ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO) LOST IN TIME (4KIM: KAI CHEN XIUMIN SUHO ft. EXO)

    ลำดับตอนที่ #11 : CHAPTER X

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 58






    CHAPTER X






    ความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ปั่นป่วนรบกวนจิตใจคิมทั้งสี่ไปตลอดทั้งวัน ไม่ใช่เพราะว่าเกิดป่วยพร้อมกัน แต่เป็นเพราะไม่มีอะไรคืบหน้าเลยในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องกุญแจของจงอินด้วยเช่นกัน

    รหัสผ่านที่จงแดคิดนั้นผิดสนิท ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลยหลังจากที่เขาหมุนรหัสครบทั้งสี่หลัก พวกเขาเสียโอกาสหนึ่งครั้งไปอย่างสูญเปล่า..


    หลังจากนั้นสองสามวัน พวกเขาก็ลองรหัสอีกชุดหนึ่ง ทั้งสี่คนลงความเห็นว่าเลขที่บ้านที่พวกเขากำลังอาศัยอยู่ด้วยกันนั้นอาจมีความเป็นไปได้ เมื่อทดลองเลข ‘1808’ ดู 


    แต่พวกเขาก็ต้องพบความผิดหวังอีกครั้ง..


    และถึงแม้พยายามจะคิดตัวเลขออกมาหลายต่อหลายชุด ทั้งสี่คนก็พบว่ามันไร้สาระมากเกินกว่าที่จะลอง ไม่มีเลขชุดไหนเลยที่จะทำให้พวกเขามั่นใจ จนถึงขั้นทดลองดูเป็นครั้งที่สุดท้าย

    ความเครียดเริ่มทวีคูณขึ้นทุกที จงแดเริ่มกลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย เขากลายเป็นคนที่บ่นกระปอดกระแปดและมักจะสบถออกมาเวลาที่คิดอะไรไม่ออก เพราะหมกมุ่นและใช้ความคิดมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้



    “เอาล่ะ ผมอยากให้คุณค่อยๆคิดไป และใจเย็นๆ ผมรู้ว่าคุณอยากได้คำตอบของเรื่องพวกนี้มาก แต่ถ้าคุณยิ่งเครียดมันจะยิ่งแย่” จุนมยอนพูดขึ้นในขณะที่เรากำลังทานอาหารเช้ากัน จงอินและมินซอกพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับที่จุนมยอนกำลังพูด


    “ผมจะพยายาม แต่คุณก็รู้ว่าผมเป็นพวกจมจ่อมกับอะไรที่ติดอยู่ในหัว แต่ก็นั่นแหละ.. ผมจะพยายาม” จงแดถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ารับคำ


    “นายกลับไปทำงานดีกว่าไหม จะได้ไม่หมกมุ่นมาก” จงอินหันไปถามด้วยความเป็นห่วง



    “ไม่ล่ะ ฉันคิดว่าฉันจะไปสมัครเข้าเรียนมหาลัยฯ เพราะว่าฉันจบแค่ม.6 และฝันอยากจะเรียนมานานแล้ว” จงแดเริ่มยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อพูดอย่างนั้น ย้อนไปเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนที่พวกเขาเจอสมุดบัญชีของจงแดที่ตู้เซฟ วันรุ่งขึ้นจงแดก็ลาออกจากการเป็นเด็กส่งพิซซ่าทันที เพื่อที่เขาจะได้ใช้เวลาทั้งวันในการสืบหาข้อมูลต่างๆในบ้าน


    “เรียนมหาลัยเหรอ? ความคิดดีนี่นา นายอยากลงเรียนคณะอะไรล่ะ” จงอินถามต่อ


    “ฉันสนใจคณะวิทยาศาสตร์ สมัยเรียนมัธยมฉันชอบเรียนเคมีกับชีวะมาก ฟิสิกส์ก็...คิดว่าชอบมั้งนะ” จงแดพูดพลางยิ้ม


    “ว้าว ไม่น่าเชื่อนะเนี่ยว่าหน้าอย่างนายจะเรียนสายวิทย์มาด้วย” จงอินแหย่ ซึ่งมินซอกก็หัวเราะออกมาเบาๆอย่างขำๆในประโยคแซวนั้น


