ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมฆสีหม่น

    ลำดับตอนที่ #1 : intro story

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 59


    "เอามันออกไป" เสียงนุ่มสั่งการบรรดาสาวใช้น้อยใหญ่ ที่ต่างพากัน ยืนก้มหน้าก้มตามองพื้นกระเบื้องสีขาว พวกเธอดูเกร็ง อย่างเห็นได้ชัด                                                                                  "ฉันบอกให้เอาอาหารสกปรกๆพวกนี้ออกไป ฉันไม่กิน ไอ้ของอะไร เชยๆแบบนี้หรอกนะ" มือนุ่มนิ่มกวาดถ้วยนํ้าแกงสีเขียวเหลืองที่วางบนโต๊ะ ไม้ลงด้านล่างกระจัดกระจายเรี่ยราดไปตามพื้น สีหน้าของเขายังคงเรียบ เฉย ไม่มีท่าทีว่าจะสะทกสะท้านในสิ่งที่ตนทำ ส่วนสาวใช้แม่บ้านทั้งหลาย ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเก็บเศษจานแตกและเช็ดคราบนํ้าแกงด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ     ใบหน้าหวานปนเศร้าดูมีความสุขกว่าที่เคยเป็น มันเป็นแบบนี้ในทุกๆ ครั้งที่เขาได้ข่มเหงใครสักคน         "ไอ้เมฆ" เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังในยามที่ขายาวสองข้างของ ร่างเล็กไขว้ทับกัน เสียงนั่นทำให้เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ออกมา                            

         "ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ นิสัยแกมันเหมือนแม่แกไม่มีผิด" ชายชรา  ร่างท้วมกระชับเสียงหนักแน่น เขาก้าวเข้ามาประชิดตัวเด็กหนุ่มเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดยืนตรงหน้า     "ไอ้หลานเวร 'ไอ้ม่านเมฆ' ทำไมไม่พูดล่ะ แกคิดจะเล่นสงครามประ สาทกับปู่หรือไง" 'ปู่วายุ' กดเสียงตํ่าลง      "ใช่" เด็กหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเล     "ไอ้นี่"           
                       "แล้วอย่ามาลามปามถึงแม่ผมด้วย แม่ผมไปทำอะไรให้ปู่หนักสมอง สองซีกหนักหนา"      "อย่ามายอกย้อน นิสัยเสียๆนี่มันแฝงอยู่ในดีเอ็นเอแม่แกรึไง ถึงได้ ตกทอดมาถึงแก"      "ผมไม่พูดก็ว่า พอพูดก็ว่า ผมจะบอกเลยนะถ้านิสัยแบบนี้มันอยู่สืบ ทอดมาจากกรรมพันธุ์ ผมคงได้มาจากคนแถวนี้ เฮ้อ!! คนแก่นี่เพี้ยนน่าดู แฮะ" เด็กหนุ่มเเสยะยิ้ม     "ไอ้เมฆ หยุดพูดเลยนะ แกมันก็เลวเหมือนแม่แกนั่นแหละ"     "หยุดด่าว่าแม่ผมสักทีเหอะ หันดูเมียตัวเองด้วยว่าร้ายขนาดไหน ทีแม่ผมโดนสับโขลกเป็นผักปลาทั้งที่เป็นสะใภ้น่ะ ยังไม่พูดสักคำ" ม่านเมฆขึ้นเสียงตะคอก เขาลุกพรวดจากเก้าอี้ไม้ตัวสวยที่นั่งอยู่ก่อนจะ  สาวท้าวยาวๆหนีไปแบบไร้มารยาท แม้มีเสียงเรียกตามหลังเขาก็ไม่สน      

    เขาเพียงต้องการหนีออกมาเพื่อทำให้ปู่'สุดที่รัก'ประสาทเสียเล่นๆ เพียงแค่ต้องการความสะใจที่สามารถปั่นหัวคนแก่เล่นได้  
         
