ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO) LOST IN TIME (4KIM: KAI CHEN XIUMIN SUHO ft. EXO)

    ลำดับตอนที่ #16 : CHAPTER XV

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 59



    CHAPTER XV











    “นี่มันอะไรเนี่ย?” จงแดหลิ่วตามองอุปกรณ์ในกระเป๋านั้นอย่างไม่แน่ใจนัก ทั้งแบคฮยอนและคิมอีกสามคนก็มองมันอย่างประหลาดใจเช่นเดียวกัน


    “มันดูเหมือน เครื่องอะไรซักอย่าง” จงอินพูดพร้อมทั้งเอียงคอมองสิ่งที่นอนแน่นิ่งในกระเป๋า มินซอกขมวดคิ้วมองหน้าจงแดอย่างงุนงง


    สิ่งที่พวกเขาค้นพบคือเครื่องมืออะไรซักอย่าง ที่ทำจากอลูมิเนียมสีเงินเรียบๆ แต่เต็มไปด้วยลายเส้นยาวๆ แปลกๆ ที่ฝังอยู่บนพื้นผิว บนพื้นผิวนั้นมีรูปตัวอักษรลักษณะคล้ายแป้นพิมพ์อยู่ แต่แป้นพิมพ์นั้นมีแค่ตัวเลขศูนย์ถึงสิบเท่านั้น และมีหน้าจอขนาดเล็กๆฝังอยู่ที่ตรงฝั่งด้านซ้าย รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้นทำให้คิดถึงหนังสือซักเล่มหนึ่ง ซึ่งมีลวดลายแปลกๆที่ตรงหน้าปก และมีจอฝังอยู่บนหน้าปกด้วย


    “ขอฉันดูได้ไหมจงแด?” แบคฮยอนเงยหน้ามองจงแดแล้วขออนุญาต ซึ่งจงแดเองก็รีบพยักหน้าตอบรับ


    “อืม เอาสิ แล้วช่วยบอกฉันด้วยนะว่ามันคืออะไร” จงแดตอบ ก่อนที่แบคฮยอนจะค่อยๆหยิบมันขึ้นมาจากด้านในกระเป๋า แล้ววางมันลงกับพื้นโต๊ะไม้อย่างเบามือ 


                    “มันดูเหมือนกับแท็ปเล็ตเลย” จุนมยอนเอียงคอมองมันอย่างพิจารณา ซึ่งในความเห็นของจงแดแล้ว มันไม่ได้เหมือนแท็ปเล็ตซักเท่าไหร่นัก แต่เหมือนกับ...


                    “เปล่าครับ นี่มันน่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์มากกว่า” แบคฮยอนส่ายหน้าพลางเฉลยเบาๆ ราวกับไม่แน่ใจนัก


                    “นั่นแหละ ฉันเองก็คิดแบบนั้น” จงแดพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “ถ้าไอ้เครื่องนี้เป็นของไอ้องค์กรลับอะไรที่นายว่า แปลว่าไอ้เจ้านี่มันจะต้องทันสมัยมากๆในยุคนั้น”


                    “ผมจะลองหาปุ่มเปิดดู” แบคฮยอนดึงมันเข้ามาใกล้แล้วเริ่มพลิกซ้ายขวามองหาปุ่มเปิดใช้งาน


                    “ตรงนี้รึเปล่า” จงอินเอี้ยวตัวมามอง ก่อนจะกดปุ่มที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนที่หน้าจอที่ฝังอยู่จะดีดผึงขึ้นมาอย่างแรง


                    “โอ้ยไม่นะ! เปิดเบาๆสิครับจงอิน” มินซอกแหวเสียงดังด้วยความตกใจ ก่อนที่แบคฮยอนถลึงตามองก่อนจะดุจงอินเบาๆ ด้วย “คุณจงอินครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมดีกว่า เดี๋ยวมันจะพังซะก่อนที่พวกคุณจะได้คำตอบอะไร”


                    “โอเคๆ ผมขอโทษ ก็แค่อยากช่วยนี่นา” จงอินทำหน้าหงอย เขาถอยกลับไปนั่งตามปกติ ก่อนที่จะปล่อยให้แบคฮยอนได้ทำงานต่อไป

