คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : EP.16
EP.16
You let me down
#Junhwan
บางทีผมว่าผมควรออกไปจากตรงนี้
บรรยากาศมาคุที่ก่อตัวขึ้นมาดื้อๆแบบที่มันไม่เคยจะเป็นมาก่อน คุณซึงฮุนกับพี่จุนฮเวนั่งจ้องหน้ากันราวกับจะก่อสงครามขึ้นมา สมองประมวลผลแล้วก็มีแต่คำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้น
"น้องจิน พี่ขอคุยกับคุณซึงฮุนเป็นการส่วนตัวนะครับ" พี่จุนฮเวละสายตาออกมาแล้วบอกผมที่ยังนั่งอยู่
"ครับ"
ผมดีใจมากที่ได้ออกจากตรงนั้นเพราะมันอึดอัดจนผมแทบจะกลั้นหายใจ
ผมเดินออกมาก็เจอยุนฮยองกำลังยืนรอที่หน้าห้องทำงานของผมเอง
"มาทำอะไรยุน" ผมถามเจ้าตัวหลังจากที่เปิดประตูให้ยุนฮยองเข้ามา
"เรื่องเจนนี่เป็นยังไงบ้าง"
"ก็คงจัดการเรื่องงานศพให้ ส่วนคนร้ายยังไม่รู้ตัว" ผมพูดเท่าที่ผมรู้มาแค่นั้นแหละ เรื่องอะไรต่างๆที่ยังติดค้างอยู่ส่วนมากจะมีพี่จุนฮเวกับบ๊อบบี้จัดการกัน
"แปลกว่ะ คอนโดนั่นไม่ใช่ว่าความปลอดภัยจะต่ำขนาดนี้"
"มันก็จริงที่มึงพูดนั่นแหละ พี่จุนฮเวไม่เคยจะไม่คิดถึงความปลอดภัย"
ผมเบ้ปากแต่ก็ยังไม่รู้สาเหตุของการที่เจนนี่โดนข่มขืนเลยสักนิด แถมยังมาเสียชีวิตเพราะเรื่องแบบนี้อีก พ่อแม่ของเจนนี่แทบจะกินเลือดพี่จุนฮเวด้วยซ้ำแต่ก็ทำไม่ได้เพราะพี่จุนฮเวไม่ใช่คนร้าย แต่ทางครอบครัวของเจนนี่ก็ยังคงโทษพี่จุนฮเวอยู่ดีที่ปล่อยให้ลูกสาวตนอยู่คอนโดลำพัง
หลังจากหน่วยพิสูจน์หลักฐานกลับไปพี่จุนฮเวก็จ้างคนมารื้อคอนโดและรีโนเวทใหม่ รอแค่นักออกแบบส่งแบบมาให้เท่านั้น
"ยุนฮยอง กูขอเอกสารการเงินล่าสุดหน่อยสิ" ผมกลับมาทำงานและใช้ชีวิตปกติหลังจากเกิดเรื่องไปสามสี่วัน พนักงานก็ลือกันไปทั่วเรื่องของจุนฮเวแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนอย่างผมหวั่นอะไรหรอก
"นี่ไง กูเอามาให้มึงพอดี" พูดแล้วก็ยื่นแฟ้มสีดำมาให้ ผมก้มลงตรวจเช็คบัญชีและเงินที่เข้าออกแต่ละวันของเดือนนี้ ไม่มีความผิดปกติอะไรแล้วผมก็เอาเอกสารในแฟ้มนั้นมาถ่ายเอกสารไว้ด้วย
"ยุน กูถามเรื่องคุณซึงฮุนหน่อยดิ"
"เออ มีไร"
"ช่วงที่กูไม่เข้ามาทำงานคุณซึงฮุนแปลกๆบ้างมั้ย" ผมหยุดอ่านเอกสารตรงหน้าแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเองที่กำลังคิดตามผม
"เอาจริงๆมันก็แปลกนะ ช่วงที่มึงนอนโรงพยาบาลก็ไม่เห็นมาติดต่องานด้วยตัวเองสักครั้งเลย"
"..."
