ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Open diary (YURI)

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 คำขอโทษ

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 56


     Chapter 3 คำขอโทษ

     

    “เฮ้อ...โอ๊ย...มันอะไรกันเนี่ย” ญารินตะโกนอย่างเบื่อหน่ายทำเอาเลขาหน้าห้องเปิดประตูพรวดเข้ามาหน้าตาตื่น

    “เกิดอะไรขึ้นคะคุณญาริน” เลขาสาวรุ่นพี่เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แต่ผู้เป็นเจ้านายกลับนั่งหน้ายุ่งไม่เหมือนปกติที่คอยส่งยิ้มมาให้

    “ตามนิให้รินหน่อยสิคะพี่เก๋ บอกด้วยว่าด่วนมากกกกก” เลขาคนเก่งมองเจ้านายที่นั่งถอนหายใจเป็นระยะอย่างงงๆ เธอฟังไม่ผิดใช่มั้ยที่ถูกใช้ให้ไปเรียกท่านประธานบริษัทมาพบรองประธานน่ะ

    “คุณญารินเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ เอายาลดไข้สักเม็ดดีมั้ยคะ” เลขาสาวเสนอความคิด เล่นเอาญารินถึงกับกุมขมับ ขนาดเลขาคนสนิทของเธอยังมองว่าเธอแปลกๆ ก็คงจะจริงนั่นแหละ

    “ช่างเถอะค่ะพี่เก๋ เดี๋ยวรินไปเองดีกว่า ช่วยเตรียมยาแก้ปวดให้รินสักสองเม็ดนะคะ แล้วก็ช่วงบ่ายรินจะไม่อยู่ที่บริษัท ถ้ามีงานด่วนช่วยโทรไปบอกด้วยแล้วกันค่ะ” พูดจบร่างบางก็ปล่อยให้เลขายืนงงอยู่ที่เดิม ส่วนตัวเองก็เร่งฝีเท้าไปยังห้องท่านประธาน

    ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูทำให้สุนิศาเงยหน้าจากเอกสารอย่างแปลกใจ เธอจำได้ว่าสั่งเลขาเอาไว้ว่าวันนี้ห้ามใครมารบกวน คิ้วเรียวเลิกสูงก่อนจะเอ่ยอนุญาตให้คนภายนอกเข้ามา

    “เชิญค่ะ” สิ้นเสียง เพื่อนรักของเธอก็เปิดประตูเข้ามายืนกอดอกทำหน้ามุ่ยให้คนเห็นอดสงสัยไม่ได้ว่าไปอารมณ์ไม่ดีมาจากไหน

    “เมื่อเช้าทำไมนิถึงต้องรีบออกจากบ้านด้วย”

    “พอดีนิมีธุระนิดหน่อยนะริน แล้วรินมีอะไรจะคุยกับนิเหรอ” สุนิศามองเพื่อนที่เดินไปหย่อนก้นลงบนโซฟามุมห้อง

    “วันนี้รินอยากไปหาหมอดูนั่นอีก” เธอควรจะไปจัดการกับความรู้สึกกระวนกระวายในใจให้มันจบๆไป ญารินคิด

    “หา!!! พูดเป็นเล่นน่า รินไม่ชอบดูดวง แถมวันก่อนแม่หมอเขาบอกมาแบบนั้นรินยังวิ่งหนีเลย แล้วจะไปทำไม” เมื่อเห็นเพื่อนร้องเสียงหลงกับสิ่งที่เธอพูด ญารินก็ได้แต่บอกอย่างเซ็งๆ

    “รินไม่ได้จะไปหายัยหมอดูนั่น แต่รินมีปัญหากับอีกคนน่ะสิ”

    “คุณพีชน่ะเหรอ เรื่องที่เอารองเท้าตีหัวเขาหรือเปล่า”

    “ยัยทอมนั่นฟ้องนิเหรอ” แล้วไปรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันตั้งแต่เมื่อไหร่

    “เปล่า พอดีเมื่อวานตอนกลับมา นิเห็นข้างๆขมับเขามีเลือดไหลออกมาน่ะ แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไร นิเลยไปหาแม่หมอตอนเช้า ว่าตกลงเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น” สุนิศารีบอธิบายก่อนที่เพื่อนของเธอจะเข้าใจอีกคนผิดไป

