คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER VII
“โว้ยย 18/8…มันอยู่ตรงไหนกันวะเนี่ย”
จงอินบ่นอย่างหัวเสีย
ในขณะที่พวกเขาทั้งสี่คนเดินทางมาตามที่อยู่บนแผ่นกระดาษ
จุนมยอนถือกระดาษในมือด้วยความหงุดหงิด จนกระดาษนั่นเริ่มจะยับยู่ยี่ตามแรงขยำ
พวกเขาทั้งสี่คนเดินวนเวียนอยู่กันอยู่ที่ถนนอัพกูจองนานร่วมชั่วโมงแล้ว
แต่ไม่มีวี่แววของบ้านเลขที่ 18/8 หรือสถานที่ใดๆที่ปรากฏตามแผ่นกระดาษเลยซักนิด
“มันจะหายไปเฉยๆได้ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอกน่า”
มินซอกมองซ้ายขวา หาเบาะแสรอบๆ แม้ว่าพวกเขาจะพยายามมาร่วมชั่วโมงแล้วก็ตาม
“หรือว่ากระดาษนี่จะหลอกพวกเรามาตั้งแต่แรก?”
จุนมยอนเลิกคิ้วและลอบถอนหายใจอย่างหน่ายๆ
“18/7 เป็นโรงแรมหรู ส่วน 18/9 เป็นร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่
แล้วไหนล่ะ 18/8?” จงอินเริ่มหน้างอด้วยความหงุดหงิดแล้ว
เขานั่งลงที่ฟุตบาทข้างทางก่อนจะซุกมือเข้ากับเสื้อโค้ทตัวหนาแล้วถอนใจด้วยความเบื่อหน่ายเป็นครั้งที่สามสิบสามของวันนี้
“โรงแรมนั่น เลขที่ 18/7 คุณไม่รู้จักใครที่พอจะถามได้เลยเหรอ?
พวกเราเข้าไปพักกันหน่อยดีไหม? ผมหนาวจะตายอยู่แล้ว”
จงแดในเสื้อโค้ทกันหนาวเก่าของเขาถอนหายใจออกมา
พร้อมทั้งยกกระป๋องโค้กขึ้นซดด้วยความอ่อนเพลีย
อากาศหนาวๆที่พวกเขาต้องพบเจอตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยจริงๆ
ซึ่งทั้งสี่คนก็พยักหน้าเห็นด้วย
“อ่า.. งั้นเราเข้าไปที่โรงแรมนั่นกันดีกว่า ผมเคยใช้บริการโรงแรมนี้นะ
ในนั้นมีคาเฟ่เล็กๆ อยู่ด้วยที่ชั้นล่าง
เราไปดื่มกาแฟแล้วนั่งคิดกันเถอะว่าจะเอายังไงต่อ” จุนมยอนชี้เข้าไปที่โรงแรมตรงหน้า
ทำเอาจงแดบ่นอุบเบาๆ ด้วยความเซ็ง “ความจริงคุณควรจะพูดแบบนี้ตั้งนานแล้วนะ
บ้าจริง ตอนนี้มือผมแข็งไปหมดแล้ว”
“เอาน่าจงแด อย่าเพิ่งบ่นเลย
เข้าไปข้างในกันเถอะนะ” มินซอกยื่นมือมาจับแล้วพาจงแดลากเข้าไปในโรงแรมหรูตรงหน้า
ที่ดูเหมือนว่าบรรยากาศภายในคงอบอุ่นเหมือนสวรรค์
ซึ่งก็ไม่ได้ต่างไปจากที่พูดเลย
ทั้งสี่คนใช้เวลาที่แสนเปล่าประโยชน์ ด้วยเครื่องดื่มร้อนที่จุนมยอนสั่งมาเลี้ยงพวกเขา
ถึงแม้ว่าจะเป็นการพูดคุยที่จับทิศทางอะไรไม่ได้และไม่มีสาระใดๆเลยก็ตาม
จงแดก็อบอุ่นและพึงพอใจอย่างมากกับโกโก้ร้อนในมือของเขาตอนนี้
“มันแปลกมาก นายคิดว่าเราควรจะทำยังไงกันต่อดี?”
