คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 คำขอโทษ
“เฮ้อ...โอ๊ย...มันอะไรกันเนี่ย” ญารินตะโกนอย่างเบื่อหน่ายทำเอาเลขาหน้าห้องเปิดประตูพรวดเข้ามาหน้าตาตื่น
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณญาริน” เลขาสาวรุ่นพี่เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แต่ผู้เป็นเจ้านายกลับนั่งหน้ายุ่งไม่เหมือนปกติที่คอยส่งยิ้มมาให้
“ตามนิให้รินหน่อยสิคะพี่เก๋ บอกด้วยว่าด่วนมากกกกก” เลขาคนเก่งมองเจ้านายที่นั่งถอนหายใจเป็นระยะอย่างงงๆ เธอฟังไม่ผิดใช่มั้ยที่ถูกใช้ให้ไปเรียกท่านประธานบริษัทมาพบรองประธานน่ะ
“คุณญารินเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ เอายาลดไข้สักเม็ดดีมั้ยคะ” เลขาสาวเสนอความคิด เล่นเอาญารินถึงกับกุมขมับ ขนาดเลขาคนสนิทของเธอยังมองว่าเธอแปลกๆ ก็คงจะจริงนั่นแหละ
“ช่างเถอะค่ะพี่เก๋ เดี๋ยวรินไปเองดีกว่า ช่วยเตรียมยาแก้ปวดให้รินสักสองเม็ดนะคะ แล้วก็ช่วงบ่ายรินจะไม่อยู่ที่บริษัท ถ้ามีงานด่วนช่วยโทรไปบอกด้วยแล้วกันค่ะ” พูดจบร่างบางก็ปล่อยให้เลขายืนงงอยู่ที่เดิม ส่วนตัวเองก็เร่งฝีเท้าไปยังห้องท่านประธาน
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูทำให้สุนิศาเงยหน้าจากเอกสารอย่างแปลกใจ เธอจำได้ว่าสั่งเลขาเอาไว้ว่าวันนี้ห้ามใครมารบกวน คิ้วเรียวเลิกสูงก่อนจะเอ่ยอนุญาตให้คนภายนอกเข้ามา
“เชิญค่ะ” สิ้นเสียง เพื่อนรักของเธอก็เปิดประตูเข้ามายืนกอดอกทำหน้ามุ่ยให้คนเห็นอดสงสัยไม่ได้ว่าไปอารมณ์ไม่ดีมาจากไหน
“เมื่อเช้าทำไมนิถึงต้องรีบออกจากบ้านด้วย”
“พอดีนิมีธุระนิดหน่อยนะริน แล้วรินมีอะไรจะคุยกับนิเหรอ” สุนิศามองเพื่อนที่เดินไปหย่อนก้นลงบนโซฟามุมห้อง
“วันนี้รินอยากไปหาหมอดูนั่นอีก” เธอควรจะไปจัดการกับความรู้สึกกระวนกระวายในใจให้มันจบๆไป ญารินคิด
“หา!!! พูดเป็นเล่นน่า รินไม่ชอบดูดวง แถมวันก่อนแม่หมอเขาบอกมาแบบนั้นรินยังวิ่งหนีเลย แล้วจะไปทำไม” เมื่อเห็นเพื่อนร้องเสียงหลงกับสิ่งที่เธอพูด ญารินก็ได้แต่บอกอย่างเซ็งๆ
“รินไม่ได้จะไปหายัยหมอดูนั่น แต่รินมีปัญหากับอีกคนน่ะสิ”
“คุณพีชน่ะเหรอ เรื่องที่เอารองเท้าตีหัวเขาหรือเปล่า”
“ยัยทอมนั่นฟ้องนิเหรอ” แล้วไปรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันตั้งแต่เมื่อไหร่
“เปล่า พอดีเมื่อวานตอนกลับมา นิเห็นข้างๆขมับเขามีเลือดไหลออกมาน่ะ แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไร นิเลยไปหาแม่หมอตอนเช้า ว่าตกลงเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น” สุนิศารีบอธิบายก่อนที่เพื่อนของเธอจะเข้าใจอีกคนผิดไป