    “เห็นอย่างนี้ก็เถอะ ท็อปสิบของห้องตลอดนะครับ โธ่ ไม่อยากจะคุย” จงแดปาดเนยบนขนมปัง ตามด้วยแยมส้ม ก่อนจะวางลงบนจานของมินซอก “แต่ตอนนั้นฉันไม่มีปัญญาหาเงินเรียนต่อ” จงแดพูดต่อพลางยักไหล่


    “แต่ตอนนี้คุณมีเงินเยอะแยะ จะลงเรียนตรีซักสามสี่ใบยังไหวเลย” มินซอกหัวเราะก่อนเอ่ยแซว


    “นั่นสิ ผมเห็นด้วยนะที่คุณจะไปสมัครเรียน ผมรู้จักอธิการบดีมหาลัยฮันกุกนะ ถ้าคุณสนใจเรียนที่ม.ฮันกุก ผมจะติดต่อให้เลย” จุนมยอนเอ่ยถาม พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนหาอะไรซักอย่าง ที่จงแดเข้าใจว่าน่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ของอธิการบดีเพื่อนของเขา


    “ม.ฮันกุกก็น่าสนใจ ยังไงผมฝากคุณด้วยนะจุนมยอน” จงแดยิ้มกว้างอย่างประจบประแจง แต่ดูๆไปแล้วจุนมยอนเองดูจะตื่นเต้นและกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือมากเกินไปด้วยซ้ำ


    “ได้สิ เดี๋ยวผมจัดการให้นะจงแด เอ้อจริงสิ วันนี้ผมจะไปประชุมที่โรงแรมxx ผ่านทางบ้านเด็กที่มินซอกทำงานอยู่พอดี เดี๋ยวผมจะไปส่งมินซอกให้เองนะ” จุนมยอนขันอาสา จงแดตั้งท่าจะขัด แต่มินซอกกลับพูดขึ้นมาซะก่อน


    “ดีเลยครับคุณจุนมยอน ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอจงแดแต่งตัวด้วย เราจะไปกันเลยไหมครับ?” มินซอกถาม


    “ครับ เราไปกันเลยดีกว่า” จุนมยอนชักชวนมินซอกให้เดินออกจากบ้านไปด้วยกัน มินซอกก้มลงมาจูบแก้มจงแดหนหนึ่งแล้วบอกกับเขาว่าหากถึงแล้วจะรีบไลน์หาทันที จงแดก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะบอกให้มินซอกรีบไปจุนมยอนจะได้ไม่รอนาน





    “น่ารักดีนะพวกนาย ดูเหมือนคบกันมานานมาก” จงอินเอ่ยแซว เขาเริ่มต้นทานขนมปังของเขาแล้ว หลังจากที่จงแดเห็นว่าเขานั่งมองมันมาตั้งแต่เช้าแล้ว สงสัยจะกลัวอ้วนแต่ตอนนี้คงอดใจไม่ไหวสิท่า


    “เข้ากันได้ดีเลยน่ะ ถ้าตามที่เห็นก็น่าจะคบกันมาตั้งแต่ชาติทีแล้ว” จงแดยกยิ้มขำ ซึ่งจงอินเองก็เข้าใจว่าจงแดหมายถึงรูปที่พวกเขาเจอบนห้องนอนนั้น


    “ว่าแต่.. นายไม่รีบไปที่โรงเรียนเหรอจงอิน?” จงแดถามขึ้นอย่างแปลกใจ จงอินยังอยู่ในชุดนอน และเขาเองก็ไม่ได้รีบร้อนออกไปเหมือนที่เคยทำทุกวัน


    “อืม.. ฉันเลิกสอนแล้ว แค่เข้าไปช่วยดูที่โรงเรียนบ้างเวลาที่มีครูขอลา แล้วก็มีรับจ๊อบงานแสดงบ้างนิดหน่อย ฉันอิ่มตัวแล้วน่ะ อยากทุ่มให้เรื่องนี้มากกว่า” จงอินยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ก่อนจะยักไหล่อย่างชิลๆเมื่ออธิบายกับจงแดอย่างนั้น