จงอินหันมาถามจงแดอย่างขอความเห็น
และจงแดที่อารมณ์ดีขึ้นมากแล้วก็พยักหน้าราวกับใช้ความคิด
“หรือว่าเราจะเอาที่อยู่นี้ไปถามที่สำนักงานเทศบาล?”
จงแดเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจนัก
“ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนะ
ยิ่งถ้าหากว่ามันเป็นสถานที่ๆต้องการปิดบังไว้ไม่ให้ใครหาเจอง่ายๆ อย่างนี้ล่ะก็
ผมว่าการทำอะไรอย่างนี้มันดูจะโจ่งแจ้งและอันตรายมากไป” จุนมยอนให้ความเห็น
ก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบเบาๆด้วยท่าทีครุ่นคิด
“ถ้าอย่างนั้นแล้วเราจะหามันเจอได้ยังไง
หรือเป็นไปได้ไหมว่าที่อยู่ในนี้จะผิด?” มินซอกถามขึ้น
ก่อนจะหยิบเอาแผ่นกระดาษที่ยับยูยี่ขึ้นมาพิจารณาอีกทีอย่างไร้ประโยชน์
“ถ้ามันผิดจริง
แปลว่ากระดาษแผ่นนี้ก็ช่วยหาคำตอบอะไรให้เราไม่ได้เลย” จงอินกลอกตาอย่างเอือมระอา
แต่เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าช็อกโกแลตร้อนช่วยให้อารมณ์ของพวกเขา ไม่ดิ่งจนน่ากลัวเหมือนตอนที่อยู่ด้านนอกนั้นอีกแล้ว
“อ้าว นั่นคุณจุนมยอนนี่นา” จู่ๆ ก็มีเสียงทักทายดังขึ้นจากที่ไกลๆ
ซึ่งดึงความสนใจของทุกคนให้หลุดจากห้วงความคิดให้หันไปหาผู้ใหม่ได้อย่างง่ายดาย
“อ้าว สวัสดีครับคุณลียองเอ อ่า...ทุกคนครับ นี่คุณลียองเอ เธอเป็นผู้จัดการที่โรงแรมนี้น่ะ”
จุนมยอนลุกขึ้นทักทายหญิงสาวผู้มาใหม่ ก่อนที่จะแนะนำเธอให้พวกเขาทั้งสี่คนด้วย
เธอส่งยิ้มหวานกวาดให้กับทุกคนบนโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ใช่ค่ะ
ฉันเป็นผู้จัดการที่นี่ ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อของคุณจุนมยอนเชียวแหน่ะ
หวังว่าท่านจะสบายดีนะคะ” เธอเอ่ยพลางยิ้มหวาน
“ครับ คุณพ่อสบายดี
ช่วงนี้ท่านไปพักผ่อนอยู่ที่อังกฤษน่ะครับ” จุนมยอนตอบไปพร้อมรอยยิ้ม
“ดีจังเลยค่ะ น่าอิจฉาจริงๆ
ดิฉันเองก็อยากจะไปพักผ่อนบ้างจัง
ว่าแต่...มาทำอะไรที่นี่คะคุณจุนมยอน มีสัมมนาหรือคะ?” ยองเอถามขึ้นด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“อ่า.. เปล่าหรอกครับ พอดีเรามีธุระแถวนี้ แต่พอดีพวกเรา
เอ่อ.. มีปัญหานิดหน่อย” จุนมยอนตอบคำถามด้วยท่าทางเงอะงะ
“หือ มีปัญหาอะไรหรือคะ
มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า?” ยองเอเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มกว้าง
ต่างจากจุนมยอนที่เริ่มจะอึกอัก เพราะเขาไม่รู้จะอธิบายต่อยังไงให้ไม่โจ่งแจ้ง
“เอ่อ.. คือ.. ” จุนมยอนอึกอัก