     


                    “ตอนนี้หน้าจอดีดขึ้นมาทำมุมสี่สิบห้าองศา ผมว่ามันน่าจะเหมือนโน๊ตบุ๊คที่สามารถปรับระดับตามสายตาได้ ดูตรงนี้สิครับ เราปรับให้มันตรงเป็นเก้าสิบองศาก็ได้” แบคฮยอนว่าก่อนจะดันหน้าจอที่ตอนนี้เอียงทำมุมเฉียงๆ ให้เข้าล๊อคเสียงดัง คลิ๊ก อย่างเบามือ


                    “อ่า...ผมว่าน่าจะเป็นตรงนี้” แบคฮยอนพูด ก่อนที่เขาจะเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเอง แล้วหยิบเอาถุงมือยางออกมาใส่ แบคฮยอนระมัดระวังมาก จนคิมทั้งสี่คนรู้สึกนับถือในความเป็นมืออาชีพของเขา


                    “ตรงนี้น่าจะเป็นปุ่มเปิดครับ” แบคฮยอนกดเข้าไปที่ปุ่มทางฝั่งด้านซ้ายมือด้านข้างตัวเครื่อง ซึ่งเมื่อกดเข้าไปแล้ว ลายเส้นแปลกๆที่ฝังอยู่บนตัวเครื่องนั้นก็มีแสงสว่างเป็นสีแดง ยกเว้นก็แต่ตรงช่องสี่เหลี่ยมทางมุมบนตรงฝั่งขวามือเท่านั้นที่เป็นแสงสีฟ้าเข้ม


                    “นี่เปิดติดแล้วเหรอ” จุนมยอนถามพลางมองอย่างไม่แน่ใจนัก


                    “น่าจะยังครับ เพราะหน้าจอยังไม่ติด” แบคฮยอนเม้มปากบางสนิท เพื่อใช้ความคิด


                    “ทำไมมีแค่ตรงนี้ที่เป็นสีน้ำเงินล่ะ” มินซอกถามขึ้นพร้อมทั้งชี้ไปที่ช่องสี่เหลี่ยมตรงมุมขวาบนของเครื่อง


                    “อ่า...ว้าว” แบคฮยอนชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะมีรอยยิ้ม “อะไรเหรอครับคุณแบคฮยอน?” จุนมยอนถาม


    “นี่บอกตามตรง ถ้าคุณเฉินอะไรนี่ยังอยู่ ผมว่าสตีฟ จ๊อบส์ไม่ได้เกิดแน่ๆครับ” แบคฮยอนหัวเราะเบาๆ


    “หมายความว่ายังไง?” จงอินถาม



                    “ไอ้ลายพวกนี้ มันเป็นระบบทัชสกรีน เป็นตัวสั่งการให้ระบบอินเตอร์เฟซทำงาน เหมือนเป็นแป้นพิมพ์บนหน้าจอแท็ปเล็ต เห็นลายพวกนี้มั้ยครับ มันเชื่อมต่อกันหมดเป็นแนวเดียวกัน และไปหยุดที่ตรงเมนเฟรมตรงนี้ ซึ่งผมคิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นแผงควบคุมทุกอย่าง ทั้งแรมและเมนบอร์ด ซึ่งในสมัยนั้นโน๊ตบุ๊คก็ยังไม่บางเท่านี้ นี่มันน่าทึ่งมากๆ” แบคฮยอนอธิบายพร้อมทั้งชี้ลวดลายที่อยู่บนพื้นผิว และมองเจ้าเครื่องนี้ด้วยความทึ่ง


                    “งั้นแปลว่าเราต้องแตะมันเหรอ ตรงไหน?” จงแดถาม


                    “ฉันคิดว่า มันน่าจะให้เราสแกนลายนิ้วมือนะ ไอ้ช่องตรงนี้” แบคฮยอนพูดขึ้นพร้อมทั้งรอยยิ้มกวนๆตามสไตล์ของเขา ดูเขามั่นใจเอามากๆ เมื่อชี้ไปที่ช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆนั้น


