คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER VIII
คิมทั้งสี่ก็ถูกพาเข้ามาในห้องสีขาวสะอาด มีโต๊ะหินอ่อนสีขาวสะอาดตั้งอยู่ตรงกลางห้อง
รอบข้างไม่มีอะไรนอกจากผนังสีขาวและทั้งห้องประดับด้วยไฟสีทอง เพียงแค่นั้น..
“นั่นมันนายใช่ไหมจงแด เหมือนกันเป๊ะเลย
เหมือนในรูปที่เราเจอนั่นด้วย” มินซอกถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนตอนนี้ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยแม้แต่คนเดียว
“นั่นไม่ใช่ฉัน คนนั้นเขาเป็นคนจีน ชื่อเฉิน
แซ่ฟู่ ซึ่งตอนนั้นเขาอายุ 37 และฉันอายุแค่ 24 เองนะ”
จงแดแย้งขึ้นด้วยความไม่แน่ใจนัก
“อะไรก็เป็นไปได้นะ เราเป็นกำพร้า
ไม่มีใครรู้อายุที่แท้จริงของเราหรอก ไม่แน่นายอาจจะแก่กว่าอายุที่นายเข้าใจก็ได้ 37 เหรอ..
ดูจากหน้าแล้วก็เป็นไปได้นี่” จงอินแหย่ด้วยรอยยิ้มแหยๆ
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาพูดติดตลกทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกตลกจริงๆ
“แต่เซฟนี้มันเช่าไว้ 40 ปีแล้วนะ ถ้าเกิดว่าเป็นตอนนี้ คุณปู่เฉินก็ต้องอายุ 77 แล้วสิ
ไม่มีทางเป็นแฝดของจงแดไปได้หรอกน่า” มินซอกเอ่ยแย้งจงอิน
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจงอินไม่ได้ต้องการเหตุผลหรอก เพียงแค่อยากจะแกล้งจงแดเท่านั้น
“ผมว่าเรามาดูเซฟกันดีกว่าครับ
เผื่อจะได้คำตอบอะไรมากขึ้น” เป็นจุนมยอนที่ยุติการโต้เถียงเล็กๆ เหล่านั้น
เมื่อพนักงานได้นำหีบเหล็กใบใหญ่พอๆ กับกระเป๋าเดินทางมาวางเอาไว้ที่กลางโต๊ะหินอ่อน
ทุกคนจึงกลับมาสนใจสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น
“นี่คือตู้เซฟของคุณครับ
ขอเชิญตรวจสอบได้ตามสะดวก คุณสามารถใช้ห้องนี้นานเท่าไหร่ก็ได้
และสามารถนำของในเซฟออกไป หรือเพิ่มเข้าไปในเซฟได้โดยที่ไม่ต้องแจ้งให้เราทราบล่วงหน้า
หากว่าคุณต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม กรุณากดปุ่มตรงนั้น
แล้วจะผมจะเข้ามาดูแลทุกท่านครับ” พนักงานชายในเครื่องแบบพูดจบ
ก็โค้งคำนับแล้วเดินออกจากห้องไป
จงแดที่นั่งอยู่ตรงหน้าหีบเหล็กขนาดใหญ่
ก็เป่าปากออกมาเพราะความตื่นเต้น ตรงหน้านั้นมีคำตอบของคำถามอยู่
จงแดรู้ดีว่านี่ยังไม่จบลง เพียงแต่.. เขากำลังเข้าใกล้คำตอบมากขึ้นอีกก้าว
“พร้อมไหมจงแด
คำตอบเรากำลังตามหาอยู่ตรงหน้าคุณแล้วนะ
ผมไม่ว่าอะไรนะถ้าคุณอยากให้พวกผมออกไปก่อน” จุนมยอนยื่นมือมาตบที่บ่าของเขาเบาๆ
พร้อมด้วยรอยยิ้มอบอุ่นในแบบฉบับของเขา จงแดเงยหน้าขึ้นมองทุกคนที่ยืนรายล้อมเขา
