คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : CHAPTER XII
จงอินตื่นขึ้นมากลางดึก ถึงแม้จะพูดว่าตื่นขึ้นมา แต่ความจริงแล้วจงอินนอนไม่หลับเลยแม้แต่น้อย เขาเดินออกมานอกระเบียงเพื่อหวังว่าจะสูดอากาศ ซึ่งแม้ว่าอากาศภายนอกจะหนาวมาก แต่จงอินกลับพบว่ามันทำให้สมองเขาปลอดโปร่ง เขาหายใจมองควันสีขาวที่ลอยออกมาจากปาก ก่อนจะกระชับเสื้อคลุมกันหนาวให้แน่นขึ้นเล็กน้อย
“นอนไม่หลับเหรอครับพี่จงอิน” เสียงนั้นดังขึ้นมาจากระเบียงของห้องข้างๆ มันอยู่ห่างกันไม่ถึงเมตร ทำให้จงอินเห็นว่าใครที่ส่งเสียงทักเขา ซึ่งก็เป็นคยองซูนั่นเอง เขาดูน่ารักในชุดนอนสีน้ำเงินอมฟ้าของเขา กับเสื้อกันหนาวสีเทามีเฟอร์สีขาวฟูฟ่องอยู่รอบคอ ทำให้เขาดูน่ารักน่าเอ็นดูมากทีเดียว
“อืม นอนไม่หลับน่ะ” จงอินตอบไปเสียงแผ่ว ให้ตายเถอะ หัวใจจะเต้นเร็วมากเกินไปแล้ว
“เหมือนผมเลยครับ นอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ ผมเห็นว่าพี่จงอินเดินออกมา เลยจะออกมาคุยเป็นเพื่อน” คยองซูยิ้มร่า ไม่พูดเปล่า... คยองซูเดินมาเกาะระเบียงฝั่งของห้องเขา ซึ่งทำให้เราสองคนอยู่ห่างกันไม่เท่าไหร่นัก
“เรียกฉันว่าพี่ อายุเท่าไหร่แล้วล่ะเรา” จงอินยิ้มถาม ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่ไม่เลวเท่าไหร่นัก
“ผมอายุ 19 ครับ ย่างเข้า 20 เดือนมกราที่จะถึงนี้แล้ว” คยองซูตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างดังเดิม ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือแก้มของเขาเริ่มเป็นสีแดงขึ้นมาเล็กน้อย
“จริงเหรอ ฉันเองก็เกิดเดือนมกราเหมือนกัน นายเกิดวันที่เท่าไหร่ล่ะ” จงอินถามอย่างสนอกสนใจ
“วันที่ 12 ครับ -- 12 มกราฯ แล้วพี่จงอินล่ะครับ” คยองซูตอบด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนจะถามกลับ
“ฉันเกิดวันที่ 14 มกรา -- ว้าว เราเกิดห่างกันแค่วันเดียวเองนะเนี่ย ช่วงวันเกิด ถ้านายว่างก็ไปเที่ยวโซลสิ ไปฉลองวันเกิดกัน” จงอินยิ้มร่า ก่อนจะชักชวนให้คยองซูไปเที่ยวที่โซลด้วยกัน
“ความจริงแล้ว ผมกำลังจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยฮันกุกครับ เพิ่งจะเข้าปีหนึ่ง ช่วงนั้นผมเองก็คงต้องเข้าโซลแล้วครับ แต่ตอนนี้คงต้องไปหาหอพักก่อน” คยองซูตอบ พร้อมทำสีหน้าครุ่นคิด ช่วงเวลานี้ทำให้เขาดูน่ารักเอามากๆ
“หืม.. ม.ฮันกุกเหรอ? จงแดก็กำลังจะเข้าเรียนที่นั่นเหมือนกัน ถ้าไม่มีที่อยู่ก็มาอยู่ที่บ้านเราสิ ที่นั่นมีห้องว่างไม่มีคนอยู่หลายห้องเลยล่ะ” จงอินหันไปมองเด็กน้อย ที่ตอนนี้หันมาสบตากับเขาด้วยนัยตาเบิกกว้างด้วยความตกใจไม่น้อย
“จริงเหรอครับ ได้จริงเหรอ แล้ว...แล้วจะรบกวนหรือเปล่า เราเพิ่งรู้จักกันวันเดียว พวกพี่ๆคนอื่นจะไม่ว่าเอาเหรอครับ” คยองซูถามด้วยเสียงดัง พูดรัวเร็วด้วยความตื่นเต้น