“ถ้าพี่คนสวยรู้ว่า บ้านเลขที่ 18/8 อยู่ที่ไหน ก็จะช่วยพวกผมได้มากเลยล่ะครับ แต่คิดว่าพี่คงไม่รู้แน่ๆ เพราะพวกผมหากันมาเป็นชั่วโมงแล้วยังหาไม่เจอเลย” จงแดโพล่งขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
ซึ่งทำให้ทั้งวงสนทนานั้นชะงักงัน ตามมาด้วยจงอินที่ถลึงตาใส่จงแด พร้อมกับด่าเขาโดยไม่มีเสียง
ซึ่งอ่านปากได้คำว่า “ปัญ-ญา-นิ่ม-เอ๊ย”
จงแดที่เพิ่งรู้ว่าตนเองถามอะไร ‘โจ่งแจ้ง’
แบบที่จุนมยอนได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ก็เบิกตากว้าง ก่อนจะเอี้ยวตัวหนี เมื่อมินซอกยกมือมาฟาดเขาที่ต้นแขนเบาๆอย่างคาดโทษ
“ถ้าคุณหมายถึง ธนาคารหมายเลข 18/8 ล่ะก็ ดิฉันทราบและรู้จักดีค่ะ.. ”
กริบ..... ทั้งสี่คนเบิกตากว้าง ก่อนที่ความเงียบจะเป็นคำตอบที่บอกยองเอว่า พวกเขากำลังอึ้งแค่ไหน
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ต่างจากน้ำเสียงร่าเริงก่อนหน้านี้ รอยยิ้มหวานของเธอหุบลงแทบจะทันที ซึ่งทำให้คิมทั้งสี่คนหายใจไม่ทั่วท้องนัก เมื่อเธอปรายตามองทุกคนด้วยสายตาที่ประเมินไม่ได้
“ฉันรู้จักดี เพียงแต่.. ดิฉันไม่คิดว่าพวกคุณทั้งหมดตรงนี้ควรจะรู้จัก
ยกเว้นแต่คุณพ่อของคุณจะได้บอกข้อมูลนี้กับคุณแล้ว ซึ่งเป็นอย่างนั้นใช่มั้ยคะคุณจุนมยอน”
ลียองเอปรายตามามองจุนมยอนอย่างไม่แน่ใจนัก ซึ่งเมื่อจุนมยอนได้ยินดังนั้นก็ได้เออออไปกับข้อมูลที่ยองเอพูดถึง
“เอ้อ.. ใช่ครับใช่ พ่อผมเพิ่งจะพูดถึงมัน เพียงแต่ว่า.. ตอนที่เขาบอกเรื่องนี้เรากำลังเฟซไทม์กัน สัญญาณไม่ค่อยดีนัก ผมเลยได้ข้อมูลแค่ที่อยู่และถนน ส่วนรายละเอียดอื่น ผมไม่ทราบเลย” จุนมยอนพูดแถไปอย่างนั้น ซึ่งนั่นก็ดูสมเหตุสมผลที่สุดเท่าที่คิมทั้งสี่พอจะคิดได้
จงแดร้อง ‘ว้าว’ ออกมาเบาๆ ด้วยความทึ่ง เชื่อเถอะว่าถ้าไม่มีคิมจุนมยอนมาด้วย พวกเขาคงไม่มีวันหาที่นี่เจออย่างแน่นอน
- 70% -
คิมทั้งสี่คนเดินตามยองเอลงมาที่ห้องเก็บไวน์ชั้นใต้ดิน ซึ่งมืดทึมและดูไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ๆยองเอเรียกว่า
‘ธนาคารหมายเลข 18’
“คุณจุนมยอนแน่ใจนะคะ ว่าจะพาเพื่อนๆ
เข้าไปที่ตู้เซฟของคุณด้วย?” ยองเอหันมาถามก่อนจะปรายตามองมายัง จงอิน จงแด
และมินซอกอย่างช้าๆ
“อ่า.. ใช่ครับ พวกเราไม่มีความลับต่อกันอยู่แล้ว
หวังว่าคุณยองเอจะไม่มีปัญหานะครับ”
จุนมยอนตอบคำถาม
“ถ้าคุณไม่มีปัญหา ดิฉันก็ไม่มีหรอกค่ะ ตามที่คุณบอก.. คุณน่าจะไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับที่นี่มากนัก เพราะฉะนั้นดิฉันจะอธิบายคร่าวๆ ระหว่างที่ลิฟต์พาเราลงไปชั้นใต้ดินนะคะ”