    “เรื่องรองเท้ารินไม่ได้ตั้งใจนะ นั่นแค่การป้องกันตัว ใครจะไปนึกล่ะว่าจะมีคนโผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้น่ะ”

    “แล้วจะไปหาคุณพีชน่ะ เรื่องอะไรล่ะ” อดถามไม่ได้เพราะเกรงว่าเพื่อนจะไปหาเรื่องผู้เคราะห์ร้ายจากภัยส้นสูงอีก

    “เอ่อ...นิดหน่อยน่ะ นิว่าการที่ผู้หญิงเกิดมาเพื่อคู่กับผู้ชายมันถูกต้องมั้ย” ร่างบางถามอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนัก

    “อืมมม นิก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันถูกหรือเปล่า แต่มันก็เป็นเรื่องปกติล่ะนะ”

    “ใช่มั้ยล่ะ แล้วผู้ชายกับผู้ชาย ผู้หญิงกับผู้หญิงจะคบกันได้ยังไงกัน ผิดปกติชัดๆ” เห็นไหมล่ะ ไม่ว่าใครก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ

    “แล้วถ้าเขารักกันล่ะริน ถ้าความรู้สึกที่เรียกว่ารักมันเกิดขึ้นกับพวกเขาโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ตั้งใจ ที่เรามองว่าเขาผิดปกติน่ะ แค่เพียงเพราะความรักของเขาไม่ได้เกิดขึ้นกับเพศตรงข้ามอย่างนั้นเหรอ รินจะบอกว่าพวกเขาผิดปกติทั้งที่ภายนอกเขาก็เหมือนกันเราไม่ได้หรอกนะ” มันก็จริงอย่างที่สุนิศาพูด ญารินเริ่มรู้แล้วว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน ทำร้ายความรู้สึกของใครบางคนเข้าเต็มๆ

    “รินรู้...แล้วก็รู้ตัวด้วยว่าเมื่อวานรินเป็นคนผิด ถึงได้มาหานินี่ไง” ญารินพูดสียงอ่อนอย่างคนสำนึกผิด

    “แล้วที่รินเรียกคุณพีชว่าทอมน่ะ แน่ใจในสิ่งที่ตาตัวเองเห็นขนาดนั้นเลยเหรอ บางทีถ้าลองมองให้ลึกกว่านั้นรินอาจจะเห็นอะไรที่ต่างจากความคิดของตัวเองเลยก็ได้นะ” สุนิศายิ้มให้เพื่อนรัก เมื่อวานร่างสูงเดินกลับเข้ามาด้วยดวงตาที่เริ่มแดงเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ สาเหตุคงเป็นเพราะเพื่อนเธอคนนี้เป็นแน่ เล่นตะโกนเสียงดังอย่างนั้น คงได้ยินไปสามบ้านสี่บ้านเลยแหละ

    “แล้วทำไมรินต้องไปทำความรู้จักกับคนแบบนั้นด้วย” มันไม่จำเป็นเสียหน่อย

    “คนแบบนั้น???? รินอย่าหงุดหงิดจนเอาไปลงที่คนอื่นสิ คนแบบนั้นที่รินพูดถึงเขาช่วยรินไว้นะ” สุนิศาติงเพื่อนให้อีกคนยิ่งหน้างอหนักกว่าเดิม

    “ป่ะ นิจะพาไปขอโทษคุณพีชเขา” ญารินถูกสุนิศาดึงให้ลุกจากโซฟา ร่างบางฝืนตัวเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจแล้วยอมลุกตามไปแต่โดยดี ท่องไว้ในใจว่าเธอผิดและต้องขอโทษให้ขึ้นใจ

     

    เมื่อรถจอดลงที่บ้านไม้หลังเดิม ญารินก็เกิดไม่อยากจะลงไปเจอคนตัวสูงอีกครั้ง จนสุนิศาต้องจับลากลงมาจากรถ เป็นคนบอกให้พามาแท้ๆยังจะมาดื้ออีก สุนิศาดันหลังญารินให้เดินเข้าไปภายในร้านเมื่อเธอเปิดประตู

    “สวัสดีค่ะ” ร่างสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนลายน่ารักส่งยิ้มมาให้ แม้จะเห็นว่าเป็นใครที่เดินเข้ามาภายในร้าน

    “สวัสดี” ญารินแกล้งหันมองไปทางอื่น เธอรู้สึกผิดเมื่อมองเห็นผ้าปิดแผลด้านข้างศีรษะของร่างสูง

