คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER IX
จงอินนอนแผ่หลังอยู่บนเตียง ไฟหัวเตียงสลัว และอากาศหนาวเหน็บทำให้หนังตาของเขาหนักอึ้ง หากแต่มันยากมากที่จะหลับตา เพราะเขาไม่สามารถที่จะละสายตาไปจากรูปใบเล็กในมือได้
เด็กชายตาโตสดใส รอยยิ้มกว้าง พร้อมกับไอศกรีม ภาพเหล่านั้นอาจจะดูธรรมดา แต่ดูสวยงามและอบอุ่นมากเหลือเกินในความคิดของจงอิน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จงอินอยู่ในภวังค์เช่นนี้ ใช่แล้ว.. การใช้คำว่าตกอยู่ในภวังค์นั้นไม่ได้เกินไปเลย เพราะทุกครั้งที่จงอินหยิบรูปนี้ขึ้นมาดู เขาไม่สามารถที่จะเบือนสายตาไปจากใบหน้านั้นได้เลยซักครั้ง น่าแปลกนักที่ความคิดถึงอย่างสุดกำลัง และความรู้สึกคุ้นเคยนั้นเกิดขึ้นมามากมายขนาดนี้ ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันแท้ๆ…
“นายเป็นใครกันนะ และทำไมนายต้องมาทำฉันต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย..”
จงอินบ่นพึมพำคนเดียว ก่อนที่เขาจะตัดใจวางรูปนั้นลงบนหัวเตียง แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมที่อก วันนี้อากาศหนาวเย็น และหิมะตกแทบทั้งวัน จงอินไม่ชื่นชอบหิมะมากนัก แต่เขากลับรู้สึกว่าคืนนี้หิมะควรจะตกทั้งคืน เพื่อหวังว่ามันจะช่วยกลบรอยแยกมากมายที่อยู่ในใจเขา กลบร่องรอยของคำถามที่เติมไม่เคยเต็ม..
คืนนั้นเป็นคืนที่หนาวมาก หิมะตกทั้งคืนอย่างที่จงอินคาดไว้ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะความหนาวจนทำให้เท้าของเขาเย็นเฉียบจนรู้สึกชา จงอินลุกขึ้นเอามือกุมเท้าเพื่อหวังว่าจะให้ความอบอุ่นกับมันบ้าง จนได้สติที่ฟื้นจากความงัวเงียก็พบว่าการไปค้นหาถุงเท้าอุ่นๆในตู้มาใส่ น่าจะเป็นวิธีการที่ดีกว่าการมานั่งกุมเท้าทั้งคืนแบบนี้
เมื่อคิดได้แบบนั้น จงอินจึงเดินไปเปิดลิ้นชักตู้เสื้อผ้าที่เขาเองไม่เคยเปิดมันมาก่อน... ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ จงอินทำแค่เพียงเปิดค้นเพื่อหาข้อมูลอะไรบ้างเพียงเท่านั้น แต่เขาไม่เคยหยิบฉวยเสื้อผ้าจากในตู้ไปใส่ เนื่องจากเขาเองนำเสื้อผ้าจากที่บ้านมาเยอะพอดู และแฟชั่นในสมัยนั้น เป็นอะไรที่ดูเฉิ่มเชยเกินกว่าที่เขาจะหยิบมาใส่ หากแต่ถุงเท้าหนานุ่มพวกนี้คงมีประโยชน์กับเขาในวันนี้
จงอินหยิบเอากลุ่มถุงเท้าสีตุ่นๆ ที่ถูกม้วนเก็บไว้อย่างดีออกมาจากลิ้นชัก ก่อนที่จะคลายออกเพื่อจะสวมใส่ แต่ในอึดใจต่อมา จงอินก็ค้นพบว่าความจริงอีกข้อสำหรับชีวิตก็คือ
..คำตอบมักซ่อนอยู่ในที่ๆเราไม่คาดคิดเสมอ…
กริ๊ง... กริ๊ง
เสียงวัตถุที่คล้ายกับโลหะหนักๆ ตกกระทบกับพื้นมาหยุดที่เท้าเย็นเฉียบของเขา จงอินพบว่าในวินาทีนั้นเลือดในกายเขาพลุ่งพล่านจนลืมความหนาวและเย็นชา จงอินก้มลงไปหยิบต้นเหตุของเสียงนั้นขึ้นมาก่อนที่เขาจะอ้าปากค้าง
กุญแจโบราณสีทองลูกใหญ่..
