คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 คำทำนาย
“ไม่ๆๆๆๆ เป็นไม่ได้ ไม่มีทาง” เธอยังคงพึมพำกับตัวเอง
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้สามสิบนาที
เวลา 16.30 น.
ญารินวางปากกาลงบนโต๊ะทำงานหลังจากเคลียร์งานส่วนของวันนี้เสร็จเรียบร้อย เฮ้อ! เมื่อยแฮะ อยากรีบกลับบ้านไปนอนจัง คิดได้เพียงเท่านั้นประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดผ่างออกโดยผู้ดำรงตำแหน่งใหญ่ที่สุดในบริษัท ทำเอาเธอแอบทำหน้าเซ็งเล็กน้อย มีอะไรอีกล่ะเนี่ย
“หยุด! จะเข้ามาในห้องต้องเคาะประตูก่อนสิ” ญารินส่งสัญญาณมือให้ผู้มาเยือนกลับออกไปจากห้องทำงานของเธอซะ
“อืม! ออกไปเคาะประตูก่อนก็ได้ ว้าย! ยัยรินจะบ้าเหรอ” สุนิศาร้องเสียงหลงเมื่อเกือบจะหลงกลเพื่อนสาวที่ตอนนี้นั่งหัวเราะร่าอยู่บนเก้าอี้ ถ้าเธอเดินออกไปเพื่อเคาะประตูแล้วเข้ามาใหม่จริงๆ พนักงานทั้งบริษัทจะมองอย่างไรเล่า ได้หมดความเคารพกันพอดี ยัยเพื่อนคนนี้ก็แสบจริงๆ
“ฮ่าๆๆ เข้ามาก็รู้จักเคาะก่อนสิคะ ท่านประธาน เดี๋ยวเขาจะเอาไปว่าได้ว่า ประธานบริษัทเครื่องเขียนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไม่มีมารยาท” ญารินยังคงแหย่สุนิศาให้ได้หน้างอเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาที่มุมห้องอย่างงอนๆ
“ค่ะ! ท่านรองประธานผู้มีมารยาทประหนึ่งนางสาวไทย” ด้วยความที่ยังงอนเพราะถูกแกล้ง จึงทำให้สุนิศาอดไม่ได้ที่จะประชดหญิงสาวผมยาวตรงหน้า
“แล้วมาหาเนี่ยมีอะไรเหรอ” ญารินว่าพลางเก็บแฟ้มเอกสารบนโต๊ะใส่กระเป๋า โดยมีสุนิศาที่ลุกจากโซฟามาช่วยยัดเอกสารต่างๆลงในกระเป่า ย้ำ! ว่ายัดจริงๆ ยัยนี่คิดจะทำอะไรเป็นระเบียบกับเขาบ้างไหมนะ
“นิมาชวนรินไปดูดวงกัน” ว่าแล้วเชียว เพื่อนคนนี้นี่ชอบดูดวงเป็นชีวิตจิตใจเลยจริงๆ ขนาดผมที่เคยไว้ยาวถึงกลางหลังก็ยอมตัดเมื่อหมอดูที่ไหนก็ไม่รู้ทักว่าไว้ผมยาวแล้วจะทำให้ความรักไม่รุ่ง นี่ก็สองปีมาแล้วที่สุนิศาเลิกกับแฟน ก็ไม่เห็นว่าจะมีหนุ่มที่ไหนมาเกาะแกะเหมือนเมื่อตอนไว้ผมยาว แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยปล่อยให้ผมยาวเกินต้นคอเลย
“ไม่ปายยยยย” คนอยากกลับบ้านไปนอน เรื่องอะไรจะต้องไปดูดวงให้เสียทั้งเงิน ทั้งเวลาด้วยล่ะ
“ร...ริน” น้ำใสๆรื้นขึ้นมาที่บริเวณขอบตาทั้งสองข้างของสุนิศา ทำเอาญารินต้องส่ายหัว น้ำตาของเพื่อนรักใช้ได้กับเธอเสมอ แม้ว่านั่นจะเป็นน้ำตาที่เจ้าตัวพยายามบีบออกมาก็เถอะ