ยองเอพูดด้วยเสียงเรียบ
แฝงด้วยรอยยิ้มหวาน ที่ตอนนี้ทั้งหมดเพิ่งเข้าใจว่าประมาทรอยยิ้มสวยนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
“ธนาคารหมายเลข 18/8 จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
เรามีการเปลี่ยนที่ตั้งเรื่อยๆ ทุกๆสามสิบปี เพียงแต่จะยึดหมายเลขเดิมคือ 18/8
นั่นหมายความว่า.. หากหลังจากนี้เราส่งจดหมายไปถึงคุณเพื่อแจ้งที่ตั้งใหม่
ขอให้คุณมาตามถนนและเมืองที่เราบอก แต่เราจะยังอยู่ชั้นใต้ดินหมายเลข 18/8 เช่นเดิม”
หลังจากประโยคนี้
ชั้นวางขวดไวน์หรูริมกำแพงก็เริ่มเลื่อนออกไปทางด้านข้าง เผยให้เห็นห้องรับรองสีขาวสะอาดตา
มีโซฟาสองถึงสามตัวตั้งอยู่ และด้านหลังนั้นก็คือลิฟต์สีทองอร่าม
ซึ่งดูไม่น่าเชื่อว่ามันจะตั้งอยู่ที่นี่ได้
ในทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามาในห้องรับรอง
กำแพงชั้นไวน์ก็เลื่อนปิดโดยอัตโนมัติ ยองเอเดินนำพวกเขามาที่หน้าลิฟต์
ก่อนจะหยิบแท่งลิปสติกขึ้นมาเปิด พวกเขาพบว่าในแท่งนั้นไม่ใช่ลิปสติก
แต่กลับเป็นแท่งแหล็กเรียวยาวที่แกะสลักเป็นรูปบาร์โค้ด ที่เมื่อวางไว้ที่แท่นสแกนตรงหน้าลิฟต์
ลิฟต์สีทองก็เปิดออกเองโดยอัตโนมัติ
“พระเจ้า.. นี่มันสุดยอด” จงอินเอ่ยออกมาเบาๆ
ด้วยความทึ่ง เพราะเมื่อทุกคนเข้ามาในลิฟต์ ก็มีระบบเซ็นเซอร์สีแดงสแกนใบหน้าของพวกเขาทันที
“ธนาคารนี้ถูกเปิดขึ้นเพื่อเก็บข้อมูลสำคัญ อาจเป็นพิมพ์เขียว วิดีโอเทป แผนข้อมูลธุรกิจสำคัญ บันทึกประวัติศาสตร์ พินัยกรรมฉบับจริง หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่ทรัพย์สิน ที่นี่ไม่มีการรับฝากเงิน, ทอง, หรือเครื่องเพชร หรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่า
ผู้ที่มาใช้บริการส่วนมากจะเป็นคนที่ทางเราส่งให้บัตรเชิญเท่านั้น
เช่นพวกนายทหารระดับสูง ท่านประธานาธิปดี หรือแม้กระทั่งคนในราชวงศ์ต่างๆ
และพวกนักธุรกิจชั้นแนวหน้า ที่เราเห็นว่าเหมาะสมที่จะครอบครองตู้เซฟเท่านั้นค่ะ
และสำหรับคุณจุนมยอน... เรามีแผนจะส่งบัตรเชิญให้คุณในปีหน้า เพราะว่าตู้เซฟที่ธนาคารของเรามีจำกัดค่ะ
จากข้อมูลการจัดสรรเราจะมีตู้ว่างถึงสามตู้ในปีหน้า
เราเลยยังไม่ได้ส่งบัตรเชิญให้กับคุณจนป่านนี้ แต่ถ้าหากโชคดี
มีท่านนายพลหรือทางราชวงศ์บอกปฏิเสธตู้เซฟ ทางเราจะรีบส่งจดหมายให้กับคุณทันที”
ยองเอหันมายิ้มหวานส่งให้กับจุนมยอน ซึ่งตอนนี้จงแดบอกได้เลยว่าจุนมยอนกำลังงุนงงอย่างที่สุด และไม่รู้เลยว่าควรจะตอบกลับหญิงสาวด้วยหน้าตาแบบไหน “อ่า..ครับผม ยังไงก็รบกวนด้วยนะครับ”
“โอ๊ะ..