“เรื่องรองเท้ารินไม่ได้ตั้งใจนะ นั่นแค่การป้องกันตัว ใครจะไปนึกล่ะว่าจะมีคนโผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้น่ะ”
“แล้วจะไปหาคุณพีชน่ะ เรื่องอะไรล่ะ” อดถามไม่ได้เพราะเกรงว่าเพื่อนจะไปหาเรื่องผู้เคราะห์ร้ายจากภัยส้นสูงอีก
“เอ่อ...นิดหน่อยน่ะ นิว่าการที่ผู้หญิงเกิดมาเพื่อคู่กับผู้ชายมันถูกต้องมั้ย” ร่างบางถามอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนัก
“อืมมม นิก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันถูกหรือเปล่า แต่มันก็เป็นเรื่องปกติล่ะนะ”
“ใช่มั้ยล่ะ แล้วผู้ชายกับผู้ชาย ผู้หญิงกับผู้หญิงจะคบกันได้ยังไงกัน ผิดปกติชัดๆ” เห็นไหมล่ะ ไม่ว่าใครก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ
“แล้วถ้าเขารักกันล่ะริน ถ้าความรู้สึกที่เรียกว่ารักมันเกิดขึ้นกับพวกเขาโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ตั้งใจ ที่เรามองว่าเขาผิดปกติน่ะ แค่เพียงเพราะความรักของเขาไม่ได้เกิดขึ้นกับเพศตรงข้ามอย่างนั้นเหรอ รินจะบอกว่าพวกเขาผิดปกติทั้งที่ภายนอกเขาก็เหมือนกันเราไม่ได้หรอกนะ” มันก็จริงอย่างที่สุนิศาพูด ญารินเริ่มรู้แล้วว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน ทำร้ายความรู้สึกของใครบางคนเข้าเต็มๆ
“รินรู้...แล้วก็รู้ตัวด้วยว่าเมื่อวานรินเป็นคนผิด ถึงได้มาหานินี่ไง” ญารินพูดสียงอ่อนอย่างคนสำนึกผิด
“แล้วที่รินเรียกคุณพีชว่าทอมน่ะ แน่ใจในสิ่งที่ตาตัวเองเห็นขนาดนั้นเลยเหรอ บางทีถ้าลองมองให้ลึกกว่านั้นรินอาจจะเห็นอะไรที่ต่างจากความคิดของตัวเองเลยก็ได้นะ” สุนิศายิ้มให้เพื่อนรัก เมื่อวานร่างสูงเดินกลับเข้ามาด้วยดวงตาที่เริ่มแดงเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ สาเหตุคงเป็นเพราะเพื่อนเธอคนนี้เป็นแน่ เล่นตะโกนเสียงดังอย่างนั้น คงได้ยินไปสามบ้านสี่บ้านเลยแหละ
“แล้วทำไมรินต้องไปทำความรู้จักกับคนแบบนั้นด้วย” มันไม่จำเป็นเสียหน่อย
“คนแบบนั้น???? รินอย่าหงุดหงิดจนเอาไปลงที่คนอื่นสิ คนแบบนั้นที่รินพูดถึงเขาช่วยรินไว้นะ” สุนิศาติงเพื่อนให้อีกคนยิ่งหน้างอหนักกว่าเดิม
“ป่ะ นิจะพาไปขอโทษคุณพีชเขา” ญารินถูกสุนิศาดึงให้ลุกจากโซฟา ร่างบางฝืนตัวเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจแล้วยอมลุกตามไปแต่โดยดี ท่องไว้ในใจว่า’เธอผิดและต้องขอโทษ’ ให้ขึ้นใจ