“ได้จริงสิ ถือว่าฉันช่วยดูแลนายแทนคุณกึนยองด้วยไงล่ะ แล้วอีกอย่าง...ถ้าเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องจริง ฉันว่าเรารู้จักกันมานานแล้วนะ -- รู้จักกันมากกว่าวันเดียว” จงอินยกยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปสบตากับคยองซู
ชั่วขณะนั้น จงอินรู้สึกได้ว่าหัวใจรู้สึกสงบอย่างประหลาด เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไป มันลึกซึ้งมากกว่าคำว่า “รู้จักกัน” อย่างมาก จงอินไม่แน่ใจนักว่าที่แก้มคยองซูขึ้นสีแดงเรื่อนั้น จะเป็นเพราะว่าความรู้สึกเคอะเขินเหมือนกับที่จงอินกำลังรู้สึกหรือเปล่า เคอะเขิน -- แต่รู้สึกดี
“...พี่จงอิน” คยองซูพูดขึ้นมาเสียงแผ่วเบา ในขณะที่ทั้งสองคนเงียบไปในอึดใจหนึ่ง
“หืม ว่าไงครับ” จงอินหันไปสบตาเด็กหนุ่ม ก่อนจะตอบรับ
“พี่จงอินเชื่อเรื่องพวกนี้ไหม ที่เรากำลังเจออยู่ -- เรื่องภพชาติก่อน.. พี่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า”
“..............................”
จงอินเงียบไปชั่วขณะ เขาพบว่าตัวเองไม่ทราบคำตอบว่ารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่ได้ปักใจเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ทุกอย่างที่เขาพบเจอในชั่วที่ผ่านมาไม่นานนี้ ได้ทำลายความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์กับความคิดพวกนั้นไปเลยหมด เขาค้นพบหลายอย่างที่บังคับให้ตัวเองต้องเชื่อ แต่เขาเองก็ไม่แน่ใจนัก ว่าเขาเชื่อเรื่องนี้สนิทใจหรือยัง
“ไม่รู้สิ… ความจริงฉันเองก็ไม่อยากเชื่อหรอก แต่ทุกอย่างมันออกมาเป็นแบบนี้ พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าควรรู้สึกยังไง” จงอินตอบด้วยน้ำเสียงลังเล และไม่แน่ใจนัก คยองซูพยักหน้าเงียบๆเมื่อได้ฟัง ก่อนจะพูดต่อ
“ตอนคยองยังเด็ก คยองเคยน้อยใจนะครับ คยองไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนต้องเอาคยองไปเปรียบเทียบกับคุณตาหมดทุกอย่าง ตั้งแต่การพูดการจา คำพูดติดปาก วิธีการกิน วิธีการเดิน… คยองได้ยินมันมาตั้งแต่ยังเด็ก เหมือนกับว่า...ถึงคยองจะไม่เชื่อ คยองก็จำเป็นต้องยอมรับว่ามันใช่ -- แต่ไม่เลยครับ คยองไม่เคยคิดว่ามันใช่ จนกระทั่งวันนี้... วันที่พี่จงอินกลับมาตามหาคุณตาจริงๆ” คยองซูพูดเบาๆราวกับเสียงกระซิบ ในประโยคนั้น จงอินรู้สึกว่ามันทำให้เขาอบอุ่น
“ตอนนี้...คยองเชื่อมันนะครับ”
“.........................................”
ประโยคนี้มีผลต่อจิตใจของจงอินอย่างมาก ไม่น่าเชื่อว่าความรู้สึกวูบวาบนั้นเกิดขึ้นมาได้ เพียงแค่คยองซูตวัดสายตามามองเขาเท่านั้น ความรู้สึกนี้ดึงดูดให้จงอินรู้สึกว่ามีบางอย่างถาโถมเข้ามาในใจของเขา ซึ่งจงอินก็แน่ใจมากว่าคยองซูก็คงเป็นไม่ต่างกัน
“แค่เราเชื่อ มันก็ใช่” จงอินเอ่ยออกมาเบาๆ หลังจากที่ทั้งสองคนมองตากันอยู่ซักครู่หนึ่ง ความเงียบนั้นไม่ได้น่าอึดอัด แต่มันรู้สึกว่ายาวนานเหมือนเป็นนิรันดร์..