    “วันนี้มาดูดวงหรือทานขนมคะ” พิรดายังคงส่งยิ้มให้หญิงสาวทั้งสอง เหมือนเมื่อวันก่อนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “ขอโทษนะ” คำขอโทษแผ่วเบานั้นมาจากใจของญารินจริงๆ

    “เรื่องอะไรคะ” พิรดาเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม

    “เรื่องเมื่อวานที่คุยกันน่ะสิ”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันเป็นเรื่องปกติน่ะ ฉันได้ยินจนชินแล้วล่ะ แล้วฉันก็ต้องขอโทษด้วยที่ปล่อยคุณลงตรงนั้น เท้ายังเจ็บอยู่หรือเปล่าคะ” พิรดามองดูเท้าของคนตัวเล็กที่วันนี้ใส่รองเท้าส้นเตี้ยมา

    “หายเจ็บแล้วล่ะ ได้ยินจนชิน ฟังแล้วดูเศร้าจังเลยนะ”

    “ก็เหมือนอย่างที่คุณพูดเมื่อวานแหละค่ะ คนส่วนใหญ่ก็คิดและมองเห็นแบบนั้น” รอยยิ้มเศร้าๆที่ส่งมาให้ทำให้ญารินรู้สึกอึดอัดขึ้นมาภายในท้อง

    “เมื่อวานฉันพูดแรงไปหน่อย แต่ฉันรู้นะว่าเวลาที่ถูกมองด้วยสายตาแปลกๆนะมันรู้สึกไม่ดีแล้วก็ขอบคุณที่ช่วยฉันเมื่อวาน” สายตาแปลกๆที่เธอเคยได้รับไม่รู้ว่ามันจะแย่เท่าของคนตรงหน้าเธอหรือเปล่านะ

    “ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่ถือหรอก แต่อย่าเดินไปไหนคนเดียวโดยไม่คุ้นสถานที่อีกนะคะ เดี๋ยวคนเขาจะคิดว่าเป็นเด็กหลงทางเอา” ญารินถลึงตาใส่อีกคนอย่างเอาเรื่องเมื่อถูกพูดถึง เพราะความสูงของเธอเพียงแค่ร้อยห้าสิบนิดๆ ถึงได้ต้องใส่รองเท้าส้นสูงน่ะสิ แล้ววันนี้ใส่ส้นเตี้ยเพราะยังเจ็บเท้าอยู่นิดหน่อย ความสูงของเธอกับอีกคนเลยห่างกันมาก จนต้องเงยหน้าคุยกัน

    “ใครเด็กกัน ฉันอายุมากกว่าเธอตั้งสองปีนะ” ร่างเล็กชูสองนิ้วให้อย่างมาดมั่น

    “นี่ไง” พิรดาเอามือวัดความสูงจากศีรษะตนเองกับอีกคน

    “ฉันเห็นด้วยนะคะ” สุนิศาบอกเมื่อพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ แต่ไม่นานก็ระเบิดหัวเราะออกมาอีกรอบเมื่อพิรดาพยักหน้าหงึกหงักตาม

    “นิ!!!” มันน่าขำอะไรนักหนากัน ถึงได้หัวเราะจนตัวงอขนาดนั้น ญารินค้อนให้เพื่อน โดนที่คนโดนค้อนก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรนัก

    “แล้ว....ตกลงว่าจะรับอะไรมั้ยคะ”

    “ไม่เอา...ฉันจะกลับแล้ว” อารมณ์หงุดหงิดทำให้ญารินเหวี่ยงใส่ร่างสูงที่ดูจะงุนงงว่าตัวเองทำอะไรผิดไป

    พิรดาได้แต่เดินส่ายหัวไปยังเค้าน์เตอร์เพราะตามอารมณ์อีกคนไม่ทัน มือยาวหยิบถุงกระดาษลายน่ารักมาใส่เอแคล์ลงไปอย่างบรรจงเพื่อไม่ให้ขนมสอดใส้แสนหวานเสียรูปทรงไป เธออุตส่าห์ปั้นเป็นรูปหน้าหมีสัตว์ที่แสนโปรดปราน ขืนเละคงทำใจไม่ได้

    “นี่ค่ะ” พิรดาปิดปากถุงก่อนจะยื่นให้อีกคน “ไม่คิดเงินหรอกค่ะ”

