คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER II
คิม จุนมยอน ก้าวเท้าลงจากรถด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจนัก เบื้องหน้าเขาคือบ้านหลังหนึ่งที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ไม่เล็กจนเกินไป และก็ไม่ได้ใหญ่โตจนดูเหมือนเป็นบ้านเศรษฐี จุนมยอนหันกลับไปหาคนขับรถเพื่อบอกว่าเขาจะใช้เวลาซักพักหนึ่งอยู่ที่นี่ และบอกกับคนรถว่าเขาจะติดต่อไปเมื่อเสร็จธุระแล้ว
จุนมยอนเปิดประตูรั้วเล็กอย่างช้าๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งที่ขั้นบันไดที่หน้าบ้าน เมื่อพบว่าภายในบ้านเหมือนจะไม่มีใครอยู่เลย เขาค่อยๆ มองอย่างละเอียดว่าบริเวณนั้นมีใครหรือไม่ รู้สึกโง่เขลาอย่างที่ตัวเองไม่เคยรู้สึกมาก่อน หากแต่ในมือก็ยังคงถือจดหมาย แล้วจ้องมองเวลานัดหมายที่เขียนอยู่ในกระดาษแผ่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
จุนมยอนยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นดูแล้วก็พบว่าเขามาก่อนเวลานัดราวๆสิบนาทีเห็นจะได้ เขาไม่ได้ปรารถนาว่าจะมีใครมาก่อน หรืออันที่จริงเขาก็ไม่แน่ใจนักว่าจะมีใครมาหรือไม่...
จดหมายฉบับที่เขาถืออยู่ในมือถูกส่งมาที่กล่องรับจดหมายที่หน้าบ้านของเขา ระบุใจความที่จุนมยอนยอมรับว่าเขาปักใจเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งของบุคคลไม่ประสงค์ดีซักคน แต่ความงี่เง่าก็พาเขามาถึงที่นี่จนได้
“อ้าว คุณก็ได้จดหมายนั่นเหมือนกันเหรอ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า จุนมยอนเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นชายผิวสีแทนคนหนึ่งกำลังถือจดหมายที่เหมือนกันกับเขา
“จดหมาย? นี่อะเหรอ? คุณก็ได้มันเหมือนกันเหรอ หรือว่าคุณเป็นคนส่งจดหมายนี่มาให้ผม?”
จุนมยอนถามด้วยความประหลาดใจ ซึ่งคำตอบนั้นก็เห็นได้ชัดจากสีหน้างงงวยไร้ซึ่งความมั่นใจของอีกคนอยู่แล้ว
“เปล่า ผมได้จดหมายนี่มาเหมือนกับคุณ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ผมจงอินครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายที่ชื่อจงอินยื่นมือมาให้เขา จุนมยอนจับมือแล้วเขย่าแม้จะยังงงงวยอยู่เล็กน้อย “ผมจุนมยอนครับ ยินดีเช่นกัน” จุนมยอนพูด
“ผมรู้จักคุณ แน่นอนล่ะ ใครบ้างจะไม่รู้จักคุณ เจ้าของธุรกิจใหญ่โตแถมหน้าตาดีอย่างคุณ ออกทีวีไม่เว้นแต่ละวันเลยนะครับ” จงอินชี้มาที่หน้าของจุนมยอน แต่ไม่ได้ดูไร้มารยาทเหมือนที่ควรจะเป็น เขาหัวเราะเบาๆราวกับว่าเป็นคนขี้เล่นโดยนิสัย
“ผมยังไม่เข้าใจนิดหน่อย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เราสองคนนะที่ได้จดหมายพวกนี้” จุนมยอนพูดขึ้นเมื่อมองเห็นอีกคนเดินเข้ามาภายในรั้วบ้าน ชายคนนั้นถือจดหมายอีกฉบับแล้วเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่แตกต่างจากพวกเขาเท่าไหร่นัก
“ว้าว นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?” เขาพูดออกมาอย่างนั้น แต่จุนมยอนแน่ใจว่าเขาน่าจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่า
