คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : CHAPTER XIX
CHAPTER XIX
“ฉันยังยืนยันคำเดิมอยู่นะ ว่าขอให้ทุกคนอย่าแตะต้องอะไรจนกว่าฉันจะตรวจสอบมันแล้ว” แบคฮยอนพูดอย่างอ่อนแรง ในขณะที่สี่คิม(และคยองซู)กำลังรื้อค้นข้าวของในห้องกระจุยกระจายไม่เหลือสภาพเดิม
“ช่างเรื่องตรวจสอบมันเหอะน่าแบคฮยอน นายมาช่วยพวกเราหาดีกว่า ว่าจะมีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง” จงอินเหวี่ยงแฟ้มเอกสารเล่มใหญ่เข้าใส่จนแบคฮยอนเซถลามารับแทบไม่ทัน
“ย๊า! เอกสารพวกนี้อาจมีมูลค่ามากมายนะ นายควรจะเบามือกับมันหน่อย!” แบคฮยอนตะเบ็งใส่จงอินเสียยกใหญ่ หากแต่จงอินกลับไม่ได้สนใจจะฟัง มีเพียงแค่คยองซูที่หันมายิ้มให้กับแบคฮยอน ราวกับจะบอกแบคฮยอนเป็นนัยๆว่า ‘พูดไปก็เท่านั้น’
“เออก็ได้ ช่างแม่งแล้ว” แบคฮยอนกลอกตาก่อนที่จะเดินไปนั่งตรงโต๊ะเล็กที่มุมห้อง แล้วค่อยๆเปิดแฟ้มเอกสารที่จงอินโยนให้อย่างเบามือ
“เฮ้ จุนมยอน ผมเจอหนังสือที่พี่มีล่ะ มันมีอยู่ที่นี่เยอะมากเลย” จงแดเงยหน้าขึ้นจากลังกระดาษที่วางอยู่ใต้ชั้นหนังสือ ก่อนจะหันไปร้องเรียกจุนมยอนให้เดินมาดูสิ่งที่เขาค้นพบ หากแต่ไม่ใช่แค่จุนมยอนที่ให้ความสนใจ แต่คิมทั้งสี่รวมถึงคยองซูและแบคฮยอนต่างก็ปรี่เข้ามาดูสิ่งที่จงแดพบเจอกันทั้งหมด
“นี่มันหมายความว่าไงกันน่ะ” มินซอกไม่พูดเปล่า เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งในลังกระดาษขึ้นมาเปิดดู ทำให้จุนมยอนรู้ว่า หนังสือทุกเล่มที่อยู่ตรงหน้านี้ ล้วนแต่เป็นฉบับที่ตีพิมพ์ซ้ำทั้งสิ้น
......เพราะเล่มต้นฉบับนั้นอยู่ในกระเป๋าของเขา
“ตีกลับ หมายความว่าไงน่ะ ที่ว่าตีกลับ?” จงอินดึงป้ายกระดาษที่แปะอยู่หน้าลังกระดาษขึ้นมาอ่านดู ก่อนจะเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก
“มันเหมือนเอกสารตีกลับของไปรษณีย์นะ แต่มัน...ดูโบราณจัง” มินซอกเอ่ยสันนิษฐาน
“ผมขอเดานะ ผมว่าพี่เป็นคนเขียนหนังสือพวกนี้ล่ะจุนมยอน” จงแดหยิบหนังสือขึ้นมาอีกเล่มหนึ่งแล้วเปิดไปตามหน้ากระดาษลวกๆ จุนมยอนเบิกตากว้างก่อนจะถามอย่างตกใจ “นายว่าไงนะ ฉัน...ไม่มีทาง ฉันไม่ใช่คนเขียนหนังสือพวกนี้แน่ๆ” จุนมยอนละล่ำละลัก ลิ้นพันกันเป็นพัลวัน
“ใช่ พี่น่ะไม่ได้เขียน...แต่ คิม ซูโฮ เป็นคนเขียน” จงแดพูดต่อ พลางชี้ชื่อ ‘ผู้เขียน SH. KIM’ ที่สันหนังสือเล่มหนา
“จริงด้วย ผมว่าเป็นไปได้นะจุนมยอน ดูนี่สิ นี่คือห้องของพี่ แล้วหนังสือพวกนี้ก็ถูกตีกลับมา พี่เป็นคนเขียนไอ้หนังสือพวกนี้จริงๆ” จงอินยกยิ้มราวกับในที่สุดก็ชนะเกมส์อะไรซักอย่าง ในขณะเดียวกับที่จุนมยอนนิ่งค้างราวกับไม่เชื่อว่าเกมส์นี้เขาจะชนะมันได้จริงๆ