“หยุดๆๆ ไม่ต้องมาแกล้งร้องไห้เลยนะ ไปด้วยก็ได้ย่ะ” สุนิศาเช็ดน้ำตาก่อนจะคว้ากระเป๋าของญารินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เจ้าของห้องได้แต่ยืนอึ้งกับความสามารถของเพื่อน
“เร็วหน่อยสิริน เดี๋ยวคนเยอะ” สุนิศาเปิดประตูเข้ามาเร่งญาริน เธอจึงได้เดินตามไปขึ้นรถแต่โดยดี
สุนิศาใช้เวลาขับรถได้ไม่นานนักก็พาญารินมาถึงหน้าบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้น รั้วไม้ถูกแต่งแต้มให้มีสีสันโดยดอกกล้วยไม้หลายพันธุ์ทั้ง สีขาว สีม่วง สีเหลือง พื้นที่บริเวณหน้าบ้านถูกตกแต่งไปด้วยไม้ประดับทั้งหลาย พุ่มดอกไฮเดรนเยียสีม่วงดูงดงาม บรรยากาศดูรื่นรมย์ซะจนคิดว่าน่าจะเป็นร้านเครื่องดื่มที่ให้ลูกค้าได้ผ่อนคลายกับธรรมชาติเสียมากกว่าสำนักหมอดู
“ป่ะ! รินที่นี่แหละ เขาว่าดูแม่นมาก ดีจังเรามาถึงยังไม่มีคนเลย” สุนิศาเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน
ปล่อยให้ญารินเดินตามพลางคิดเถียงสุนิศาอยู่ในใจ ‘คนไม่มีเนี่ยนะดูแม่น คิดในแง่ดีเกินไปแล้วเพื่อนฉัน’ ได้แต่คิด ขืนพูดให้คนในบ้านได้ยินคงถูกโยนออกมาทั้งสองคน
“สวัสดีค่ะ” เสียงใสๆร้องทักทายเมื่อเมื่อประตูถูกเปิดออก หญิงสาวผมสั้นในชุดผ้ากันเปื้อนสวมทับเสื้อยืด กางเกงยีน ส่งยิ้มมาให้ ตัวสูงชะมัด แต่งตัวแบบนั้นเป็นทอมงั้นเหรอ ก็ไม่แปลกหรอกเดี๋ยวนี้มีเด็กวัยรุ่นแบบนี้เดินให้เห็นเยอะแยะไป ญารินคิด
“สวัสดีค่ะ เอ่อ...นี่ใช่สำนักแม่หมอจีรภัทรหรือเปล่าคะ” สุนิศาเอ่ยถาม กวาดสายตาไปทั่วร้าน กลิ่นชาแอปเปิ้ล ลอยมาแตะจมูก เหมือนกับร้านน้ำชามากกว่าแฮะ ไม่เห็นจะเหมือนสำนักหมอดูตรงไหนเลย มาผิดที่หรือเปล่านะเรา
“ใช่ค่ะ มาดูดวงหรือคะ” สาวผมสั้นยังคงยิ้มให้อย่างใจดี ดูๆไปเธอน่าจะอายุน้อยกว่าญารินและสุนิศาสักเล็กน้อย เป็นลูกสาวของแม่หมอหรือเปล่า
“ค่ะ แล้วแม่หมอล่ะคะ” ไม่ถามเปล่าสุนิศาชะเง้อมองจนญารินต้องจับเพื่อนสาวให้อยู่นิ่งๆ เพราะคนตัวสูงนั้นยืนหัวเราะคิกๆกับปฏิกิริยาของเพื่อนเธอ
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวแม่หมอก็มาค่ะ” พิรดายิ้มให้สองสาว ก่อนจะถาม “รับชาแอปเปิ้ลสักถ้วยมั้ยคะ”