“รู้อะไรไหม ถ้าตัดเหตุผลทุกอย่างออกไป -- พี่ก็เริ่มจะคิดว่ามันใช่เหมือนกัน”
เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนตื่นแต่เช้าตรู่ จุนมยอนพบว่าอากาศที่กวางจูดีมาก จนเขาคิดว่าสมควรจะมีบ้านพักตากอากาศซักหลัง มื้อเช้าที่บ้านของกึนยองดีและอบอุ่นมาก ฝีมือการทำอาหารของสองแม่ลูก อร่อยจนทำให้พวกเขาลืมคิดถึงอาหารฝีมือคุณพ่อบ้านไปเสียสนิท
ทุกคนรีบแต่งตัวกันอย่างรวดเร็ว และออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้า เพื่อไปเคารพศพของคังอู จงอินขอร้องให้จงแดที่วันนี้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ช่วยแวะร้านดอกไม้สด เพื่อที่เขาจะได้นำไปวางหน้าหลุมศพของคังอู
“คิดไม่ผิดเชียวค่ะว่าคุณต้องทราบ ดอกไม้ที่คุณพ่อชอบก็คือดอกลิลลี่สีขาว” กึนยองพูดขึ้นเมื่อพวกเขาพบหน้ากันที่หน้าสุสานกลางเมืองกวางจู “และคยองซูเองก็ชอบเหมือนกัน” กึนยองพูดต่อพร้อมด้วยรอยยิ้ม
ราวกับมีความนัยอะไรบางอย่างในประโยคนั้น ซึ่งจงอินก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกจากส่งรอยยิ้มให้เธอ
“คยองซูบอกฉันแล้วนะคะ เรื่องที่คุณชวนให้เขาไปอยู่กับคุณที่โซล” กึนยองพูดต่อเมื่อเห็นว่าจงอินไม่ได้พูดอะไร
“ครับ ผมเห็นว่าที่บ้านมีห้องว่างอยู่ ผมจะได้ช่วยดูแลเขาแทนคุณด้วยอีกแรง ไม่ต้องเปลืองเงินไปเช่าหอพัก จงแดเองก็จะเข้าไปเรียนที่นั่นด้วยเหมือนกัน ผมว่ามันก็โอเคนะครับ ถ้าเขาจะไปอยู่กับผม” จงอินพยักหน้าก่อนจะเริ่มอธิบาย กึนยองไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากยกยิ้มที่ทำให้จงอินรู้สึกเคอะเขิน
“ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงไม่ตกลงแน่ๆค่ะ... แต่เพราะเป็นคุณ ฉันถึงได้บอกว่า ขอฝากคยองซูด้วยนะคะ ดูแลเขาให้ดี -- ดีเหมือนที่คุณเคยทำกับฉัน” กึนยองจับมือจงอินขึ้นมาบีบเบาๆก่อนจะยิ้มให้ ก่อนที่คยองซูและคิมอีกสามคนจะเดินเข้ามาสมทบกับพวกเขาในที่สุด
“ผมมาแล้วนะคังอู… ขอโทษที่ทำให้คุณต้องรอ”
จงอินกระซิบแผ่วเบา เป็นจังหวะเดียวกับที่สายลมพัดมาราวกับว่าคังอูได้รับรู้แล้วถึงคำเหล่านั้น เขาวางช่อดอกไม้แสนสวยลงที่หน้าแท่นหินอ่อน สลักเสลาชื่อสวยงาม และคำจารึกนั้นก็มาจากบทหนึ่งในพระคำภีร์ ซึ่งสวยงามเกินกว่าที่จงอินจะละสายตาจากถ้อยคำนั้นได้
“ผมขออยู่คนเดียวซักครู่ได้มั้ยครับ” จงอินหันไปมองกึนยองและเพื่อนๆที่อยู่ด้านหลัง และร้องขอด้วยน้ำเสียงเว้าวอนที่สุดเท่าที่จะทำได้ จงแดที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงพยักหน้าแล้วหันมาตบบ่าของจงอินเบาๆ