"แล้วก็นะ คนที่มาแทนก็ไม่ใช่คนเดิมสักครั้งเลย"
"เมื่อกี้อยู่ในห้องรับแขก กูก็ว่ามันอึดอัดแปลกๆอ่ะ"ผมบอกความรู้สึกของตัวเองตอนที่นั่งในห้องกับพี่จุนฮเวและคุณซึงฮุนให้ยุนฮยองฟัง
"อย่าคิดมาก คงไม่มีอะไรหรอก" ยุนฮยองพูดแล้วเอาเอกสารที่ผมเซ็นเรียบร้อยแล้วเดินกลับไป ผมนั่งท้าวคางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาหลายๆเรื่องแต่ก็ไม่ช่วยอะไรเพราะผมคิดไม่ออก
"เห้อ..."
"เป็นอะไรครับน้องจิน"
ผมสะดุ้งเพราะไม่รู้ว่าพี่จุนฮเวเข้ามาตั้งเมื่อไหร่ ตอนนี้ร่างสูงกำลังยืนกอดอกมองผมอยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้ห้องทำงานของผมกับพี่จุนฮเวเป็นห้องเดียวกันไปแล้วเรียบร้อย โต๊ะทำงานของผมก็อยู่ข้างๆพี่จุนฮเวนี่แหละ
"เอ่อ เปล่าครับ"
"หิวมั้ย"
ผมไม่หิว
ผมมองหน้าพี่จุนฮเวที่ระบายยิ้มอ่อนออกมาต่างจากตอนที่อยู่ในห้องรับแขกเมื่อกี้แทบจะคนละคนกัน
"ไม่หิวครับ" ผมเดินไปหาพี่จุนฮเวที่กำลังจิบกาแฟมองออกไปนอกหน้าต่าง
ผมเอื้อมมือไปคว้าข้อมือใหญ่อีกข้างที่ว่างมากุมไว้ แล้วมองเข้าไปในตาของพี่จุนฮเว แววตาที่กำลังแสดงออกว่าเข้มแข็งแต่ความจริงพี่จุนฮเวกำลังคิดมาก
"เหนื่อยหรือเปล่าครับ" ผมถามทั้งที่กำลังกุมมืออยู่เหมือนเดิม
พี่จุนฮเววางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะแล้วหันมาหาผมตรงๆ ตอนนี้เราสองคนกำลังยืนหันหน้าเข้าหากัน
"ไม่เหนื่อยหรอกครับ พี่จะพยายามทำให้มันจบเร็วที่สุดนะ"
ถึงไม่ใช่คำพูดที่บ่งบอกว่ามั่นใจแต่ก็ทำให้ผมคลายกังวลลงมาก บางทีพี่จุนฮเวอาจจะกำลังสะสางเรื่องทั้งหมดอยู่ก็ได้ ผมไม่คะยั้นคะยอให้พี่จุนฮเวบอกผมหรอก ผมไม่ใช่คนงี่เง่าขนาดนั้นที่จะเซ้าซี้เรื่องที่ตัวเองไม่ควรจะยุ่ง
"ทำงานกันเถอะครับ"
"เดี๋ยวก่อน"
พี่จุนฮเวรวบเอวของผมแล้วดันให้ผมหันหน้าไปมองหน้าเขา สองมือของผมรีบยันไว้กับหน้าอกของพี่จุนฮเวเพื่อไม่ให้หน้าเราใกล้กันไปมากกว่านี้
"ที่นี่มัน..."
