คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : CHAPTER VI
“กินข้าวแล้วล่ะ อื้อ รู้แล้ว ตั้งใจทำงานด้วยนะจงแด” มินซอกเอ่ยกับอีกฝ่ายที่อยู่ในโทรศัพท์ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครเลยนอกจากแฟนหลักสูตรเร่งด่วนของเขา คิมจงแดนั่นเอง
“ครับ แล้วเจอกันที่บ้านนะ” มินซอกยิ้มหวานก่อนจะกดตัดสายไปในที่สุด เขาเก็บโทรศัพท์มือถือลงไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะโยนผ้าขนหนูลงถังซักผ้าขนาดใหญ่ ซึ่งถือว่างานของเขาก็หนักหนาพอดูเมื่อเทียบกับเงินที่เขาได้รับในแต่ละเดือน
มินซอกเติบโตในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ และทำงานเป็นคนดูแลที่นี่ในที่สุด ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนกับบ้านของมินซอก เขาเติบโต เรียนหนังสือ หรือทำอะไรต่อมิอะไรที่นี่มาตั้งแต่ยังเด็ก มินซอกไม่ใช่คนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงนัก เขาไม่กล้าออกไปทำงานที่ไหนไกล เนื่องจากมีความรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องห่างจากบ้าน
ใช่...มินซอกผู้ต้องการบ้าน และปรารถนาที่จะอยู่ในที่ๆคุ้นเคยจนวันตาย จนกระทั่งความคิดนั้นเปลี่ยนไปเมื่อมีจดหมายปริศนาจ่าหน้าซองถึงเขา
ตอนนี้เขามีบ้านอีกหลัง มีจงแดและทุกคนอยู่ร่วมด้วย มินซอกเป็นบุคคลที่ผูกมัดกับอะไรที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย และนั่นทำให้บ้านหลังนั้นกลายเป็นบ้านที่เขารัก และอยากจะกลับไปใช้ชีวิตที่นั่น วางความฝันต่อไปในอนาคต ซึ่งก่อนหน้านี้แทบจะเรียกได้ว่าสิ้นหวัง เขาไม่แน่ใจหรอกว่าเขารักจงแดหรือไม่ แต่มินซอกเองก็มั่นใจว่าความรู้สึกคุ้นเคยเป็นพิเศษและหัวใจที่เต้นแรงทุกครั้งที่อยู่เคียงข้างกับจงแด นั่นนับว่าพิเศษมากสำหรับเขา
“พี่มินซอก มินอาปวดฉี่ค่ะ” มินซอกถูกดึงความสนใจ จากมือเล็กๆที่กระตุกชายเสื้อของเขา เมื่อก้มลงมองก็พบว่าสาวน้อยกำลังทำหน้างอแง “น้องมินอาอยากเข้าห้องน้ำเหรอ ให้พี่มินซอกพาไปมั้ยคะ” มินซอกกุมมือเด็กหญิงไว้ก่อนที่จะพาเธอก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆ เด็กหญิงวัยเพียง 7 ขวบคนนี้ติดเขาแจ เนื่องจากเขาเป็นคนที่ดูแลเธอตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาตั้งแต่อายุได้เพียงสี่ขวบ รอยแผลเป็นที่แขนในวันนั้นยังคงอยู่ที่แขนของมินอา หากแต่ว่าเจือจางลงไปมากจนแทบจะเลือนหายไปกับกาลเวลา
“พี่มินซอกพามินอาไปนะคะ มินอากลัว...ไม่อยากไปคนเดียว” เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย มินซอกหยุดเดินแล้วอุ้มเธอขึ้นมากอดไว้
“กลัวอะไรคะ ไหนบอกพี่ซิ” มินซอกถามด้วยความอ่อนโยน