    “ขอบใจ” เมื่อเห็นดวงตากลมโตเป็นกระกายแวววาว ยามที่ถุงขนมยื่นไปตรงหน้า ทำเอาพิรดาอดคิดไม่ได้ว่านี่น่ะเด็กชัดๆแต่ขืนพูดออกไป คนตรงหน้าคงได้หน้าบูดอีกเป็นแน่

    “อ๊ะ! แล้วก็นี่ของขวัญนะคะ” ญารินรับกล่องกระดาษสีเหลืองขนาดพอดีมือ พลางมองดูอย่างสนใจ

    “อะไร? แล้วให้ฉันทำไม”

    “ฉันคิดว่าคุณต้องได้ใช้มันแน่ๆค่ะ รับรองมันจะเป็นประโยชน์กับคุณที่สุด” ญารินมองดูร่างสูงที่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของตัวเอง ก่อนจะหย่อนกล่องของขวัญลงไปในกระเป๋า

    “อ้อ! ฝากทักทายแฟนเธอด้วยแล้วกัน วันนี้ไม่อยู่เหรอ” เมื่อนึกได้ว่ายังมีใครบางคนอยู่ที่นี่อีก แต่วันนี้ไม่เห็นแม้เงาญารินก็อดแปลกใจไม่ได้ แต่ก็ดีแล้วเพราะเธอไม่ได้อยากเจอหน้าเท่าไหร่

    “ถ้าหมายถึงจีหรือแม่หมอล่ะก็ ไม่ใช่แฟนฉันหรอกค่ะ เขาออกไปทำธุระข้างนอกได้สักพักแล้วค่ะ”

    “ขอโทษที่เสียมารยาทว่าเธอไปวันก่อนว่าเป็นทอมนะ แต่ฉันก็คิดว่าเธอใช่” คำตอบของอีกคนทำให้ญารินอดแปลกใจไม่ได้

    “ไม่แปลกหรอกค่ะ ปกติคนอื่นก็มองแบบนั้นแหละ” พิรดายักไหล่ตอบ

    “แล้ว....ใช่หรือเปล่า” น่าแปลกเหมือนกันที่อยู่ๆ เธอก็ถามออกไปแบบนั้น ญารินคิด

    “คุณจะอยากรู้ไปเพื่ออะไรล่ะคะ ในเมื่อคุณตัดสินไปแล้ว”

    “เพื่อ...” นั่นสิเพื่ออะไรกัน ญารินเงยหน้ามองร่างสูงอยู่เนินนาน ในที่สุดก็ได้คำตอบ เมื่อเห็นแววตาของอีกคน

    “เพื่อให้ฉันรู้สึกดีขึ้น เอ่อ....ฉันหมายถึงฉันรู้สึกไม่ดีถ้าเพียงแค่การมองของฉันทำให้เห็นหรือเชื่ออะไรผิดไปน่ะ”

    “งั้นฉันจะให้คำตอบกับคุณเพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้นนะคะ ฉันเป็นผู้หญิงค่ะ” ผู้หญิงงั้นเหรอ นั่นน่ะฉันก็เห็นอยู่หรอกย่ะ ญารินเถียงในใจ

    “ทอมก็ผู้หญิงไม่ใช่เหรอ แล้วจะต่างกันยังไงล่ะ”

    “อืมม...ต่างสิคะเพราะฉันไม่ได้อยากเป็นผู้ชาย ไม่ได้อยากจะเข็มแข็งหรือมีพละกำลังมากมาย ไม่ได้อยากดูเท่ ฉันก็แค่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบการแต่งตัวนัก มันไม่เหมาะกับฉันแล้วก็ค่อนค้างลำบากถ้าจะต้องฝืนตัวเอง ฉันตัวสูงเพราะกรรมพันธุ์น่ะค่ะ ทั้งที่ตัวเล็กแบบคุณน่ะน่ารักดีออก แล้วผมที่สั้นขนาดนี้ก็เพราะผมยาวนะมันร้อนนี่นา”

    “งั้นเธอก็ชอบผู้ชาย...รึเปล่า”

    “ฮึๆ ถ้าไม่ล่ะคะ ฉันก็จะกลายเป็นพวกวิปริตใช่มั้ย” ผู้หญิงร่างเล็กตรงหน้าเธอดูเป็นคนตรงไปตรงมาดีเหมือนกันแฮะ อยากรู้ก็ถาม ปกติถ้าไม่สนิทชิดเชื้อ ใครเขาถามกันล่ะ