"มันอะไรครับ" พี่จุนฮเวยื่นหน้ามาใกล้ๆผมอีกครั้งแล้วเลิกคิ้วถามผมอย่างกวนๆ
"พี่จุน" ผมออกแรงดันอกของเขาออกถึงแม้ว่าจะมีแค่น้อยนิดก็เถอะ
"อย่าดื้อ"
เสียงเข้มทำให้ผมชะงักแขนสองข้างไว้ พี่จุนฮเวกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะรวบแขนผมทั้งสองข้างด้วยมือข้างเดียว
"จะ... จะทำอะไร"
เสียงของผมขาดห้วงเมื่อเงยหน้าปะทะสายตากับพี่จุนฮเว สายตาที่พร้อมจะกินผมอยู่ตลอดเวลานี่มันน่ากลัวจริงๆนะ พี่จุนฮเวเบียดร่างกายเข้ามาประชิดตัวผมอีกครั้งจนไม่มีช่องว่างตรงกลาง ใบหน้าเราสองคนห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ความรู้สึกมวนท้องและสองแก้มของผมเห่อร้อนขึ้นมาจนผมต้องหลบสายตาพี่จุนฮเวแล้วก้มมองหน้าอกพี่จุนฮเวที่อยู่ระดับสายตาตัวเอง
"ฮะๆ"
พี่จุนฮเวที่หัวเราะน้อยๆหลังจากปล่อยผมเป็นอิสระแล้วก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานตัวเอง ผมเอามือทั้งสองข้างขึ้นมาทาบหน้าตัวเองเพราะรู้สึกว่ามันร้อนเกินไป
"อย่าแกล้งจินสิครับ" ผมเบ้ปากแล้วเดินไปนั่งโต๊ะตัวเองแล้วรีบเอาเอกสารมาเปิดอ่านทันที
"ไม่ได้แกล้งซะหน่อย"
เสียงที่ยียวนกวนประสาททำให้ผมหันไปมองค้อนใส่แล้วกลับมาทำงานตัวเอง
JUNHOE PART
"เราจะคุยกันดีๆหรือจะทำแบบนั้นต่อไปครับ"
ผมเอ่ยเปิดการสนทนาหลังจากที่ผมให้น้องจินออกไปรอข้างนอก
"ทำอะไรเหรอครับ"
ซึงฮุนตีหน้ามึนใส่และทำเป็นไม่รู้เรื่อง จริงๆตัวคนร้ายผมเพิ่งจะได้ตัวมาสดๆร้อนๆเมื่อเช้านี่เอง บ๊อบบี้โทรมาบอกผมก่อนที่ผมจะออกมาทำงานพอดี นั่นแปลว่าจบการเจรจากับซึงฮุนผมจะไปหาบ๊อบบี้
"จาร์...เป็นเพื่อนของคุณสินะครับ"
"อะ...เอ่อ"
ซึงฮุนชะงักไปเล็กน้อยและเก็บสีหน้าตัวเองอย่างรวดเร็ว คงไม่คิดว่าผมจะหาตัวเจอเร็วขนาดนี้ เพราะจาร์ที่บุกรุกเข้าไปคอนโดผมได้ก็ถือว่าเก่งในระดับหนึ่งอยู่ทีเดียว
"ว่าไงครับ จะตอบความจริงหรือจะให้ใช้ความรุนแรง"
"คุณจุนฮเวเองก็คงไม่อยากติดคุกเพราะทำร้ายร่างกายลูกค้าตัวเองหรอกใช่ไหม"
ให้ตาย... ผมอยากจะหัวเราะใส่หน้ามันดังๆว่าที่มันคิดน่ะผิดทั้งหมด ผมไม่ใช่คนที่เล่นเกมไม่เป็นหรอกนะ แต่ผมรู้ดีว่าเวลาไหนควรเดินหมากของตัวเอง
"คุณซึงฮุนดูเหมือนจะประหม่านะครับ"
ซึงฮุนชะงักนิ้วมือที่กำลังเคาะขาตัวเองอย่างไม่เป็นธรรมชาติและเหงื่อที่กำลังผุดออกมา ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังคิดหนัก
"เปล่าครับ คือผมมีธุระต้องขอตัวก่อนนะครับ"
ผมพยักหน้าให้เพียงเท่านั้นก่อนจะแค่นหัวเราะกับท่าทางของซึงฮุนที่กำลังคิดว่าเหนือกว่าผมมาตลอด
ผมออกจากห้องรับแขกแล้วเดินไปยังห้องทำงานของผมซึ่งมีจินฮวานอยู่ด้วย แน่นอนว่าผมยืนแอบฟังบทสนทนาของคนตัวเล็กที่กำลังถามยุนฮยองเรื่องซึงฮุน ผมจะให้จินฮวานรู้ได้ก็ต่อเมื่อซึงฮุนยอมรับว่าเป็นคนทำเท่านั้น เดี๋ยวพูดไปก็หาว่าผมหาเรื่องลูกค้า
"อ้าวมึง"ยุนฮยองตาโตที่เห็นผมยืนพิงผนังอยู่หน้าห้องทำงาน
"ว่าไง"
"มึงได้ยินหรอ" มันถามผม
"อืม"
"สงสัยควรจะเปลี่ยนผนังใหม่ให้กันเสียงได้ซะแล้ว"
ผมหัวเรากับท่าทางของเลขาตัวเองที่เดินไปมาในบริษัทเป็นว่าเล่น ดูเหมือนว่ายุนฮยองจะดีใจเมื่อผมกับจินฮวานกลับมาทำงานเหมือนเดิมแล้ว เจ้าตัวเองคงไม่ทำงานหนักเหมือนช่วงที่ผ่านมา
ผมเปิดประตูเข้าไปหาจินฮวานและแกล้งอะไรนิดหน่อยก่อนจะอ่านเอกสารในแฟ้มบางส่วน จินฮวานเองก็ทำงานของตัวเองไปเหมือนกัน ผมลอบมองใบหน้าสวยที่กำลังใจจดใจจ่อกับงานตรงหน้ามากกว่าผมที่นั่งตรงนี้
น่ารักชะมัด...