“ฝันร้ายค่ะ...ฝันถึงผู้ชายคนนั้น” มินอาพูดด้วยใบหน้าหม่นหมองลงไป ทำเอามินซอกรู้สึกหายใจลำบาก
“มันก็เป็นแค่ฝัน มินอาแค่ฝันไปเท่านั้นเอง” มินซอกพูดปลอบเธอพร้อมทั้งลูบผมนุ่มนั้นด้วยความปลอบโยน
“มินอาไม่อยากฝัน ไม่อยากเจอแบบนั้นอีก ถึงจะอยู่ในฝัน แต่มินอาก็เจ็บ มินอากลัว ตอนนี้แผลเป็นไม่เจ็บแล้ว แต่มินอาก็ยังรู้สึกถึงมัน มินอากลัวจังเลยค่ะ” มินอาโผเข้ากอดมินซอกแน่น มินซอกรู้สึกได้ว่าเธอกำลังตัวสั่น
“ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะคะ มินซอกของมินอาอยู่ที่นี่ไง ถ้าใครจะมาทำอะไร พี่มินซอกจะเตะมันให้กระเจิงไปเลย” มินซอกทำท่าเตะ เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้กับเด็กน้อย ซึ่งก็ได้ผล เธอเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างหลังจากที่เขาทำอย่างนั้น
“อื้อ มินอาไม่กลัวแล้วค่ะ มินอาเชื่อว่าพี่มินซอกจัดการได้” เด็กน้อยไม่พูดเปล่า หากแต่ยังโผเข้ามาหอมแก้มพี่ชายคนนี้เสียฟอดใหญ่ ก่อนที่เธอจะกระโดดลงจากอ้อมกอดของมินซอก เมื่อเขาพาเธอมาถึงหน้าห้องน้ำหญิงแล้ว
“พี่มินซอกรอมินอาตรงนี้แปปนึงน้า ห้ามหายไปไหนนะคะ” มินอายิ้มหวานก่อนจะวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำไป เธอทิ้งมินซอกเอาไว้กับความเงียบเพียงลำพัง ซึ่งมันทำให้เขาเจ็บปวดอย่างช่วยไม่ได้
ความฝัน...มินซอกไม่เคยฝันเลย นั่นเพราะเขาไม่มีอดีต มินซอกไม่แน่ใจว่าแบบไหนที่เจ็บปวดกว่ากัน ระหว่างความฝันที่ร้ายกาจแต่ทำให้เขารู้ว่าตัวเองเคยมีตัวตนในที่ไหนสักที่หนึ่ง
หรือความว่างเปล่า เพื่อรับรู้ในตอนนี้ว่า เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร เคยเป็นใคร และจะเป็นใคร...มินซอกเพียงแค่ต้องหาให้พบ หามันให้เจอ....ถึงอดีตของเขา และเขาปรารถนาว่ามันจะมีคำตอบในที่สุด
จงแดบิดขี้เกียจอยู่บนเตียง ก่อนจะอ้าปากหาวใหญ่ เมื่อยังคงสลึมสลือและยังไม่เต็มตื่นนัก จงแดค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงแล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาอย่างเชื่องช้า
เจ็ดโมงครึ่ง...มันค่อนข้างเช้าถ้าเทียบกับเวลาเข้างานช่วงบ่ายของเขา จงแดยังทำงานเป็นเด็กส่งพิซซ่าเหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือตอนนี้เขามีบ้านเป็นของตัวเอง กับอดีตที่ยังหาคำตอบไม่ได้เป็นร้อยข้อ
เมื่อจงแดเห็นว่าตนไม่สามารถจะนอนต่อได้อีก เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จสรรพ ตั้งใจว่าจะไปส่งมินซอกถึงที่ทำงาน แล้วค่อยไปหาอะไรทานหลังจากนั้น เขาอาจมีเวลาสักหน่อยแวะไปหาดูหนังสือที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องภพชาติก่อน ในหอสมุดประชาชน ซึ่งไม่ไกลกันนักจากบ้านหลังนี้