    “ดีเลย จะได้มาช่วยกัน ฉันเองก็อยู่บ้านคนเดียวกับคุณพ่อบ้าน เหงาจะตาย แบบว่าเขาไม่ค่อยคุยกับฉันน่ะ” จงแดยักไหล่พูดอย่างขำๆ


    “เขาแทบไม่พูดกับใครเลยมากกว่า ดูเป็นคนเงียบๆ แต่ก็ทำกับข้าวอร่อยดีนะ”  จงอินพูดขำๆ


    “ซึ่งก็ถือว่าดีมากเลยสำหรับคนอดอยากอย่างฉัน ตอนนี้ฉันว่าฉันอ้วนขึ้นมานิดนึงล่ะนะ เพราะได้ทานอะไรดีๆ เมื่อก่อนนี้เป็นยาจก กินแต่มาม่าจนหัวล้านหมดแล้ว” จงแดไม่พูดเปล่า เขาเดินไปที่หน้ากระจกที่ติดเอาไว้ตรงประตูหน้า แล้วเริ่มหันซ้ายขวามองไรผมของตัวเอง


    “เอาน่า มันก็ไม่ได้ล้านเท่าไหร่หรอกนั่นน่ะ แค่เกือบๆ -- เฮ้ จงแด ฉันขอขึ้นไปนอนต่อก่อนล่ะนะ สายๆค่อยว่ากันว่าจะเอาไงต่อ” จงอินยกแก้วนมร้อนของเขาขึ้นจิบเบาๆอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วโบกมือลาจงแดที่กำลังส่องกระจกอย่างสบายอารมณ์


    “โอเค ฉันเองก็ว่าจะขึ้นไปนอนต่อซักงีบเหมือนกัน เผื่อตื่นมาจะคิดอะไรดีๆได้ซักหน่อย เหอะ หวังว่านะ” จงแดพูดพลางกลอกตา ก่อนจะโบกมือลาจงอินที่เดินโขยกเขยกขึ้นไปที่ชั้นสองแล้ว










    เป็นอีกครั้งที่จงอินนอนมองรูปใบเล็กในมือแล้วใช้นิ้วหัวแม่โป้งลูบมันเบาๆอย่างรักใคร่ เขาลอบถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัด จงอินแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก เฝ้าครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรกับลูกกุญแจที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงของเขา

                  “ฉันอยากเจอนาย.. ไม่ว่านายจะเป็นใครก็ตาม ฉันอยากพบนาย ความรู้สึกพวกนี้มันคืออะไรกันนะ”



    จงอินกระซิบบ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่เขาจะตัดใจวางรูปนั้นไว้ข้างกับกุญแจทอง แล้วเริ่มเดินไปทั่วห้อง เพื่อค้นหาข้อมูลอะไรที่อาจจะเหลือรอดจากสายตาเขา

    บรรยากาศในห้องมืดสลัว ยากต่อการมองหรือค้นหาอะไร จงอินจึงตัดสินใจเปิดม่านและหน้าต่างห้องออกกว้าง เพื่อให้แสงสว่างได้ส่องเข้ามาภายในห้องมืดทึม สายลมหนาวพัดเข้ามาเบาๆ ทำให้จงอินรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย เขาเริ่มทำการรื้อตู้เสื้อผ้านั้นใหม่ ค้นกระเป๋าเสื้อทุกตัว และรื้อลิ้นชักโต๊ะและตู้ทุกตัวที่เปิดได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่อย่างเดียว



    จงอินใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนวันในการรื้อค้นไปทั่วห้อง จนกระทั่งเขาค้นพบว่าไม่มีอะไรเลยในนั้น


    “โธ่โว้ย! นี่มันน่าหงุดหงิดเกินไปแล้วนะ” จงอินร้องออกมาในขณะที่กระแทกลิ้นชักตู้ทรงสูงที่อยู่ตรงมุมห้องเสียงดังจนน่ากลัวว่าตู้จะหักออกเป็นสองส่วนซะแล้ว


