่หมอเป็นไข้หรอคะ ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา” คนพูดเอามืออังไปที่หน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ

    “ปะ....เปล่าค่ะ” จีรภัทรปฏิเสธพลางส่ายหัวไปมา

    “หรือว่า....เขินเหรอคะ” พอเห็นว่ายิ่งขยับเข้าใกล้ ใบหน้าใสนั้นก็ยิ่งแดง แถมเจ้าตัวก็ก้มหน้าลงเรื่อยๆ สุนิศาก็เลยลองถามดู อีกฝ่ายกลับไม่ยอมตอบ แสดงว่าเขินจริงๆสินะ

    “น่ารักจังเลยนะ ฮิๆ” คำพูดและเสียงหัวเราะเบาๆของสุนิศาทำให้จีรภัทรเงยหน้าขึ้นมามอง สายตาของเธอหยุดอยู่ที่คนตรงหน้าเหมือนทุกที รอยยิ้มของสุนิศาเหมือนเวทมนต์สำหรับเธอเสมอ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปกี่ปี รุ่นพี่ที่เธอเฝ้ามองมาตลอดก็ยังคงมีรอยยิ้มที่เปล่งประกายให้ผู้คนที่ได้มองหลงใหล

    “โชคดีจังเลย....”

    “เรื่องอะไรคะ” สุนิศามีสีหน้าอยากรู้เมื่อแม่หมอคนเก่ง เผลอพูดออกมาตามที่ใจคิด

    “อะ...เอ่อ...โชคดีที่มีคนสวยแบบคุณสุนิศามาชมน่ะสิคะ”

    “แม่หมอนี่แปลกดีนะคะ แล้วเรียกคุณๆตลอดดูเป็นทางการจังน้า เรียกนิเฉยๆก็ได้ค่ะ” ผู้หญิงแปลกๆที่บางทีก็ทำให้เธอขัดใจเหลือเกิน แต่บางทีก็น่าเอ็นดูดีล่ะนะ

    “งั้นเรียกจีเฉยๆก็ได้ค่ะ เรียกแม่หมอตลอดจีก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน แต่ว่าคุณสุนิศาอายุมากกว่า....” เธอไม่ถืออยู่แล้วหากอีกฝ่ายจะเรียกเธอเหมือนกับอายุเท่ากัน แต่อีกฝ่ายคงรู้สึกไม่ดีล่ะมั้ง งั้นเอางี้ล่ะกัน....

    “งั้นเรียก พี่นิ สิคะ น้องจี เรียกแบบนี้ดูสนิทกันดีเนอะ”

    “ได้เหรอคะ”

    “ทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะคะ อ๊ะ! ได้เวลาแล้ว พี่ไปรับเพื่อนก่อนนะคะน้องจี” สุนิศามองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนสวยที่ข้อมือซ้าย ใกล้ได้เวลายัยรินนัดแล้ว ขืนไปรับช้าโดนบ่นแน่เลยเรา

    จีรภัทรได้แต่มองดูสุนิศาที่เร่งรีบออกไป มันน่าแปลกใจอยู่ที่ระยะห่างระหว่างเธอกับสุนิศาจู่ๆมันก็สั้นลงแบบทันทีทันใด ทั้งที่ตลอดระยะเวลาสองปีในรั้วมหาลัยที่เธอเอาแต่คอยเฝ้ามองสุนิศา มันไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย จนถึงวันนี้ บางทีเรื่องไม่คาดฝันมันก็เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้ล่ะมั้ง โชคดีจังเลยแฮะ

    รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าของจรีภัทร หากคนรู้จักมาเห็นก็คงสงสัยว่าทำไมผู้หญิงที่ยิ้มยากคนนี้ถึงได้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขขนาดนั้น เพราะอะไร หรือเพราะใครกันนะ.....