มันซ่อนอยู่ในถุงเท้า ในลิ้นชักที่จงอินไม่เคยคิดเปิดดู แต่มันน่าขำที่จงอินกลับหลงลืมไป ว่าเขาเองมักจะซ่อนสิ่งของไว้ในถุงเท้าเสมอ เวลาที่เขาต้องการจะซ่อนอะไรให้ห่างจากสายตาของพวกเด็กคนอื่นในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า น่าขันเสียจริง.. ที่เขากลับไม่เคยคิดถึงมันเลย
จงอินยกลูกกุญแจอันนั้นขึ้นมากำไว้ในมือ เขากำมันแน่นจนรู้สึกเจ็บปวด เพื่อเป็นการเตือนตัวเองให้แน่ใจ ว่าตอนนี้เขาได้พบกับมันแล้ว.. เขาพบกับมันในที่สุด
เขาพบกับคำตอบของเขา.. คำตอบที่จะพาเขาไปพบเด็กคนนั้น
อากาศหนาวเย็นของค่ำคืนที่แสนยาวนาน ทำให้มินซอกต้องห่อไหล่ด้วยความหนาว มินซอกชอบหิมะ เพราะมันมักจะทำให้เขาหวนคิดไปถึงค่ำคืนฤดูหนาวในหอนอนของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเสมอ
“ไม่หนาวหรือไง ทำไมออกมาอยู่ตรงนี้”
มินซอกหันมองคนที่เพิ่งเปิดประตูระเบียงออกมาหาเขา ในมือของจงแดมีผ้าห่มผืนเล็กๆอยู่ด้วย มินซอกยกยิ้มออกมาบางๆ เมื่อจงแดเดินเข้ามาพร้อมกับคลุมผ้านั้นลงบนไหล่ของเขา
“หนาวสิ ขอกอดหน่อย” ไม่พูดเปล่า มินซอกเหวี่ยงผ้าห่มคลุมโอบรอบไหล่ของจงแด แล้วเขาก็มุดตัวลงไปกอดเอวอีกคนเพื่อขอไออุ่น
“อ้อนแบบนี้จะเอาอะไรกันแน่หือ ผมไม่มีอะไรให้หรอกนะมินซอก”
จงแดยกยิ้ม.. ยิ้มอ่อนหวานแบบที่มีให้กับมินซอกคนเดียวเท่านั้น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าผู้ชายที่มักจะพูดจากวนประสาทอย่างคิมจงแด จะมีความอ่อนโยนอยู่ในตัวซ่อนไว้แบบนี้ และมินซอกเองก็รู้สึกดี ที่จงแดไม่แสดงออกกับใครนอกจากตัวเขาเองเท่านั้น
“เงินในบัญชีมีเยอะจนซื้อโลกนี้ได้ จะไม่มีอะไรได้ยังไงครับ” มินซอกเอ่ยแซวอย่างขำๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้จงแดเองหัวเราะออกมาด้วย
“อ่า.. จริงด้วยสินะ ตอนนี้ผมเป็นผู้ชายที่รวย และมีแฟนน่ารักด้วย” จงแดยิ้มร่า
“ไหนครับ ใครเป็นแฟนผู้ชายรวย” มินซอกแกล้งทำท่ามองหาไปซ้ายขวา น่าหมั่นไส้จนจงแดต้องแกล้งยกกำปั้นขึ้นมาเขกหน้าผากเหม่งนั่นเบาๆ
“ก็คนนี้ไง น่ารักมากเลยด้วยนะครับ” จงแดพูดยิ้มๆ
“ผมไปเป็นแฟนคุณตอนไหนครับ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” มินซอกยักคิ้วแล้วพูดแหย่ ดูน่ารักจนจงแดอยากจะฟัดแก้มขาวๆนั้นให้หายหมั่นไส้ซักที
“นั่นสิครับ ตั้งแต่ตอนไหนนะ ชาติที่แล้วล่ะมั้ง” จงแดจับมืออีกคนมาประสาน อากาศหนาวเหน็บแต่ทั้งสองคนอบอุ่นจนแทบจะหลงลืมไปว่ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ
“อย่ามาโมเมหน่อยเลย ชาติก่อนน่ะผมไม่รู้เรื่องหรอกนะ จำอะไรไม่ได้เลยครับ” มินซอกยิ้ม
“งั้นถ้าขอตอนนี้จะโอเคใช่ไหม บอกว่าตกลงสิ” จงแดก้มมองอีกคนในอ้อมกอด ที่ตอนนี้ดูน่ารักกว่าทุกวันเป็นล้านๆเท่า เท่าที่จงแดจำความได้เลย