    “เอาหน่า ค่อยๆหา กว่าฉันจะเจอไอ้ซองจดหมายนั่นก็ตั้งนานนะพวก” จงแดยืนกอดอกพิงกรอบประตูอยู่หน้าห้อง แต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับจงอิน อาจเพราะว่าทั้งห้องเกลื่อนไปด้วยเสื้อผ้า หนังสือ และอะไรต่อมิอะไรที่จงอินขว้างลงมาที่พื้นจนแทบไม่มีที่จะเดิน


    “แต่มันน่าจะเจอเบาะแสอะไรบ้างนี่หว่า” จงอินล้มตัวลงนอนแผ่กับเตียง ก่อนจะเป่าปากดังฟู่จนผมหน้าม้าสะบัดออกไปจากหน้าผาก


    “ฉันคิดว่ามันน่าจะอยู่ในที่ๆเราคาดไม่ถึง ดูอย่างซองจดหมายที่ฉันเจอสิ คนบ้าที่ไหนวะจะไปหนีบไว้ที่ขาเตียง” จงแดพูดติดตลก ซึ่งก็ทำให้จงอินเริ่มเห็นด้วยเล็กน้อยว่ามันคงไม่อยู่ในที่ๆหาเจอได้ง่ายในครั้งเดียวแน่ๆ


    “ก็หวังว่าจะเจอซักที อยากให้มันคืบหน้าบ้าง แต่ก็เอาเถอะ วันนี้ฉันคงพอแค่นี้ก่อน” จงอินพูดพลางดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง กวาดตามองไปรอบห้องแล้วไปหยุดสายตาที่จงแด


    “เฮ้ ขอร้องไรอย่างสิ” จงอินพูดขึ้น


    “อะไร?” จงแดเลิกคิ้วขึ้นมองคนถามอย่างไม่เข้าใจนัก


    “ช่วยเก็บห้องที ทำคนเดียวไม่ไหวแล้ว” จงอินยกยิ้มบางๆขึ้นมา เมื่อเห็นว่าจงแดทำหน้าเหยเกใส่เขา


    “โว้ย  รู้งี้ไม่มายืนดูซะก็ดี” จงแดกลอกตาก่อนจะบ่นพึมพำอย่างเสียอารมณ์


    “เอาหน่าเพื่อน เป็นเพื่อนกันแล้วต้องช่วยกันดิวะ” จงอินหัวเราะเสียงดังก่อนจะดึงให้คนเป็นเพื่อนเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะเริ่มต้นเก็บของไปพร้อมกับเสียงบ่นกระปอดกระแปดไม่ได้หยุดของจงแด









    จงอินและจงแดช่วยกันเก็บของที่คิดว่าไม่จำเป็นลงกล่อง เพราะของพวกนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บไว้ให้รกห้อง หรือไม่ถ้ามีประโยชน์จงอินค่อยนำมันออกมาจากกล่องก็ได้ เหตุผลง่ายๆคือเขาอยากเคลียร์ของให้ห้องสะอาดมากขึ้นก็เท่านั้น


    “ค่อยยังชั่ว ก่อนหน้านี้ของมันเยอะแต่ฉันไม่กล้าแตะอะไรมาก ตอนนี้มันกลายเป็นห้องของฉันจริงๆแล้วสินะ” จงอินยกยิ้มในขณะที่ปิดเทปบนกล่องของใช้จุกจิกที่เจ้าของห้องคนเก่าทิ้งไว้ ซึ่งเมื่อรวบรวมแล้วก็ได้หลายกล่องทีเดียว


    “แน่ใจนะว่าของพวกนี้ไม่มีประโยชน์ บางทีอะไรจุกจิกก็อาจจะเป็นเบาะแสได้นา” จงแดถาม


    “ถ้ามันจะมีก็น่าจะมีตั้งแต่ค้นรอบแรกแล้ว เอาน่า ถ้าหาไม่เจอจริงๆเราค่อยมารื้อกันใหม่ก็ได้นี่นา” จงแดมองอีกคนด้วยความไม่แน่ใจนัก หากแต่จงอินก็พยักหน้ายืนยันอย่างนั้น จงแดจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย


    “เออ ตามใจนายแล้วกัน”