     

                    ร่างสูงนั่งอยู่ในร้านเบเกอรี่ภายในห้างสรรพสินค้า ยามบ่ายในวันทำงานลูกค้าภายในร้านไม่เยอะนัก จึงทำให้มีมุมสบายๆไม่สะดุดสายตาคนอื่นไว้ให้นั่ง ดวงตาคมมองดูผู้คนมากมายเดินเลือกซื้อสินค้าต่างๆผ่านบานกระจกใส กลิ่นหอมของกาแฟชั้นดีช่วยเสริมให้รสชาติขมหน่อยๆยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก

                    บ่ายสามครึ่งแล้วหรือ พิรดามองดูเข็มสั้นที่ชี้ไปยังเลขสาม โดยที่เข็มยาวนำหน้ามันไปหยุดอยู่ที่เลขหก ป่านนี้เพื่อนของเธอคงคุยกับคุณสุนิศาเรียบร้อยแล้ว ถ้าเป็นไปตามที่คาดเดาเอาไว้ อีกฝ่ายคงไม่ปฏิเสธที่จะยอมรับข้อตกลงถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็ตาม

                    “รับขนมเพิ่มมั้ยคะ” พนักงานสาวในชุดผ้ากันเปื้อนเดินมาถามเมื่อเห็นว่าเค้กชิ้นที่สองลูกค้าทานหมดไปได้สักพักแล้ว แต่ในใจก็อยากเดินมามองหน้าลูกค้ารายนี้อีกสักครั้ง แหม! ก็หน้าคมชวนหลงใหลขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่ามีแฟนอยู่แล้วล่ะก็จะแจกเบอร์โทรซะเลย

                    “ไม่ล่ะคะ คิดเงินเลยดีกว่า” ได้เวลาต้องไปซื้อวัตถุดิบสำหรับทำมื้อเย็นแล้ว วันนี้ทำอะไรกินดีน้า

                    “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” ถึงแม้จะเสียดายแต่พนักงานสาวก็ทำงานของตนอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ลูกค้าเสียเวลาและประทับใจกับการบริการตามที่ผู้จัดการหมั่นพูดกรอกหูเธอทุกวัน

                    เมื่อออกจากร้านเบเกอรี่ก็ชนเข้ากับใครอีกคน แม้แรงปะทะจะทำให้พิรดาเพียงแค่เซ แต่คู่กรณีกับล้มลงไปนั่งอยู่ที่พื้น ของหล่นกระจัดกระจาย พิรดาช่วยพยุงหญิงสาวร่างเล็กให้ลุกขึ้นก่อนกล่าวขอโทษ เธอใส่ชุดเดรสเข้ารูปยาวเหนือเข่าสีหวาน โชคดีที่กระโปรงไม่เปิดขึ้น ไม่อย่างนั้นคนหกล้มคงอายเกินกว่าจะสู้สายตาคนอื่นที่มองมา

                    “ขอโทษด้วยค่ะ คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” พูดพลางก้มลงเก็บของใส่ถุงให้อีกฝ่าย

                    “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันเดินชนคุณ อ๊ะ! เธอ! ยัยผลไม้!” เพราะคำเรียกของอีกฝ่าย ซึ่งไม่น่าจะมีใครเรียกคนที่ไม่รู้จักกันแบบนั้น พิรดาจึงได้เงยหน้าขึ้นมา

                    “เอ่อ....สวัสดีค่ะคุณญาริน นี่ของคุณค่ะ” หญิงสาวผมยาวร่างเล็กรับถุงสามสี่ใบไปถือไว้เอง

                    “น่าแปลกที่เธอมาเดินห้างนะ” เธอคิดว่าคนตรงหน้าน่าจะไม่ค่อยชอบออกไปเจอผู้คนเสียอีก เลยแปลกใจไม่น้อยที่มาเจอกันในห้างที่มีผู้คนมากมายแบบนี้

                    “ฉันไม่ใช่หมีนะคะ จะได้ขลุกอยู่แต่ในถ้ำ อีกอย่าง ฉันชื่อพีชค่ะ” มาตั้งฉายาให้แบบนั้น หญิงสาวคงไม่ได้ลืมชื่อเธอหรอก เพียงแต่ไม่อยากเรียกดีๆก็เท่านั้นแหละ

                    “อ๊ะ ขอโทษด้วยนะ คงไม่ชอบใช่มั้ย” ดูไม่น่าจะเป็นคนจริงจังขนาดนั้นนี่นา เธอแค่กะจะล้อเล่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง คงไม่ได้ทำให้โกรธหรอกนะ

                    “เปล่าค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ได้เรียกชื่อของฉัน ฉันจะรู้ได้ยังไงคะว่าคุณเรียกใคร” ถ฿งแม้จะฟังดูเป็นเหตุเป็นผลดี แต่ญารินก็ยังไม่ยอมแพ้