เมื่อรถจอดลงที่บ้านไม้หลังเดิม ญารินก็เกิดไม่อยากจะลงไปเจอคนตัวสูงอีกครั้ง จนสุนิศาต้องจับลากลงมาจากรถ เป็นคนบอกให้พามาแท้ๆยังจะมาดื้ออีก สุนิศาดันหลังญารินให้เดินเข้าไปภายในร้านเมื่อเธอเปิดประตู
“สวัสดีค่ะ” ร่างสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนลายน่ารักส่งยิ้มมาให้ แม้จะเห็นว่าเป็นใครที่เดินเข้ามาภายในร้าน
“สวัสดี” ญารินแกล้งหันมองไปทางอื่น เธอรู้สึกผิดเมื่อมองเห็นผ้าปิดแผลด้านข้างศีรษะของร่างสูง
“วันนี้มาดูดวงหรือทานขนมคะ” พิรดายังคงส่งยิ้มให้หญิงสาวทั้งสอง เหมือนเมื่อวันก่อนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอโทษนะ” คำขอโทษแผ่วเบานั้นมาจากใจของญารินจริงๆ
“เรื่องอะไรคะ” พิรดาเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม
“เรื่องเมื่อวานที่คุยกันน่ะสิ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันเป็นเรื่องปกติน่ะ ฉันได้ยินจนชินแล้วล่ะ แล้วฉันก็ต้องขอโทษด้วยที่ปล่อยคุณลงตรงนั้น เท้ายังเจ็บอยู่หรือเปล่าคะ” พิรดามองดูเท้าของคนตัวเล็กที่วันนี้ใส่รองเท้าส้นเตี้ยมา
“หายเจ็บแล้วล่ะ ได้ยินจนชิน ฟังแล้วดูเศร้าจังเลยนะ”
“ก็เหมือนอย่างที่คุณพูดเมื่อวานแหละค่ะ คนส่วนใหญ่ก็คิดและมองเห็นแบบนั้น” รอยยิ้มเศร้าๆที่ส่งมาให้ทำให้ญารินรู้สึกอึดอัดขึ้นมาภายในท้อง
“เมื่อวานฉันพูดแรงไปหน่อย แต่ฉันรู้นะว่าเวลาที่ถูกมองด้วยสายตาแปลกๆนะมันรู้สึกไม่ดีแล้วก็ขอบคุณที่ช่วยฉันเมื่อวาน” สายตาแปลกๆที่เธอเคยได้รับไม่รู้ว่ามันจะแย่เท่าของคนตรงหน้าเธอหรือเปล่านะ
“ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่ถือหรอก แต่อย่าเดินไปไหนคนเดียวโดยไม่คุ้นสถานที่อีกนะคะ เดี๋ยวคนเขาจะคิดว่าเป็นเด็กหลงทางเอา” ญารินถลึงตาใส่อีกคนอย่างเอาเรื่องเมื่อถูกพูดถึง เพราะความสูงของเธอเพียงแค่ร้อยห้าสิบนิดๆ ถึงได้ต้องใส่รองเท้าส้นสูงน่ะสิ แล้ววันนี้ใส่ส้นเตี้ยเพราะยังเจ็บเท้าอยู่นิดหน่อย ความสูงของเธอกับอีกคนเลยห่างกันมาก จนต้องเงยหน้าคุยกัน
“ใครเด็กกัน ฉันอายุมากกว่าเธอตั้งสองปีนะ” ร่างเล็กชูสองนิ้วให้อย่างมาดมั่น
“นี่ไง” พิรดาเอามือวัดความสูงจากศีรษะตนเองกับอีกคน
“ฉันเห็นด้วยนะคะ” สุนิศาบอกเมื่อพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ แต่ไม่นานก็ระเบิดหัวเราะออกมาอีกรอบเมื่อพิรดาพยักหน้าหงึกหงักตาม
“นิ!!!” มันน่าขำอะไรนักหนากัน ถึงได้หัวเราะจนตัวงอขนาดนั้น ญารินค้อนให้เพื่อน โดนที่คนโดนค้อนก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรนัก
“แล้ว....ตกลงว่าจะรับอะไรมั้ยคะ”
“ไม่เอา...ฉันจะกลับแล้ว” อารมณ์หงุดหงิดทำให้ญารินเหวี่ยงใส่ร่างสูงที่ดูจะงุนงงว่าตัวเองทำอะไรผิดไป
