ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Open diary (YURI)

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 คำทำนาย

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.พ. 56


     กรี๊ดดดดดดดดสิ้นเสียงร้อง ผู้คนในสวนสาธารณะก็หยุดทำกิจกรรมต่างๆแล้วพร้อมใจกันเทความสนใจไปยังหญิงสาวผมยาวนางหนึ่งที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้หินอ่อนใกล้กับน้ำพุ หากแต่หญิงสาวมีเรื่องที่ต้องคิดหนักเธอจึงไม่ได้สนใจรอบข้าง ได้แต่ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้ยินจากปากหมอดูสาว ที่เธอพึ่งไปดูดวงกับเพื่อนรักมา และเป็นสาเหตุให้เธอต้องวิ่งหนีมาสงบสติอารมณ์ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ ไม่อย่างนั้นเธออาจจะประกาศศึกกับแม่หมอดูหน้าใสนั่นได้ มีอย่างที่ไหนมาบอกว่าคนรักของเธอนั้นเป็น....

                    ไม่ๆๆๆๆ เป็นไม่ได้ ไม่มีทางเธอยังคงพึมพำกับตัวเอง

     

                    เหตุการณ์ก่อนหน้านี้สามสิบนาที

                    เวลา 16.30 น.

                                    ญารินวางปากกาลงบนโต๊ะทำงานหลังจากเคลียร์งานส่วนของวันนี้เสร็จเรียบร้อย เฮ้อ! เมื่อยแฮะ อยากรีบกลับบ้านไปนอนจัง  คิดได้เพียงเท่านั้นประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดผ่างออกโดยผู้ดำรงตำแหน่งใหญ่ที่สุดในบริษัท ทำเอาเธอแอบทำหน้าเซ็งเล็กน้อย มีอะไรอีกล่ะเนี่ย

                    หยุด! จะเข้ามาในห้องต้องเคาะประตูก่อนสิญารินส่งสัญญาณมือให้ผู้มาเยือนกลับออกไปจากห้องทำงานของเธอซะ

                    อืม! ออกไปเคาะประตูก่อนก็ได้ ว้าย! ยัยรินจะบ้าเหรอสุนิศาร้องเสียงหลงเมื่อเกือบจะหลงกลเพื่อนสาวที่ตอนนี้นั่งหัวเราะร่าอยู่บนเก้าอี้ ถ้าเธอเดินออกไปเพื่อเคาะประตูแล้วเข้ามาใหม่จริงๆ พนักงานทั้งบริษัทจะมองอย่างไรเล่า ได้หมดความเคารพกันพอดี ยัยเพื่อนคนนี้ก็แสบจริงๆ

                    ฮ่าๆๆ เข้ามาก็รู้จักเคาะก่อนสิคะ ท่านประธาน เดี๋ยวเขาจะเอาไปว่าได้ว่า ประธานบริษัทเครื่องเขียนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไม่มีมารยาทญารินยังคงแหย่สุนิศาให้ได้หน้างอเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาที่มุมห้องอย่างงอนๆ

                    ค่ะ! ท่านรองประธานผู้มีมารยาทประหนึ่งนางสาวไทยด้วยความที่ยังงอนเพราะถูกแกล้ง จึงทำให้สุนิศาอดไม่ได้ที่จะประชดหญิงสาวผมยาวตรงหน้า

                    แล้วมาหาเนี่ยมีอะไรเหรอญารินว่าพลางเก็บแฟ้มเอกสารบนโต๊ะใส่กระเป๋า โดยมีสุนิศาที่ลุกจากโซฟามาช่วยยัดเอกสารต่างๆลงในกระเป่า ย้ำ! ว่ายัดจริงๆ ยัยนี่คิดจะทำอะไรเป็นระเบียบกับเขาบ้างไหมนะ