    “ที่ฉันขอโทษน่ะ เพราะฉันรู้สึกผิดจริงๆ ไม่ได้ประชดหรอกนะ”

    “ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายค่ะ อ้อ! พ่อกับแม่ฉันท่านรักกันดี แล้วฉันก็ได้รับความรักจากท่านเสมอค่ะ ฉันไม่ใช่เด็กที่น่าสงสารหรือมีปมด้อยในวัยเด็กหรอกนะคะ” ร่างสูงยักคิ้วให้ญารินอย่างรู้ทัน

    “โอเค ฉันหมดธุระแล้ว กลับล่ะ”ญารินโบกมือลาอีกคนโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองถ้าไม่ได้ยินคำพูดที่เอ่ยถึงเธอ

    “คุณเป็นคนที่แปลกดีนะคะ”

    “พอๆกับคนแบบเธอนั่นแหละย่ะ” พิรดาอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อร่างเล็กแลบลิ้นให้เธอก่อนที่ประตูจะปิดลง ไม่บอกคนอื่นอาจจะคิดว่าอายุอ่อนกว่าเธอด้วยซ้ำ ผู้หญิงอะไรมีความเป็นเด็กเยอะขนาดนี้

    บางทีวันนี้อาจจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นอีกก็ได้ คิดได้อย่างนั้นพิรดาก็เดินขึ้นห้องเพื่อหยิบไดอารี่เล่มเดิมออกมา

    My Diary
                    ฉันไม่คิดว่าจะได้หยิบมันมาเขียนเร็วขนาดนี้ แค่รู้สึกว่าควรจะบันทึกเรื่องราววันนี้ลงไปสักหน่อย มันน่าแปลกใจพอสมควรเลยล่ะ ที่เด็กหลงกลับมาที่นี่อีกครั้ง
    !!!

     

    To The Moon

                    เรื่องน่าแปลกใจ(1)

    คำขอโทษ
                    มันไม่ใช่อะไรที่น่าแปลกใจมากนักถ้าเป็นการขอโทษในเรื่องปกติ แต่วันนี้เด็กหลงกลับมาเพื่อขอโทษที่เธอหาว่าฉันวิปริตผิดเพศ ปกติฉันจะไม่ได้รับคำขอโทษจากใครก็ตามที่ตัดสินฉันว่าเป็นพวกลักเพศจากการที่เขาเหล่านั้นเพียงแค่มองเท่านั้น มันจึงน่าแปลกใจที่อยู่ๆฉันก็ได้รับคำขอโทษ แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างประหลาดอีกเช่นกัน อาจเพราะมันเป็นคำขอโทษที่ฉันไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต

                   

                    ฉันรู้สึกว่าเด็กหลงเป็นผู้หญิงที่แปลกดี นิสัยของเธอมีความเป็นเด็ก ค่อนข้างตรงไปตรงมา เธอถามว่าฉันเป็นทอมหรือเปล่า พอฉันปฏิเสธเธอกลับถามต่อว่าฉันชอบผู้ชายมั้ย ไปเอาความกล้าแบบนั้นมาจากไหนกันนะ หรือแค่เพราะสงสัยและอยากรู้ แน่นอน! ฉันตอบคำถามของเธอไปและต้องรีบบอกเลยว่าสมัยเด็กฉันไม่มีปมด้อย ไปงั้นเธอต้องคิดเอาเองว่าฉันเป็นแบบนี้เพราะมีปมด้อยในวัยเด็กเป็นแน่ แค่ชอบผู้หญิงเหมือนกัน บางที่เรื่องปมด้อยมันก็ไม่ได้เกี่ยวหรอก ฉันเอาของขวัญที่พ่อกับแม่ส่งมาให้เธอไป เพราะคิดว่าเธอน่าจะต้องใช้มันมากกว่าฉันเยอะเลย ถึงจะแอบเสียดายนิดหน่อยเพราะมันน่ารักขนาดนั้น ถ้าเธอถูกใจมันก็คงจะดีนะ

     