                         
                    มือนุ่มควงพวงมาลัยรถหมุนด้วยความรีบร้อน  หัวรถบีเอ็มดับบลิวสี ขาวเลี้ยวเข้าโค้งไปตามท้องถนนที่เต็มไปด้วยรอยนํ้าตามพื้นราดยาง ทำ ให้ล้อกลมกระแทกของเหลวสีขุ่นมัวกระเด็นไปโดนเด็กถือกะลานั่งจอน จ๋ออยู่ริมถนน ตามมาด้วยเสียงด่าทอตามหลังของบรรดาผู้คนมากมายใน ละแวกไกล้เคียง  แต่...ม่านเมฆไม่สน ม่านเมฆไม่ได้ยิน ม่านเมฆไม่รู้ไม่ชี้ 
    ปั้ง~ ประตูรถหรูถูกปิดดัง คนหน้าหวานในตอนนี้ดูสภาพอารมณ์ดู จะแปรปวนเสียยิ่งกว่าเมฆฝนที่กำลังตั้งเค้ามา เขาก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า เพราะรองเท้าสีแสบตาอันโดดเด่นของเขาทำให้ใครหลายๆคนพากันจับ จ้องจะว่าไปม่านเมฆออกจะเป็นพวกแฟชั่นนิยม เขาชอบอะไรที่ทันสมัย และทำ ให้ตัวเองดูโดเด่นเสมอ และความเจิดจ้าโดดเด่นนั่นเองที่ทำให้เขา เป็นจุด สนใจของยายแก่ๆคนหนึ่ง     "พ่อหนุ่มจ๊ะ ไข่ทรงเครื่องมั้ยจ๊ะ อร่อยๆเลยนะป้าทำใหม่ทุกวัน" หญิงชราวัยค่อน 70 ยิ้มให้ชายตรงหน้าอย่างจริงใจ บ่าของเธอมีไม้คาน สั้นๆหาบของเร่ขาย ม่านเมฆยิ้มอย่างจริงใจตอบกลับ ก่อนจะเปลี่ยนเป็น แค่นหัวเราะในลำคอ       "ไม่เอา! ผมกินไม่เป็น" "ช่วยยายหน่อยเถอะนะ วันนี้ยายขายไม่ดีเลย นี่ก็จะมืดแล้ว" "ผมบอกว่าไม่เอาก็ไม่เอาสิ ยายนี่ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องรึไง ผมอ่ะ กินไม่เป็นหรอกนะ ของเร่ขายสกปรกสกปรกแบบนี้ จำไว้ทีหลังอ่ะ อย่า เที่ยวมาโฆษณาขายของแบบนี้ให้กับคนท่าทางรวยๆ เพราะเขาไม่กินกัน หรอกนะ" "บอกกันดีๆก็ได้หรอก ไม่ซื้อก็ไม่ซื้อ" คุณยายว่าให้คนตรงหน้าที่   ตอนนี้หันแผ่นหลังบางให้เดินจากไปเสียแล้ว ไม่ทันใดร่างเล็กก็ต้องหยุด ชะงักเมื่อคิดบางอย่างได้ เขาหันกลับไปหายายคนเดิมพร้อมรอยยิ้มอัน จอมปลอมของเขา "อ่อยาย! อยากได้นักใช่มั้ยเงินอ่ะ นี่เอาไป" ธนบัตรสีเทานับสิบแผ่น ถูกโปรยร่วงปลิวใส่ใบหน้าคลํ้าเหี่ยวย่น คุณยายยังคงนั่งอยู่ตรงที่เดิมท่าม กลางสายตาผู้คนมากมาย แต่...ม่านเมฆไม่เคยแคร์
    "ไอ้ม่านเมฆ ไอ้หลานเวร แกทำอะไรลงไป" นํ้าเสียงคุ้นหูดังมาจาก ด้านหลังของม่านเมฆเช่นเคย เขาไม่คิดว่าปู่จะตามมาเลยด้วยซํ้า "ปู่" "ก็เออสิวะ จะใครล่ะ แกขอโทษยายเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ" วายุชี้หน้า หลานชายอย่างเอาเรื่อง "ไม่ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด" เขายังคงเสียงแข็งเช่นเคย "ผิด! แกนั่นแหละผิดเต็มๆ" "มะ..ไม่" "ผมต้องขอโทษแทนหลานผมจริงๆนะครับ คือมันมีอาการ ทางจิตนิดหน่อย นี่ผมก็ออกมาตามมัน เอาเป็นว่าผมจะชดใช้ค่าเสีย เวลาให้คุณก็แล้วกันนะครับ ต้องขอโทษจริงๆผมไม่รู้จะชดใช้ค่า เสียความรู้สึกนี้ยังไง" ชายชราร่างท้วมหันไปขอโทษหญิงชรากว่า  อย่างนอบน้อมก่อนจะหันมาขึงตาใส่หลานชาย "ผมไม่ได้เป็นโรคจิตนะปู่" "คนเป็นโรคจิตที่ไหน เขาบอกว่าตัวเองโรคจิตฮะ" วายุเถียง "ไม่เป็นไรหรอกจ่ะ ฉันไม่ถือคนเสียสติ เอาเป็นว่าไม่ต้องชด ใช้อะไรก็แล้วกันนะ แค่ขอโทษก็พอใจแล้ว" "ปู่.." "กลับบ้าน" ว่าจบเเขนนุ่มนิ่มก็ถูกลากให้ไปที่รถ แต่เป็นรถที่ คุณปู่นั่งมาแต่แรก โดยรถของม่านเมฆนั้นคงต้องให้คนขับรถมา เอาไปทีหลัง