ครืด ครืด
"ฮัลโหล"
(มึงมาตอนไหน มันไม่ปริปากเลยว่ะ)
"เดี๋ยวกูไปตอนนี้"
(อืม)
บ๊อบบี้โทรมาเรียกให้ผมไปหาไอ้ตัวก่อเหตุ ผมหันไปว่าจะบอกจินฮวานแต่คนตัวเล็กก็มองอยู่ก่อนแล้ว
"ใครเหรอ" เจ้าตัวหันหน้ามาทำตากลมใสใส่ผม
สาบานว่าถ้าที่นี่ไม่ใช่ที่ทำงานผมจะจับจินฮวานฟัดให้ไม่มีแรงตื่น
"บ๊อบบี้น่ะ"
"อ๋อ.."
"น้องจินอยู่กับยุนฮยองนะ เดี๋ยวพี่มา" ผมคว้าสูทมาใส่ก่อนจะเดินออกจากห้องไม่วายหันไปบอกยุนฮยองให้ไปอยู่กับจินฮวานด้วย
ผมถือซองเอกสารสีน้ำตาลที่ระบุดีเอ็นเอและน้ำลายของจาร์เพื่อให้มันสารภาพว่าเป็นคนทำ และผมจะสาวไปหาซึงฮุนอย่างแน่นอน
ผมเข้ามาที่บริษัทบ๊อบบี้ก็เจอตัวก่อเหตุที่โดนมัดไว้กับเก้าอี้และประกบด้วยการ์ดร่างใหญ่สองคน ใบหน้าของจาร์มีแผลฟกช้ำและเลือดที่แห้งกรัง
"ว่าไง มีอะไรจะพูดมั้ย" ทันทีที่นั่งลงผมก็กล่าวทักทายเขาด้วยประโยคที่ใครๆฟังก็ต้องสะดุ้ง
"..."
"เงียบแบบนี้คิดว่าจะทำอะไรไม่ได้เหรอ สารภาพแล้วโทษเบาลงนะ"
"..."
โดนไอ้ซึงฮุนบอกให้เงียบมาสินะ ท่าทางอยากจะพูดเต็มทีนี่มันช่างขัดแย้งกับใบหน้าที่กังวลแบบนี้จริงๆ
"เอาเถอะๆ นายเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกที่เราจะทำการตรวจดีเอ็นเอเพื่อดูว่าตรงกันกับที่เจอในร่างกายของเจนนี่หรือเปล่า"
อันนี้บ๊อบบี้เป็นคนพูด จริงๆแล้วพวกผมจะตรวจอะไรแบบนี้สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้เพราะพวกผมไม่ใช่ตำรวจ แต่ถ้าพวกผมต้องการมันก็ไม่ยากเท่าไหร่
"คือ..." สาบานว่าตั้งแต่นั่งลงนี่คือคำแรกที่ไอ้นี่พูดขึ้นมา
"ว่าไง" ผมเลิกคิ้วถาม
"มีคนจ้างมา.."