                    พอนึกถึงคำขอโทษ ฉันก็อยากจะพูดคำนี้เหลือเกิน ให้ใครฟังน่ะเหรอ คงเป็นเจ้าของสมุดบันทึกเล่มนี้ ขอโทษที่ไม่สามารถทำตามสัญญาที่เคยให้เอาไว้ได้ ขอโทษที่ไม่อาจจะบอกอะไรแก่เธอได้ว่าทำไมฉันจึงขาดการติดต่อกับเธอไป ขอโทษที่ฉันไม่มีความกล้าอะไรเลย ในขณะที่เธอมีความกล้ามากมายเหลือเกิน ฉันได้แต่กระซิบคำขอโทษเบาๆแก่เธอผ่านรูปวาดบนกระดาษ รอยยิ้มในรูปฉันจำได้ดี เพราะฉันมักจะนั่งมองดูเวลาเธอยิ้มเสมอ นี่เป็นรูปสุดท้ายที่ฉันจะวาดรูปของเธอ เพราะฉันรู้สึกผิดเหลือเกินยามที่เห็นรอยยิ้มของเธอผ่านภาพวาดของตัวเอง ขอโทษจริงๆนะ

                   
                    ฉันอยากจะได้คำตอบจากพระจันทร์เหลือเกินว่าตอนนี้เธอมีความสุขดีมั้ย

    From Peach

     

    สุนิศาลดกระจกรถลงเพื่อระบายกลิ่นหอมหวานของขนมไม่ให้อบอวลในรถมากเกินไป เพื่อนของเธอหยิบเอแคล์เข้าปากชิ้นแล้วชิ้นเล่าโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันถูกปั้นเป็นรูปอะไร

    “ริน กินช้าๆก็ได้ เดี๋ยวติดคอหรอก”

    “นิไม่กินเหรอ อร่อยดีนะ หวานกำลังดีเลย ใส้ก็ไม่เละไปด้วย” ว่าพลางก็งับส่วนหูของเจ้าเอแคล์หมีอย่างเอร็ดอร่อย

    “ไม่อ่ะ ช่วงนี้งดของหวาน รู้สึกเหมือนกระโปรงจะคับขึ้น” ก็วันนี้เธอหยิบกระโปรงตัวโปรดเพื่อจะใส่มาทำงาน แต่ปรากฎว่าพอจะติดตะขอที่เอว มันกลับแน่นเสียจนอึดอัด เพราะช่วงนี้ยัยรินชวนกินแต่ของหวานแท้ๆเลย

    “ตามใจ งั้นรินกินหมดเลยนะ” ญารินพูดอย่างอารมณ์ดี

    “แล้วคุณพีชเขาให้อะไรรินมาอ่ะ เปิดดูรึยัง” สุนิศาอดสงสัยไม่ได้ว่าของในกล่องนั่นคืออะไร แล้วทำไมเพื่อนของเธอถึงจำเป็นจะต้องใช้มัน

    “อ่อ...ใช่ เกือบลืมไปเลย ยัยนั่นให้อะไรมากันนะ” ญารินล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบกล่องกระดาษสีเหลืองออกมา ของที่เธอจำเป็นต้องใช้นะ ยัยนั่นจะไปรู้ได้อย่างไรกัน มั่วสิ้นดี

    “เปิดเลย มันอาจจะเป็นนาฬิกาข้อมือก็ได้นะถ้าดูจากขนาดกล่อง” สุนิศาเดา

    ญารินค่อยๆแกะกล่องกระดาษออก เมื่อเห็นว่าของข้างในเป็นอะไรก็ร้องเสียงดังลั่นทำเอาสุนิศาต้องเหยียบเบรกแล้วจอดรถที่ข้างทางเสียก่อน

    “ฮ่ะๆๆ.... มิน่าล่ะรินถึงต้องใช้มัน น่ารักดีเนอะ ฮ่าๆๆๆๆ” สุนิศาระเบิดหัวเราะครั้งใหญ่เมื่อเห็นว่าของขวัญที่เพื่อนของเธอได้รับมันคือ เข็มทิศห้อยคอรูปหมีเข้าใจคิดเหลือเกินนะคนให้เนี่ย โอ๊ย วันนี้ขำจนปวดท้องไปหมดแล้ว

    “ยัยบ้า! ฉันต้องเอาคืนเธอให้ได้” ญารินได้แต่ตะโกนว่าอีกคน แต่เธอจะทำอะไรได้ล่ะ ป่านนี้คงหัวเราะเยาะเธอแล้วมั้ง ให้มาได้เข็มทิศเนี่ยนะ ดูถูกกันเกินไปแล้ว




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×