“พวกผมและคุณได้รับจดหมาย นัดแนะให้มาที่นี่เหมือนกันใช่ไหม?” จงอินถามคนที่มาใหม่ “ผมชื่อจงอิน แล้วนี่ก็คุณจุนมยอน แล้วคุณล่ะ?” จงอินชี้มาทางจุนมยอนอีกครั้งเพื่อแนะนำเขากับผู้มาใหม่ ก่อนจะถามเขาต่อ
“ผมชื่อ คิม จงแด ยินดีที่ได้รู้จักครับ ว่าแต่...ในจดหมายของคุณเขียนว่ายังไง เหมือนที่ผมมีหรือเปล่า?” จงแดชะโงกหน้าเข้าไปอ่านจดหมายของจงอินอย่างถือวิสาสะ ซึ่งจุนมยอนไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะเขาเองก็อยากจะรู้เช่นกัน
“เหมือนกัน เป๊ะเลย....” จงอินพูดพลางส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งแน่นอนว่าในเวลานี้ไม่มีใครที่เข้าใจมันแน่ๆ
“คุณว่านอกจากเราแล้วจะมีใครอีกไหม?” จุนมยอนถาม
“ตอนนี้สี่โมงสิบสองนาที บางทีเราน่าจะรออีกหน่อย เผื่อคนที่มีจดหมายจะมาอีก และผมว่าเราก็คงต้องรอด้วย ว่าใครที่เป็นคนส่งจดหมายพวกนี้มาให้กับเรา” จงแดยกนาฬิกาข้อมือเก่าๆของเขาแล้วออกความเห็น จุนมยอนและจงอินเห็นด้วยกับความคิดของเขา จึงพากันนั่งลงที่ขั้นบันไดแล้วพูดคุยกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดนี้
“คุณได้จดหมายพวกนี้กันเมื่อไหร่ครับ?” จุนมยอนถามขึ้น
“ผมได้มันเมื่อสองวันก่อน” จงอินพูด ก่อนที่จงแดจะพยักหน้าแล้วพูดเสริม “ใช่ๆ ผมเองก็ได้เมื่อสองวันก่อนเหมือนกัน”
“ผมเองก็ได้จดหมายวันนั้น น่าแปลกนะครับที่มันถูกส่งมาถึงเรา” จุนมยอนเอ่ยขึ้นพลางใช้ความคิด เรื่องมากมายในหัววิ่งวุ่นกัน แต่ก็ไม่อาจจับต้นชนปลายใดๆได้เลย
“โอ๊ะ พวกคุณมีจดหมายนั่น” บทสนทนาของพวกเขาถูกขัดขึ้นโดยคนที่มาใหม่ ตาเล็กๆนั้นเบิกกว้างอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งไม่รู้เรื่องราวใดๆอีกเช่นกัน
“ใช่ครับ พวกเราทุกคนมี ทั้งสี่คน เขียนเป็นข้อความเดียวกันหมดเลยนะ” จงแดคว้าจดหมายของอีกคนที่ยื่นมาให้ด้วยความยินดี ก่อนที่เขาจะทำหน้าที่แนะนำทุกคนโดยที่ไม่มีใครต้องขอร้อง “ผมชื่อจงแด นี่จงอิน แล้วก็จุนมยอน”
“สวัสดีครับ ผมชื่อมินซอก ผมรู้จักคุณจุนมยอนนะ คุณออกทีวีบ่อยๆ” มินซอกยิ้มบางๆ แล้วพูดกับเขา
“หา? นี่จุนมยอนเป็นดาราเหรอ?” จงแดเอ่ยถามด้วยความแปลกใจอย่างมาก “นายไม่รู้จักเขาเหรอ เขาเป็นทายาทนักธุรกิจร้อยล้านเลยนะ ออกทีวีบ่อยมากด้วย” จงอินสำทับข้อมูลของมินซอก ทำเอาจุนมยอนเลือกที่จะทำหน้าไม่ถูกเอาเสียเลย
“ว้าว เจ๋งแฮะ ผมไม่รู้หรอก ผมไม่มีทีวีดูอะ ยินดีที่ได้รู้จักอย่างยิ่งครับคนรวย” จงแดพูดพลางหัวเราะเบาๆ จุนมยอนพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ก่อนที่จะพาทุกคนให้กลับมายังสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่เกี่ยวข้องกับฐานะหรือเรื่องของเขา
“ผมว่านี่มันก็เกินเวลานัดมานานแล้วนะ ทำไมคนส่งจดหมายนี่ยังไม่มาตามนัดอีก?” จุนมยอนถาม
“นั่นสินะ มันแปลกมาก บ้านนี่ไม่มีใครอยู่เลยหรือไงกัน --- โอ๊ะ...ประตูไม่ได้ล๊อคแฮะ”
จงแดเดินขึ้นไปจับลูกบิดประตูหน้าบ้านแล้วลองเปิดออก ก่อนจะพบว่าประตูบ้านไม่ได้ล๊อคเอาไว้ ถึงแม้ว่าจุนมยอนจะไม่เห็นด้วยนัก แต่เขาเองก็ไม่ได้ห้ามจงแดที่ถือวิสาสะเดินเข้าไปภายในบ้านแล้วส่งเสียงตะโกนเรียก “ฮัลโหล! มีใครอยู่มั้ยครับ!”