                    “งั้นก็จำไว้สิ ว่าฉันเรียกเธอยังไง” รอยยิ้มเหมือนเด็กกำลังเล่นซนของญาริน ทำให้พิรดารู้ทันที่ว่าอีกคนก็แค่อยากแหย่เธอเล่นเท่านั้น

                    “คุณไม่ใช่เด็กๆนะคะ จะได้เที่ยวมาตั้งฉายาให้คนอื่นแบบนั้น” แต่ถึงปากจะบอกว่าไม่ใช่เด็ก พิรดากลับคิดว่าญารินดูเหมือนเด็กที่ยังอยู่ในวัยเล่นซนได้แบบน่าเอ็นดู

                    “ถ้าฉันพอใจจะเรียกและเธอไม่โกรธ ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” มันไม่เสียหายอะไรสักหน่อยนี่นา

                    “ไม่โกรธหรอกค่ะ แต่ถ้าเรียกคงไม่หันแน่ๆ”

                    “ดื้อจริงๆเลยนะเธอเนี่ย” ญารินถอนหายใจน้อยๆ เธอยอมแพ้คนตรงหน้าคงจะดีกว่า เถียงไปก็เท่านั้นแหละ ดูท่าต่อให้เรียกตามฉายาที่เธอตั้งจนเสียงแหบ อีกคนก็คงจะไม่หันมาตามที่พูดจริงๆ

                    “ไม่ดื้อค่ะ ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อกับแม่บอกว่าฉันเป็นเด็กดีมาตลอดเลย” พิรดาพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดตัวเอง เล่นเอาญารินพูดไม่ออกเลยทีเดียว ยัยคนประหลาดเอ๊ย

                    “โอเค เรื่องนั้นน่ะ ช่างมันเถอะ ฉันไปดีกว่า”

                    “เดี๋ยวสิคะ ฉันไปด้วยคนนะ” ไม่พูดเปล่า พิรดาเดินไปโอบไหล่บางของญารินทันที คนโดนโอบยืนตัวแข็ง แต่ก็ไม่อาจฝืนแรงลากของร่างสูงได้ จำต้องเดินไปพร้อมกันอย่างงุนงง อยู่ดีๆเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย

                    “เธอทำแบบนี้ ฉันคิดว่าโดนลวนลามอยู่นะ” ร่างบางในอ้อมแขนพูดเสียงสั่น ผู้หญิงรูปร่างหน้าตาแบบญารินผู้ชายร้อยทั้งร้อยย่อมบอกว่าน่ารัก ไม่น่าแปลกหากมีใครอยากแตะเนื้อต้องตัวบ้าง แต่อาการแบบนี้ทำให้พิรดาคิดว่าเธอคงจะไม่ชินกับการโดนใครโอบเท่าไหร่นัก

                    “คุณยังไม่มีแฟนเหรอคะ”

                    “ไม่มี เรียกว่าไม่เคยมีจะดีกว่า ถามทำไม” คนโดนถามทำแก้มป่องใส่อย่างเคืองๆ คิดว่าอย่างเธอไม่มีใครมาจีบหรือยังไงกัน ถึงได้ถามแบบนี้

                    “ไม่น่าเชื่อน่ะสิคะ แต่ก็คงจริง” ดวงตาคมมองดูร่างเล็กที่ขยุกขยิกไปมา

                    “ฉันจะมีหรือไม่มีมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอสักหน่อย” สงสัยอะไรนักหนาถึงได้ถาม สนิทกันหรือก็ไม่ ถามยังกับจะจีบ เอ๊ะ! คงใช่อย่างที่คิดหรอกมั้ง แต่ถ้าใช่ล่ะ?

                    “อืม จริงด้วย แต่ฉันมีเรื่องจะบอกคุณอย่างหนึ่งค่ะ” พิรดายกมืออีกข้างขึ้นมาชูหนึ่งนิ้วประกอบคำพูดของตัวเอง

                    “อะ...อะไรล่ะ พูดมาสิ” ยัยนี่จะพูดอะไรกัน ขอให้อย่างเป็นอย่างที่คิดเลยเถอะ เพี้ยง!