                    “สแกนลายนิ้วมืองั้นเหรอ? แต่คนที่ให้เครื่องนี้ก็น่าจะตายไปแล้ว จะหาลายนิ้วมือจากเขาได้ที่ไหน” จงแดเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งไม่เห็นด้วยนัก ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าคุณเฉินจะให้เบาะแสมา เขาน่าจะทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องเกี่ยวกับลายนิ้วมือเขานะ”


                    “เฮ้! นายลืมอะไรไปรึเปล่า ว่านายกับคุณเฉิน เหมือนกันอย่างกับเป็นคนๆเดียวกัน เพราะฉะนั้น ฉันว่าเราควรลองดูนะ” จงอินพูดขึ้นพร้อมทั้งพยักหน้า ซึ่งจงแดต้องยอมรับว่าความคิดนี้ค่อนข้างงี่เง่าทีเดียว


                    “ฉันว่าไม่น่าใช่ ถึงจะเหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่ชะ --” จงแดเถียงอย่างไม่ลดละ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมินซอกจับมือจงแดขึ้นไปทาบนิ้วบนช่องสี่เหลี่ยมนั้นโดยที่ไม่รอให้จงแดพูดจบเสียก่อน


     

     

                ซึ่งผลที่ได้ก็น่าทึ่งมากทีเดียว...

     


     

                    “ใช่...ใช่จริงด้วย” จงแดเบิกตากว้าง มองเห็นเซ็นเซอร์ที่สแกนนิ้วของตน แล้วจากนั้นเส้นที่แดงๆบนตัวเครื่องก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้า หน้าจอที่ตั้งอยู่ก็ทำงาน


                    “นั่นไง หน้าจอติดแล้ว มันต้องใช้ลายนิ้วมือของจงแดจริงๆด้วย!” มินซอกยกยิ้มกว้าง แล้วชี้ไปที่หน้าจอที่ตอนนี้มีแสงไฟลอดขึ้นมาเป็นสีขาว พร้อมด้วยตัวอักษรที่ตัวเล็กพอดู ซึ่งเมื่อทุกคนจ้องเข้าไปก็ได้พบกับคำว่า ‘PASSWORD’ ที่ตรงกลางจอ และมีช่องสี่เหลี่ยมดำๆสี่ช่อง เพื่อให้กรอกรหัสสี่หลัก


                     “รหัสอีกแล้วเหรอ นี่จะเอามาจากไหนกัน” จงอินถอนหายใจออกมา ก่อนที่จงแดจะเห็นอะไรบางอย่าง...

     


     

    ที่มุมด้านขวาของหน้าจอ มีนาฬิกาเวลากระพริบอยู่ที่ตรงนั้น มันกระพริบไว้ที่ตัวเลข ’10.09 PM‘ แล้วนั่นก็ทำให้จงแดยิ้มกว้าง...


    “เขาหยุดเวลาไว้... เพื่อหวังว่าซักวันหนึ่งมันจะเดินต่อ” จงแดกระซิบพร้อมด้วยรอยยิ้ม


    “อะไรนะ?” จุนมยอนถามด้วยความงงงวย


    “เขาหยุดเวลาไว้ เพื่อหวังว่าซักวันนึงผมจะทำให้มันเดินต่อ -- นี่ไงล่ะจุนมยอน รหัสที่ผมหาเจอ!” จงแดพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น เขาไม่รอช้า กดนิ้วแตะไปที่ตัวเลข 1-0-1-0 ด้วยความรวดเร็ว ทุกคนที่เหลือยื่นหน้ามาดูด้วยความลุ้นระทึก


     

    มีหน้าจอเด้งขึ้นมาว่า

    [1] YES                                  [2] NO


     

    จงแดรีบกดเลขหนึ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หน้าจอจะเปลี่ยนไปเข้าสู่ระบบ มันเป็นรหัสที่ถูกต้อง...ตอนนี้จงแดสามารถเข้าสู่หน้าจอหลักได้แล้ว

    บนหน้าจอนั้นมีแฟ้มอยู่แฟ้มเดียว จงแดกดเลขหนึ่งเพื่อเป็นการ ENTER ก่อนที่จะพบว่าในแฟ้มนั้นมีไฟล์อยู่แค่เพียงไฟล์เดียวเช่นกัน