พิรดาได้แต่เดินส่ายหัวไปยังเค้าน์เตอร์เพราะตามอารมณ์อีกคนไม่ทัน มือยาวหยิบถุงกระดาษลายน่ารักมาใส่เอแคล์ลงไปอย่างบรรจงเพื่อไม่ให้ขนมสอดใส้แสนหวานเสียรูปทรงไป เธออุตส่าห์ปั้นเป็นรูปหน้าหมีสัตว์ที่แสนโปรดปราน ขืนเละคงทำใจไม่ได้
“นี่ค่ะ” พิรดาปิดปากถุงก่อนจะยื่นให้อีกคน “ไม่คิดเงินหรอกค่ะ”
“ขอบใจ” เมื่อเห็นดวงตากลมโตเป็นกระกายแวววาว ยามที่ถุงขนมยื่นไปตรงหน้า ทำเอาพิรดาอดคิดไม่ได้ว่านี่น่ะ’เด็กชัดๆ’ แต่ขืนพูดออกไป คนตรงหน้าคงได้หน้าบูดอีกเป็นแน่
“อ๊ะ! แล้วก็นี่ของขวัญนะคะ” ญารินรับกล่องกระดาษสีเหลืองขนาดพอดีมือ พลางมองดูอย่างสนใจ
“อะไร? แล้วให้ฉันทำไม”
“ฉันคิดว่าคุณต้องได้ใช้มันแน่ๆค่ะ รับรองมันจะเป็นประโยชน์กับคุณที่สุด” ญารินมองดูร่างสูงที่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของตัวเอง ก่อนจะหย่อนกล่องของขวัญลงไปในกระเป๋า
“อ้อ! ฝากทักทายแฟนเธอด้วยแล้วกัน วันนี้ไม่อยู่เหรอ” เมื่อนึกได้ว่ายังมีใครบางคนอยู่ที่นี่อีก แต่วันนี้ไม่เห็นแม้เงาญารินก็อดแปลกใจไม่ได้ แต่ก็ดีแล้วเพราะเธอไม่ได้อยากเจอหน้าเท่าไหร่
“ถ้าหมายถึงจีหรือแม่หมอล่ะก็ ไม่ใช่แฟนฉันหรอกค่ะ เขาออกไปทำธุระข้างนอกได้สักพักแล้วค่ะ”
“ขอโทษที่เสียมารยาทว่าเธอไปวันก่อนว่าเป็นทอมนะ แต่ฉันก็คิดว่าเธอใช่” คำตอบของอีกคนทำให้ญารินอดแปลกใจไม่ได้
“ไม่แปลกหรอกค่ะ ปกติคนอื่นก็มองแบบนั้นแหละ” พิรดายักไหล่ตอบ
“แล้ว....ใช่หรือเปล่า” น่าแปลกเหมือนกันที่อยู่ๆ เธอก็ถามออกไปแบบนั้น ญารินคิด
“คุณจะอยากรู้ไปเพื่ออะไรล่ะคะ ในเมื่อคุณตัดสินไปแล้ว”
“เพื่อ...” นั่นสิเพื่ออะไรกัน ญารินเงยหน้ามองร่างสูงอยู่เนินนาน ในที่สุดก็ได้คำตอบ เมื่อเห็นแววตาของอีกคน
“เพื่อให้ฉันรู้สึกดีขึ้น เอ่อ....ฉันหมายถึงฉันรู้สึกไม่ดีถ้าเพียงแค่การมองของฉันทำให้เห็นหรือเชื่ออะไรผิดไปน่ะ”
“งั้นฉันจะให้คำตอบกับคุณเพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้นนะคะ ฉันเป็นผู้หญิงค่ะ” ผู้หญิงงั้นเหรอ นั่นน่ะฉันก็เห็นอยู่หรอกย่ะ ญารินเถียงในใจ
“ทอมก็ผู้หญิงไม่ใช่เหรอ แล้วจะต่างกันยังไงล่ะ”
“อืมม...ต่างสิคะเพราะฉันไม่ได้อยากเป็นผู้ชาย ไม่ได้อยากจะเข็มแข็งหรือมีพละกำลังมากมาย ไม่ได้อยากดูเท่ ฉันก็แค่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบการแต่งตัวนัก มันไม่เหมาะกับฉันแล้วก็ค่อนค้างลำบากถ้าจะต้องฝืนตัวเอง ฉันตัวสูงเพราะกรรมพันธุ์น่ะค่ะ ทั้งที่ตัวเล็กแบบคุณน่ะน่ารักดีออก แล้วผมที่สั้นขนาดนี้ก็เพราะผมยาวนะมันร้อนนี่นา”