"ใคร"
"บอกไม่ได้"
ภายในห้องนี้มีเครื่องอัดเสียงและวิดิโออยู่ ถ้าพูดออกมาครั้งเดียวคือจบ แต่จาร์ไม่พูด
"ทำไมถึงบอกไม่ได้"
"..." มันก้มหน้าลงและแสดงสีหน้าเศร้าไว้ ผมควรจะสงสารมันเหรอ
"บอกมาแล้วจะลดโทษให้"
"ไม่ได้จริงๆ" เสียงเข้มกว่าตอนแรกที่บอกทำให้ผมชะงัก
"ซึงฮุนใช่มั้ย"
ทันทีที่ผมถามจาร์มันสะดุ้งเล็กน้อย แค่นี้ก็พอรู้ว่าเป็นซึงฮุน แต่มันมีอะไรที่มากกว่านั้น ถ้าจาร์พูดมาแล้วมันก็จบแต่เพราะอะไรจาร์ถึงไม่ยอมพูดออกมา
"ไม่ใช่"
"ให้คิดคำตอบอีกที คิดด้วยว่าซึงฮุนเป็นคนยังไง"
บ๊อบบี้กับผมเดินออกมาจากห้องปล่อยให้จาร์ใช้เวลากับความคิดของตัวเองไปก่อน ให้เขาได้ไตร่ตรองทุกอย่างที่กระทำมาทั้งหมดเอง แล้วอีกด้านของใจก็คือสำนึกผิด มันจะตีเข้ามาในหัวอย่างง่ายดาย
"ได้ผลเหรอ" บ๊อบดูเหมือนจะกังวลที่ผมใช้การเจรจาแทนการเอาปลายกระบอกปืนขู่ให้พูดความจริง แต่ก่อนที่มีเรื่องมาผมก็ถือว่าเป็นคนอารมณ์ร้อนมากถึงที่สุด เอะอะใช้ปืน ขัดนิดหน่อยก็ตาย
แต่ตั้งแต่จินฮวานมาอยู่ในบ้านผมแทบจะไม่มีเรื่องอะไรพวกนั้นเลย แถมยังไม่ลงมือเองอีก จะว่าผมไม่อยากให้จินฮวานเห็นผมในด้านนี้ก็ได้ เพราะมันจริง
เวลาผ่านไปยี่สิบนาทีแล้วผมกับบ๊อบบี้ก็กลับเข้าไปในห้อง จาร์ก็ยังคงนิ่งท่าเดิมเพราะถูกมัดไว้
"แก้เชือก แล้วใส่กุญแจมือ" ผมบอกให้การ์ดแกะเชือกออกและยื่นกุญแจมือให้
ท่าทางจะผ่อนคลายกว่าตอนแรกแล้ว งั้นผมจะเริ่มซักถามพยาน
"นายวางแผนจะทำเรื่องนี้ยังไง" จาร์เงยหน้ามองผมและก้มลงไปอีกครั้ง
"ผมปลอมเป็นคุณ" มันง่ายที่จะปลอมเป็นผมเหรอ หรือเจนนี่โง่
"ปลอมยังไง"
"ใช้เครื่องแปลงเสียงให้ผู้หญิงคนนั้นเปิดประตู"
โลกนี้มีอะไรที่ไฮเทค ผมเองก็เคยใช้แต่ไม่ได้เอามาทำอะไรชั่วๆแบบนี้แล้วกัน
"แล้วเจนนี่เปิดให้เลยงั้นเหรอ"
"อืม"
มันก็ไม่ต่างจากที่คาดไว้เท่าไหร่ ถ้าไม่มีคีย์การ์ดเจนนี่น่าจะเปิดให้เองซะมากกว่า
"แล้วคนที่ว่าจ้างล่ะ"
"บอกไม่ได้" คำตอบเดิม แสดงว่าซึงฮุนน่าจะยื่นข้อเสนอที่จาร์เองก็ไม่อยากให้
"มันขู่อะไรไว้" ผมถามตรงๆอยู่แล้ว เพราะไม่มีเหตผลอื่นนอกจากโดนขู่ไว้แน่นอน
"เอ่อ..."