จงแดเห็นว่าทุกคนพยักหน้าตอบกลับเขามาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ครับ ผมอยากให้ทุกคนอยู่ด้วย”
จงแดกลืนน้ำลายในขณะที่เลื่อนหีบเหล็กตรงหน้ามาใกล้ตัว แล้วจัดการเปิดออกอย่างช้าๆ “เออนั่นไง.. ว่าแล้วเชียว”
จงแดกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย เมื่อพบว่าในหีบเหล็กนั้นมีกระเป๋าเอกสารสีดำซ่อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง พร้อมด้วยกุญแจล๊อค ซึ่งเป็นแบบรหัสตัวเลขจำนวนสี่หลัก
“มีแต่ปริศนา คู่แฝดของนายนี่ต้องชอบเล่นเกมส์แก้ปริศนาน่าดู” จงอินถอนหายใจออกมาเบาๆ ซึ่งตามจริงเขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่านี่ต้องเป็นปริศนาที่แก้อีกปริศนาหนึ่งไปเรื่อยๆ อีกตามเคย
“นั่น มีจดหมายแนบเอาไว้ด้วย”
มินซอกที่เพิ่งสังเกตซองจดหมายเล็กๆ ที่เหน็บไว้หมิ่นเหม่ที่ขอบกระเป๋า
จนกระทั่งเขาดึงมันออกมายื่นให้จงแดเปิดออกอ่าน
“รหัสจะสามารถไขได้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น
หากเกินกว่านั้น ความลับจะเป็นความลับตลอดกาล” จงแดอ่านข้อความที่ปรากฏในจดหมาย
ก่อนจะกลอกตาด้วยความเหนื่อยหน่าย เมื่อรหัสที่ต้องไขนั้น เยอะมากเกินไป
ถ้าเทียบกับความทรงจำที่พวกเขามีหรือเคยพบเจอ
“แปลว่าเราจะลองสุ่มไปเรื่อยก็คงไม่ได้สินะ”
จุนมยอนกัดริมฝีปากด้วยครุ่นคิดถึงรหัส ซึ่งใครจะคาดเดาได้ว่าเป็นเลขอะไร
ในเมื่อตัวเลขทั้งหมดทั้งมวลบนโลกนี้หากนำมาจัดเรียงกันให้ได้สี่หลัก
ก็คงจะได้เป็นล้านๆรหัสได้
“มีโอกาสแค่สามครั้ง ในขณะที่เราไม่รู้อะไรเลย”
จงแดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน จนมินซอกต้องยกมือขึ้นบีบที่บ่าของเขาเบาๆ
เป็นเชิงให้กำลังใจ
“ไม่เป็นไรหรอกจงแด เรามาถึงตรงนี้ได้ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เราเองก็ไม่รู้อะไรเลยเหมือนกันนี่นา
เพราะงั้นอย่าเพิ่งท้อเลยนะ” มินซอกเอ่ยปลอบจงแดเบาๆ
ในขณะที่จุนมยอนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ผมว่าเราเอากระเป๋านี่กลับไปดีกว่า
แล้วค่อยคิดหาทางเปิดมันทีหลัง โอกาสมีสามครั้งนี่นา ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลยซักหน่อย”
จุนมยอนยิ้มให้ทั้งสามคนอย่างให้กำลังใจ ซึ่งนั่นช่วยได้มากทีเดียวในเวลานี้
ในโลกนี้มีเพียงแค่สี่คนเท่านั้นที่เข้าใจสถานการณ์ของพวกเขา
และอย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่มีใครยอมแพ้ถึงแม้ว่าการหาคำตอบแต่ละข้อนั้นช่างยากเย็นแสนเข็ญ
นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่พวกเขายังไม่ยอมยกธงขาวกันไปก่อน