“งั้นเธอก็ชอบผู้ชาย...รึเปล่า”
“ฮึๆ ถ้าไม่ล่ะคะ ฉันก็จะกลายเป็นพวกวิปริตใช่มั้ย” ผู้หญิงร่างเล็กตรงหน้าเธอดูเป็นคนตรงไปตรงมาดีเหมือนกันแฮะ อยากรู้ก็ถาม ปกติถ้าไม่สนิทชิดเชื้อ ใครเขาถามกันล่ะ
“ที่ฉันขอโทษน่ะ เพราะฉันรู้สึกผิดจริงๆ ไม่ได้ประชดหรอกนะ”
“ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายค่ะ อ้อ! พ่อกับแม่ฉันท่านรักกันดี แล้วฉันก็ได้รับความรักจากท่านเสมอค่ะ ฉันไม่ใช่เด็กที่น่าสงสารหรือมีปมด้อยในวัยเด็กหรอกนะคะ” ร่างสูงยักคิ้วให้ญารินอย่างรู้ทัน
“โอเค ฉันหมดธุระแล้ว กลับล่ะ”ญารินโบกมือลาอีกคนโดยไม่คิดจะหันกลับไปมองถ้าไม่ได้ยินคำพูดที่เอ่ยถึงเธอ
“คุณเป็นคนที่แปลกดีนะคะ”
“พอๆกับคนแบบเธอนั่นแหละย่ะ” พิรดาอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อร่างเล็กแลบลิ้นให้เธอก่อนที่ประตูจะปิดลง ไม่บอกคนอื่นอาจจะคิดว่าอายุอ่อนกว่าเธอด้วยซ้ำ ผู้หญิงอะไรมีความเป็นเด็กเยอะขนาดนี้
บางทีวันนี้อาจจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นอีกก็ได้ คิดได้อย่างนั้นพิรดาก็เดินขึ้นห้องเพื่อหยิบไดอารี่เล่มเดิมออกมา
My Diary
ฉันไม่คิดว่าจะได้หยิบมันมาเขียนเร็วขนาดนี้ แค่รู้สึกว่าควรจะบันทึกเรื่องราววันนี้ลงไปสักหน่อย มันน่าแปลกใจพอสมควรเลยล่ะ ที่เด็กหลงกลับมาที่นี่อีกครั้ง!!!
To The Moon
เรื่องน่าแปลกใจ(1)
คำขอโทษ
มันไม่ใช่อะไรที่น่าแปลกใจมากนักถ้าเป็นการขอโทษในเรื่องปกติ แต่วันนี้เด็กหลงกลับมาเพื่อขอโทษที่เธอหาว่าฉันวิปริตผิดเพศ ปกติฉันจะไม่ได้รับคำขอโทษจากใครก็ตามที่ตัดสินฉันว่าเป็นพวกลักเพศจากการที่เขาเหล่านั้นเพียงแค่มองเท่านั้น มันจึงน่าแปลกใจที่อยู่ๆฉันก็ได้รับคำขอโทษ แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างประหลาดอีกเช่นกัน อาจเพราะมันเป็นคำขอโทษที่ฉันไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต
ฉันรู้สึกว่าเด็กหลงเป็นผู้หญิงที่แปลกดี นิสัยของเธอมีความเป็นเด็ก ค่อนข้างตรงไปตรงมา เธอถามว่าฉันเป็นทอมหรือเปล่า พอฉันปฏิเสธเธอกลับถามต่อว่าฉันชอบผู้ชายมั้ย ไปเอาความกล้าแบบนั้นมาจากไหนกันนะ หรือแค่เพราะสงสัยและอยากรู้ แน่นอน! ฉันตอบคำถามของเธอไปและต้องรีบบอกเลยว่าสมัยเด็กฉันไม่มีปมด้อย ไปงั้นเธอต้องคิดเอาเองว่าฉันเป็นแบบนี้เพราะมีปมด้อยในวัยเด็กเป็นแน่ แค่ชอบผู้หญิงเหมือนกัน บางที่เรื่องปมด้อยมันก็ไม่ได้เกี่ยวหรอก ฉันเอาของขวัญที่พ่อกับแม่ส่งมาให้เธอไป เพราะคิดว่าเธอน่าจะต้องใช้มันมากกว่าฉันเยอะเลย ถึงจะแอบเสียดายนิดหน่อยเพราะมันน่ารักขนาดนั้น ถ้าเธอถูกใจมันก็คงจะดีนะ