                    นิมาชวนรินไปดูดวงกันว่าแล้วเชียว เพื่อนคนนี้นี่ชอบดูดวงเป็นชีวิตจิตใจเลยจริงๆ ขนาดผมที่เคยไว้ยาวถึงกลางหลังก็ยอมตัดเมื่อหมอดูที่ไหนก็ไม่รู้ทักว่าไว้ผมยาวแล้วจะทำให้ความรักไม่รุ่ง นี่ก็สองปีมาแล้วที่สุนิศาเลิกกับแฟน ก็ไม่เห็นว่าจะมีหนุ่มที่ไหนมาเกาะแกะเหมือนเมื่อตอนไว้ผมยาว แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยปล่อยให้ผมยาวเกินต้นคอเลย

                    ไม่ปายยยยยคนอยากกลับบ้านไปนอน เรื่องอะไรจะต้องไปดูดวงให้เสียทั้งเงิน ทั้งเวลาด้วยล่ะ

                    ร...รินน้ำใสๆรื้นขึ้นมาที่บริเวณขอบตาทั้งสองข้างของสุนิศา ทำเอาญารินต้องส่ายหัว น้ำตาของเพื่อนรักใช้ได้กับเธอเสมอ แม้ว่านั่นจะเป็นน้ำตาที่เจ้าตัวพยายามบีบออกมาก็เถอะ

                    หยุดๆๆ ไม่ต้องมาแกล้งร้องไห้เลยนะ ไปด้วยก็ได้ย่ะสุนิศาเช็ดน้ำตาก่อนจะคว้ากระเป๋าของญารินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เจ้าของห้องได้แต่ยืนอึ้งกับความสามารถของเพื่อน

                    เร็วหน่อยสิริน เดี๋ยวคนเยอะสุนิศาเปิดประตูเข้ามาเร่งญาริน เธอจึงได้เดินตามไปขึ้นรถแต่โดยดี

     

                    สุนิศาใช้เวลาขับรถได้ไม่นานนักก็พาญารินมาถึงหน้าบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้น รั้วไม้ถูกแต่งแต้มให้มีสีสันโดยดอกกล้วยไม้หลายพันธุ์ทั้ง สีขาว สีม่วง สีเหลือง พื้นที่บริเวณหน้าบ้านถูกตกแต่งไปด้วยไม้ประดับทั้งหลาย พุ่มดอกไฮเดรนเยียสีม่วงดูงดงาม บรรยากาศดูรื่นรมย์ซะจนคิดว่าน่าจะเป็นร้านเครื่องดื่มที่ให้ลูกค้าได้ผ่อนคลายกับธรรมชาติเสียมากกว่าสำนักหมอดู

                    ป่ะ! รินที่นี่แหละ เขาว่าดูแม่นมาก ดีจังเรามาถึงยังไม่มีคนเลยสุนิศาเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน

    ปล่อยให้ญารินเดินตามพลางคิดเถียงสุนิศาอยู่ในใจ คนไม่มีเนี่ยนะดูแม่น คิดในแง่ดีเกินไปแล้วเพื่อนฉันได้แต่คิด ขืนพูดให้คนในบ้านได้ยินคงถูกโยนออกมาทั้งสองคน

                    สวัสดีค่ะเสียงใสๆร้องทักทายเมื่อเมื่อประตูถูกเปิดออก หญิงสาวผมสั้นในชุดผ้ากันเปื้อนสวมทับเสื้อยืด กางเกงยีน ส่งยิ้มมาให้ ตัวสูงชะมัด แต่งตัวแบบนั้นเป็นทอมงั้นเหรอ ก็ไม่แปลกหรอกเดี๋ยวนี้มีเด็กวัยรุ่นแบบนี้เดินให้เห็นเยอะแยะไป ญารินคิด

                    สวัสดีค่ะ เอ่อ...นี่ใช่สำนักแม่หมอจีรภัทรหรือเปล่าคะสุนิศาเอ่ยถาม กวาดสายตาไปทั่วร้าน กลิ่นชาแอปเปิ้ล ลอยมาแตะจมูก เหมือนกับร้านน้ำชามากกว่าแฮะ ไม่เห็นจะเหมือนสำนักหมอดูตรงไหนเลย มาผิดที่หรือเปล่านะเรา

                    ใช่ค่ะ มาดูดวงหรือคะสาวผมสั้นยังคงยิ้มให้อย่างใจดี ดูๆไปเธอน่าจะอายุน้อยกว่าญารินและสุนิศาสักเล็กน้อย เป็นลูกสาวของแม่หมอหรือเปล่า