“เอาเถอะเพื่อน ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็เรียกแล้วกันนะ” จงแดพูด พร้อมๆกับที่ทุกคนยิ้มส่งให้เขาและเริ่มเดินถอยออกไป เพื่อที่จะให้จงอินได้ใช้เวลาตรงนี้
“ฉันหมายถึง ทุกคนยกเว้นคยองซูน่ะ -- อยู่นี่กับฉันนะ ได้มั้ย?” จงอินพูดต่อเมื่อเห็นว่าคยองซูกำลังเดินออกไปเป็นคนแรก หากแต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อจงอินขอร้องให้เขาอยู่
“อื้อ ได้สิครับ” คยองซูพยักหน้ารับแล้วเดินย้อนกลับมายืนที่ข้างๆจงอินอย่างที่เขาต้องการ
คยองซูมองดูจงอินที่ก้มหน้ามองแท่นหินอ่อนหน้าหลุมศพเงียบๆ จงอินไม่ได้พูดอะไรอีกเลยจนกระทั่งทุกคนเดินหายไปจากสายตา คยองซูกำลังรู้สึกอึดอัดกับความเงียบที่ได้รับ
เขาเองไม่แน่ใจนักว่าตัวเองกำลังรู้สึกไม่พอใจอะไรหรือเปล่า แค่เพราะจงอินจ้องมองหลุมศพนั้นไม่ละสายตา ราวกับว่าเขาลืมไปแล้วว่าคยองซูกำลังยืนอยู่ตรงนี้ ซึ่งคยองซูเองก็รู้สึกว่ามันบ้ามาก ที่ดันเผลอไปหึงกับอะไรที่ไม่มีชีวิต เขาเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าขึ้นมาก็ตอนนี้
เดี๋ยวนะ... เมื่อกี้เขาเพิ่งคิดว่าตัวเองกำลังหึง?
ความรู้สึกงี่เง่ากว่าเดิม เข้ามาแทรกซ้อนในความคิด แต่ยังไม่ได้ทันได้ต่อว่าตัวเองมากนัก จงอินก็พูดแทรกขึ้นมาในความเงียบนั้นเสียก่อน
“ฮัน คังอู… ถ้าผมคือไค ผมอยากจะบอกว่าผมเสียใจ และผมขอโทษ” จงอินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา คยองซูเห็นว่าจงอินกลืนน้ำลายลงไปในคอครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดต่อ “ถ้าหากว่าทุกอย่างนี้เป็นเรื่องจริง นั่นหมายความว่าผมกลับมาหาคุณแล้วในที่สุด ผมอาจมาช้าไป แต่ผมรู้ดีว่า..ในขณะที่คนอื่นบอกโลกหลายร้อยพันคนไม่มีโอกาสแม้แต่จะรู้ว่าเขาเคยเป็นใคร เคยทำผิดอะไร แต่ผมมีมันทั้งหมด -- ผมมีโอกาสแก้ไข และผมเชื่อว่าการที่คยองซูกำลังยืนอยู่ตรงนี้ นี่คือโอกาสครั้งใหม่ของผม”
จงอินเงยหน้าขึ้นสบตากับคยองซู เขายื่นมือไปคว้ามือเล็กนั้นมาจับไว้แล้วกระซิบถ้อยคำที่ทำให้คยองซูรู้สึกว่าโลกทั้งใบกลายเป็นของเขาคนเดียวแล้วในตอนนี้
“พี่เชื่อแล้วนะ...ว่ามันใช่ เพราะฉะนั้นจากนี้ไปพี่จะดูแลเราให้ดีที่สุด” จงอินบีบมือคยองซูเบาๆ และเมื่อนั้นคยองซูรู้สึกได้ถึงสายลมที่พัดมากระทบที่ข้างแก้มเบาๆ ในท้องนั้นกลับร้อนวูบวาบจนเขาแทบรู้สึกไม่เป็นตัวเอง
“อยากจะมาดูแลกันเพราะรู้สึกผิด แบบนี้ไม่แฟร์เลยนะครับ พี่ไม่คิดเหรอครับ ว่าอดีตก็คืออดีต” คยองซูจ้องตาอีกคนกลับไป แต่ก็ยังปล่อยให้พี่เขาจับมือตัวเองไว้แบบนั้น
จงอินหลุดขำออกมาเล็กน้อย เมื่อได้ยินอย่างนั้น จงอินไม่ได้ตอบคำถามในทันที แต่เขาก้มลงดึงดอกลิลลี่ดอกหนึ่งในช่อแสนสวยออกมา แล้วยื่นให้กับคยองซูช้าๆ