“งั้นเรากลับกันเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว”
จงแดพยักหน้าพร้อมทั้งเอ่ยชักชวนให้ทุกคนกลับบ้าน
ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าตอบกลับอย่างเห็นด้วย จงแดจึงหยิบกระเป๋าปริศนาออกมาจากหีบ
“โอ๊ะ” แต่หลังจากที่ดึงกระเป๋าออกจากหีบ
จงแดก็ได้พบกับซองกระดาษสีน้ำตาลซองหนึ่งอยู่ด้านใต้นั้น
“นั่นมันอะไรน่ะ” จงอินเป็นคนหยิบซองกระดาษนั้นขึ้นมาจากก้นหีบ
ก่อนที่จะพลิกดูอย่างสนใจ จึงได้พบว่าซองนั้นไม่ได้ถูกปิดผนึกเอาไว้ และมันบรรจุอะไรสักอย่างที่ดูคล้ายกับสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ
หรือไม่ก็พาสปอร์ต
“ซองนี่ก็ของนายว่ะ ดูดิ
มันเขียนที่หน้าซองไว้ว่า สำหรับคิมจงแดเท่านั้น ว้าว.. เขารู้ชื่อนายได้ไง ความจริงแล้วนายต้องเป็นฝาแฝดกับอิตาลุงเฉินนั่นแน่ๆ”
จงอินหัวเราะออกมาเบาๆ
ก่อนจะยื่นซองนั้นให้กับจงแด ทั้งสี่คนที่กำลังจะเดินออกจากห้อง
จึงได้กลับมานั่งล้อมรอบโต๊ะอีกครั้งหนึ่ง
จงแดยื่นมือไปรับซองกระดาษนั้นแล้วเปิดออก จึงได้พบว่าด้านในมีสมุดบัญชีธนาคารอยู่หลายเล่ม
“อะไรกันวะเนี่ย.....”
จงแดหยิบกองสมุดบัญชีธนาคารนั้นออกมาวางบนโต๊ะเย็นเฉียบ ก่อนที่เขาจะหยิบเล่มหนี่งในกองนั้นขึ้นมาเปิดออก
ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นชื่อของตนเองในหน้าแรกนั้น
‘บัญชีเงินฝาก ฟู่ เฉิน เพื่อ คิม จงแด’
“พระเจ้า...”
จงแดอุทานถึงพระเจ้าที่เขาไม่เคยเชื่อและไม่เคยศรัทธา
เมื่อสิ่งที่เขาได้เจอตอนนี้มันเป็นเรื่องตลกร้ายและมีอารมณ์ขันที่สุดที่พระเจ้าจะคิดได้
คิม จงแดผู้ซึ่งไม่เคยมีเงินในบัญชีเงินฝากเกิน
5 หลัก แต่ในตอนนี้เขาแทบจะนับเลขศูนย์ที่อยู่ในสมุดเงินฝากนั้นแทบไม่หวาดไม่ไหว
เขาได้แต่คิดว่าถ้านี่เป็นความฝันก็ขอให้เขารีบตื่นซักที
“นี่มันไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะ สมุดบัญชีทุกเล่มตรงนี้
เป็นบัญชีที่คุณเฉินฝากไว้ให้นายหมดเลย”
เมื่อจงอินพูดแบบนั้น
ทั้งมินซอกและจุนมยอนจึงรีบหยิบสมุดบัญชีที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาเพื่อดู
ซึ่งก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่า สิ่งที่จงอินพูดไม่ใช่เรื่องโกหก
...........................
ทั้งสี่คนตกอยู่ในความเงียบ
ต่างคนต่างมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่จุนมยอนจะเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ซึ่งทำเอาทุกคนขำพรืดออกมาด้วยความขัน
“งั้นคราวนี้.. คุณต้องเป็นฝ่ายเลี้ยง
พิซซ่าพวกเราแล้วนะ คิม จงแด”
---------------- 50% ----------------
ความคิดเห็น