“ชื่อ SH. KIM นี่ก็ตรงกับป้ายชื่อตรงนี้เลยนะครับพี่จุนมยอน คยองว่ามันต้องมาจากชื่อ ซูโฮ คิม แน่ๆ”
“ความจริงมันลงล๊อคกันหมดเลยนะ ไอ้หมอนั่นนัดพี่จุนมยอนให้ไปเจอหนังสือเล่มนี้ แถมยังให้นามบัตรมาเพื่อให้เรามาเจอที่นี่” แบคฮยอนลูบคางแล้วค่อยๆใช้ความคิด “หมายความว่ายังไง?” มินซอกเอียงคอถาม
“ผมหมายความว่า เขานั่นแหละเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เขานั่นแหละที่รู้ทุกอย่าง ถ้าเราหาเขาเจอ ทุกอย่างก็จบ” แบคฮยอนเอ่ยสรุปอย่างจริงจัง ซึ่งนั่นทำให้คิมทั้งสี่เริ่มขมวดคิ้ว
“แต่เราจะไปหาเขาได้จากไหน นามบัตรที่เขาให้มามันก็มีแต่ที่อยู่นี้” จุนมยอนถาม
“นั่นคือข้อที่ฉันสงสัย ตอนที่จดหมายส่งมาให้พวกนาย มันบอกหรือเปล่านะ ว่าถูกส่งมาจากที่ไหน” แบคฮยอนเอ่ยในขณะที่กัดปากอย่างครุ่นคิด
“ในจดหมายฉัน ไม่มีที่อยู่ผู้ส่งนะ” จงแดส่ายหน้า และตอบคำถาของแบคฮยอน
“ของฉันก็ไม่มี” จงอินเสริม
“จดหมายของฉันก็ไม่มีที่อยู่ผู้ส่งนะ” มินซอกส่ายหน้าสมทบด้วยอีกคน
“เราจะแน่ใจได้ยังไงครับ ว่าคนที่ส่งจดหมายให้พวกพี่ๆ เป็นคนเดียวกับที่มาเจอพี่จุนมยอน คยองว่า...บางทีอาจจะไม่ใช่เขาก็ได้นะครับ” คยองซูเสนอแนะในข้อเสนอที่ทุกคนมองข้ามกันไปอย่างสุภาพ
“นั่นสินะ เราอาจจะมองผิดตัว แต่...เฮ้! จดหมายนั่น มันถูกหย่อนที่ตู้จดหมายหน้าบ้านของฉัน ฉันว่าเราไปย้อนดูกล้องวงจรปิดที่บ้านฉันก็ได้นะ ว่าคนที่เอามาส่งให้เรา จะใช่เขาจริงๆหรือเปล่า จะได้รู้ ว่ามีแค่หรือเปล่าที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” จุนมยอนยิ้มกว้างด้วยความกระตือรือร้น ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนเริ่มยิ้มตามไปด้วย
“นั่นสินะ ผมว่าเราควรลองดู” จงแดเริ่มพยักหน้าอย่างขึงขัง ราวกับพยายามจะชักชวนให้ทุกคนเห็นด้วย
“งั้นเดี๋ยวเราไปที่บ้านของฉันกัน แล้วช่วยกันดูเทป น่าจะมีบันทึกไว้” จุนมยอนพยักหน้าตอบรับกับจงแด ซึ่งทุกคนก็ตกลงและเห็นด้วย จุนมยอนวางเอกสารที่ตนถืออยู่ในมือลงกับโต๊ะ และเตรียมตัวจะออกจากห้อง
หากแต่เสียงแจ้งเตือนข้อความในโทรศัพท์กลับดังขึ้นเสียก่อน จุนมยอนคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านข้อความ รู้สึกแปลกใจที่เห็นรายชื่อผู้ส่งนั้นเขียนว่า ‘ไม่ทราบเบอร์’
จุนมยอนรีบเปิดข้อความออกอ่าน ก่อนจะขมวดคิ้ว และยืนนิ่งด้วยความไม่เข้าใจ….