    กลับมาถึงตัวคฤหาสน์สีครีมที่แสนคุ้นเคย ม่านเมฆลงจากรถก่อน วายุเพื่อที่จะหาทางหนี แต่ไม่วายถูกต้องมนสะกดจากปู่คนเดิม "อย่าคิดจะหนีนะ ถ้าแกหนี รู้ใช่มั้ยว่าปู่เป็นคนยังไง" ร่างบางชะงัก กึกหันกลับมามองวายุอย่างขัดใจ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ และยอมตาม ชายชราไปในที่สุด ห้องโถงขนาดใหญ่กลางคฤหาสน์ถูกความเงียบเข้าปกคลุม สองคน หลานปู่นั่งโซฟาตัวตรงข้ามกัน ท่าทางไม่ค่อยถูกใจกันเท่าไหร่นัก "ไอ้เมฆ แกมันไม่รู้ภาษาอะไรเลย แกไปทำกับยายเขาแบบนั้นได้ไง" "ผมเบื่อ ผมอยากทำ" "หึ งั้นปู่ก็มีอะไรอยากจะทำเหมือนกัน" "อย่าเกี่ยวกับผมแล้วกัน" "เกี๋ยวกับแกเต็มๆ ฟังนะ" ทำไมผมต้องฟัง" "ไม่อยากฟังก็ตามใจ แต่ว่าปู่ยึด บ้าน คอนโด รถ บัตรเครดิต เงินในแบงค์ ระงับเอทีเอ็มของแกไว้หมดแล้วนะ" "งี้เง่าน่ะปู ปู่ทำแบบนั้นทำไม" ม่านเมฆเอ่ยเสียงเรียบ "ก็ถ้าแกอยากได้คืนนะ ต้องทำตามเงื่อนไขของปู่" "ปู่ผมถามว่าทำทำไม ไม่ใช่ให้ปู่มาพูดเงื่อนไขอะไร" "ดัดนิสัยแกไง แกมันห่วยแตก เวรชมัด ปู่จะส่งแกไปที่โรงเรียนดัด สันดาล" "ผมไม่เชื่อหรอกนะ ปู่พึ่งตามผมไปจะเอาเวลาไหน มายึดของผม" "ไม่เชื่อแกก็ลองไปเอาบัตรแกรูดดูสิ แม้แต่ห้องแกปู่ยังล็อกไว้แล้ว เลย ไม้เชื่อก็ขึ้นไปดู" "มันจะมากไปแล้วนะปู่ ของก็ของๆผม ปู่ยังจะมาทำแบบนี้อีก นี่จะไม่ ให้พื้นที่ส่วนตัวกันเลยหรือไง" "แกไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติอีกต่อไป เว้นเสียแต่แกจะทำตามเงื่อน ไขที่ปู่ตั้งขึ้นมา" "ปู่นี่มันจริงๆเลย" "ไม่ลองไปรูดบัตรดูก่อนเหรอ เดี๋ยวค่อยเชื่อปู่ก็ได้เดี๋ยวจะหาว่า หลอกกันอีก ว่าไงล่ะม่านเมฆ" ชายสูงวัยเลิกคิ้ว "..." "ฟังนะ ถ้าแกอยากได้สมบัติของแกคืน ก็กรุณาฟังและทำตามปู่ ปู่จะส่งแกไปอยู่ที่ๆหนึ่ง และจะให้แกลองลิ้มรสชาติของคำว่าชีวิตที่แท้ จริงดูว่สมันเป็นยังไง แกต้องไปทำงานกับเขาอยู่กับเขา ปู่จะให้เงินแกแค่ เดือนละ 2พันบาท..." "โถ่ปู่ วันละพันผมยังไม่พอใช้เลย" ม่านเมฆแย่งขึ้น "แกฟังให้จบก่อนสิวะ" "แกน่ะ กินอยู่กับเขา  ยังต้องใช้เงินทำอะไรอีก" "ถ้าแกไม่เอา ก็แล้วแต่นะเพราะถึงแกไม่ทำ ฉันก็ไม่ได้เป็นคนเดือด ร้อน แกตั้งหากล่ะ ที่จะเดือดร้อนฉ่าเลย" "ตกลงว่าไง ถ้าแกตกลงนะ ฉันจะได้ให้แม่บ้านเก็บกระเป๋าให้" "ก็แล้วผมมีทางเลือกด้วยเหรอ" "มีสิ ออกไปขอทานไง เหมาะดีนะ" วายุแสร้งหัวเราะ "เออ ตกลง" "ดี เสร็จเรื่องนี้แล้วฉันมีเซอร์ไพรซ์ใหญ่ให้แก โชคดีนะ 'หลานรัก' "
    สามสิบนาทีแห่งการรอ ทำให้คนตัวเล็กเริ่มเบื่อหน่าย เขาแกว่งเท้าไปมา บนโซฟาตัวยาวอีกทั้งยังเขี่ยโทรศัพท์เครื่องบางไปพลางๆ ไม่นานนักสาว ใช้ตัวโตโยนกระเป๋าลงบนแผ่นอกของคนเป็นนาย "เอาไปค่ะ" สาวใช้ว่า เธอคนที่ตอนแรกเอาแต่นอนสบายใจฉุนขึ้นมา ทันควัน "เธอกล้าดียังไงมาทำแบบนี้" "ขอโทษค่ะ แต่คุณท่านสั่งมา" เสียงเศร้าตอบกล้าๆกลัวๆ   "เธอว่าไงนะ" "ทะ...ท่านบอกให้คุณนอนที่นี่ เพราะท่านล็อกห้องคุณไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ คุณจะได้เดินทางแต่เช้าค่ะ" "งั้นเธอก็ออกไปได้แล้ว เกะกะสายตาฉัน ฉันจะนอน" 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×