ตอนนี้ทุกคนเดินตามเข้ามาในบ้านหมดแล้ว มินซอกเดินเข้าไปเปิดสวิตช์ไฟให้สว่างขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะพบกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ ซึ่งถูกพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดแบบเดียวกันกับข้อความในจดหมายของพวกเขา
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านของพวกคุณ ผมมีความยินดีที่จะบอกว่าพวกคุณมีความทรงจำที่บ้านหลังนี้ และผมยินดีที่จะคืนมันให้พวกคุณในที่สุด พวกคุณอาจจะยังไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด แต่ผมต้องการให้พวกคุณใช้เวลาต่อจากนี้รื้อฟื้นความทรงจำต่างๆ พวกคุณเป็นใคร มาจากไหน พ่อแม่ และข้อมูลทั้งหมดของพวกคุณอยู่ที่นี่ ผมต้องขอโทษที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนกับพวกคุณได้ จงใช้เวลาศึกษาทุกอย่างในบ้านหลังนี้ หลังจากนั้นก็จงเรียนรู้ และรื้อฟื้นมัน อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของพวกคุณอยู่ที่นี่ โปรดจงสร้างคำถาม และหาคำตอบที่คุณค้างคาใจ ผมขอให้พวกคุณโชคดี”
จงอินหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ในขณะที่ถ้อยคำเหล่านั้นถูกเปิดเผย ความเงียบที่จุนมยอนเคยคิดว่ามีอยู่กลับยิ่งทวีคูณยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จงแดที่ดูมีท่าทีสบายๆตั้งแต่เริ่มต้น มาตอนนี้กลับมีท่าทีจริงจังอย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้ ใบหน้ากลมเลี้ยงของมินซอกก็เริ่มซีดเซียว คล้ายๆกับว่าเขาอาจจะเป็นลมก็ได้
“ผม...ไม่เข้าใจเลย” มินซอกเอ่ยขึ้นมาก่อนจะส่ายหน้า
“ในจดหมายนี่บอกว่าคำตอบอยู่ที่นี่ นั่นแหละคือคำตอบของคำถามแรก ว่าเรามาที่นี่ทำไม” จงอินสรุปเท่าที่เขาพอจะจับใจความได้ “และตอนนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบด้วย นอกจากจะหามัน” เขาพูดพลางยักไหล่
“บ้านหลังนี้ หมายความว่าไงที่จะคืนมันให้เรา?” จงแดถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจนัก จุนมยอนคว้าจดหมายจากมือจงอินแล้วอ่านมันซ้ำอีกหนหนึ่ง
“เหมือนเขาจะบอกว่าเราจะสามารถทำอะไรกับบ้านหลังนี้ก็ได้ เพราะว่ามันเป็นบ้านของเรา แน่นอนว่ามันเป็นของเรา ดูสิ...มีกุญแจวางอยู่ที่ตรงนั้น”
จุนมยอนชี้ไปที่บนโต๊ะไม้ไม่ห่างออกไปนัก กุญแจสี่พวงถูกวางเอาไว้บนแผ่นกระดาษที่มีชื่อของพวกเขาอยู่
“ในพวงหนึ่งมีสามดอก หนึ่งดอกน่าจะเป็นของประตูหน้า อันนี้น่าจะเป็นของประตูใหญ่หน้าบ้านโน้น และอีกดอกนึงของเราไม่เหมือนกันเลย ผมเดาว่าน่าจะเป็นกุญแจห้องนอนในบ้านหลังนี้” มินซอกที่เดินเข้าไปถึงก่อน หยิบกุญแจขึ้นมองอย่างพิจารณา ก่อนจะเงยหน้ามองที่ชั้นสองของตัวบ้าน
“ลองขึ้นไปดูกันเถอะ ตอนนี้มีแต่เรื่องที่ผมไม่เข้าใจเต็มไปหมดเลย” จุนมยอนคว้ากุญแจที่มีชื่อของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเดินนำขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน ทุกคนที่เหลือเดินตามพวกเขาขึ้นมาทั้งหมด และเมื่อถึงห้องแรกทางด้านซ้ายมือ จุนมยอนก็พยายามที่จะไขประตู