                    “กระโปรงคุณคงไปเกี่ยวอะไรเข้า มันเลยขาดจนเห็นขาอ่อนเลย ถ้าคุณไม่กลัวคนอื่นมองเราก็แยกกันเลย แต่ถ้าคุณอายเกินกว่าจะเดินไปคนเดียว เราก็ไปซื้อของด้วยกันดีกว่า”

                    “จริงเหรอ แย่แล้ว ชุดนี้ฉันเพิ่งใส่ครั้งแรกเอง ยังใช้ไม่คุ้มราคาเลย” ดวงตาโตมองดูรอยขาดเป็นทางยาว อีกไม่กี่เซนติเมตรก็จะเห็นชั้นในเธออยู่แล้ว ไปเกี่ยวอะไรเข้าเมื่อไหร่เนี่ย แล้วมีใครเห็นบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ซุ่มซ่ามเกินไปแล้วนะเรา ญารินบ่นให้ตัวเองในใจ

                    “เอาไปเย็บสิคะ”

                    “เย็บมันก็เห็นรอยเด่นออกมาสิ แถมชุดเสียทรงอีกต่างหาก”

                    “ยังมีชุดที่เหมาะกันคุณอีกตั้งเยอะ ไว้ชวนเพื่อนคุณไปซื้อชุดใหม่สิคะ คุณใส่อะไรก็คงดูดีแหละ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย” ต่อให้ใส่แค่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ใครๆก็คงมองว่าน่ารักล่ะนะ พิรดาลองคิดภาพญารินใส่ชุดดู แล้วก็พยักหน้าหงึกหงักอยู่คนเดียว ถ้าใส่จริงล่ะก็เหมือนเด็กมัธยมปลายเลยล่ะ

                    “ฉันแค่เสียดาย มันน่าจะใช้ได้อีกนานนี่นา” เธอไม่ใช่คนใช้ของสุรุ่ยสุร่าย ที่จะได้ซื้อมาเพียงเพื่อใส่ครั้งเดียวแล้วก็ทิ้ง ทำแบบนั้นคนออกแบบและตัดเย็บก็เสียใจแย่เลย

                    “เสียดายไปตอนนี้มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร คุณลองคิดหาทางทำให้มันใช้งานได้แบบอื่นสิคะ แล้วก็ตอนนี้ฉันต้องไปซื้อของสดเพื่อไปทำกับข้าวมื้อเย็น ถ้าจะไปด้วยกันก็ช่วยรีบเดินหน่อยนะคะ คนรอทานเขาจะบ่นเอาได้” อาจบ่นไป ร้องไห้ไปเลยล่ะเพื่อนรักของเธอน่ะ

                    “เธอทำอาหารเป็นด้วยเหรอ เก่งจังนะ ฉันคิดว่าเธอจะถนัดงานลุยๆซะอีก” อาจเป็นเพราะลักษณะภายนอกของพิรดาทำให้ญารินคิดไปแบบนั้น แต่เธอต้องพยายามมองอีกคนให้ลึกกว่านี้ อย่างที่สุนิศาบอกไงล่ะ

                    “ลุยๆฉันก็พอได้ค่ะ แต่ทำอาหาร ทำขนมมันสนุกกว่านี่นา อีกอย่างได้ชิมจนพอใจเลย” รสชาติก็ปรับได้ตามที่ตัวเองชอบด้วย ถ้าออกไปทานที่ร้าน บางทีก็ไม่ถูกปากเท่าไหร่

                    “แล้ววันนี้จะทำอะไรล่ะ” พอพูดถึงของกินก็ชักน่าสนใจขึ้นมาแฮะ

                    “อืม ผัดฉ่าปลากับแกงส้มค่ะ ไปหาวัตถุดิบกันเถอะ”

                    คราวนี้ญารินยอมเดินไปกับพิรดาแต่โดยดี ทั้งสองคนเดินลงบันไดเลื่อนไปยังชั้นอาหาร แล้วตรงไปยังแผนกของสด พิรดาพาญารินมาเลือกปลาก่อน ต่อจากนั้นก็ไปหาผักและเครื่องปรุงรส ญารินดูตื่นเต้นไปกับวัตถุดิบต่างๆ ราวกับเด็กเห็นของถูกใจ บางอย่างไม่เคยเห็นก็ถามพิรดาอยู่นานว่ามันคืออะไร ใช้ทำอะไร และมักจะลงท้ายด้วยคำถามว่า อร่อยมั้ย เห็นตัวเล็กๆแบบนี้เห็นแก่กินเหมือนกันนะเนี่ย

