Above the sky ... ท้องฟ้าวันนั้น ไม่เหมือนวันนี้
เด็กหนุ่มที่ใช้ชีวิตไปตามกลไกแวดล้อมของสังคมกับทนายหนุ่มที่หมดศรัทธาในการใช้ชีวิตเพราะสูญเสียซึ่งความรักต้องโคจรมาพบกัน และท้องฟ้าในวันนั้น ก็ไม่เหมือนกับท้องฟ้าในวันนี้อีกเลย
ผู้เข้าชมรวม
164
ผู้เข้าชมเดือนนี้
12
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ท่ามกลางพายุฝนที่เทกระหน่ำลงมาตั้งแต่ตอนที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกดิน รถออดี้สีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดจอดเปิดไฟกระพริบอยู่ริมฟุตบาทบนสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในรถยนต์คันหรูมีร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
ชรัณอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือซ้ำไปซ้ำมา
รัชต์… เราขอบคุณมากเลย สำหรับทุกๆอย่าง
ขอบคุณที่อยู่เป็นกำลังใจ
ขอบคุณที่คอยจับมือ คอยเช็ดน้ำตาเวลาเราร้องไห้
ขอบคุณ... ที่รักเรา
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นลงบนหน้าจอ ชายหนุ่มอ่านข้อความถัดไปด้วยดวงตาพร่ามัว
เราพิมพ์ข้อความหารัชต์ตอนที่เครื่องกำลังจะเทคออฟ เราตัดสินใจแล้วว่าจะไปใช้ชีวิตที่เหลือที่ไหนสักที่ที่ความเจ็บป่วยของเราจะไม่ทำให้ใครหลายคนต้องทุกข์ทรมาน เราทนเห็นทุกคนเจ็บปวดเพราะเราไม่ได้อีกแล้ว
เราไม่อยากทำให้รัชต์เจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้ว…
ชายหนุ่มปล่อยให้ทำนบน้ำตาไหลหลั่งออกมาโดยที่เขาไม่คิดจะขัดขวาง เสียงร้องสะอื้นปานจะขาดใจถูกกลบด้วยเสียงพายุฝนที่คงอยากจะช่วยชะล้างความเจ็บปวดของเขาให้หมดไป แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้
เขากับวีณาคบกันมาตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่เรียนอยู่ชั้นปีที่สามของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ จากนั้นหลังเรียนจบพวกเขาก็ได้งานที่กรุงเทพฯพร้อมๆกัน วีณาเข้ากับครอบครัวของเขาได้ดีรวมถึงตัวเขาเองก็เป็นที่รักของครอบครัวแฟนสาวเช่นกัน ทั้งคู่มีแพลนที่จะแต่งงานหลังจากคบกันมา 10 ปี แต่โชคร้ายที่หลายเดือนก่อน วีณาตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งกระดูกระยะที่สี่ แพทย์พยายามให้คีโมแต่เชื้อมะเร็งก็ยังไม่หยุดการแพร่กระจาย
สามอาทิตย์ก่อน
“กลับบ้านเรากันเถอะนะรัชต์” เสียงเล็กๆของแฟนสาวที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาลเอกชนใจกลางกรุงแห่งหนึ่งดังขึ้น
“อยู่ต่ออีกหน่อยเถอะนะณา หมอโชคบอกว่าจะมีเพื่อนที่เพิ่งเรียนจบด้านการให้คีโมสำหรับผู้ป่วยแบบณามาดูแลเคส หมอเขาเก่ง รักษาณาให้หายได้แน่นอน”
มือใหญ่กอบกุมมือเล็กๆของแฟนสาวเอาไว้พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน วีณายิ้มให้แฟนหนุ่ม เธอรู้ว่าชรัณอยากแสดงออกว่าตัวเองเข้มแข็ง แต่เธอรู้จักเขาดี
เธอรู้ตัวดีว่ามีเวลาเหลืออีกไม่มาก ผลจากการทำคีโมเพียงแค่ทำให้ผมบนศรีษะของเธอร่วงจนหมดเท่านั้น แต่ไม่ได้ทำให้อาการเจ็บแปลบในทุกครั้งที่ขยับตัวดีขึ้นเลย ยกเว้นก็ต่อเมื่อมีการฉีดมอร์ฟีนช่วยระงับ
เราอยากกลับบ้าน
*************************************************************
ปัจจุบัน
ชรัณอ่านประโยคสุดท้ายของข้อความ ปากบางเม้มเป็นเส้นตรง
เราอยากให้รัชต์มีความสุขที่สุด ยิ้มเยอะๆแบบรัชต์คนก่อน ^^ ไม่ใช่รัชต์คนที่แอบไปร้องไห้ในครัวบ่อยๆ ชรัณหลุดขำออกมากับประโยคนั้นของแฟนสาว
เราขอร้อง ... ลืมเราเถอะนะ
ชายหนุ่มฟุบหน้าลงไปกับพวงมาลัย ตอนนี้เขากำลังมืดแปดด้าน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะไปตามหาแฟนสาวได้ที่ไหน เขาพยายามโทรเช็คกับทุกสายการบินแล้วแต่ไม่มีสายการบินไหนให้ข้อมูลผู้โดยสารกับเขาได้เลย นอกจากเขาจะต้องไปแจ้งความทางการสายการบินจึงจะให้ความร่วมมือได้
เสียงเคาะกระจกรถทำให้ชรัณตื่นจากภวังค์ ตอนนี้ฝนเริ่มจะหยุดตกแล้วแต่ยังคงโปรยปรายอยู่บ้าง ชายหนุ่มพยายามเพ่งมองว่าใครที่มาเคาะกระจก หรือว่าจะเป็นตำรวจ?
กริชบอกให้ฐากรจอดรถมอเตอร์ไชค์ยี่ห้อฟีโน่ ที่ถ้าขี่ผ่านด่านตรวจคงถูกเรียกให้จอด เด็กหนุ่มอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียนวัดในละแวกนี้ วันนี้เขามีนัดส่งของที่นี่ ไอ้เหี้ยพี่เต๋าก็ไม่เสือกระบุยี่ห้อรถ กูจะไปหาลูกค้าเจอได้ยังไง กริชคิดก่อนที่จะมาเจอรถออดี้สีขาวเพียงคันเดียวที่จอดอยู่บนสะพาน
น่าจะคนนี้แหละ เพราะของแพงมันก็ต้องคู่กับคนมีเงินเป็นธรรมดา
คนในรถลดกระจกลง เด็กหนุ่มก้มหน้าลงไป
“พี่เต๋าให้มาส่งของ”
“ของอะไร?” กริชกวาดสายตามองผู้ชายหน้าตาดีที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย เสื้อเชิ้ตสีขาวพับมาถึงข้อศอกกับกางเกงแสล็คสีดำ กริชเดาว่าคงเป็นพนักงานระดับสูงในบริษัทไหนสักแห่ง
“ไม่ได้สั่งหรอ?” รัชต์มองเด็กหนุ่มผมรองทรงในชุดนักเรียน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว สามชั่วโมงกว่าที่เขามาจอดรถบนสะพานแห่งนี้
ประเด็นคือไอ้เด็กนี่มาทำอะไรบนสะพานตอนเที่ยงคืน? และอะไรคือของที่มันว่า?
*************************************************************************
ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ^^
ผลงานอื่นๆ ของ Chippie Caline ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Chippie Caline
ความคิดเห็น