พอนึกถึงคำขอโทษ ฉันก็อยากจะพูดคำนี้เหลือเกิน ให้ใครฟังน่ะเหรอ คงเป็นเจ้าของสมุดบันทึกเล่มนี้ ขอโทษที่ไม่สามารถทำตามสัญญาที่เคยให้เอาไว้ได้ ขอโทษที่ไม่อาจจะบอกอะไรแก่เธอได้ว่าทำไมฉันจึงขาดการติดต่อกับเธอไป ขอโทษที่ฉันไม่มีความกล้าอะไรเลย ในขณะที่เธอมีความกล้ามากมายเหลือเกิน ฉันได้แต่กระซิบคำขอโทษเบาๆแก่เธอผ่านรูปวาดบนกระดาษ รอยยิ้มในรูปฉันจำได้ดี เพราะฉันมักจะนั่งมองดูเวลาเธอยิ้มเสมอ นี่เป็นรูปสุดท้ายที่ฉันจะวาดรูปของเธอ เพราะฉันรู้สึกผิดเหลือเกินยามที่เห็นรอยยิ้มของเธอผ่านภาพวาดของตัวเอง ขอโทษจริงๆนะ
ฉันอยากจะได้คำตอบจากพระจันทร์เหลือเกินว่าตอนนี้เธอมีความสุขดีมั้ย
From Peach
สุนิศาลดกระจกรถลงเพื่อระบายกลิ่นหอมหวานของขนมไม่ให้อบอวลในรถมากเกินไป เพื่อนของเธอหยิบเอแคล์เข้าปากชิ้นแล้วชิ้นเล่าโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันถูกปั้นเป็นรูปอะไร
“ริน กินช้าๆก็ได้ เดี๋ยวติดคอหรอก”
“นิไม่กินเหรอ อร่อยดีนะ หวานกำลังดีเลย ใส้ก็ไม่เละไปด้วย” ว่าพลางก็งับส่วนหูของเจ้าเอแคล์หมีอย่างเอร็ดอร่อย
“ไม่อ่ะ ช่วงนี้งดของหวาน รู้สึกเหมือนกระโปรงจะคับขึ้น” ก็วันนี้เธอหยิบกระโปรงตัวโปรดเพื่อจะใส่มาทำงาน แต่ปรากฎว่าพอจะติดตะขอที่เอว มันกลับแน่นเสียจนอึดอัด เพราะช่วงนี้ยัยรินชวนกินแต่ของหวานแท้ๆเลย
“ตามใจ งั้นรินกินหมดเลยนะ” ญารินพูดอย่างอารมณ์ดี
“แล้วคุณพีชเขาให้อะไรรินมาอ่ะ เปิดดูรึยัง” สุนิศาอดสงสัยไม่ได้ว่าของในกล่องนั่นคืออะไร แล้วทำไมเพื่อนของเธอถึงจำเป็นจะต้องใช้มัน
“อ่อ...ใช่ เกือบลืมไปเลย ยัยนั่นให้อะไรมากันนะ” ญารินล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบกล่องกระดาษสีเหลืองออกมา ของที่เธอจำเป็นต้องใช้นะ ยัยนั่นจะไปรู้ได้อย่างไรกัน มั่วสิ้นดี
“เปิดเลย มันอาจจะเป็นนาฬิกาข้อมือก็ได้นะถ้าดูจากขนาดกล่อง” สุนิศาเดา
ญารินค่อยๆแกะกล่องกระดาษออก เมื่อเห็นว่าของข้างในเป็นอะไรก็ร้องเสียงดังลั่นทำเอาสุนิศาต้องเหยียบเบรกแล้วจอดรถที่ข้างทางเสียก่อน
“ฮ่ะๆๆ.... มิน่าล่ะรินถึงต้องใช้มัน น่ารักดีเนอะ ฮ่าๆๆๆๆ” สุนิศาระเบิดหัวเราะครั้งใหญ่เมื่อเห็นว่าของขวัญที่เพื่อนของเธอได้รับมันคือ ‘เข็มทิศห้อยคอรูปหมี’ เข้าใจคิดเหลือเกินนะคนให้เนี่ย โอ๊ย วันนี้ขำจนปวดท้องไปหมดแล้ว
“ยัยบ้า! ฉันต้องเอาคืนเธอให้ได้” ญารินได้แต่ตะโกนว่าอีกคน แต่เธอจะทำอะไรได้ล่ะ ป่านนี้คงหัวเราะเยาะเธอแล้วมั้ง ให้มาได้เข็มทิศเนี่ยนะ ดูถูกกันเกินไปแล้ว
ความคิดเห็น