“ผมไขไม่ได้ ห้องนี้ไม่ใช่ของผม” จุนมยอนพูดขึ้นก่อนจะปล่อยให้จงแดได้ลองเดินเข้ามาไขบ้าง
สำเร็จ...เสียงปลดล๊อคดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของทุกคน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าประหลาดใจไม่แพ้กัน จงแดยืนนิ่งงันอยู่ที่หน้าประตู หน้าตาของเขามีแววหวาดกลัวอยู่ในนั้น
“นายต้องเปิดเข้าไปนะจงแด คำตอบของนายอยู่ในนั้น” จงอินพูดขึ้นหลังจากที่ทุกคนเงียบกันไปพักหนึ่ง
“ผม...ไม่แน่ใจว่าจะเจออะไรในนั้น ผมจะรับมันได้หรือเปล่า มันเร็วมากเกินไป ผม...กลัว” จงแดกลืนน้ำลายในขณะที่พูด ซึ่งจุนมยอนมั่นใจเหลือเกิน ว่าเป็นความคิดเดียวกับทุกคนที่อยู่ตรงนี้ทั้งนั้น
“ไม่ว่าจะเจออะไร เราทุกคนก็ต้องเผชิญกับมันทั้งนั้น...” มินซอกพูดขึ้นมาเบาๆ ราวกับจะปลอบโยน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็หวาดกลัวมากๆไม่ต่างจากจงแดในตอนนี้
จงแดนิ่งไปพักหนึ่ง จนในที่สุดเขาก็หมุนลูกบิดประตูเพื่อเปิดเข้าไปข้างในนั้น เครื่องเรือนถูกผ้าสีขาวคลุมเอาไว้เพื่อปกป้องมันจากฝุ่นละออง ทั้งหมดถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยสีขาว แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ....
รูปภาพของจงแด ในลักษณะที่ดูมีอายุกว่านี้ราวๆสิบปีเห็นจะได้ และยิ่งไปกว่านั้น...ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็ด้วย
“บ้าไปแล้ว...” จงแดพูดขึ้นมาในขณะที่หยิบกรอบรูปนั้นขึ้นมาดูอย่างละเอียด
เหมือนสติโดนกระชากด้วยเชือกหนาๆที่มองไม่เห็น จงอินก้าวถอยหลังแล้ววิ่งออกไปจากห้อง ไปยังฝั่งตรงข้ามที่มีอีกห้องหนึ่ง เขาพยายามจะไขมัน...แต่เมื่อไม่ใช่ ประตูบานอื่นจึงเป็นทางเลือกถัดไปของเขา
จุนมยอนเองก็เช่นกัน เมื่อความบ้าบอทุกอย่างบนโลกนี้ประดาประดังเข้ามาจนตาของเขามืดบอด จุนมยอนก็ได้แต่คลำทางไปในความมืด แล้วไขกุญแจที่ประตูบานหนึ่งซึ่งอยู่ด้านในสุดของชั้นสอง
ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดเริ่มต้นขึ้น ทันทีที่บานประตูนั้นถูกเหวี่ยงให้เปิดออก จุนมยอนอ้าปากค้างในสิ่งที่เขาเห็น
เปียโนสีขาวที่สลักชื่อของใครซักคนที่มุมด้านขวาบนของเปียโนไม้ ชื่อนั้นไม่คุ้นหู แต่ด้วยรูปลักษณ์ของเปียโนที่อยู่ในฝันของเขามาตลอดระยะเวลาตั้งแต่เขาเกิด...มันอยู่ตรงหน้านี้แล้วจริงๆ
“ซูโฮ” เขายกมือขึ้นลูบที่รอยสลักนั้นเบาๆ ราวกับว่ากลัวมันจะสลายไปกลายเป็นฝุ่นผง จุนมยอนยกมือขึ้นยีผมตัวเองด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านในหัวใจ
ด้วยคำถามว่า ทำไม เพราะอะไร และยังไง? มันกำลังวิ่งวนอยู่ในสมองของเขาไม่รู้จบ...
----------------------------------------------------------
ตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้วเนอะ ชอบกันมั้ยเอ่ยยยยย
หลังจากนี้ก็มาช่วยกันคลายปริศนาไปทีละข้อ
เราจะค่อยๆเปิดเผยอดีต ความเป็นมาของแต่ละคนทีละน้อย มันอาจจะมีช่วงน่าเบื่อบ้างเนอะ
ถ้าชอบก็ติดตามกันนะค่า :D
ป.ล. อย่าลืมน้า ติดแท็ก #ฟิคสี่คิม ในทวิตเตอร์ได้ค่ะ
ความคิดเห็น