คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : CHAPTER XX
CHAPTER XX
“น่ากลัวขึ้นทุกทีแล้วนะแบบนี้”
มินซอกเอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจ ในขณะที่วางเอกสารที่จงอินส่งให้ แล้วมองหน้าจงแดอย่างเป็นห่วง
“จริงสินะ นี่แหละคือเหตุผล ที่ไอ้เบื้อกนั่นต้องพาเราไปถึงโน่น” จงแดพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาหยิบเอาเอกสารนั้น พลิกหน้ากระดาษไปมาซ้ำๆ แม้ว่าจะไม่พบอะไรในนั้นมากไปกว่าที่จงอินเล่าให้ฟังก็ตาม
“ฉันไม่เข้าใจเลย ตึกวิจัยนั่น เป็นของจุนมยอนนี่นา แล้วฉันก็เป็นเด็กที่หายไปในโครงการวิจัยนั่น ตอนนั้นซูโฮก็เป็นผอ.แล้ว แต่ทำไมฉันถึงยังเป็นเด็กอยู่” จงแดวางเอกสารไร้ประโยชน์ตรงหน้าลง ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับอย่างใช้ความคิด
“มีอะไรที่เราพลาดไปไหม ทำไมไทม์ไลน์มันถึงผิดแปลกไปหมด” แบคฮยอนเองที่ปกติแล้วจะมีท่าทางรื่นเริงตลอดเวลา มาวันนี้ก็เห็นว่าเขาทำท่าทางครุ่นคิดจนทุกอย่างดูเป็นสถานการณ์ดูจะร้ายแรงไปหมด
“คยองว่าเราอาจจะยังมีช่วงเวลาที่ตกหล่นไหมครับ เพราะตอนนี้เราเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากเลย” คยองซูถามขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะตอนนี้ไม่มีใครตักอาหารเช้าที่เขาอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาทำ เข้าปากไปเลยสักคน
“เรียกได้ว่าไม่รู้อะไรเลยมากกว่าล่ะมั้งแบบนี้” จงอินกลอกตาก่อนจะถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้าไม่สู้ดีนัก ไม่มีใครอยากทานอะไร แม้ว่าอาหารฝีมือของคยองซูตรงหน้าจะล่อตาล่อใจให้ชวนลิ้มลองอย่างมาก
“แบบนี้แปลว่า ถ้าเราเจอตัวไอ้เบื้อกนั่น ทุกอย่างก็จะจบใช่ไหม” จงแดพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียด เขาดูสุขุมกว่าทุกทีที่ทุกคนเคยเห็น
“นายหมายความว่าอะไร?” จงอินเลิกคิ้วถามเมื่อเพื่อนพูดเช่นนั้น
“ฉันก็จะลองเล่นเกมส์กับมันดูน่ะสิ” จงแดยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ทุกคนหันไปมองที่จงแดอย่างสนใจ
“เกมส์เหรอ? เกมส์อะไร?” มินซอกถาม
“โปลิสจับขโมยไงล่ะ” จงแดยิ้มตอบ
“จับขโมย?” จงอินเลิกคิ้ว
“ใช่ ฉันจะหาวิธีตามตัวหมอนั่น แล้วถ้าฉันหาพบ เราก็จะรู้ทุกอย่าง ทั้งหมด--ทุกเรื่อง” จงแดยกยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ ผิดกับท่าทางเมื่อครู่ราวกับคนละคน
“นายจะทำยังไง ในเมื่อเราไม่รู้อะไรซักอย่างเกี่ยวกับหมอนั่น” แบคฮยอนเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้อย่างขึงขัง เป็นท่าทางที่เขาชอบทำ หากค้นพบว่าบทสนทนานั้นน่าสนใจ