“ความจริงพี่อาจปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้น ก็แค่อดีต ช่างหัวมันไปก็ได้จริงไหม” จงอินพูดเมื่อคยองซูยื่นมือมารับดอกไม้ไปถือไว้ในมือ
“แต่ในเมื่อพี่เจอเราแล้ว และพี่เชื่อความรู้สึกตอนนี้ พี่เชื่อที่มันบอกว่าพี่ไม่ควรปล่อยมือ” เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกไป เขาก็พบว่าดวงตาคู่โตนั้นมีแวววูบไหว จงอินยกยิ้มบางๆด้วยความรู้สึกมั่นใจ ราวกับว่าต้นไม้ที่ตายไปแล้วถูกรดน้ำให้กลับมาเติบโตได้อย่างช้าๆ
“ตอนนี้รู้สึกเหมือนกันแล้วใช่ไหม -- ว่ายังไงก็ไม่ควรปล่อยมือ”
“แล้วพวกเราจะเอายังไงต่อดี” มินซอกถามขึ้น หลังจากที่เดินมาหยุดรอที่รถ พวกเขาทั้งสามคนมองจงอินจากที่ไกลๆ ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจงอินกำลังพูดหรือทำอะไรอยู่
“ตอนนี้จงอินได้คำตอบแล้ว และก็ยังเหลือคำถามที่ค้างคาอีกหลายข้อ” จุนมยอนพูดขึ้นพลางถอนหายใจออกมาหนักๆ
จงแดเริ่มขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ผมคิดว่าเรื่องที่ไคหายไป น่าจะเกี่ยวข้องกับพวกเรานะ... ผมหมายถึง มันน่าจะเกี่ยวข้องกับปริศนาข้อต่อไปของเรา” จงแดพูด พร้อมทั้งกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิด ซึ่งไม่ได้ต่างจากทั้งมินซอกและจุนมยอนมากนัก ทั้งสองเองก็มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นเดียวกัน
“งั้นก็แปลว่ายังมีปริศนาอื่นๆหลงเหลืออยู่ในบ้านน่ะสิ ใช่มั้ย” มินซอกถามด้วยความกังวล
“ผมก็หวังว่าเป็นอย่างนั้น แต่ใจผมโอนเอียงไปที่กระเป๋าใบนั้นของจงแดมากกว่า ผมเกรงว่าปริศนาข้อต่อไปจะอยู่ในนั้น” จุนมยอนตอบกลับ ซึ่งนั่นก็ทำให้จงแดหน้าเสียขึ้นมาทันที
“ผมจะรีบหาตัวเลขชุดสุดท้ายให้เจอ แล้วเราจะได้ไปต่อกันซักที” จงแดตอบกลับพร้อมกับคิ้วขมวด
“ไม่ได้อยากกดดันคุณนะ ยังไงก็เถอะ...ค่อยๆหาไป แต่ต้องชัวร์ที่สุด” จุนมยอนตบบ่าจงแดเบาๆ ซึ่งจงแดก็พยักหน้ารับ แต่ในใจนั้นวิ่งวุ่นไปแล้ว “อืม ผมจะรีบหาให้เจอเร็วที่สุดนะ”
“จงอินมาโน่นแล้วล่ะ เรากลับกันเถอะ”
มินซอกเรียกทั้งสองคนให้หันไปมองจงอินที่เดินจูงมือคยองซูเข้ามาหาพวกเขา ทั้งหมดมารวมตัวกันแล้วเริ่มตกลงแผนการเดินทางและแผนการคร่าวๆ ว่าพวกเขาจะมีเวลาเท่าไหร่ ที่จะพอให้จงอินได้เข้าไปเก็บข้อมูลในบ้านของกึนยองเพิ่มเติมและร่ำลาคยองซู เพื่อกลับไปบ้านของพวกเขาที่โซล
ซึ่งแผนการนั้นจะต้องกระชับและรวดเร็ว มากเพียงพอที่จะทำให้จุนมยอนและมินซอกไม่เพลีย และไม่ตัดสินใจโดดงานในวันพรุ่งนี้
* จะขอปฏิญาณกับตัวเองว่า ถึงไม่มีคนอ่านก็จะหน้าด้านเขียนต่อไป
5555555555555555555555555555555555555555555555555 *
ความคิดเห็น