                    ค่ะ แล้วแม่หมอล่ะคะไม่ถามเปล่าสุนิศาชะเง้อมองจนญารินต้องจับเพื่อนสาวให้อยู่นิ่งๆ เพราะคนตัวสูงนั้นยืนหัวเราะคิกๆกับปฏิกิริยาของเพื่อนเธอ

                    รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวแม่หมอก็มาค่ะพิรดายิ้มให้สองสาว ก่อนจะถาม รับชาแอปเปิ้ลสักถ้วยมั้ยคะ

                    มะ...ยังไม่ทันทีสุนิศาจะปฏิเสธ เสียงของเพื่อนสาวก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน

                    ก็ดีค่ะญารินวิ่งไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างอย่างรวดเร็ว มาดผู้บริหารหายไปเที่ยวเสียแล้ว เหลือแต่หญิงสาวที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับการรอชากลิ่นหอมและขนมเค้กน่าอร่อย

                    ทีเรื่องกินล่ะ ไวเชียวนะสุนิศาอดแขวะคนตรงหน้าไม่ได้ ค่าชากับขนมเธอคงต้องเป็นเจ้ามือ ในเมื่อเธอเป็นคนลากญารินมาเองนี่ ดูสิ! ทีตอนชวนมาล่ะหน้าบูด ตอนจะได้ทานขนมล่ะยิ่มร่ายังกะเด็กๆ

     

                    กรุ๊งกริ๊งเสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่หน้าประตูดังขึ้นอีกครั้ง พิรดาชะเง้อมองดูผู้ที่เปิดประตูเข้ามา สาวผมยาวสีน้ำตาลประกายแดงที่เดินเข้ามา ส่งเสียงเรียกเธอเร่าๆให้ไปช่วยถือของที่ซื้อมา

                    พีชๆๆ มาเอาของพวกนี้ไปเก็บที จีหนักจีรภัทรวางผงชาและวัตถุดิบที่ใช้ทำขนมลงกับพื้น ปากก็บ่นว่าหนัก ว่าเมื่อยไม่หยุด

                    จี! มีลูกค้ามาแน่ะเมื่อพิรดาบอกจีรภัทรถึงได้สังเกตเห็นลูกค้าสาวทั้งคู่ที่ตอนนี้จ้องเธอตาไม่กระพริบ ยิ้มเพื่อการค้าประดับอยู่บนใบหน้าของเธอทันที

                    สวัสดีค่ะ เชิญที่ห้องนั้นดีกว่านะคะจีรภัทรผายมือไปทางห้องหนึ่งที่อยู่ด้านในสุดของร้าน ก่อนจะเดินนำสองสาวเข้าไปในห้อง ปล่อยให้พิรดาเก็บของตั้งมากมายที่กองอยู่ที่พื้นเพียงคนเดียว

     

                    ในห้องมีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้สองสามตัว บนโต๊ะมีลูกแก้วใสขนาดใหญ่วางอยู่บนฐาน มีต้นไม้ประดับอยู่ตามมุมห้อง ญารินคิดว่าเมื่อเข้ามาในห้องนี้แล้วเธอจะหลุดมาอยู่ในโลกมืดซะอีก เช่น มีโครงกระดูกแขวนอยู่ตามฝาผนังหรือมีผ้ายันต์ติดเต็มห้องไปหมด เธอคงคิดมากไปเอง ก็ขนาดหมอดูยังสาวซะขนาดนี้

                    มาดูดวงทั้งสองคนเลยเหรอคะจีรภัทรยิ้มให้ก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าลูกแก้ว ญารินและสุนิศาจึงนั่งลงฝั่งตรงข้าม

                    อ๋อ ดิฉันคนเดียวค่ะหมอดูสาวพยักหน้าแล้วก็เริ่มยกมือเหนือลูกแก้ว หลับตาเหมือนกำลังทำสมาธิ ญารินและสุนิศาได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เปล่าเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งหมอดูสาวลืมตา