“ฉันมีวิธีของฉันแล้วกัน นายคอยดู” จงแดยักคิ้วอย่างมีมาด ก่อนที่จะจัดการใช้ส้อมจิ้มแฮมเข้าปากไปทั้งชิ้น…
ซึ่งตามมาด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจมากๆ ของคยองซู : )
วันถัดมา จงแดตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เขาจูบที่หน้าผากของมินซอกเบาๆ ก่อนจะวางโน๊ตที่เขียนเอาไว้ ว่าจะไปทำรายงานที่มหาวิทยาลัยเอาไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะหอบเอากระเป๋าสะพายใบโปรดของเขาแล้วเดินย่องออกไปอย่างเบาฝีเท้าที่สุด เพราะกลัวว่าจะทำมินซอกตื่นเอาเสียก่อน และด้วยเหตุผลตามมาว่า เขาคงไม่อยากให้มินซอกรู้แน่ๆ ว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน เพราะยังไงมินซอกก็ต้องคัดค้านอยู่แล้ว
แน่นอนว่าทุกคนในบ้านกำลังนอนหลับสนิท ในบ้านไม่มีแม้แต่แสงไฟซักดวง จงแดเปิดประตูรั้วอย่างระวังตัว แล้วเตรียมเข็นมอเตอร์ไซค์คู่ใจออกจากรั้วบ้าน หากแต่…
“เฮ้! ว่าไงพ่อรูปหล่อ” เสียงหนึ่งทักขึ้นจากข้างหลัง ทำเอาจงแดสะดุ้ง ขนลุกชันไปทั้งตัว
“โว้ย จงอิน! นายทำฉันตกใจหมด” จงแดยกมือขึ้นทาบหน้าอก หัวใจของเขาเต้นแรง แต่ต่อมาก็ฉงนว่าทำไมจงอินถึงมาอยู่ตรงนี้ได้
“นายมาทำไรตรงนี้ นี่มันตีสาม นายควรจะนอนอยู่หรือเปล่าวะ” จงแดถาม
“ฉันนอนไม่หลับ เลยตัดสินใจว่าจะออกไปวิ่ง และฉันเห็นนะว่านายกำลังจะหนีไปที่ไหนซักที่” จงอินเท้าเอวแล้วชี้มาที่เป้สะพายของจงแด ก่อนที่จะพูดต่อ “พนันร้อยเอาบาท นายกำลังจะไปเล่นเกมส์โปลิสจับขโมยที่นายว่าใช่มั้ย” จงอินถามอย่างรู้ทัน
“จะมีอะไรบ้างไหมวะ ที่ฉันจะปิดนายเป็นความลับได้” จงแดกลอกตา ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เห็นทีจะไม่มี และนายคงรู้แล้วสินะ ว่าฉันจะไปด้วย” จงอินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดึงแขนเสื้อหนาวของเขาขึ้นมาเหนือข้อศอก เพื่อเป็นการบอกว่าเขาเอาจริงเอาจังอย่างที่กำลังพูด
“นี่แหละ เหตุผลที่ฉันไม่บอกใครว่าจะไป” จงแดตอบ
“จะบอกอะไรให้นะเพื่อน นายบอกฉันได้ เพราะฉันจะไม่ห้าม แต่จะช่วยสุดฝีมือ ฉันก็เป็นห่วงนายนะ แต่คงจะห่วงมากกว่าถ้าปล่อยให้นายไปคนเดียว และ -- จะดีกว่ามั้ยถ้าเอารถยนต์ฉันไป นายจะขับมอเตอร์ไซค์ไปได้ยังไง อากาศหนาวขนาดนี้”
จงอินยักไหล่พลางหัวเราะขัน จงแดพยายามจะที่อ้าปากแล้วหุบหลายต่อหลายรอบ ก็ต้องหมดความพยายามไปจนได้ เพราะเขาเองก็ยอมจำนนต่อเหตุผลของจงอินที่บอกว่าเป็นห่วง และเพราะว่าเถียงอะไรไม่ได้ ว่าตอนนี้อากาศมันหนาวเกินไปที่จะขับมอเตอร์ไซค์จริงๆ