“โธ่ บ้าเอ๊ย” จงแดสบถออกมา เมื่อเขาเดินไปหยุดที่โต๊ะตรงหัวเตียงแล้วหยิบเอาตุ้มหูขึ้นมาใส่อย่างที่เคยทำทุกวัน แต่วันนี้เขากลับทำมันหลุดมือแล้วกลิ้งไปที่ใต้เตียงซะอย่างนั้น
“ทำไมถึงมีแต่เรื่อง นี่ฉันไม่มีเงินซื้อใหม่แล้วนะโว้ย” จงแดบ่นอุบในขณะที่ทรุดตัวลงหมอบกับพื้น แล้วส่งมือเข้าไปควานหาทั่วพื้นที่ใต้เตียง “หายไปไหนของมันวะ?” จงแดกวาดมือจนทั่ว แต่ก็ยังหาไม่พบ เขาจึงตัดสินใจดันตัวเข้าไปใต้เตียง พร้อมทั้งเอาโทรศัพท์มือถือเปิดไฟส่องเพื่อให้แสงสว่าง
“เออ อยู่นี่เอง แค่นี้ก็ต้องให้ออกแรงกันแต่เช้า บ้าจริง โอ๊ะ!” เมื่อหาพบแล้ว จงแดจึงหันพลิกตัวนอนหงายก่อนจะค่อยๆใช้หลังดันตัวเองให้หลุดออกจากใต้เตียง หากแต่ไม่ทันได้ขยับพ้นออกจากตรงนั้น สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นกระดาษสีขาวที่เหน็บอยู่ตรงระหว่างรอยต่อของคานและขาเตียง จงแดเลื่อนตัวไปยังรอยต่อนั้น แล้วจัดการดึงกระดาษออกมาทันที
“อะไรกันเนี่ย?” จงแดกระซิบกับตัวเองเบาๆ เมื่อกระดาษนั้นถูกพับและปิดผนึกด้วยกาวอย่างแน่นหนา จงแดดึงตัวเองให้หลุดออกจากใต้เตียง ก่อนที่จะค่อยๆบรรจงแกะกระดาษแผ่นบางนั้นอย่างเบามือ
“คิมจงแด เสร็จหรือยัง ผมจะสายแล้วนะ!” มินซอกส่งเสียงตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่างอย่างเร่งเร้า จนจงแดจำต้องวางกระดาษในมือลง แล้วรีบลงไปหาคนที่ตะโกนเรียกเขาทันที
“ทำไมถึงช้าจัง ผมรออยู่นานแล้ว...เอ๊ะ นี่คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับจงแด คุณเหงื่อแตกนะ” มินซอกมองจงแดที่เหงื่อผุดเต็มใบหน้าอย่างไม่เข้าใจนัก ก่อนจะยกมือเล็กๆนั้นขึ้นปาดเม็ดเหงื่อชื้นๆ ออกไปจากหน้าผากของเขา
“เปล่าหรอก พอดีผมทำตุ้มหูตกลงไปใต้เตียงน่ะ กว่าจะหาเจอก็แย่เลย” จงแดบอกปัด เขาไม่อยากให้มินซอกกังวลกับอะไรที่เขาเจอ เพราะเขายังไม่แน่ใจนักว่าเขาเจออะไรกันแน่ ซึ่งบางทีมันอาจจะไม่สำคัญอะไรเลยก็ได้ เพราะงั้นแล้วจงแดคิดว่า อย่าทำให้กระต่าย(มินซอก)ตื่นตูมคงจะดีกว่า
“อ๋อ งั้นเรารีบไปกันดีไหมจงแด ผมกลัวว่าถ้าออกช้ากว่านี้ผมจะเข้างานสายนะครับ”
“ได้เลยครับเจ้าหญิง”
มินซอกเอ่ยชักชวนอีกครั้ง ซึ่งจงแดก็ตกปากรับคำแล้วรีบพามินซอกออกเดินทางทันที
“ไอ้เนี่ยน่ะเหรอ?” จงอินเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ จงแด และมินซอก กำลังพิจารณากระดาษใบเล็กที่จงแดค้นพบเมื่อตอนเช้าอย่างไม่แน่ใจนักว่ามันสมควรจะเป็นอะไรกันแน่...นอกเสียจากเป็นกระดาษเปล่า