มีคนทำงานอยู่ด้วยนี่นา” มินซอกเอ่ยขึ้นมาอย่างประหลาดใจปนตื่นเต้น เพราะเมื่อทันทีที่ลิฟต์เปิดออก พวกเขาก็ได้พบกับห้องโถงกว้างโล่งดูสะอาดตา มีเคาท์เตอร์สีทองอร่ามใหญ่โตตั้งอยู่ที่ตรงกลางห้อง
พร้อมด้วยพนักงานหนุ่มสองคนที่ใส่เครื่องแบบคล้ายคลึงกับพวกทหาร
หากแต่เสื้อผ้านั้นเป็นผ้าไหมสีน้ำเงินสวยงาม และพวกเขามีรอยยิ้มดูเป็นมิตร
“แจ้งได้เลยค่ะคุณจุนมยอน
ว่าต้องการเปิดตู้เซฟหมายเลขอะไร.. คุณพ่อคุณได้ให้ข้อมูลมาไหมคะว่าจะเรียกเปิดตู้เซฟยังไง” ลียองเอถามด้วยรอยยิ้มหวานแบบที่สามารถละลายใจชายในเกาหลีได้ครึ่งค่อนประเทศ จงแดคิดแบบนั้นอยู่ในหัว แต่สถานการณ์ดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่จะพูดออกไป
“เอ่อ..
ความจริงแล้ว คุณพ่อผมไม่ได้วานให้ผมมาที่นี่หรอกครับ
แต่เป็นเพราะพวกผมได้รับจดหมายให้มาที่นี่” จุนมยอนตอบไปตามความจริง
เพราะเมื่อถึงจุดนี้แล้วพวกเขาก็ไปต่อกันไม่ถูก
ทั้งสี่คนต่างส่ายหน้าเป็นพัลวัน เมื่อไม่รู้วิธีที่จะเรียกตู้เซฟออกมาได้
“เอ๊ะ.. แปลกจริง แล้วใครเป็นคนส่งจดหมายมาคะ
ไม่ได้บอกรายละเอียดไว้หรือ” ยองเอถามด้วยความแปลกใจ
“ไม่มีครับ ในข้อความบอกไว้เพียงแค่ที่อยู่เท่านั้น”
มินซอกตอบพร้อมทั้งยื่นกระดาษที่ยับยู่ให้ยองเอดู
“แล้วจดหมายนี้ถูกส่งมาให้ใครคะ?” ยองเอถามต่อ
“ไม่มีใครส่งมาครับ
เพียงแต่มันซ่อนอยู่ใต้เตียงของผม.. ผมบังเอิญพบมัน
และคิดว่ามันน่าจะมีข้อมูลอะไรบางอย่างที่มีประโยชน์กับพวกเราได้”
จงแดตอบพร้อมทั้งขมวดคิ้ว เมื่อเธอส่งคืนจดหมายมาให้เขาพลิกหน้าพลิกหลัง เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมที่จะใช้เปิดเซฟ
“โดยปกติแล้วตู้เซฟจะมีวิธีเรียกที่ต่างกันออกไปค่ะ เช่นของฉันจะมีบาร์โค้ดอยู่ในแท่งลิปสติก
อย่างของคุณพ่อของคุณจะใช้แหวนที่มีชื่อสลักด้านในแหวน น่าจะเป็นวงเดียวกันกับที่คุณใส่อยู่นะคะคุณจุนมยอน" เธอปรายตามองแหวนเงินในมือของจุนมยอนปราดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ "แต่ถ้าไม่ได้มาเปิดตู้ของคุณพ่อคุณ
แล้วพวกคุณจะใช้อะไรในการเปิดล่ะ”
ยองเออธิบายพร้อมกับทิ้งคำถามไว้ให้ทั้งสี่คนได้ขบคิด
ก่อนที่จงแดจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง
“งั้น.. งั้นถ้าเป็นนี่ล่ะ รอยปั๊มบนกาวนี่..