“ฉันว่าแล้วว่านายต้องกลับมาที่นี่อีก จนได้สิน่า” จงอินบ่นเปรยขึ้นมา เมื่อเขาขับรถมาจนถึงหน้าสถาบันวิจัยที่พวกเขาเพิ่งมาเมื่อวันก่อน
“ฉันว่าบางทีเราก็คงต้องมากันอีกหลายรอบเสียด้วยสิ” จงแดยักไหล่ ก่อนจะรูปซิปเสื้อหนาวขึ้นมาจนถึงปลายคาง
“นายจะมาเล่นเกมส์จับขโมยที่นี่เหรอ?” จงอินถามอย่างไม่แน่ใจนัก
“ช่าย และฉันคิดว่ามันต้องได้ผล” จงแดยกยิ้มที่มุมปากอย่างมั่นอกมั่นใจ
“นายจะทำยังไง?” จงอินถาม ในขณะที่เขาเองก็หยิบเอาไฟฉายที่เบาะหลังรถเข้ามาใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้
“แผนซ้อนแผนไง ในเมื่อมันดูเราผ่านกล้อง และเราก็จะทำเหมือนกัน” จงแดพูดขึ้น พร้อมทั้งเปิดกระเป๋าสะพายออก ให้จงอินได้มองเห็นกล้องตัวจิ๋วที่ตนเอามาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ว้าว ไอ้กล้องพวกนี้ มันก็ดีนะ แต่...ฉันมีคำถามนิดนึง” จงอินพูดขัดอย่างไม่แน่ใจนัก
“ให้ยี่สิบคำถามเลยพวก” จงแดมองอีกคนด้วยรอยยิ้ม
“หนึ่ง นายแน่ใจเหรอว่ามันจะกลับมาที่นี่ ถ้ามันตั้งใจให้เรามาที่นี่แค่วันนั้นล่ะ มันอาจจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วก็ได้”
“วิสัจฉนา คำถามนี้ดีมาก แต่ฉันคิดไว้แล้วว่ายังไงมันก็กลับมาแน่ มันคงตั้งใจให้เราพบที่นี่ และมันคงมั่นใจด้วยว่าเราจะกลับมาอีก ไม่งั้นมันคงไม่เปิดห้องและทิ้งเอกสารทุกอย่างไว้ที่นี่ เพราะมันมั่นใจว่าเราจะกลับมาค้นข้อมูลอีกไง และมันก็จะกลับมาเฝ้าดูเราอีกไงเล่า”
“งั้นข้อสอง ตรงนั้นมียามเฝ้าอยู่ ถึงจะหลับก็เถอะ นายจะเข้าไปยังไง” จงอินชี้ไปยังป้อมยามที่อยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่ ทั้งสองคนเห็นคุณลุงฝ่ายรักษาความปลอดภัยคนเดิมกำลังหลับยามอยู่
“ข้อดีของฉันก็คือ ช่างสังเกตุและความจำดี ฉันเดินวันนั้นรอบเดียวก็จำได้หมดแล้ว ว่าจะแอบเข้าไปทางไหนได้บ้าง” จงแดยักไหล่ด้วยความสบายอกสบายใจ หากแต่จงอินก็ยังไม่วางใจว่าจงแดนั้นวางแผนได้รอบคอบเพียงพอที่พวกเขาจะไม่โดนจับได้ และพากันเข้าตารางไปเสียก่อน
“งั้น ขอถามข้อสุดท้าย”
“ว่าไงเพื่อน” จงแดพยักหน้าพลางยิ้ม
“เราจะเข้าไปได้ยังไงโดยที่กล้องไม่จับภาพเรา ถ้าไอ้เบื๊อกนั่นเห็น มันก็ต้องรู้ว่าเราแอบเข้าไปติดกล้องที่นี่”
และด้วยรอยยิ้มที่ออกจะอวดดีไปซักหน่อย จงแดหัวเราะออกมาขำๆ และตอบด้วยท่าทางสบายใจอย่างเดิม