    “มันเป็นไฟล์วิดีโอนี่นา รีบเปิดดูเถอะจงแด” จุนมยอนเขย่าแขนจงแดด้วยความตื่นเต้น จงแดยกยิ้มกว้างพลางพยักหน้าอย่างแรง ส่วนมือก็เลือกไฟล์แล้วกดเลขหนึ่งอีกครั้ง



    จนกระทั่งไฟล์วิดีโอนั้นเล่นขึ้นมาเป็นภาพสีขาวดำ ดูเก่า และคุณภาพของวิดีโอนั้นก็ไม่ชัดเจน แต่มันก็ยังใช้ได้ดีแม้จะเป็นอย่างนั้น

     

     


    “สวัสดี ผม ฟู่ เฉิน อายุ 37 ปี นักชีววิทยาประจำแล็ปโฟร์เค รหัส 021


    ใบหน้าเดียวกันกับจงแดคนที่นั่งอยู่ที่ตรงนี้ ดูเหมือนกันราวกับฝาแฝด แต่ใบหน้าบนจอเล็กๆนั้นดูมีริ้วรอยมากกว่า และแว่นหนาเตอะไม่เข้าสมัยนั้นเป็นร่องรอยที่แสดงว่า คนบนจอนั้นเป็นคนละคนกับจงแดที่นั่งอยู่ตรงนี้ และนอกเหนือจากนั้น เขามีร่องรอยความโศกเศร้าและกังวลอยู่บนใบหน้า ดวงตาแดงก่ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง ฉากหลังของคลิปนั้นทึบทึม ราวกับเขาอยู่ในโรงไม้หรือคอกม้า มีเพียงไฟดวงเล็กที่อยู่เหนือศรีษะเท่านั้นที่พอจะให้แสงสว่าง


    “นี่เป็นเทปที่ 32 และหวังว่ามีเทปต่อไปอีก...ถ้าผมรอด” เขาพูดต่อไป ด้วยประโยคที่ชวนหดหู่เหลือเกิน


    “วันนี้ -- มีการสูญเสียเพิ่มขึ้นอีก” เขาพูดต่อพร้อมทั้งน้ำตาที่เริ่มไหลลงมาอาบแก้มช้าๆ “ผมเสียซิ่วหมินไป...” หลังจากพูดประโยคนั้น เฉินเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักขึ้น เขาซุกหน้าลงกับมือแล้วเริ่มร้องไห้


    ก่อนที่เขาจะหยุดชะงักแล้วปาดน้ำตาอย่างลวกๆ เฉินมองไปด้านหลังจอภาพ ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเขากำลังมองอะไร เพราะเฉินกำลังทำท่าราวกับเงี่ยหูฟังอะไรบางอย่าง

     


    มีเสียงดังตึงมาจากที่ไหนซักที เฉินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดต่อด้วยเสียงที่เบากว่าเดิม “เราไม่มีเวลาอีกแล้ว” น้ำเสียงเขาฟังดูร้อนรน


    “นี่อาจเป็นไฟล์สุดท้ายที่ผมจะได้บันทึกไว้ ก่อนที่จะหายตัวไปอีก ความมืดไม่อาจซ่อนผมไว้ได้ตลอดไป” เฉินกระซิบด้วยน้ำเสียงรัวเร็วหากแต่ยังชัดเจน ใบหน้านั้นมีน้ำตาอาบแก้ม แต่เขาไม่ได้สะอึกสะอื้นอีกต่อไปแล้ว


    “รัฐบาลตลบหลังเรา แล็ปโฟร์เคถูกตั้งขึ้นมาตามคำสั่งรัฐบาล แต่เมื่อผลการวิจัยส่งผลว่าจะเป็นภัยคุกคามของชาติ รัฐบาลจึงมีคำสั่งให้ยุติงานวิจัย แต่นั่นไม่เพียงพอ” เฉินเล่าเรื่องราวเป็นฉากๆ ทุกคำนั้นฉะฉานและเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้น