                    “ได้ของครบหมดแล้ว คุณจะไปไหนต่อหรือเปล่าคะ” ตอนนี้ในมือพิรดาและญารินเต็มไปด้วยถุงใส่วัตถุดิบทำกับข้าวหลายอย่าง เพราะญารินบอกว่าต้องซื้อนู่น ซื้อนี่ด้วย มันเลยทำให้เธอต้องไปคิดเมนูทีหลังว่าของที่ซื้อมานอกเหนือจากที่คิดเอาไว้ จะเอาไปทำกับข้าวมื้ออื่นอย่างไรดี

                    “กลับบ้านน่ะสิ ยัยนิคงใกล้จะมารับแล้วล่ะ”

                    เสียงริงโทนเพลง falling slowky ของGlen Hansard และ Marketa Irglovaดังขึ้น ญารินหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า หน้าจอปรากฏชื่อสุนิศาพร้อมรูปแอบถ่ายท่าทางหลุดๆของเพื่อนรัก นิ้วเรียวกดรับก่อนพูดสาย

                    “นิ อยู่ไหนแล้วเหรอ รินอยู่ชั้นอาหารนะ”

                    “รินไปทำอะไรที่นั่นกัน”คนปลายสายแปลกใจ เพราะญารินทำอาหารไม่เป็นน่ะสิ แล้วก็ไม่เคยไปจ่ายตลาดด้วย

                    “ซื้อของไง มีของแปลกๆเยอะแยะเลยล่ะ”

                    “รีบออกมาจากที่นั่นเลยนะ เข้าใจมั้ย นิรออยู่ที่ลานจาดรถล๊อค4B” ญารินได้ยินคำสั่งก็แลบลิ้นใส่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง ไม่ได้คิดจะซื้ออะไรสักหน่อย ทำเป็นคิดมากไปได้

                    “คุณสุนิศารออยู่ที่ไหนคะ”

                    “ลานจอดรถ ล๊อค4B แล้วเธอมายังไง” ก็ไม่ไกลนัก เดินขึ้นไปอีกสองชั้นก็ถึง

                    “รถประจำทางค่ะ ช่วงนี้ค่าน้ำมันแพง ต้องประหยัดหน่อย” พิรดายิ้มให้ญาริน เธอชอบการขึ้นรถประจำทางมากกว่าการขับรถมาเอง เพราะนั่นหมายความว่าเธอมีเวลามากพอที่จะเดินทางไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องเร่งรีบ

                    “งั้น เดี๋ยวฉันไปส่ง ถือว่าตอบแทนเรื่องที่ช่วยไม่ให้ฉันต้องอายแล้วกัน” ญารินชี้ไปตรงที่รอยขาด ถ้าหากคนที่โอบเธออยู่ไม่เห็นมันล่ะก็ ป่านนี้เธอคนเดินโชว์ให้พวกโรคจิตมองไปนานแล้ว

                    “ขอบคุณค่ะ” โชคดีแฮะ เพราะถ้าเธอกลับเองอาจถึงบ้านเกือบหกโมงครึ่งเลยล่ะมั้ง ช่วงนี้รถเริ่มติดแล้วด้วยสิ

    ญารินกับพิรดาพากันเดินไปลานจอดรถ พิรดาที่เดินอย่างไม่สนใจรอบข้างจึงไม่สังเกตุเห็นถึงสายตาใครๆที่มองมา แต่ญารินที่นั้นเธอรู้สึกถึงสายตาคนอื่นตลอด หญิงสาวที่เดินผ่านพวกเธอไปหลายคนต่างกระซิบให้ได้ยินว่าคนข้างๆเธอหน้าตาดีจังทำให้ญารินอดเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตัวสูงกว่าไม่ได้ ก็แค่คิ้วเข้มๆนั่นรับกับนัยน์ตาคมอย่างดี จมูกโด่งเป็นสันพองาม ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูอ่อน ผมสั้นระต้นคอถูกซอยเป็นทรงให้เข้ากับใบหน้าใส เธอยอมรับก็ได้ว่าคนข้างๆน่ะก็แค่หน้าตาดีนิดหน่อยเท่านั้นล่ะ