“ใครส่งอะไรมาน่ะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” จงอินถาม เมื่อเห็นอีกคนนิ่งไป จึงเดินไปคว้าเอาโทรศัพท์ในมือของจุนมยอนมาอ่าน
“อย่าออกตามหาผมเด็ดขาด พวกคุณจะได้เจอผมเมื่อถึงเวลา หากพวกคุณฝ่าฝืน พวกคุณจะไม่มีวันรู้เรื่องอะไรจากผมอีก” จงอินอ่านออกเสียงให้ทุกคนได้ฟัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับจงแดอย่างมีความหมาย
“หมอนั่นรู้ได้ไงว่าเราคุยเรื่องอะไรกันอยู่” แบคฮยอนถามขึ้นอย่างหวาดระแวง จงแดเมื่อได้ฟังอย่างนั้น ก็เริ่มมองที่ฝ้าเพดานตามมุมห้อง
“นั่น! กล้องวงจรปิด” จงแดชี้กล้องตัวหนึ่งที่อยู่ตรงมุมห้องด้านในสุด
“ไอ้หมอนั่นอยู่ที่นี่…มันกำลังดูเราอยู่!” จงอินเอ่ยกระซิบพลางทำตาโตด้วยความหวาดระแวง
“ห้องกล้องวงจรปิดอยู่ที่ชั้นล่าง!” จงแดตะโกนโพล่งออกมาก่อนจะวิ่งพุ่งออกไปจากห้อง ตามด้วยจงอินที่รีบวิ่งตามไปติดๆ
“จงแด เดี๋ยว!!” มินซอกตะโกนเรียกอีกคนที่ถลันออกจากห้อง หากแต่จงแดกลับไม่ได้หยุดวิ่ง เมื่อเป็นดังนั้น...ทุกคนก็วิ่งตามจงแดออกจากห้องไปทันที
เสียงฝีเท้าดังกึกก้องไปทั่วทั้งตึก ทุกคนวิ่งตามกันไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั้งเป็นจงอินที่มาถึงห้องดูกล้องวงจรปิดก่อนทุกคน และตามด้วยจงแดที่วิ่งตามกันมาติดๆ
“มันไม่อยู่แล้ว” จงอินหายใจหอบ ยกมือกุมที่ชายโครงก่อนจะก้มหน้าลงปรับลมหายใจอย่างหงุดหงิด
“ไอ้บ้าเอ๊ย มันดูเราอยู่ตลอดเวลาเลย” จงแดชี้ที่หน้าจอที่โชว์หราอยู่ตรงหน้า ห้องกล้องเปิดไฟสว่างโร่ และพวกเขาเห็นตัวเองกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในหน้าจอหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าทุกการกระทำของทุกคนได้ถูกบันทึกเอาไว้
“เขาเข้ามาตอนไหนกันนะครับ ตอนที่เราเดินผ่านตอนเข้ามา ห้องนี้ยังถูกล๊อคไว้อยู่เลย” คยองซูหน้าเบี้ยวด้วยเพราะหายใจหอบ ซึ่งทุกคนเองก็ไม่ได้ต่างกัน
“คงซุ่มรอจนเราเข้าไปเจอห้องนั้นแล้ว ถึงเข้ามาแอบดู ร้ายชะมัด” แบคฮยอนเดินเข้ามากรอเทปที่ชายนิรนามทำการบันทึกไว้ ก่อนจะพบว่าเขาเริ่มบันทึกเทป หลังจากที่ทุกคนเข้าห้องไปไม่นานนัก
“ทำไมถึงต้องห้ามเราตามหาเขานะ ในเมื่อเขาเองก็รู้ทุกอย่าง จะไม่ง่ายกว่าเหรอถ้าเขาจะอธิบายเรื่องราวพวกนี้ทั้งหมดด้วยตัวเอง” มินซอกขมวดคิ้วถาม ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้เลยแม้แต่คนเดียว