“ก็ใช่อะดิ นี่พยายามมองดูหลายรอบแล้วนะว่ามันมีอะไร แต่ก็แบบ...ไม่เห็นมี” จงแดทำหน้าหน่าย ก่อนจะเขวี้ยงกระดาษเปล่าใบจ้อยที่เขาค้นพบลงไปกับโต๊ะไม้สักที่พวกเขากำลังล้อมวงกันอยู่
“มันอาจจะไม่มีอะไรเลยจริงๆ ก็ได้นะจงแด” มินซอกพูดก่อนจะยกมือขึ้นไปบีบที่ไหล่ของอีกคน เมื่อเห็นว่าเขาดูมีท่าทีเคร่งเครียดและจริงจังเกินกว่าทุกครั้งที่มินซอกเคยพบ
“แต่มันแปลก มันโดนผนึกไว้ เหมือนกับเป็นจดหมาย มันถูกซ่อนเอาไว้ด้วยนะมินซอก คุณคิดว่ามันเป็นแค่กระดาษเปล่าจริงๆเหรอ” จงแดพูดอธิบาย ในขณะจงอินเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“มันก็แปลกนะ เปิดมาแล้วไม่มีอะไรเลยซักอย่าง ทั้งๆที่ควรจะมี” จงอินกัดปากครุ่นคิด เช่นเดียวกับทุกคนในตอนนี้ที่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“มันต้องมีวิธีสิ แต่ทำยังไงล่ะ? ลองเผามันเหรอ?” จงอินพูดต่อไป ซึ่งเขาเองก็รู้สึกว่ามันโง่มากที่คิดออกมาแบบนี้
“ถ้าคุณกำลังคิดว่ามันบ้านะ ผมจะบอกว่าผมกับมินซอกลองทำมาหมดแล้ว ทั้งแกล้งทำเป็นว่าบังเอิญทำน้ำหกใส่ แล้วก็พยายามเอาไฟฉายส่องดู” จงแดกลอกตาอย่างหมดหนทาง จงอินทำหน้าพะอืดพะอมไปซักพักเมื่อได้ฟังแบบนั้น
“โอเค รู้ว่าอยากไขปริศนา แต่ตอนนี้มันดึกแล้ว ทุกคนต้องรีบไปนอนได้แล้วครับ พรุ่งนี้ไม่มีงานมีการต้องทำกันหรือไง?” มินซอกกอดอกแล้วพูดดุอีกสองคนที่กำลังเคร่งเครียด
“พรุ่งนี้ผมหยุดนะ” จงแดเอ่ยขัดขึ้นมา แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่ามินซอกถลึงตาใส่ ซึ่งในตอนนี้ทั้งสองคนก็รู้ดีว่า ถ้าถึงขนาดว่ามินซอกถลึงตาใส่แบบนี้ คงไม่มีใครจะอ้าปากโต้เถียงได้อีก ทุกคนเลยตอบตกลงแยกย้ายไปนอนกันแต่โดยดี
จงแดตื่นเช้ามาด้วยอาการไม่สดใสนัก เขาฝันร้าย เป็นฝันที่ไร้สาระมากที่สุดเท่าที่จะฝันได้ เขาฝันว่ากระดาษพูดได้ แล้วมันก็ตะโกนใส่เขา แล้วบอกเขาว่า ‘แกไม่มีวันรู้อะไรหรอก เจ้าโง่’
จงแดตื่นสายพอดู เขาพบว่าทุกคนออกไปทำงานกันหมดแล้ว และเหลือเขาคนเดียวในบ้านหลังนี้ จงแดใช้เวลาทั้งวันในการหยิบกระดาษว่างเปล่านั้นขึ้นมาดู และก็ไม่เคยได้คำตอบอะไรกลับมา
“บ้าเอ๊ย แกว่าฉันโง่นักเหรอ เออ ฉันยอมแพ้ก็ได้โว้ย!” จงแดขว้างมันลงไปบนโต๊ะอย่างหัวเสีย เป็นรอบที่ร้อยที่เขาทำแบบนั้น แต่เชื่อเถอะ...อีกสิบนาทีเขาก็หยิบมันขึ้นมาดูใหม่
“หิวจะตาย ทำไมตู้เย็นบ้านนี้ไม่มีอะไรกินบ้างเลยวะ” จงแดเปิดตู้เย็นแล้วสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อพบว่าในตู้เย็นไม่มีอะไรเลย นอกจากน้ำเปล่าและเบียร์เท่านั้น