“ตกลง ตกลง ตกลง ผมตอบตกลงตั้งแต่คุณแอบแต๊ะอั๋งผมครั้งแรกแล้วล่ะครับ ฮ่าๆ” มินซอกพยักหน้าระรัว ทำเอาจงแดหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจในท่าทางน่ารักแบบนั้น
“เป็นแฟนกันแล้ว งั้นตอนนี้ก็จูบได้แล้วสิ”
จงแดพูดหยั่งเชิง แต่ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรทั้งนั้น เพราะเขายื่นหน้าไปจูบอีกคนเบาๆ แล้วตามด้วยกอดกระชับแนบแน่น มินซอกหัวเราะในลำคอในขณะที่เขาเองก็เงยหน้าจูบตอบจงแดเบาๆ เช่นกัน
มันเป็นจูบที่น่ารักและอบอุ่นที่สุดที่มินซอกเคยได้รับ ไม่มีการรุกล้ำ ไม่มีความดื่มด่ำหรืออีโรติค มีแค่ความอบอุ่นและหอมหวาน… และเมื่อผละจูบ ทั้งสองคนต่างก็ยิ้มอย่างเป็นสุขอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ต่างคนต่างก็ซึมซับความสุขในขณะนั้นอยู่เงียบๆ
“วันนี้เป็นวันที่ดีนะ” มินซอกพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งสองคนกอดกันเงียบๆในอึดใจหนึ่ง จงแดพยักหน้าเบาๆตอบรับข้อความนั้น
“ใช่เลย วันนี้เป็นวันที่ดีมากๆ นอกจากจะได้แฟนแล้วยังได้คำตอบคืบหน้ามาขั้นหนึ่งด้วย” จงแดพูดเบาๆ มือของเขาลูบไปตามไหล่บางของมินซอกช้าๆ ราวกับต้องการจะทำให้อบอุ่น
“น่าตื่นเต้นจังนะ และน่ากลัวด้วย เราจะต้องเจอกับอะไรอีก ผมอยากรู้จังว่ามันจะจบยังไง” มินซอกลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เป็นลมหายใจของความกังวลที่ปะปนอยู่กับความสุขในขณะนี้
“ไม่ว่ามันจะจบยังไง เราจะผ่านมันไปด้วยกัน คุณไม่ต้องกลัวนะมินซอก ผมไม่กลัวที่จะตามหามันเลย..เพราะงั้นผมจะช่วยคุณเอง” จงแดจับมือมินซอกขึ้นมากุมไว้แล้วบีบเบาๆ ประโยคที่เขาเพิ่งพูดออกมานั้นทำให้มินซอกยกยิ้มขึ้นมาอีกหน ก่อนจะพยักหน้าเพื่อบอกอีกคนว่าตอนนี้มีแต่ความไว้ใจ
“แล้วตอนนี้คิดออกหรือยังครับ ว่ารหัสคืออะไร” มินซอกเงยหน้าถามจงแด ซึ่งเมื่อมองจากสีหน้านั้น แปลว่าจงแดเองก็ไม่ได้คืบหน้าไปจากที่เขาคิดเท่าไหร่
“อ่า.. ก็ยังเลย แต่ผมมั่นใจว่าเราจะพบอะไรเพิ่มเติมเร็วๆนี้ พรุ่งนี้ผมจะเริ่มสำรวจอีกหน เผื่อจะเจอข้อมูลอะไรเพิ่มขึ้นก็ได้” จงแดพูดพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ ราวกับว่าเขากำลังตกลงกับตัวเองอยู่
“งั้นไปนอนกันดีกว่ามั้ยครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของผมด้วย เราจะได้ตื่นมาช่วยกันสำรวจแต่เช้าเนอะ” มินซอกกระชับกอดที่เอวนั้นให้แน่นขึ้น แล้วจึงชักชวนจงแดให้หยุดทุกอย่างในวันนี้ไว้ก่อน
“งั้นคืนนี้นอนด้วยกันนะมินซอก ไปนอนที่ห้องผม” จงแดเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จนมินซอกต้องมือขึ้นไปตีอกอีกคนเบาๆอย่างหมั่นไส้