“เรากลับกันเถอะครับพี่ๆ คยองว่าที่นี่มันชักจะน่ากลัวแล้ว” คยองซูมองไปรอบๆอย่างหวาดๆ และเบียดตัวเข้าไปหาจงอินโดยอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อทุกคนมองไปรอบๆตัว ก็พบว่าทุกอย่างมืดมิดและดูน่าขนลุกอย่างที่คยองซูว่าจริงๆเสียด้วย
“งั้นเรากลับขึ้นไปเก็บของกันเถอะ แล้วกลับบ้านกัน” จงอินหันไปจับมือคยองซูมากุมไว้แล้วชักชวนทุกคนให้กลับบ้าน ซึ่งในนาทีนั้น ไม่มีใครกล้าปฏิเสธคำชวนนี้เลยแม้แต่คนเดียว…
เมื่อคิมทั้งสี่เดินทางกลับมาถึงบ้าน แต่ละคนต่างก็โอดครวญว่าเพลียและปวดเมื่อย และพากันเข้านอนกันแทบจะในทันที มีเพียงจุนมยอนที่เก็บของลงกระเป๋ากลับไปนอนที่บ้านของเขาในคืนนี้ เพราะจำเป็นต้องไปประชุมด่วนที่ต่างประเทศในวันรุ่งขึ้น และยังมีข้าวของส่วนหนึ่งที่ยังอยู่ที่บ้านของเขา (ซึ่งนั่นทำให้จุนมยอนถึงกับบ่นอุบ ว่าเขามีเวลานอนเพียงน้อยนิดเท่านั้น)
ส่วนคนที่เหลือก็พากันอาบน้ำและเข้านอนกันไป เหลือเพียงแค่จงอินที่ตอนนี้กำลังเปิดอ่านแฟ้มเอกสารชุดหนึ่งที่เขาหยิบติดมือมาจากศูนย์วิจัยด้วย หลังพิงพนักเตียง แสงไฟสลัวจากโคมไฟข้างเตียงทำเอาจงอินหาวหวอด แต่จงอินกลับไม่สามารถละสายตาจากเอกสารในมือได้
“งือ อ่านอะไรอยู่เหรอครับจงอิน ทำไมยังไม่นอนอีก” คยองซูถามขึ้น หลังจากที่เขานอนไปได้ซักพัก ก็ตื่นเพราะเสียงพลิกหน้ากระดาษไปมา คนเด็กกว่ายกมือขยี้ตา แล้วปรือตามองอีกคนที่มาขอนอนกับเขาในคืนนี้
“พี่กำลังอ่านเอกสารพวกนี้อยู่น่ะ กวนเหรอหืม ขอโทษนะ” จงอินเอ่ยปากขอโทษ ก่อนจะเลื่อนมือไปลูบผมคนที่นอนอยู่ข้างๆแผ่วเบา
“อื้อ ไม่เป็นไรครับ เอกสารอะไรงั้นเหรอ” คยองซูเลื่อนตัวขึ้นมาพิงหลังกับหัวเตียง แล้วชะโงกหน้าไปดูเอกสารในมือของจงอินอย่างสนใจ
“นี่ไง เห็นพวกนี้รึเปล่า” จงอินยื่นเอกสารไปให้อีกคนดู
“นั่นมันรูปพี่จงแดนี่ครับ แต่...ในรูปนี้ยังดูเด็กๆอยู่เลย” คยองซูเอียงคอมอง ก่อนจะเห็นหน้ากระดาษที่คล้ายกับจะเป็นแบบฟอร์มอะไรซักอย่าง ซึ่งมีรูปของจงแดอยู่ที่มุมกระดาษด้านขวามือด้วย แต่แทนที่แบบฟอร์มควรจะมีตัวหนังสือมากมาย มันกลับถูกลบออกไปด้วยน้ำยาลบคำผิดหนาเป็นปื้น จนทั้งสองคนไม่อาจรู้ข้อมูลว่าเอกสารนี้พูดถึงเรื่องอะไรอยู่
“ใช่เลย แต่เห็นตราปั๊มตรงนี้ไหม -- หายสาปสูญ” จงอินเปิดพลิกหน้ากระดาษไปที่แผ่นด้านหลัง แล้วก็พบรายละเอียดของข้อมูลเพิ่มขึ้น คยองซูเห็นวันที่ๆจงแดเริ่มต้นเป็นคนไข้ในศูนย์วิจัย วันที่เขาทำการรักษา และวันที่เขาหายสาปสูญไปจากศูนย์วิจัย...