มันถูกปิดผนึกไว้บนซองจดหมาย รอยปั๊มนี่ จะใช้เรียกเซฟได้ไหม?”
จงแดหยิบเอาซองจดหมายที่ดูจะไร้ความสำคัญออกมาจากกระเป๋ากางเกง
ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีเหลือเกิน ที่เขายังไม่เผลอทิ้งมันลงถังขยะไปในทันทีที่เขาเจอข้อความในกระดาษ
“อาจเป็นไปได้ค่ะ ยังไงแล้ว.. รบกวนขอรอยปั๊มนั้นให้ฉันด้วย” ยองเอยื่นมือมารับซองจดหมายไปจากมือของจงแด
ก่อนจะวางมันลงที่แท่นสแกนที่มีสีขาวสว่างลอดขึ้นมาจากด้านล่าง
เหนือแท่นนั้นมีเครื่องเซ็นเซอร์สีแดง
รูปแบบเดียวกับที่สแกนใบหน้าของพวกเขาในลิฟต์
เลเซอร์สีแดงวาบทำการสแกนไปบนรอยปั๊มที่ถูกเขียนว่า
‘4KIM3J1M’
และไม่น่าเชื่อว่ามันได้ผล...
“พระเจ้า.. เรื่องจริงเหรอเนี่ย.. ” ไม่ใช่คำพูดของคิมทั้งสี่
หากแต่มาจากปากของลียองเอ..
“อะไรเหรอครับคุณยองเอ มีอะไรผิดปกติรึเปล่า?”
จงอินถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“ตู้เซฟนี้ถูกเช่าทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อ 40 ปีก่อน.. ตั้งแต่ฉันยังไม่ได้เข้ามาทำงานที่นี่ พนักงานที่นี่ต่างก็เล่ากันปากต่อปาก ว่าตู้เซฟนี้จะเปลี่ยนโลกได้ ฉันได้แต่รออยู่ทุกวันว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาเปิดมัน... และสุดท้ายก็เป็นคุณนี่เอง”
ยองเอยิ้มกว้างก่อนจะมองมาที่จงแด ซึ่งตอนนี้เขาเองก็ยืนงงจนพูดไม่ออก
เมื่อเห็นข้อมูลผู้เช่าเซฟปรากฏขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เบื้องหน้า
“จงแด ดูสิ เจ้าของเซฟหน้าเหมือนนายเป๊ะเลย”
มินซอกชี้ให้ดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เขาเองยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
ต่างกับจงแดที่ใบ้กินไปแล้ว..
ใบหน้าที่เหมือนเขาราวกับถอดแบบ พร้อมด้วยกรอบแว่นหนาสีเงินแบบนั้น.. ชื่อที่โชว์หราอยู่ข้างใต้ นามว่า “ฟู่
เฉิน” วัย 37 ปี คือเจ้าของใบหน้านั้น
“หมดหน้าที่ของดิฉันแล้วค่ะท่าน
หลังจากนี้ทุกท่านจะได้ใช้เวลากับตู้เซฟที่พนักงานนำเข้าไปให้ในห้องตรวจสอบ
แล้วพบกันใหม่นะคะ” ลียองเอโค้งคำนับพร้อมทั้งยิ้มให้อย่างสวยงาม
ก่อนจะเดินจากไปโดยที่ไม่ให้ข้อมูลใดๆเพิ่มอีก
ขอโทษที่หายไปนานค่า มาต่อให้ ครบ 100 ละนะ ;)
--
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ของทุกคนมากๆเลยนะคะ
ดีใจมาก มากกกกกกกกกกกกกก
นึกว่าจะไม่มีใครมาอ่านซะแล้ว หกตอนที่ผ่านมาเงียบมากเลย ขอบคุณมากๆเลยค่ะ T T
--
// แก้คำผิดครั้งที่ 1 //
ความคิดเห็น