“นี่แหน่ะ มันจะไวไฟไปหน่อยแล้วมั้งพ่อคุณ ตกลงเป็นแฟนก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้ปล้ำง่ายๆนะ”
“ผมไม่ปล้ำหรอกน่า สัญญาครับ แค่กอดกันนะ ไม่แต๊ะอั๋ง ไม่ขืนใจ”
ไม่พูดเปล่า จงแดยังยื่นนิ้วก้อยไปให้อีกคนตรงหน้าด้วย มินซอกเองครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย แต่เขาเองค้นพบแล้วในที่สุด ว่าสายตาเว้าวอนของจงแดนั้นช่างต้านทานได้ยากจริงๆ
“อื้อ..ตกลงครับ งั้นผมรบกวนด้วยนะ” มินซอกเกี่ยวก้อยกับอีกคนแล้วยกยิ้มหวาน
“ถ้าเป็นคนนี้ ให้รบกวนตลอดชีวิตยังได้เลย” จงแดตอบกลับด้วยรอยยิ้มกว้างไม่แพ้กัน ซึ่งก็เป็นอย่างที่จงแดพูดไว้
เขาปฏิญาณกับตัวเองในใจ ว่าถึงยังไงก็จะไม่มีวันยอมให้ใครเข้ามารบกวนในชีวิต ยกเว้นเพียงแค่มินซอกเท่านั้น…
“เล่าอีกทีซิ คุณไปเจอมันได้ยังไงนะ”
เสียงของจุนมยอนถามขึ้นอย่างฉงน ท่ามกลางความงุนงงของทุกคนเช่นกัน ตอนนี้เป็นเวลาเช้าที่แสนสงบสุข ทุกคนตื่นแต่เช้า และพากันลงมาทานอาหารฝีมือพ่อบ้านที่จุนมยอนพามาดูแลเรื่องอาหารและความสะอาด
“ในม้วนถุงเท้าที่อยู่ในตู้ เมื่อคืนมันหนาว ผมเลยตั้งใจว่าจะหยิบมันมาใส่ แล้วผมก็เจอมันอยู่ในนั้น” จงอินพูดพลางยักไหล่ จงแดเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนจะพูดต่อ
“แต่ดูแล้ว ไม่มีประตูบานไหนเลยนะที่เข้ากันกับลูกกุญแจอันนี้ ดูสิ.. ประตูพวกนี้เราก็ไขกันมาหมดแล้วนี่จริงไหม” จงแดพลิกกุญแจกลับไปกลับมาหลายรอบแล้วพูดขึ้นมาด้วยความกังวลเล็กน้อย
“เรามีกุญแจ.. แต่มันไม่มีไว้เพื่อไขประตูบานไหนในบ้านนี้เลย” จงแดพูดต่อ ซึ่งประโยคนั้นก็ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าอับจนหนทางอย่างช่วยไม่ได้
“หากจะหมายความตามที่จงแดพูด ก็แปลว่าคำตอบก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้” จุนมยอนเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาด้วยความหน่าย
“นี่เราต้องออกไปตามหาข้างนอกกันอีกแล้วเหรอ” มินซอกทำหน้าเหยเก มองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งพบว่าหิมะขาวโพลนเต็มท้องถนนนั้นไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกดีกับประโยคนี้มากนัก
“ไม่หรอก ตอนนี้เรายังไม่รู้ข้อมูลเลยว่าต้องไปหามันที่ไหน เพราะงั้นแล้วอย่าเพิ่งเครียดไปดีกว่า ที่ควรทำตอนนี้คือหารหัสเปิดกระเป๋าให้เจอก็พอ” จงอินช่วยสรุปเพื่อคลายความกังวล ทั้งสี่คนต่างก็พยักหน้ากันอย่างเห็นด้วย ยกเว้นเสียแต่จงแดที่ดูเหมือนจะกังวลมากกว่าคนอื่นๆ
“ความจริงแล้ว ผมมีความคิดบ้าๆอยู่นะ” จงแดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจในความคิดของตัวเองเท่าไหร่นัก