    “เฮ้ยจงแด ช่วยส่งกล่องให้ฉันเอาขึ้นไปเก็บบนตู้หน่อยดิ” จงอินเดินไปวางเก้าอี้ไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเรียกจงแดให้ช่วยส่งกล่องพวกนั้นให้เขา


    ทุกอย่างควรจะเรียบร้อยดี หากแต่กล่องสุดท้ายที่จงอินจะดันเข้าไปด้านในสุดนั้น มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถจะดันกล่องเข้าไปด้านในสุดได้…



    “เฮ้ ฉันว่าตรงนี้มีอะไรซักอย่าง” จงอินขมวดคิ้วเมื่อพยายามจะดันกล่องเข้าไปด้านในสุด แต่มันกลับไม่สามารถดันเข้าไปได้อย่างที่เขาต้องการ


    “อะไรวะ เขย่งขึ้นไปดูอีกนิดดิ มีไรอยู่ตรงนั้นไหม” จงแดรับกล่องที่จงอินถือกลับคืนมา ก่อนจะเงยหน้ามองเขาเขย่งปลายเท้าขึ้นมาที่ด้านในสุดของหลังตู้.. แต่ดูเหมือนว่ามันจะสูงเกินกว่าจะมองเห็น


    “เก้าอี้นี่เตี้ยเกินไป นายรออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปยกเก้าอี้ในห้องครัวมาที่นี่” จงอินบอก ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งลงไปที่ชั้นล่าง จงแดเองพยายามจะปีนขึ้นไปเขย่งดูบ้าง แต่ก็พบว่ามันสูงเกินไปจริงๆ


    “เอ้า มาแล้ว ลองเก้าอี้ตัวนี้สิ” ไม่นานนักจงอินก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับแบกเก้าอี้ทานอาหารทรงสูง จงแดกระโดดลงก่อนจะดึงเก้าอี้ตัวเก่าออกให้พ้นทาง ก่อนที่จงอินจะรีบปีนขึ้นเก้าอี้ตัวใหม่ และชะโงกหน้าดูที่ด้านในสุดของหลังตู้นั้น ก่อนที่จงอินจะได้พบว่า..




    มีกล่องไม้ขนาดเล็กใบหนึ่ง วางเอาไว้ที่ด้านในสุดจนชิดกับกำแพง บนหลังตู้มีฝุ่นจับหนาเป็นปื้น เป็นหลักฐานที่บ่งบอกว่ากล่องใบนี้ไม่ได้ถูกขยับเขยื้อนไปทางไหนเลยเป็นระยะเวลานานพอดู..




    “จ..เจอแล้ว ต้องใช่นี่แน่ๆ” จงอินกลืนน้ำลาย เขาชะงักนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อพบว่ามันอยู่ตรงหน้า เขาเอื้อมมือไปคว้ามันมาถือไว้ในมือ


    “ไม่น่าเชื่อ.. ใครจะไปรู้ว่ามันอยู่ตรงนั้นมาตลอด” จงแดเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา จงอินรีบกระโดดลงมาจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปที่โต๊ะข้างเตียง


    “มันใช่.. ต้องใช่แน่ ฉันมั่นใจ ดูสิ!”  เขาหยิบเอากุญแจสีทองดอกใหญ่ขึ้นมาลองเสียบเข้าไปที่รูกุญแจ ซึ่งกุญแจดอกนั้น -- มันเข้ากันได้พอดี..


    “พระเจ้า.. นี่มันใช่จริงๆ” จงแดเบิกตากว้างเมื่อจงอินเสียบกุญแจเข้าไปในรูได้พอเหมาะพอดีอย่างที่จงอินพูดจริงๆ


    “ลองไขดูเลยเถอะ จะได้รู้ว่าข้างในมีอะไร” จงแดพูดต่ออย่างลุ้นระทึก จงอินกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ ก่อนที่เขาจะหมุนเปิดมัน




    คลิ๊ก…




    เสียงไขกุญแจลงล๊อคพอดี ทำให้ทั้งสองคนหัวใจเต้นหนักกว่าเก่า จงแดกัดริมฝีปากเพื่อระงับความตื่นเต้นทั้งหมดที่มี