“มะ...” ยังไม่ทันทีสุนิศาจะปฏิเสธ เสียงของเพื่อนสาวก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ก็ดีค่ะ” ญารินวิ่งไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างอย่างรวดเร็ว มาดผู้บริหารหายไปเที่ยวเสียแล้ว เหลือแต่หญิงสาวที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับการรอชากลิ่นหอมและขนมเค้กน่าอร่อย
“ทีเรื่องกินล่ะ ไวเชียวนะ” สุนิศาอดแขวะคนตรงหน้าไม่ได้ ค่าชากับขนมเธอคงต้องเป็นเจ้ามือ ในเมื่อเธอเป็นคนลากญารินมาเองนี่ ดูสิ! ทีตอนชวนมาล่ะหน้าบูด ตอนจะได้ทานขนมล่ะยิ่มร่ายังกะเด็กๆ
“กรุ๊งกริ๊ง” เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่หน้าประตูดังขึ้นอีกครั้ง พิรดาชะเง้อมองดูผู้ที่เปิดประตูเข้ามา สาวผมยาวสีน้ำตาลประกายแดงที่เดินเข้ามา ส่งเสียงเรียกเธอเร่าๆให้ไปช่วยถือของที่ซื้อมา
“พีชๆๆ มาเอาของพวกนี้ไปเก็บที จีหนัก” จีรภัทรวางผงชาและวัตถุดิบที่ใช้ทำขนมลงกับพื้น ปากก็บ่นว่าหนัก ว่าเมื่อยไม่หยุด
“จี! มีลูกค้ามาแน่ะ” เมื่อพิรดาบอกจีรภัทรถึงได้สังเกตเห็นลูกค้าสาวทั้งคู่ที่ตอนนี้จ้องเธอตาไม่กระพริบ ยิ้มเพื่อการค้าประดับอยู่บนใบหน้าของเธอทันที
“สวัสดีค่ะ เชิญที่ห้องนั้นดีกว่านะคะ” จีรภัทรผายมือไปทางห้องหนึ่งที่อยู่ด้านในสุดของร้าน ก่อนจะเดินนำสองสาวเข้าไปในห้อง ปล่อยให้พิรดาเก็บของตั้งมากมายที่กองอยู่ที่พื้นเพียงคนเดียว
ในห้องมีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้สองสามตัว บนโต๊ะมีลูกแก้วใสขนาดใหญ่วางอยู่บนฐาน มีต้นไม้ประดับอยู่ตามมุมห้อง ญารินคิดว่าเมื่อเข้ามาในห้องนี้แล้วเธอจะหลุดมาอยู่ในโลกมืดซะอีก เช่น มีโครงกระดูกแขวนอยู่ตามฝาผนังหรือมีผ้ายันต์ติดเต็มห้องไปหมด เธอคงคิดมากไปเอง ก็ขนาดหมอดูยังสาวซะขนาดนี้
“มาดูดวงทั้งสองคนเลยเหรอคะ” จีรภัทรยิ้มให้ก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าลูกแก้ว ญารินและสุนิศาจึงนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“อ๋อ ดิฉันคนเดียวค่ะ” หมอดูสาวพยักหน้าแล้วก็เริ่มยกมือเหนือลูกแก้ว หลับตาเหมือนกำลังทำสมาธิ ญารินและสุนิศาได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เปล่าเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งหมอดูสาวลืมตา
“ขอโทษนะคะ แต่ว่าแม่หมออายุเท่าไหร่หรือคะ” ญารินอดสงสัยไม่ได้ก็ทั้งทอมผมสั้นที่แต่งตัวเซอร์ๆด้านนอกและหมอดดูต่างก็ยังสาวๆกันอยู่ อาจจะเด็กกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ
“ยี่สิบสามค่ะ คุณคงไม่ได้มาเพื่อถามอายุของฉันหรอกใช่มั้ยคะ” จีรภัทรยิ้มทะเล้นให้ เล่นเอาญารินถึงกับออกอาการเอ๋อเลยทีเดียว
“ฉันไม่ได้มาดูดวง” ญารินส่ายหัวปฏิเสธ
“แล้วคุณอยากทราบเรื่องอะไรล่ะคะ คุณสุนิศา” สุนิศาถึงกับตาโตเมื่อจีรภัทรเอ่ยชื่อของเธอออกมา ก็เธอไม่เคยบอกชื่อให้แม่หมอรู้นี่
“ฉันอยากรู้ว่าเมื่อไหร่ฉันจะได้พบเนื้อคู่สักทีคะ” เป็นคำถามที่จีรภัทรได้ยินแทบทุกครั้งที่มีลูกค้าผู้หญิงมาดูดวงกับเธอ จีรภัทรนั่งเท้าคางสำรวจใบหน้าขาวใสของสุนิศาก่อนเอ่ยถาม
“คุณสุนิศาและคุณผู้หญิงอีกคนอายุเท่าไหร่คะ” เป็นคำถามที่ทำให้ผู้ถูกถามทั้งสองถึงกับทำหน้างง ก็สุนิศามาดูดวงนี่ไม่ใช่มานั่งให้แม่หมอดูสาวคนนี้ถามเรื่องอายุ อานามของเธอ
“ก็มากกว่าแม่หมอประมาณสองปีค่ะ” สุนิศาไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน จึงได้บอกอายุของเธอให้แม่หมอทราบ
“พึ่งจะเบญจเพสเอง ไม่ต้องรีบหรอกค่ะเรื่องเนื้อคู่ ตอนนี้หน้าที่การงานของคุณกำลังไปได้ดี ส่วนเรื่องคู่ครองนั้น ไม่นานเกินรอหรอกค่ะ” สุนิศาได้ยินคำทายนายก็ยิ้มออกทันที ญารินไม่ได้เห็นเพื่อนรักยิ้มสดใสอย่างนี้มาตั้งแต่เลิกกับแฟน จึงพลอยทำให้เธอสบายใจไปด้วย
“ในปีนี้ขอให้คุณสุนิศาทำอะไรก็ระมัดระวังด้วยนะคะ อย่าใจร้อน ให้ใช้เหตุผลในการแก้ไขปัญหา ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปได้ค่ะ” สุนิศาพยักหน้าหงึกหงักตามคำแนะนำของจีรภัทร
“แล้วเพื่อนของคุณจะไม่ดูดวงหน่อยหรือคะ อุตส่าห์มาแล้วทั้งที” จีรภัทรยิ้มให้กับญารินที่ตอนนี้นั่งมองเธอตาโตไม่ต่างกับสุนิศาเมื่อสักครู่
“ฉัน? ” ญารินชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เป็นเชิงถามจีรภัทร
“ใช่ เธอนั่นแหละ มาแล้วก็ดูด้วยกันเลย” เป็นสุนิศาที่ออกปากบังคับให้ญารินทำหน้าบูดยอมดูดวง
“คุณอยากรู้เรื่องอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ” จีรภัทรยังคงยิ้มให้ญาริน แต่เธอไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะยิ้มตอบด้วย
“ไม่มีค่ะ” ญารินตอบทิ้งหางเสียง จีรภัทรรู้ว่าเธอหงุดหงิดที่โดนบังคับโดยไม่เต็มใจ จึงพยายามจะเอาใจ ให้หายอารมณ์เสีย
“หน้าที่การงานก็ดี สุขภาพก็ดี แหม! ดวงคุณนี่ท่าทางจะรุ่งนะคะ” คิ้วที่เคยขมวดเป็นปมก่อนหน้านี้ของญารินเริ่มคลายออก มุมปากเริ่มยกขึ้นนิดๆ แต่กลัวเสียเชิง จึงยังคงแกล้งหน้าตึงต่อ