“ ความคิดบ้าๆงั้นเหรอ?” จุนมยอนถามพร้อมกับยกคิ้วฉงน ซึ่งก็ไม่ได้รอนานนักเมื่อจงแดตอบกลับมาในทันที
“มันก็.. แบบว่ารหัสมีสี่ตัวใช่ไหม เป็นไปได้มั้ยล่ะว่ามันจะเป็นเลขชุดเดียวกับที่เปิดตู้เซฟ” จงแดมองไปที่ทุกคน
“แต่ตัวเลขที่เปิดเซฟมันมีแค่สามตัวนะครับจงแด อีกตัวนึงที่เหลือล่ะจะเป็นอะไร” มินซอกถามขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดของจงแดเท่าไหร่นัก
“ผมคิดไว้แล้วล่ะว่าคุณต้องถามแบบนี้ ผมเลยคิดคำตอบรอไว้แล้ว” จงแดไม่พูดเปล่า หากแต่ยังหยิบซองจดหมายที่มีรอยปั๊มขึ้นมาวางบนโต๊ะด้วย
“ว้าว ชักเริ่มน่าสนใจแล้วสิเนี่ย” จงอินหลิ่วตาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงทึ่งๆ พวกเขารู้ดีว่าจงแดเป็นคนมีไหวพริบและฉลาด แม้จะไม่ได้จบปริญญาก็ตามเถอะ และในบรรดาสี่คน คนที่ได้คำตอบคืบหน้าที่สุดก็คือจงแดนี่แหละนะ
“นี่ไง ถ้าเราคัดตัวเลขออกมาจาก 4KIM3J1M ก็จะได้ 4-3-1 ใช่ไหม ผมเลยคิดว่าเลขอีกตัวที่หายไป อาจจะนับจากตัวอักษรก็ได้ ซึ่งถ้านับรวมตัวอักษรภาษาอังกฤษตรงนี้ทั้งหมดแล้วล่ะก็ เราจะได้เลข 5 พอดี” จงแดหยิบปากกาและกระดาษเปล่าที่โต๊ะข้างตัวมาเขียนตัวเลขแยกลงไป และนับตัวอักษรให้ทุกคนได้เห็นชัดๆ
“มีเหตุผล แต่มันก็อาจจะไม่ใช่ก็ได้” จุนมยอนถอนใจหนักหน่วง ถึงแม้ว่าเหตุผลจะฟังขึ้น แต่มันก็ยังไม่หนักแน่นพอจะฟันธงได้ว่ารหัสจะเป็นเลขที่จงแดตีความได้จริงๆ
“ผมว่าเราน่าจะลองดูนะ มีโอกาสสามครั้ง ถ้ามันไม่ใช่เราก็มีโอกาสจะลองอีกสองครั้ง แต่เป็นสองครั้งที่ต้องรอบคอบมากขึ้น” จงอินพูดขึ้นพลางยักไหล่ มินซอกเองมีหน้าตาไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก มีแววกังวลอยู่ในดวงตาเสียด้วยซ้ำ
“งั้นเรามาโหวตกันดีกว่า ว่าจะลองเลขนี้ไหม ผมจะนับถึงสามใครอยากลองเลขนี้ให้ยกมือขึ้นนะ หนึ่ง,สอง,สาม” ทันทีที่จุนมยอนนับถึงสาม จงแดและจงอินยกมือขึ้นทันที แต่จุนมยอนและมินซอกไม่ได้ยกมือขึ้น
“อ่า..เสมอแฮะ” จงแดพูดขึ้นมาอย่างเสียดาย
“เดี๋ยวครับ คือ.. มาคิดดูดีๆแล้ว ผมก็คิดว่าเราน่าจะลองดูนะ” มินซอกพูดขึ้นอย่างหวาดๆ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นลอยในอากาศอย่างช้าๆ
“งั้นก็เป็นสามต่อหนึ่ง โอเค.. งั้นเรามาลองดูกัน” จุนมยอนพยักหน้าเพื่อตอบรับ ก่อนที่ทุกคนจะขยับตัวเข้ามาใกล้กันมากขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อจงแดยื่นมือไปจับที่กระเป๋าเอกสารนั้นแล้วหันส่วนที่ใส่รหัสมาอยู่ตรงหน้า
บรรยากาศเงียบสนิท ความเครียดเริ่มแผ่เข้ามาปกคลุมบรรยากาศบนโต๊ะอาหารอย่างช่วยไม่ได้
จงแดกลืนน้ำลาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองทุกคน...