    “เปิดละนะ” จงอินเงยหน้าขึ้นถามจงแดอย่างไม่มั่นใจนัก


    “รีบเปิดเลย จะได้จบๆ” จงแดโพล่งขึ้นมาอย่างตื่นเต้น เริ่มนั่งไม่ติดที่ด้วยความกังวล จงอินพยักหน้าถี่รัวก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดฝาครอบกล่องไม้นั้นออกช้าๆ




    ก่อนจะพบว่ามีรูปถ่ายเพียงแค่ใบเดียวอยู่ในกล่องใบนั้น…



    “นี่มันอะไรวะเนี่ย?” จงแดกระซิบถามพลางขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจนัก เขาหวังว่าจะเจออะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ แต่ทั้งหมดที่มีในกล่องใบนี้คือรูปถ่ายแค่ใบเดียว


    “รูปของเด็กคนนั้น..” จงอินพูดด้วยเสียงแผ่วเบา ก่อนจะหยิบเอารูปใบนั้นขึ้นมาดูใกล้ๆ และเขาก็ได้พบว่าในรูปนั้นไม่ได้มีเด็กตาโตเพียงคนเดียว แต่ยังมีเขา มีจงอินอยู่ในภาพนั้นด้วย


    “เด็กนั่นไหน แล้วนั่นมันนายนี่จงอิน นายรู้จักเด็กคนนี้เหรอ?” จงแดระดมคำถามใส่เขาไม่หยุด เขาเข้าใจว่าจงแดต้องการคำตอบ แต่เขาเองก็เช่นกัน.. จงอินอยากจะได้คำตอบเหล่านั้นใจจะขาด


    “ฉันเองก็ไม่รู้ เขาอยู่ในกระเป๋าเงินของฉัน -- หมายถึง กระเป๋าเงินของเจ้าของห้องเก่าน่ะ” จงอินตอบคำถาม หากแต่ตอบได้เพียงแค่นี้เท่านั้น เขาหยิบรูปขึ้นมาพลิกหน้าหลัง เพื่อดูว่ามีอะไรเขียนไว้หรือไม่ 



    และในที่สุดเขาก็พบตัวอักษรเล็กๆที่มุมกระดาษด้านขวาล่างของรูป มันถูกเขียนเอาไว้ว่า37°31'41.1"N 127°03'03.0"E



    “ตัวอักษรพวกนี้มันอะไรกันน่ะ” จงอินขมวดคิ้วมองอักษรชุดนั้นอย่างไม่เข้าใจ


    “หือ.. ตัวอักษรอะไร?” จงแดยื่นหน้าเข้ามาดูในทันทีที่จงอินโพล่งถามออกไป ก่อนจะเอียงคอไปมาเมื่อจงแดรู้สึกได้ว่าอักษรพวกนี้มันคุ้นๆ เหมือนเขาจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน


    “ไอ้พวกนี้.. ฉันว่าฉันเคยเห็นมันนะ เหมือนคุ้นๆว่าเคยเห็นที่ไหน” จงแดพูดด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับใช้ความคิด


    “นายต้องคิดให้ออกนะ ฉันว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ” จงอินยื่นกระดาษให้จงแดถือไว้ ก่อนที่เขาจะมองหน้าจงแดอย่างมีความหวัง -- หวังว่าจงแดจะรีบคิดให้ออกได้แล้ว


    “มันคุ้นจริงๆนะ ฉันไม่ได้โกหก แต่นายคงต้องให้เวลาฉันหน่อยนะเพื่อน” จงแดพูดดักทางจงอินไว้ก่อน เนื่องจากใบหน้าอันเคร่งเครียดของเขาทำให้จงแดรู้สึกเครียดตามไปด้วย


    “อ่า ก็ได้ งั้นฉันจะให้เวลานายคิดก่อน นั่นเสียงรถของจุนมยอนนี่นา มินซอกกับจุนมยอนคงกลับมาแล้วล่ะ เราลงไปข้างล่างกันเถอะ” 