“งั้นนี่ก็หมายความว่า พี่จงแดเคยเป็นคนไข้ในศูนย์วิจัยงั้นเหรอครับจงอิน?” คยองซูเบิกตากว้าง แล้วเงยหน้ามองจงอินอย่างตกใจ
“ใช่ และฉันคิดว่าหนึ่งในเด็กที่หายไปต้องเป็นจงแดแน่นอน” จงอินพยักหน้าให้คนเด็กกว่า เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เมื่อรู้สึกว่ามันแห้งผาก
“น่ากลัวจัง พี่จงแดจะรู้เรื่องนี้มั้ยครับ” คยองซูถามเสียงแผ่ว
“คิดว่าคงไม่น่ารู้นะ” จงอินเอียงคอพลางใช้ความคิด “พรุ่งนี้คงต้องรีบบอก” จงอินพูดต่อ
“ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆเลยนะครับจงอิน คยองว่ามันเริ่มน่ากลัวแล้วนะแบบนี้” คยองซูย่นหัวคิ้วด้วยสีหน้ากังวล หากแต่สีหน้านั้นทำให้จงอินรู้สึกว่าน้องเขาน่ารักและน่าเอ็นดู มากกว่าจะทำให้รู้สึกหวั่นวิตกไปด้วย
“ไม่เอาน่าเด็กน้อย พี่จงอินของนายอยู่นี่แล้วนะ ไม่มีอะไรต้องกลัวซักหน่อย” จงอินใช้นิ้วจิ้มที่หัวคิ้วขมวดเป็นปมนั้นเบาๆ ก่อนจะหัวเราะด้วยความขบขันเท่านั้น
“จงอินก็รู้ว่าคุณไคตายยังไง คยองกลัวว่าจุดจบของเรื่องนี้จะวนกลับไปเป็นแบบเดิม ทุกคนต้องตายกันหมดเพราะเรื่องนี้ เรื่องนี้มันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และมันก็เริ่มอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะครับ”
“ชู่ว ไม่เอาน่าเด็กน้อย คิดมากเกินไปแล้ว” จงอินดึงเด็กน้อยที่เริ่มหน้าเสียมากอด คยองซูกอดตอบจงอินแนบแน่น มืออบอุ่นที่ลูบผมของตนไม่ได้ทำให้ความกังวลได้คลายลงแม้แต่น้อย
“คยองกลัว กลัวว่าจงอินจะหนีหายไปจากคยองอีก คยองไม่อยากเป็นเหมือนคุณปู่ คยองอยากให้จงอินอยู่กับคยองไปนานๆ ชดเชยวันเวลาที่เราเคยเสียไป” คยองซูกระซิบเสียงแผ่ว และในวินาทีนั้น หัวใจจงอินถึงกับใจดิ่งวูบ…
ในชั่ววินาทีหนึ่ง จงอินเห็นภาพเด็กชายผิวสีแทนคนหนึ่ง กำลังเอ่ยคำเดียวกันนี้กับเด็กชายอีกคน เขาสองคนกำลังเกี่ยวก้อยสัญญา แต่เป็นเวลาเพียงชั่ววินาทีเดียวเท่านั้น…
“นายจะไม่มีวันเสียฉันไปอีก ฉันสัญญา” จงอินกระชับกอดอีกคนให้แน่นขึ้น เขาหลับตาซึมซับความรู้สึกอบอุ่นในตอนนี้ แล้วยึดมั่นคำสัญญานั้นไว้ในหัวใจ
แม้ว่าจงอินจะไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำ ว่าตนจะรักษานั้นสัญญานั้นได้หรือไม่...
ความคิดเห็น