“เออ เมาแต่หัววันเลยก็คงดี จะได้เลิกคิดอะไรฟุ้งซ่าน” จงแดพูดประชดกับตัวเองก่อนจะหยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นมาเปิดดื่มอย่างไม่สบอารมณ์นัก ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนหัวเสียกับอะไรง่ายๆ แต่เรื่องราวที่เขาพบเจอมาตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ ทำให้จงแดรู้สึกว่าตนอารมณ์ร้อนขึ้นมาเป็นกอง
เพราะยังไม่มีคำตอบใดๆเลย มีเพียงแค่คำถามที่นับวันจะมากขึ้นๆ ก็เท่านั้น
จงแดเดินกลับไปยังโซฟาที่ตนนั่งเมื่อครู่ ก่อนจะมองกระดาษใบนั้นอีกหนหนึ่ง เขารู้สึกว่าตัวเองจนตรอก และกลายเป็นคนโง่อย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ฉันไม่สนใจแกแล้ว พอกันที” จงแดกระแทกกระป๋องเบียร์ลงกับโต๊ะไม่สัก ก่อนที่เขาจะคว้ารีโมททีวีขึ้นมาเปิดดูช่องหนังที่เขาชอบ และไม่ได้ให้ความสนใจกับมันอีกอย่างที่พูด
หนังเรื่องโปรดที่ฉายบนช่องเคเบิ้ล ช่วยดึงความสนใจของจงแดจากกระดาษใบนั้นได้อย่างดี จงแดนอนพิงโซฟานุ่ม เหยียดขายืดยาวพาดบนโต๊ะไม้สักนั้นแล้วหัวเราะกับมันอย่างอารมณ์ดี
จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา จงแดก็หลุดออกจากหนังเรื่องนั้นทันที
“อ๊ะ บ้าชิบ เดี๋ยวค่อยมาเช็ดแล้วกัน”
ด้วยความรีบร้อน ปลายเท้าของจงแดพลาดโดนกระป๋องเบียร์จนล้มลง เบียร์ที่เหลืออยู่ครึ่งค่อนกระป๋องนั้นไหลทะลักออกมานองบนโต๊ะอย่างช่วยไม่ได้
หากแต่จงแดไม่ได้สนใจจะเช็ดในทันที เขารีบลุกไปรับโทรศัพท์ของเขา ซึ่งก็เป็นจงอินที่โทรเข้ามาบอกว่า เขาเลิกคลาสแล้ว และจงแดสอบถามว่าจงแดต้องการให้เขาซื้ออะไรเข้าไปฝากหรือไม่
หลังจากที่คุยฝากฝังกันเสร็จสรรพ จงแดจึงเดินกลับมาที่หน้าจอทีวีดังเดิม เขาเองไม่ได้สนใจจะเช็ดเบียร์ที่หกบนโต๊ะนั้นเท่าไหร่นัก แต่หลังจากที่เขาหย่อนตัวลงกับโซฟา...จงแดก็กระโดดผึงขึ้นมาราวกับนั่งทับอะไรร้อนๆ
“บ...บ้าน่า นี่มันอะไร”
หากแต่ไม่ใช่ของร้อนอะไรหรอกที่ทำให้จงแดต้องถลันตัวขึ้นมาให้ความสนใจ
แต่เป็นกระดาษใบนั้นต่างหาก...ที่ทำได้
กระดาษสีขาว ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม ราวกับมีใครสาดสีน้ำลงไปจังๆ ที่บนกระดาษใบนั้น หากแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด สีม่วงนั้นซึมไปรอบๆ ยกเว้นก็เพียงแต่ตัวอักษรที่อยู่บนกระดาษ ที่ดูราวกับว่าน้ำไม่ยอมซึมเข้าไปถึงเลย
“ชั้นใต้ดิน อัพกูจอง เลขที่ 18/8 เปิดตั้งแต่ 19.00-21.00 น. เท่านั้น” จงแดอ่านข้อความที่โผล่ขึ้นมาบนกระดาษด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ ขนลุกชันไปทั้งตัวราวกับว่าเขาเจอผีกลางวันแสกๆ จงแดวางกระดาษใบนั้นลงแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าอย่างหนักใจ
เพราะเป็นอีกครั้งแล้วที่เขาตอบ เพื่อแลกกับคำถามข้อต่อไป
แล้วเมื่อไหร่มันถึงจะจบซักที?
ความคิดเห็น