    งอินผุดลุกขึ้น แล้วเปิดประตูลงไปข้างล่างในทันที เพราะเขาไม่อยากให้จงแดหมกมุ่นเรื่องนี้ไปอีกเรื่อง นอกจากเรื่องรหัสสี่ตัวของเขา -- แม้ว่าความจริงจงอินอยากจะเค้นถามให้เขาตอบตอนนี้ แต่ก็คิดว่าคงจะไม่มีประโยชน์อะไรมากกว่าทำให้จงแดสติแตกไปกว่าเดิม




    จงอินเดินลงมาข้างล่าง เพราะจงแดจมจ่อมอยู่กับตัวอักษรชุดนั้นไปเรียบร้อยแล้ว เขารู้ดีว่าถ้าลองให้จงแดจดจ่ออยู่กับอะไรแล้วล่ะก็ เขาไม่มีทางสะบัดหลุดไปได้ง่ายๆ จงอินจึงตัดสินใจปล่อยจงแดที่นั่งจมอยู่กับรูปภาพใบนั้นเพียงลำพัง เขาต้องการที่จะพักซักเล็กน้อย ท้องที่เริ่มหิวช่วยเตือนให้จงอินได้รู้ว่า เขาใช้เวลากับการหารูปใบนั้น โดยไม่ได้แตะต้องอาหารมาเกือบทั้งวัน


    “จงแดไปไหนล่ะครับ ไม่ได้อยู่บ้านเหรอ” มินซอกที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มถามถึงจงแดทันทีที่พบหน้าเขา มินซอกไม่ได้สนใจเศษหิมะที่ร่วงติดเสื้อนั้นเสียด้วยซ้ำ


    “เขาอยู่บนห้องผม วันนี้เราหาข้อมูลกันมาทั้งวัน” จงอินตอบพลางรับถุงขนมที่มินซอกถืออยู่มาถือไว้เสียเอง


    “แล้วเป็นยังไงบ้าง เจออะไรบ้างหรือเปล่า?” จุนมยอนที่เพิ่งตามเข้ามาด้านใน เมื่อได้ยินก็รีบสอบถามความคืบหน้าทันที


    “ผมเจอรูปหนึ่งซ่อนอยู่ในกล่องไม้ มันวางซ่อนไว้บนตู้เสื้อผ้าของผม” จงอินตอบจุนมยอนกลับไปทันที


    “หือ? รูปอะไรน่ะ มีเขียนอะไรไว้รึเปล่า” มินซอกถามโพล่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


    “รูปของเด็กคนนึงที่ผมเองก็ไม่รู้จัก ด้านหลังมีอักษรชุดหนึ่ง แต่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร จงแดกำลังดูให้อยู่”


    “อักษรหรือ? มันคืออะไรน่ะ” จุนมยอนถามต่ออย่างสนอกสนใจ เขากำลังคิดจะเดินขึ้นไปตรวจสอบดูรูปใบนั้น 



    ...แต่ไม่ต้องไปถึงที่ คำตอบก็มาถึง เมื่อจงแดรีบวิ่งลงบันไดลงมาพร้อมกับตะโกนเสียงดัง จนน่ากลัวว่าเขาจะกลิ้งลงจากบันไดเสียก่อน...



    “คิดออกแล้ว! ผมจำมันได้แล้ว!! ผมรู้แล้วว่ามันคืออะไร!!” จงแดที่วิ่งหน้าตั้งลงมาพร้อมรอยยิ้ม ทำให้ทั้งสี่คนกรูเข้ามาหากันทันทีอย่างสนอกสนใจ ไม่มีใครฟังเสียงของคุณพ่อบ้านที่เรียกให้ไปทานอาหารที่โต๊ะแม้แต่คนเดียว


    “รู้อะไรกันครับจงแด ใจเย็นๆสิเดี๋ยวก็ล้มหรอก” มินซอกรีบเดินไปจับต้นแขนของจงแดที่ยืนหอบด้วยรอยยิ้ม


    “นี่ไง ผมจำมันได้! ไอ้ตัวเลขพวกนี้ ผมเจอมันอย่างน้อยวันละสิบหนเลย.. บ้าจริง ผมลืมไปได้ยังไง” จงแดพูดพร้อมทั้งยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงหูเลยทีเดียว


    “สรุปแล้วมันคือเลขอะไรน่ะ นายรีบบอกมาดีกว่าจงแด” จงอินรับรูปใบนั้นที่อยู่ในมือของจงแดมาถือไว้ ก่อนจะพลิกเอาด้านที่มีตัวอักษรขึ้นมาให้จุนมยอนและมินซอกได้เห็น โดยที่ไม่อธิบายเพิ่มอีก




    “มันคือ GPS ไงล่ะ” จงแดตอบคำถาม




    “ห๊ะ อะไรนะ?” จุนมยอนกระตุกหัวคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


    “มันคือ พิกัดที่บอกตำแหน่งไงล่ะ เลขชุดแรกคือเส้นละติจูด และชุดที่สองคือเส้นลองติจูด ถ้าเราป้อนตำแหน่งพวกนี้ลงเครื่อง GPS เราก็จะรู้ว่ามันคือที่ไหน” ไม่พูดเปล่า จงแดก้มหน้าลงแล้วชี้ที่ชุดอักษรพวกนั้นแล้วเริ่มอธิบาย


    “คุณแน่ใจเหรอ?” มินซอกถาม


    “แน่ใจสิครับ ตอนผมเป็นเด็กส่งพิซซ่า เราจะมีเครื่อง GPS คนละเครื่องที่บริษัทจะส่งตำแหน่งบ้านของลูกค้ามาให้ ผมก็ว่าแล้วเชียวว่าเคยเห็นมันที่ไหน คุ้นมากๆ” จงแดยืดอกตอบอย่างรวดเร็ว จุนมยอนเมื่อได้ยินอย่างนั้นจึงรีบหยิบเอาโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาเปิดโปรแกรมเนวิเกเตอร์ทันที


    “ผมขอเลขหน่อย มาเช็คดูกันว่ามันอยู่ที่ไหน” จุนมยอนยื่นมือไปหยิบรูปนั้นมาถือไว้ ก่อนจะป้อนเลขที่ปรากฏบนภาพลงไปในช่องค้นหาทีละตัว


    “นี่ไง! มันเป็นพิกัดจริงด้วย!” จงอินโพล่งออกมาด้วยเสียงดังลั่น เมื่อป้อนตำแหน่งลงไปจนครบ ลูกศรก็ขึ้นแสดงสถานะบนหน้าจอทันที


    “มันคือที่ไหนกันน่ะ?” จงแดชะโงกหน้าก้มลงดูที่หน้าจอ ซึ่งถ้าจะพูดให้ถูก ตอนนี้หัวทั้งสี่คนชนกันแล้วก้มมองที่หน้าจอโทรศัพท์เครื่องเล็กนั้นอย่างตื่นเต้น และเป็นอีกครั้งที่ไม่มีใครสนใจเสียงของคุณพ่อบ้านที่เรียกให้ไปทานข้าวเลยซักนิด


    “ตำแหน่งที่บอกในนี้คือ.. บ้านเลขที่ 239/6 ที่กวางจู ประเทศเกาหลีใต้” จุนมยอนพูดด้วยเสียงแผ่วเบา เขาเชื่อว่าตอนนี้ความเงียบสงัดที่เกิดขึ้นในชั่วครู่นี้ ทำให้เสียงหัวใจของเขาเต้นดังออกมานอกอก


    “จะมีอะไรที่นั่นกันนะ ฉันอยากรู้จริงๆ” จงแดเลียริมฝีปาก ก่อนที่เขาจะพูดโพล่งออกมาทำลายความเงียบนั้น




              “นายจะได้รู้แน่นอนจงแด เพราะเราจะไปที่นั่น -- วันพรุ่งนี้”  


              จงอินพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ซึ่งหลังจากนั้นคิมทั้งสี่ก็พยักหน้าและยิ้มให้กันอย่างมีความหวัง






    กลับมาแล้วฮ้าบบบบบ
    ตอนนี้ยาวหน่อยเนอะ คิดว่ารีดเดอร์คงอยากอ่านยาวๆกันเนอะ
    ถ้ายาวไปเม้นท์บอกได้เลยนะคะ มีคำถามไรทิ้งไว้ได้เลยน้า แล้วจะมาตอบค่า ^^



    O W E N TM.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×