    “อ้าว คุณพีช มาซื้ออะไรคะเยอะแยะไปหมดเลย” สุนิศาที่ยืนกอดอกอยู่ข้างรถMercedes-Benz CL 500 BlueEFFICIENCY Coupe สีน้ำเงินบรอนซ์ เอ่ยถาม

    “ของสดไปทำกับข้าวเย็นนี้น่ะค่ะ” ถุงพะรุงพะรังในมือถูกชูให้ผู้ถามเห็นได้ชัดๆว่ามีเยอะขนาดไหน

    “นิ เดี๋ยวแวะไปส่งยัยนี่ก่อนนะ”

    “ได้สิ แต่ว่าไปดีกันตอนไหนเนี่ย” สุนิศาว่าพลางกดรีโมทปลดล๊อกประตู ก่อนจะเข้านั่งประจำที่คนขับ

    “เปล่าสักหน่อย” คำปฏิเสธของญาริน ทำให้คนฟังอย่างพิรดาเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย เด็กจริงๆนั่นแหละนะ

    เมื่อทุกคนนั่งประจำที่หมดแล้ว สุนิศาก็เอื้อมไปกดเปิดเพลง เสียงทำนองเพลงเบาๆ ที่ดังออกมาจากลำโพงทำให้พิรดารู้สึกแปลกใจ คนๆนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยแฮะ ทั้งที่เป็นเพื่อนสนิทกันแต่สุนิศากับญารินไม่มีอะไรเหมือนกันเลย หรือแค่เธอยังไม่เห็นกันนะ

    instrumental ทุกเพลงเลยนะคะ” พิรดาเอ่ยขึ้น เมื่อเธอนั่งฟังเพลงคุ้นหูที่มีแต่เสียงทำนองของดนตรีมาได้เจ็ดเพลงแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก ฟังแบบนี้ก็ผ่อนคลายดีออก

    “ค่ะ มันฟังได้เรื่อยๆไม่เบื่อเลยนี่คะ แถมเวลาเหนื่อยๆก็ผ่อนคลายดี” สุนิศาหักพวงมาลัยไปตามโค้งอย่างชำนาญ พร้อมกับเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างราบรื่นและนุ่นนวลเช่นเคย รถคันนี้ยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดีเยี่ยม

    รถคันนี้เป็นคันโปรดของเธอ เพราะได้เป็นรางวัลจากคุณปู่ตอนที่เธอคิดแผนงานธุรกิจไปนำเสนอท่านขณะที่เรียนอยู่มัธยมปลาย ถึงแม้มันจะไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุด แต่สำหรับเธอเพียงแค่นี้มันก็ลงตัวแล้ว ภายนอกดูโดดเด่นแต่ก็เรียบง่าย ส่วนภายในตกแต่งแบบทูโทนซึ่งเธอถูกใจเป็นพิเศษ สีน้ำตาลกับดำเข้ากับอย่างลงตัว ตัวเบาะก็นุ่มกำลังดี แถมยังเก็บเสียงได้ดีพอสมควร เมื่อต้องวิ่งผ่านถนนขรุขระแรงสะเทือนก็ไม่มากนัก เธอพอใจกับคุณภาพที่เหนือราคาของมัน คุณปู่ของเธอนี่รู้ใจจริงๆ

    เมื่อมาถึงบ้านพิรดาเชื้อเชิญให้ญารินและสุนิศาอยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันก่อน สาวผมสั้นมีทีท่าว่าจะปฏิเสธแต่ก็ช้ากว่าเพื่อนสาวตัวเล็กอย่างญาริน เรื่องกินของอร่อยๆน่ะ เธอจะปฏิเสธได้อย่างไรกัน มันเป็นการทำผิดต่อของอร่อยๆนะจะบอกให้ ปล่อยให้พิรดาเข้าครัวจัดการกับวัตถุดิบมากมายเพียงคนเดียว

    “เสร็จแล้วค่ะ”สองสาวเจ้าของบ้านอย่างจีรภัทรและพิรดาช่วยกันเสิร์ฟอาหารทั้งคาวหวาน โดยมีสาวนักธุรกิจสองคนรอคอยว่ากลิ่นหอมๆที่ลอยมาจากในครัวมันคืออะไรกันแน่