“นายคงไม่ได้สังเกตุสินะ ว่าห้องกล้องของไอ้เบื๊อกนั่นน่ะ มีแค่กล้องในห้องของซูโฮเท่านั้น และเหมือนกล้องจะใช้งานได้แค่ที่ห้องนั้นห้องเดียวด้วย กล้องของห้องอื่นโดนปิดไปทั้งหมด หรือไม่ -- กล้องก็ยังดีอยู่ แต่มันไม่ได้สนใจที่อื่นเลย มันสนแค่ว่าเ ราทำอะไรในห้องนั้น ซึ่งมันน่าสนุกตรงนี้แหละ มันมีช่องโหว่ที่ไม่ระวัง”
จงแดขยับตัวโน้มมาหาจงอินเล็กน้อย แล้วกระซิบด้วยแววตาซุกซน เขาดูตื่นเต้น แต่ก็ดูสนุกสนานและมีชัยชนะในคราวเดียวกัน จงอินไม่ได้พูดอะไร นอกจากพยักหน้าและรับฟังเท่านั้น
“นี่แหละแผนของฉัน” จงแดปิดท้ายพร้อมรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม
“แล้วนายตั้งกล้องวงจรเป็นเหรอวะ” จงอินถามต่อ
“เอ้า ไหนว่าเมื่อกีัคำถามสุดท้าย” จงแดทักท้วงด้วยเสียงหัวเราะ
“ถือว่าแถมแล้วกัน” จงอินยักไหล่
“ตอนฉันทำร้านพิซซ่า ผู้จัดการเคยใช้ให้ติดกล้องที่ร้าน เลยพอจะมีความรู้อยู่บ้าง ฉันรับจ๊อบด้วยนะ เวลาที่ใครอยากติดกล้องที่บ้าน -- ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำเป็นนี่นาจริงไหม โชคดีนะที่ฉันรู้จักอ่านคู่มือ ในขณะที่คนอื่นไม่คิดแม้แต่จะเปิดมันเลยด้วยซ้ำ”
“เฮ้อ ก็ขอให้เราไม่จบในห้องลูกกรงแล้วกัน ไอ้บ้าเอ๊ย”
“ถ้าโดนจับ ฉันก็มีเงินจ่ายค่าปรับละกันน่า”
หลังจากประโยคนั้น จงแดสะพายกระเป๋าก่อนจะเปิดประตูรถ จงอินกลอกตา ก่อนจะพยักหน้าแล้วลงจากรถตามไป อย่างเงียบๆและไม่มีคำถามอื่นอีก
ทั้งสองคนหมอบต่ำ แล้วค่อยๆย่องไปที่หน้าต่างที่ใกล้ที่สุดที่ตรงมุมตึก แน่นอนว่าไม่มีใครเห็นการมาถึงของทั้งสองคน แม้ว่าจะมีรปภ.เฝ้าอยู่ที่ป้อมก็ตาม
“ตรงนี้มันล๊อค เราคงต้องอ้อมไปด้านหลัง ตรงนั้นมีอีกบานที่ปีนได้” จงแดลองดันกระจกเข้าไป ซึ่งเขาเองไม่ได้แปลกใจซักเท่าไหร่นักที่เป็นแบบนั้น
“ถ้าตรงนั้นมันล๊อคอีกจะทำยังไง?” จงอินกระซิบถาม ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่จำเป็นเลย หน้าต่างนี้อยู่อีกฝั่งของป้อมยาม แถมยามที่ว่ากำลังหลับอยู่ซะด้วยซ้ำ
“คราวก่อนที่มา ฉันเห็นว่ากลอนมันเสีย เพราะงั้นมันไม่มีทางล็อคหรอกน่า” จงแดตอบด้วยรอยยิ้ม
“เอ้า แล้วทำไมไม่พาไปตรงนั้นตั้งแต่แรก” จงอินแหวด้วยเสียงกระซิบ
“ก็เผื่อว่าฟลุ๊ค จะได้ไม่ต้องเดินอ้อมไป” จงแดพูดจบก็เริ่มเดินนำ จงอินเดินตามเขาไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่จำเป็น แต่อย่างว่า...การแอบเข้ามาในพื้นที่ของคนอื่น เราก็จำเป็นต้องเงียบที่สุดหรือเปล่านะ
จงแดพาเดินอ้อมตึกมาทางด้านหลังตึก ทางเดินมีหญ้าขึ้นรก ทำให้ทุกย่างก้าวของทั้งสองคนค่อนข้างลำบากพอสมควร เสียงฝีเท้าย่ำลงกับพื้นดังสวบ-สวบ ช่วยลดความเงียบที่น่าอึดอัดในบรรยากาศตอนนี้