                    ขอโทษนะคะ แต่ว่าแม่หมออายุเท่าไหร่หรือคะญารินอดสงสัยไม่ได้ก็ทั้งทอมผมสั้นที่แต่งตัวเซอร์ๆด้านนอกและหมอดดูต่างก็ยังสาวๆกันอยู่ อาจจะเด็กกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ

                    ยี่สิบสามค่ะ คุณคงไม่ได้มาเพื่อถามอายุของฉันหรอกใช่มั้ยคะจีรภัทรยิ้มทะเล้นให้ เล่นเอาญารินถึงกับออกอาการเอ๋อเลยทีเดียว

                    ฉันไม่ได้มาดูดวงญารินส่ายหัวปฏิเสธ

                    แล้วคุณอยากทราบเรื่องอะไรล่ะคะ คุณสุนิศาสุนิศาถึงกับตาโตเมื่อจีรภัทรเอ่ยชื่อของเธอออกมา ก็เธอไม่เคยบอกชื่อให้แม่หมอรู้นี่

                    ฉันอยากรู้ว่าเมื่อไหร่ฉันจะได้พบเนื้อคู่สักทีคะเป็นคำถามที่จีรภัทรได้ยินแทบทุกครั้งที่มีลูกค้าผู้หญิงมาดูดวงกับเธอ จีรภัทรนั่งเท้าคางสำรวจใบหน้าขาวใสของสุนิศาก่อนเอ่ยถาม

                    คุณสุนิศาและคุณผู้หญิงอีกคนอายุเท่าไหร่คะเป็นคำถามที่ทำให้ผู้ถูกถามทั้งสองถึงกับทำหน้างง ก็สุนิศามาดูดวงนี่ไม่ใช่มานั่งให้แม่หมอดูสาวคนนี้ถามเรื่องอายุ อานามของเธอ

                    ก็มากกว่าแม่หมอประมาณสองปีค่ะสุนิศาไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน จึงได้บอกอายุของเธอให้แม่หมอทราบ

                    พึ่งจะเบญจเพสเอง ไม่ต้องรีบหรอกค่ะเรื่องเนื้อคู่ ตอนนี้หน้าที่การงานของคุณกำลังไปได้ดี ส่วนเรื่องคู่ครองนั้น ไม่นานเกินรอหรอกค่ะสุนิศาได้ยินคำทายนายก็ยิ้มออกทันที ญารินไม่ได้เห็นเพื่อนรักยิ้มสดใสอย่างนี้มาตั้งแต่เลิกกับแฟน จึงพลอยทำให้เธอสบายใจไปด้วย

                    ในปีนี้ขอให้คุณสุนิศาทำอะไรก็ระมัดระวังด้วยนะคะ อย่าใจร้อน ให้ใช้เหตุผลในการแก้ไขปัญหา ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปได้ค่ะสุนิศาพยักหน้าหงึกหงักตามคำแนะนำของจีรภัทร

                    แล้วเพื่อนของคุณจะไม่ดูดวงหน่อยหรือคะ อุตส่าห์มาแล้วทั้งทีจีรภัทรยิ้มให้กับญารินที่ตอนนี้นั่งมองเธอตาโตไม่ต่างกับสุนิศาเมื่อสักครู่

                    ฉัน? ” ญารินชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เป็นเชิงถามจีรภัทร

                    ใช่ เธอนั่นแหละ มาแล้วก็ดูด้วยกันเลยเป็นสุนิศาที่ออกปากบังคับให้ญารินทำหน้าบูดยอมดูดวง

                    คุณอยากรู้เรื่องอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะจีรภัทรยังคงยิ้มให้ญาริน แต่เธอไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะยิ้มตอบด้วย

                    ไม่มีค่ะญารินตอบทิ้งหางเสียง จีรภัทรรู้ว่าเธอหงุดหงิดที่โดนบังคับโดยไม่เต็มใจ จึงพยายามจะเอาใจ ให้หายอารมณ์เสีย