    “คุณพีชนี่ สุดยอดไปเลยนะคะ ทำขนมก็เก่ง อาหารก็อร่อย” เมื่อตักผัดฉ่าปลากะพงเข้าปากเพียงคำแรกจีรภัทรก็ต้องเอ่ยชมออกมาในทันที รสชาตอาหารดีกว่าพ่อครัวที่บ้านของเธอเสียอีก ดีนะที่ไม่ปฏิเสธไป เสียดายแย่เลย กระโปรงจ๋า นิขอโทษนะ ยังไงมื้อนี้ก็อดใจไม่ไหวจริงๆ

    “สนใจไปเป็นแม่ครัวที่บ้านฉันมั้ย” ญารินเอ่ยขึ้น เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าทำตาเป็นประกายขนาดไหนตอนถาม

    “ไม่ได้นะคะ ถ้าพีชไปเป็นแม่ครัวให้คุณญาริน แล้วใครจะทำอาหารอร่อยให้จีล่ะคะ ยังไงก็ไม่ยอมหรอก” หมอดูสาวคัดค้านเป็นการใหญ่ ทำเอาคนมองอย่างสุนิศาอดขำออกมาไม่ได้

    “ขำอะไรกันคะ พี่นิ อดอาหารถึงตายได้เลยนะคะ” จีรภัทรพูดก่อนจะเสมองไปทางอื่น วันนี้มันอะไรกัน พี่นิถึงได้มาร่วมโต๊ะทานมื้อเย็นด้วยกันแบบนี้ เรื่องโชคดีนี่มีมาไม่หยุดหย่อนเลยนะ

    “ไม่รู้สิคะ ฮิๆ”

    “โชคดีจริงๆน้า” รอยยิ้มที่ดูขี้เล่นของสุนิศา ทำให้จีรภัทรรู้สึกเหมือนสติจะหลุดเลยจนเผลอพูดออกมา

    “โชคดี อะไรเหรอคะ” ชอบพูดอะไรออกมาให้สงสัยตลอดเลยนะแม่หมอดูคนนี้

    “ก็วันนี้มีเพื่อนทานข้าวเพิ่มขึ้นตั้งสองคนนี่คะ ครึกครื้นขึ้นมาเยอะเลยล่ะ” เป็นอีกครั้งที่สุนิศาเผลอคิดไปว่าเหมือนกันใครบางคน อย่างกับภาพซ้อนทับแน่ะ

    “อ๊ะ คุณพีชคะ ข้อตกลงที่ว่าคืออะไรเหรอคะ” เมื่อนึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่คุยกับจีรภัทรเมื่อกลางวันก็อดถามไม่ได้ ได้โอกาสถามพอดีเลย

    “ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอกค่ะ แค่คุณสุนิศาต้องมาที่นี่ทุกเย็นก็พอ จะมาทานขนม หรืออะไรก็ได้ ฉันจะได้ดูมุมที่เป็นธรรมชาติของคุณที่สุดแล้ววาดออกมา ฉันไม่อยากให้คุณมานั่งนิ่งๆเป็นแบบให้วาดหรอกนะคะ ถ้าแบบนั่นน่ะถ่ายรูปแล้วมานั่งวาดเลยง่ายกว่า” อืม ก็จริงนะ บางทีเธออาจจะเห็นตัวเองในมุมที่ไม่เคยเห็นเลยก็ได้

    “ตกลงค่ะ งั้นเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเลยนะคะ” สุนิศาตอบรับ แต่จีรภัทรกลับตกใจปนตื่นเต้น ตั้งแต่พรุ่งนี้ ก็แสดงว่าเธอจะได้เจอกับพี่นิทุกวันเลยน่ะสิ จีรภัทรมองหน้าพิรดาอย่างสงสัย แต่ก็ได้เพียงยิ้มบางๆตอบกลับมาเท่านั้น

    คนที่จะวาดภาพนะ ไม่ใช่ฉันหรอกนะคะพิรดาได้เพียงแค่คิดในใจ พลางมองเพื่อนที่ยังมีทีท่าตกใจอยู่ไม่น้อย คนที่จะวาดให้ภาพของสุนิศาออกมาสวยที่สุดน่ะ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ




    __________________________________________________________________________________

    อ่านแล้วเป็นยังไง ถ้าไม่ดีก็ติมาได้เต็มที่เลยนะคะ ^_____________^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×