“ก่อนจะเครียดกันไปกว่านี้ ผมมีเรื่องจะบอกทุกคน” จงแดพูดขึ้นเพื่อทำลายความเครียดของทุกคน จนจุนมยอนต้องยกคิ้ว
“จำเป็นต้องบอกตอนนี้เลยเหรอ อะไรล่ะ” จุนมยอนถามอย่างคิดว่าไม่ถูกต้องเลยที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาขณะที่เขากำลังลุ้นระทึกขนาดนี้
“ผมกับมินซอกคบกันแล้วล่ะ” จงแดพูด และมินซอกยกยิ้มหวาน
“เอ้า ไม่ได้คบกันอยู่แล้วเหรอ” จงอินพูด
“ห๊ะ อะไรนะ?” จงแดถาม
“เรารู้กันอยู่แล้วว่านายคบกัน” จุนมยอนพูด
“ห๊ะ อะไรนะ?” มินซอกถาม
“เอาเป็นว่ายินดีด้วยนะที่คบกัน แล้วก็เปิดกระเป๋าบ้าๆนั่นซักที” จงอินตอบด้วยน้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดเล็กน้อยแล้วในตอนนี้
“เออ ก็ได้วะ” จงแดถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับไปที่กระเป๋าเอกสารอีกครั้ง ทุกคนเอี้ยวตัวขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นไปอีก
“4” จงแดพูดพร้อมกับใช้นิ้วโป้งเลื่อนรหัสหลักแรกไปที่เลขสี่
“3” หลักที่สองตามมาเรื่อยๆ
“1”
ทุกคนกำลังกลั้นหายใจ ความเงียบปกคลุมคนทั้งสี่ พร้อมด้วยบรรยากาศอันแสนตึงเครียด ที่ทำให้จุนมยอนเหงื่อตกในวันที่หิมะกำลังโรยตัวอยู่ข้างนอกหน้าต่างนั้น จงอินคว้าเอากุญแจทองนั้นมากำไว้แน่น ก่อนจะกลืนน้ำลายอย่างตื่นเต้น.. ก่อนที่จงแดจะพูดออกมาด้วยเสียงอันแหบแห้ง
“และ……. 5”
ขออนุญาตตัดไปตอนหน้าค่ะ 555555555
ตัดมาตอนใหม่เลยเพราะว่ามันค่อนข้างยาวค่ะ ขอโทษทีน้า
ขอโทษที่หายไปนานด้วยนะคะ พอดีคอมพ์เจ๊งค่ะ ย้ำว่าเจ๊งไปเลย T-T
นี่ซื้อโน๊ตบุ้คมาใหม่แล้วค่ะ ก็หวังเราอาจจะได้เจอกันบ่อยขึ้นนะค่า แหะๆ
ป.ล. ตอนนี้มีเฉินหมิน ตอนหน้าเจอไคซูค่าาา
อยากให้พี่จุมคู่กับใครลองโหวตหน่อยค่ะ เค้าจะได้จับคู่ให้น้า
ความคิดเห็น