                    หน้าที่การงานก็ดี สุขภาพก็ดี แหม! ดวงคุณนี่ท่าทางจะรุ่งนะคะคิ้วที่เคยขมวดเป็นปมก่อนหน้านี้ของญารินเริ่มคลายออก มุมปากเริ่มยกขึ้นนิดๆ แต่กลัวเสียเชิง จึงยังคงแกล้งหน้าตึงต่อ

                    คุณอยากรู้เรื่องความรักมั้ยคะจีรภัทรลองสะกิดต่อ

                    ก็....นิดหน่อยคำตอบของญารินทำเอาสุนิศากลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว ถ้าไม่ติดที่เพื่อนสาวส่งสายตาดุๆมาให้ เธอคงปล่อยก๊ากตอนนี้แน่

                    ค่ะ ขอเวลาสักครู่นะคะจีรภัทรยกมือขึ้นเหนือลูกแก้วอีกครั้งกับจะหลับตาลงเหมือนที่ทำเช่นครั้งแรก เมื่อลืมตาขึ้น คราวนี้จีรภัทรมองหน้าญารินนิ่งอยู่เกือบนาที ทำเอาคนถูกมอง เกิดอาการเขินจนต้องร้องเรียกสติคนตรงหน้าให้กลับคืนมา

                    หมอคะๆ เป็นอะไรคะ จ้องหน้าฉันอยู่นั่นแหละจีรภัทรที่ได้สติก็รีบปฏิเสธเสียยกใหญ่

                    ปะ...เปล่าค่ะที่เธอเห็นจากลูกแก้วนี่มัน....

                    แล้วเรื่องความรักของฉันเป็นยังไงบ้างแม้จะไม่ได้แสดงออกว่าอยากรู้ แต่มันก็แสดงออกมาทางน้ำเสียง จีรภัทรเริ่มเหงื่อตก มองหน้าญารินสลับกับลูกแก้ว ดูท่าทางญารินจะไม่มีรสนิยมแบบนั้น

                    น้องหมอจีจี้คะจีรภัทรสะดุ้งเพราะยังไม่รู้ว่าจะบอกญารินอย่างไร ตอนนี้ญารินคงอารมณ์ดีแล้ว เพราะเธอมีการตั้งชื่อน่ารักๆให้จีรภัทรด้วย

                    คือ ความรักเป็นเรื่องของหัวใจนะคะพี่คงเข้าใจ ความรักเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนที่มีความรู้สึกดีๆให้กัน ไม่จำเป็นที่จะต้องต่างเพศกัน เพราะฉะนั้นพี่ไม่ต้องไปกังวลนะคะ ถ้า...เอ่อ... คนรักของพี่อาจจะไม่ใช่ผู้ชายเมื่อพูดจบจีรภัทรก็แอบสังเกตสีหน้าของญาริน

                    ขออีกรอบได้มั้ยคะ อยู่สึกว่าพี่จะได้ยินน้องจีจี้บอกเหมือนกับว่าคนรักของพี่จะเป็น....เป็นอะไรนะคะ

                    เป็นผู้หญิงค่ะเมื่อสองหูได้ยินคำตอบชัดเจน ทำเอาญารินนั่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินก่อนจะวิ่งหนีออกจากร้าน โดยไม่ฟังเสียงเรียกของสุนิศาเลย เธอวิ่งจนมาถึงสวนสาธารณะที่ไม่ใกล้จากร้านนั้นเท่าไหร่ เพื่อมาปลดปล่อยความรู้สึกแย่ๆที่นี่

     

                    กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน

                    คนในสวนสาธารณะเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว แต่ทำอย่างไรญารินก็ไม่สามารถสลัดสิ่งที่ได้ยินมาออกไปจากหัวได้ เธอนั่งมองหญิงชายคู่หนึ่งที่เดินจูงสุนัขกลับด้วยกัน ช่างดูหวานชื่นกันเหลือเกิน

                    ไม่น้า กรี๊ดดดดญารินได้แต่ร้องกรี๊ดปลดปล่อยอารมณ์ที่สับสนนี้เพียงคนเดียว เพราะตอนนี้ในสวนสาธารณะไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากเธอคนเดียว

                    ไม่ๆๆ เป็นไปไม่ได้





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×