“เอาล่ะ ถึงแล้ว บานนี้แหละถ้าฉันจำไม่ผิด” จงแดเอ่ยเพียงเบาๆ ก่อนที่จะดันตัวปีนขึ้นไปที่ขอบผนัง และเขย่งปลายเท้าเพื่อดันเปิดหน้าต่าง ค่อนข้างลำบากเล็กน้อย เพราะคิมจงแดไม่ใช่ผู้ชายรูปร่างสูง แต่ออกจะเป็นผู้ชายความสูงมาตรฐานค่อนไปทางเล็กกระทัดรัด
หน้าต่างบานนั้นไม่ได้ล็อคไว้อย่างที่จงแดพูดจริงๆ เพียงแต่ว่ามันค่อนข้างลำบากเล็กน้อยในการปีนเข้าไป ใช้เวลาพอประมาณกว่าทั้งสองคนจะเข้าไปในตึกได้สำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่าในตึกเงียบสงัดและไม่มีใครเลยซักคนอย่างที่พวกเขาคาดเอาไว้
ความตื่นเต้นของจงอินลดลงไปจนแทบจะเป็นศูนย์ ทุกอย่างง่ายกว่าที่เขาคิดไว้มากมายนัก ถ้าหากเขาทั้งสองคนเป็นโจร ของมีค่าในตึกนี้ก็คงโดนปล้นไปจนหมด แล้วชิ่งหนีไปก่อนที่ยามจะตื่นเสียอีก
“เอาล่ะ ไปห้องกล้องกัน ฉันไม่แน่ใจว่ามันอยู่ในห้องนั้นมั้ย เราคงต้องเดินเบาๆหน่อย” จงแดพูดเบาๆ ในขณะที่พวกเขาถึงโถงทางแยกที่จะเดินไปยังห้องกล้องวงจรปิด
“ฉันไม่เห็นแสงไฟจากตรงนี้ มันไม่อยู่หรอกมั้ง” จงอินพูด ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
“ถ้ามันแอบเข้ามาเหมือนเรา มันก็คงไม่เปิดไฟหรอกมั้ง ยังไงก็ตาม เช็คดูให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า” จงแดพูด พลางกระชับเสื้อโค้ทให้แน่นขึ้นอย่างไม่จำเป็น
“โอเค งั้นไปกัน” จงอินกระซิบ ก่อนที่เขาทั้งสองคนจะตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง จงแดดับไฟฉายจากโทรศัพท์ของเขา แล้วค่อยๆเดินแนบกับกำแพง เมื่อพวกเขาอยู่ใกล้พอจะมองส่องจากช่องประตูที่หน้าห้อง
หากแต่สถานการณ์เงียบกริบ และไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว จงอินจึงเดินเข้าไปส่องที่ช่องประตูอย่างเปิดเผย
“เอาล่ะ เลิกทำฉันลุ้นระทึกได้แล้ว มันไม่ได้อยู่ที่นี่” จงอินพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะเปิดประตูเข้าไปในห้องกล้องอย่างรวดเร็ว
“มันอาจจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ ดูสิ กล้องถูกเปิดไว้ทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่” จงแดเสริมอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะชี้ไปยังหน้าจอเดิม ที่ถูกถ่ายห้องทำงานของซูโฮเอาไว้
“งั้นก็รีบเลย ฉันจะดูต้นทางให้” จงอินเสนอด้วยความร้อนรน หากแต่จงแดกลับนิ่งไปในอึดใจหนึ่ง จนจงอินอดที่จะฉงนใจไม่ได้
“อะไร?” จงอินถาม
“ทำไมเราไม่รอให้มันเข้ามาเลยล่ะ เรามีกันสองคน อัดมันคนละทีก็น่าจะร่วงแล้วมั้ง” จงแดลองยื่นข้อเสนอที่จงอินคิดว่าค่อนข้างงี่เง่ามากทีเดียว