    “รัฐบาลทำสัญญาตกลงกับเยอรมัน แลกข้อมูลที่เราค้นพบให้เป็นสมบัติของพวกเยอรมัน เพื่อแลกกับการที่เกาหลีจะไม่ต้องถูกล่าอาณานิคม แล้วรัฐฯก็ออกคำสั่งให้ตามเก็บเราทีละคน เพื่อที่ความลับจะเป็นความลับตลอดไป ตอนนี้ทั้งทางรัฐบาลเกาหลีและเยอรมัน ต่างก็หมายหัวพวกเราทุกคนที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งตอนนี้ไคก็ตายไปแล้ว ซูโฮหายไปอยู่ที่ไหนผมเองก็ไม่อาจจะรู้ได้ ผมไม่รู้ว่าเขายังอยู่หรือตายไปแล้ว ทีมผู้ช่วยของเราถูกยิงถล่มที่แล็ปเมื่อสองวันก่อน ผมไม่แน่ใจว่าจะมีใครที่เหลือรอดบ้าง -- แล้วก็ซิ่วหมิน...” เฉินเงียบไปอีกครั้ง


    “เขาถูกยิงขณะที่เรากำลังหนีจากพวกสายลับจากพวกเยอรมันเมื่อตอนค่ำที่ผ่านมา ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกลาหรือได้ฝังศพเขาด้วยซ้ำ...ซึ่งผมเองก็คงเป็นอย่างนั้นเหมือนกันในซักวันหนึ่ง ไม่มีการบอกลา ไม่มีการฝังศพ” เฉินกลืนน้ำลาย พลางทำท่าเงี่ยหูฟังอีกครั้ง


    “วันนี้เราสองคนเอาตัวทดลองทั้งหมด ไปซ่อนเอาไว้ยังที่ๆปลอดภัย ผมมั่นใจว่าพวกรัฐบาลไม่มีทางหาตัวทดลองของเราพบแน่นอน” เฉินยกยิ้มบางๆเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของเขามีแววสดใสขึ้นมา... แต่ก็เป็นเพียงเวลาแค่ชั่ววูบเดียวเท่านั้น


    “ผมแค่หวังว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่ผมจะไปรับเขากลับมา” เฉินพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่เศร้าสร้อยเหลือเกิน...


    “นี่คือเทปสุดท้าย ก่อนที่ผมจะเอามันไปฝากไว้ที่ธนาคารหมายเลข 18/8 และถ้าผมรอด ผมจะกลับไปอัพโหลดคลิปใหม่หลังจากนี้ ในอีก 15 วัน” เฉินกลับมาพูดต่อด้วยเสียงกระซิบ “ซูโฮ ถ้าคนที่เปิดวิดีโอนี้เป็นคุณ ผมอยากให้คุณมาเจอผมหลังจากวันสุดท้ายที่ผมอัพโหลดคลิปวิดีโอนี้ นับไป 15 วันไปเรื่อยๆ ให้เราไปเจอกันในที่ๆแสงสว่างไม่อาจลอดผ่านได้ คุณรู้นะว่าเป็นที่ไหน”


    เฉินเงี่ยหูฟังอีกครั้ง เมื่อเสียงดังตึงตังนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมด้วยเสียงเลื่อยไฟฟ้า หรืออาจจะเป็นสว่านไฟฟ้า ดังลอดออกมาจากในคลิป


    “แต่ถ้าคนที่เปิดนี่คือ คิม จงแด และนั่นเกินกว่า 15 วันที่จะนับได้ และไม่มีคลิปวิดีโอต่อจากนี้ นั่นแปลว่า ฟู่ เฉิน หรือฉันคนนี้ ได้ตายไปแล้ว” จงแดเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเฉินพูดชื่อตนในไฟล์วิดีโอนั้น


    โครม!!