“คุณอยากรู้เรื่องความรักมั้ยคะ” จีรภัทรลองสะกิดต่อ
“ก็....นิดหน่อย” คำตอบของญารินทำเอาสุนิศากลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว ถ้าไม่ติดที่เพื่อนสาวส่งสายตาดุๆมาให้ เธอคงปล่อยก๊ากตอนนี้แน่
“ค่ะ ขอเวลาสักครู่นะคะ” จีรภัทรยกมือขึ้นเหนือลูกแก้วอีกครั้งกับจะหลับตาลงเหมือนที่ทำเช่นครั้งแรก เมื่อลืมตาขึ้น คราวนี้จีรภัทรมองหน้าญารินนิ่งอยู่เกือบนาที ทำเอาคนถูกมอง เกิดอาการเขินจนต้องร้องเรียกสติคนตรงหน้าให้กลับคืนมา
“หมอคะๆ เป็นอะไรคะ จ้องหน้าฉันอยู่นั่นแหละ” จีรภัทรที่ได้สติก็รีบปฏิเสธเสียยกใหญ่
“ปะ...เปล่าค่ะ” ที่เธอเห็นจากลูกแก้วนี่มัน....
“แล้วเรื่องความรักของฉันเป็นยังไงบ้าง” แม้จะไม่ได้แสดงออกว่าอยากรู้ แต่มันก็แสดงออกมาทางน้ำเสียง จีรภัทรเริ่มเหงื่อตก มองหน้าญารินสลับกับลูกแก้ว ดูท่าทางญารินจะไม่มีรสนิยมแบบนั้น
“น้องหมอจีจี้คะ” จีรภัทรสะดุ้งเพราะยังไม่รู้ว่าจะบอกญารินอย่างไร ตอนนี้ญารินคงอารมณ์ดีแล้ว เพราะเธอมีการตั้งชื่อน่ารักๆให้จีรภัทรด้วย
“คือ ความรักเป็นเรื่องของหัวใจนะคะพี่คงเข้าใจ ความรักเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนที่มีความรู้สึกดีๆให้กัน ไม่จำเป็นที่จะต้องต่างเพศกัน เพราะฉะนั้นพี่ไม่ต้องไปกังวลนะคะ ถ้า...เอ่อ... คนรักของพี่อาจจะไม่ใช่ผู้ชาย” เมื่อพูดจบจีรภัทรก็แอบสังเกตสีหน้าของญาริน
“ขออีกรอบได้มั้ยคะ อยู่สึกว่าพี่จะได้ยินน้องจีจี้บอกเหมือนกับว่าคนรักของพี่จะเป็น....เป็นอะไรนะคะ”
“เป็นผู้หญิงค่ะ” เมื่อสองหูได้ยินคำตอบชัดเจน ทำเอาญารินนั่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะวิ่งหนีออกจากร้าน โดยไม่ฟังเสียงเรียกของสุนิศาเลย เธอวิ่งจนมาถึงสวนสาธารณะที่ไม่ใกล้จากร้านนั้นเท่าไหร่ เพื่อมาปลดปล่อยความรู้สึกแย่ๆที่นี่
กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน
คนในสวนสาธารณะเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว แต่ทำอย่างไรญารินก็ไม่สามารถสลัดสิ่งที่ได้ยินมาออกไปจากหัวได้ เธอนั่งมองหญิงชายคู่หนึ่งที่เดินจูงสุนัขกลับด้วยกัน ช่างดูหวานชื่นกันเหลือเกิน
“ไม่น้า กรี๊ดดดด” ญารินได้แต่ร้องกรี๊ดปลดปล่อยอารมณ์ที่สับสนนี้เพียงคนเดียว เพราะตอนนี้ในสวนสาธารณะไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากเธอคนเดียว
“ไม่ๆๆ เป็นไปไม่ได้”
ความคิดเห็น