“ไม่เห็นด้วย เห็นแบบนี้ฉันไม่ถนัดชกต่อยหรอกนะ ทำตามแผนเดิมของนายดีกว่าจงแด เราจะได้รู้ด้วยว่ามีใครที่เข้าออกที่นี่บ้าง” จงอินยกมือปรามแล้วยกเหตุผลให้อีกคนใช้สติ ซึ่งก็โชคดีที่จงแดเห็นด้วยกับเขา
“ก็ได้ ก่อนนายจะเข้าใจผิด จะบอกก่อนเลยว่าฉันเองก็ไม่ใช่คนชอบชกต่อยอะไรหรอกนะ แค่สถานการณ์มันค่อนข้างด่วนสำหรับฉันนิดหน่อย” จงแดยักไหล่ ก่อนที่เขาจะปลดเป้ลง แล้วเปิดซิปหยิบเอาอุปกรณ์ออกมาจากกระเป๋า
“ฉันเข้าใจ แต่เราอาจจะได้อะไรมากกว่านี้ ถ้าเราช้าลงหน่อย เอาล่ะ นายไปติดกล้องได้แล้ว ฉันจะดูต้นทางให้”
จงแดพยักหน้ารับก่อนที่จะหาจุดวางกล้องที่เหมาะสม เขาพุ่งไปที่กองเอกสารตรงชั้นวางของด้านหลัง ก่อนจะวางกล้องที่มีขนาดเล็กจิ๋วไว้ใต้กองเอกสารที่มีฝุ่นจับหนา แล้วจัดวางให้ดูเหมือนกับว่าไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น จงแดเปิดโน๊ตบุ๊คแล้วจัดการตั้งค่าเพียงไม่นานนักก็แล้วเสร็จ จงอินถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อจงแดพนักหน้าแล้วบอกกับเขาว่าทุกอย่างเรียบร้อยและเป็นไปด้วยดี
“เสร็จเรียบร้อยแล้ว” จงแดตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
“แน่ใจนะว่ามันจะไม่บังเอิญไปเปิดดูตรงนั้น” จงอินถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ถึงแม้ว่าที่ตรงนั้นจะดูเหมาะสมดีในสายตาจงอินก็ตามที
“แน่ใจสิ ตรงนั้นฝุ่นจับหนามาก ไม่มีใครไปยุ่งกับเอกสารพวกนั้นมานานมากแล้ว ฉันว่ามันไม่มีทางรุ้แน่ๆ” จงแดตอบอย่างมั่นใจ
“เอาล่ะ ถ้านายมั่นใจอย่างนั้น เราก็กลับกันเถอะ” จงอินชักชวน ซึ่งก็ต้องขอบใจจงแดเหลือเกินที่เขาไม่ดื้อ หรือพยายามอิดออด
ทั้งสองคนปีนกลับทางหน้าต่างอีกบานที่ตั้งใจจะเข้ามาในตอนแรก เพราะใกล้ และเข้าออกง่ายกว่ากระจกบานที่ปีนเข้ามา จงแดไม่ลืมถอดกลอนออก เผื่อว่าเขาจะตั้งใจกลับมาที่นี่อีกครั้ง เขาจะได้มีทางที่จะปีนเข้าไปในตัวอาคารได้อย่างง่ายๆ
ทั้งสองคนปีนกลับเข้าไปในรถ สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับออกมาจากสถาบันร้างอย่างเงียบๆ
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ไม่มีเรื่องตื่นเต้นหรืออุปสรรคให้พวกเขาทำงานยากขึ้นเลยซักนิด
ซึ่งจงแดถือเป็นสัญญาณที่ดี อย่างน้อยพระเจ้าที่เขาไม่รู้จักก็เป็นใจ จงแดหวังว่านี่จะทำให้เขาค้นพบคำตอบได้เร็วขึ้น หัวใจของจงแดเต้นรัวอย่างสดชื่น นั่นทำให้จงแดรู้สึกว่าเขายังมีชีวิต หวังในใจมากขึ้นไปอีก ว่าเขาจะรู้จักพ่อของตัวเองมากขึ้น...
และคงรู้จักตัวเองมากขึ้น
ความคิดเห็น