    เสียงดังโครมเข้ามาในคลิปวิดีโอ มันเป็นเสียงที่ดังมาก จนทำให้เสียงลำโพงแตกจนบาดหู มินซอกยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องออกมา จงแดสังเกตุเห็นว่าหลอดไฟในภาพเริ่มติดๆดับๆ และเสียงสว่านก็ดังขึ้นเรื่อยๆ


     

    “ไม่มีเวลาแล้ว!” เฉินผุดลุกขึ้นไปเก็บเอกสารที่เขากองอยู่ด้านหลังแล้วยัดลงกระเป๋า ก่อนที่จะกลับมายื่นหน้าในหน้าจออีกครั้ง “สิ่งที่ต้องตามหาคือ สถานที่ๆแสงสว่างไม่อาจลอดผ่านได้ มันอยู่ใกล้แค่ปลายเท้าของเราจะก้าวไปถึงเท่านั้น! ถ้าไปที่นั่น ก็จะได้คำตอบทุกอย่าง” เฉินพูดรัวเร็วด้วยความตึงเครียด เสียงดังโครมๆนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ จงแดมองไปที่ต้นเสียงอีกครั้งก่อนจะมองกลับเข้ามาในจอ


    “พวกมันหาผมเจอแล้ว ผมคงต้องรีบไปถ้าหากยังอยากมีชีวิตรอด” เริ่มกระซิบอย่างร้อนรนอีกครั้ง เฉินกลืนน้ำลายลงคอ มองตรงมาที่จอ ราวกับจะสบตากับจงแดนิ่งนาน



    ก่อนที่เขาจะเอ่ยถ้อยคำ ที่ทำให้จงแดแข็งทื่อราวกับถูกสาปให้เป็นหิน...


     

    “ลูกเองก็ต้องรอดนะ คิม จงแด...”

     

     

     

    **********




     

     

    “ขอบใจมากนะ คุณแบคฮยอน” จุนมยอนเดินมาส่งแบคฮยอนที่รถของเขา เพราะจงแดไม่สามารถทำได้ในขณะนี้


    “ไม่เป็นไรครับ เป็นห่วงก็แต่จงแด ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งมารู้ว่าพ่อตัวเองเป็นใคร แถมยังเจอสถานการณ์แบบนั้น เป็นผมเองก็คงช็อคเหมือนกัน” แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเบาๆ ในขณะที่ปรายสายตามองเข้าไปในตัวบ้านที่ตอนนี้เปิดไฟดูอบอุ่น แต่แบคฮยอนกลับพบว่าความเศร้าหมองเจือจางอยู่ในอากาศ


    “ผมเองก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน แต่เราคงทำอะไรไม่ได้มากกว่ารอให้เขาดีขึ้นเอง เรื่องมันก็นานมามากแล้ว และผมเองก็คิดว่า พวกเราก็คงต้องได้รับรู้อะไรสะเทือนใจแบบนั้นเหมือนกันในอนาคต” จุนมยอนพูดพลางถอนหายใจอย่างหนัก แบคฮยอนไม่เข้าใจสิ่งที่จุนมยอนพูดนัก แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก เมื่อจุนมยอนตัดบทสนทนาทั้งหมดด้วยการบอกลาเขา


    “งั้นเจอกันใหม่นะครับ คุณแบคฮยอน วันหลังมาทานข้าวเย็นที่บ้านเราเป็นการตอบแทนนะครับ ผมจะให้จงแดเชิญคุณอีกทีเมื่อเราพร้อม” จุนมยอนพูดพร้อมรอยยิ้ม


    “โอ้ ได้เลยครับ ผมไม่พลาดของฟรีแน่ๆ แล้วเจอกันอีกนะครับ” แบคฮยอนพยักหน้าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะขึ้นรถ


    “อ๊ะ เดี๋ยวครับคุณแบคฮยอน” จุนมยอนวิ่งไปเคาะกระจกรถของแบคฮยอน และยืนรอจนกระทั่งแบคฮยอนเปิดกระจกลงมาจนพ้นสายตา “ครับ ว่าไง?” แบคฮยอนถาม


    “คือ.. เรื่องวันนี้ ผมอยากขอร้องคุณแบคฮยอนให้ช่วยเก็บมันเป็นความลับได้มั้ยครับ” จุนมยอนเอ่ยขอ


    “คุณแน่ใจเหรอครับ ที่เราเจอวันนี้ผมว่ามันสำคัญมากเลย มันอาจจะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์เกาหลีได้นะ” แบคฮยอนถามอย่างแปลกใจ


    “ผมอยากรอให้อะไรมันชัดเจนกว่านี้ ผมอยากรู้ว่าตอนนี้เรากำลังค้นหาอะไร อยากให้เราแน่ใจจนกว่าเราจะได้คำตอบ ถึงตอนนั้นเราคงรู้ว่าข้อมูลพวกนี้เปลี่ยนโลกได้มั้ย จนกว่าจะถึงตอนนั้น ผมอยากให้คุณเก็บมันไว้เป็นความลับ” จุนมยอนขอร้องแบคฮยอนด้วยสายตาจริงจัง แบคฮยอนดูเหมือนจะดื้อรั้นอยู่ซักหน่อย หากแต่ไม่เท่าไหร่เขาก็ถอนหายใจและพยักหน้า


    “ผมแค่คิดว่าบทวิจัยนี้จะเป็นผลงานชิ้นเอกของผม” แบคฮยอนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียดาย “ต้องขอโทษที่ผมเห็นแก่ตัวมากไป แต่ผมตกลงครับ ผมจะเก็บมันไว้เป็นความลับ เพียงแต่คุณจะต้องให้ผมเข้าร่วมโปรเจ็คนี้ด้วย เพราะเมื่อถึงตอนนั้น ผมจะได้รู้ว่าผมควรเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับหรือไม่ ตกลงมั้ยครับ”  แบคฮยอนยื่นข้อเสนอ


    “ตกลงครับ เราจะรายงานให้คุณทราบตลอดหลังจากนี้ และคุณเองก็คงต้องช่วยเราด้วยเหมือนกัน จากนี้ไปถ้ามีอะไรให้ตรวจสอบ ผมจะเรียกคุณทันที” จุนมยอนพยักหน้าพร้อมทั้งยกยิ้ม


    “ดีลครับ เพราะงั้นเราคงเจอกันอีกครั้งเร็วกว่าที่คิด” แบคฮยอนพูดพลางยิ้ม เขาใส่เกียร์แล้วเริ่มออกรถ


    “เจอกันพรุ่งนี้ครับคุณจุนมยอน” แบคฮยอนตะโกนด้วยน้ำเสียงเริงร่า ก่อนที่จะขับรถจากไป


    “เจอกันพรุ่งนี้......เลยเหรอ?” จุนมยอนยืนนิ่ง จนกระทั่งแบคฮยอนหายลับจากสายตาไป











    * ไขคำตอบได้อีกข้อแล้วค่าาาาาา*
    *ตอนที่แล้วคนเม้นท์เยอะมาก ดีใจแรง ปกติจะมีคนเม้นท์สองสามคน/ตอน
    ตอนที่แล้วมีตั้งแปดคน ดีใจมากเลยค่ะ น่าร้ากกันทุกคนเลย
    แล้วเค้าจะรีบมาอัพให้อ่านกันนะ เป็นรางวัลสำหรับเด็กดี!*
    *ถ้าชอบรบกวนลง Rating ให้หน่อยนะค้า
    ลงมาสิบกว่าตอนแล้ว เรตติ้งยังศูนย์เปอร์อยู่เลยค่ะ T T*
    *ใครมาเม้นท์ตลอดเค้าจำได้น้า น่ารักมากเลยค่ะ เดี๋ยวมีรางวัลให้ต้อนรับปีใหม่
    แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะให้อะไร ยังไงเดี๋ยวจะบอกอีกทีน้าาา*

    สุดท้ายที่สำคัญ...

    HAPPY NEW YEAR 2016 นะคะ
    อยู่กันมาข้ามปีเลย ขอบคุณทุกคนม้ากมาก
    เค้าสัญญาจะเขียนเรื่องนี้ให้จบ มันอาจจะนานมาก แต่ก็อยากให้อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆนะ T T
    ขอให้ทุกคนที่เห็นข้อความนี้มีความสุขมากๆตลอดปี 2016 นะคะ
    สุขภาพร่างกายแข็งแรง เงินทองไหลมาเทมา ใช้ไม่หมด
    ใครเรียนอยู่ก็ขอให้ได้เกรดเอ ใครทำงานแล้วก็ขอให้เจ้านายเพิ่มเงินเดือนนะ อิอิ
    อยู่ด้วยกันไปตลอดปีนี้เลยนะคะ

    สวัสดีปีใหม่ค่าาาาาาาาา :D




    O W E N TM.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×