"หืม" ผมกอดอกมองปฏิกิริยาคนตรงหน้าที่เหมือนจะโดนขู่มา
"บอกมาเถอะ ถ้ามันสำคัญพวกเราจะจัดการเอง" ผมไม่ใช่คนดีที่จะไปยุ่งเรื่องคนอื่น แต่ถ้ามันเกี่ยวกับการสารภาพของจาร์ผมก็จะทำให้
"พ่อแม่ผม" เสียงสั่นเครือที่เอ่ยไม่ได้เต็มปาก แสดงว่าซึงฮุนต้องคิดจะฆ่าพ่อแม่ของจาร์เพื่อให้จาร์ปิดปากเรื่องตัวเอง
"พ่อแม่อยู่ที่ไหน"
"โดนจับตัวไป" ผมเบิกตากว้างขึ้นเมื่อจาร์พูดแบบนี้ การที่โดนซึงฮุนจับตัวไปแล้วมีโอกาสมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นที่จะไม่รอด
"โถ่เว้ย!" ผมทึ้งหัวตัวเอง
"โกดังร้างนอกเมือง" สายตาที่หวั่นไหวปนความกลัวบ่งบอกว่าผมต้องไปที่นั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผมกับบ๊อบบี้สั่งลูกน้องเฝ้าจาร์ไว้และออกมาเพื่อจะไปที่โกดังที่จาร์บอก ใช้เวลาสองชั่วโมงในการไปที่นั่นแต่ยังไงก็ต้องไปให้เร็วที่สุด
"มึงเร่งตีนเลยบ๊อบ"
บ๊อบเพิ่มน้ำหนักเท้าเร่งไปยังโกดังร้างทันที ผมต้องไปช่วยพ่อกับแม่ของจาร์ก่อนที่จะโดนฆ่าหมกป่า
บ๊อบเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าโกดังที่จาร์บอกมา ร้างจริงๆ โกดังนี่มันอยู่ไกลจากเมืองไม่พอยังไม่มีบ้านช่องหรือคนอยู่เลย ที่นี่เงียบซะจนใจผมยังหวาดอยู่เล็กน้อย
"มากันแล้วเหรอ"
เสียงคุ้นหูดังมาจาดข้างหลังทำให้ผมกับบ๊อบหันไปมอง ซึงฮุนที่ยืนกอดอกมองเราสองคน ส่วยข้างหลังเป็นคู่ชายหญิงแก่ที่โดนจับตัวมา
"ซึงฮุน ปล่อยสองคนนั้น"
แววตาของสามีภรรยาคู่นั้นเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาและเสียงดังอู้อี้ที่ร้องให้พวกผมช่วย
"ปล่อยเหรอ เอาอะไรคิด"
"ปล่อย" ผมบอกกับซึงฮุนที่ดูเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกที
"จาร์มันหักหลัง มีประโยชน์อะไรที่ต้องทำตามสัญญา" มันแค่นหัวเราะแล้วมองมาที่ผมด้วยสายตาแข็งกร้าว
"แต่พ่อแม่มันก็ไม่เกี่ยว"
"เพราะมึงจุนฮเว เพราะมึงที่ทำให้กูทำแบบนี้ เพราะมึงเป็นต้นเหตุ ...ของทุกอย่าง"
เสียงแผ่วลงเมื่อซึงฮุนพูดสามคำสุดท้ายแต่ผมก็ยังได้ยิน ผมไปทำอะไรให้มันงั้นเหรอ
"กูไปทำอะไรให้มึง"
"มึงทำมาตลอด ตั้งแต่สมัยเรียนจนตอนนี้ทำงาน มึงก็ยังสร้างบริษัทมาเพื่อแย่งลูกค้ากู!"
ตั้งแต่สมัยเรียนงั้นเหรอ... ผมไม่เคยคิด
"..."
"มึงแย่งทุกอย่างไป และตอนนี้กูจะเอาคืน!"
ซึงฮุนเหมือนคนเสียสติที่กำลังดิ้นพล่านอยู่ต่อหน้าผม ในเวลานี้ที่ชีวิตของคนแก่สองคนนั่นสำคัญผมไม่มีเวลามาฟังอะไรไร้สาระแบบนี้
"ปล่อยสองคนนั้นไป แล้วเรามาเคลียร์กันเอง"
"ไม่! มันจะต้องตายเพราะปากลูกชายตัวเอง!"
"ซึงฮุน!"
ผลั้วะ!!!
หมัดที่มาพร้อมกับเสียงทำให้หน้าซึงฮุนหันไปตามแรงและเซล้มลง ผมมองหน้าคนที่มาใหม่
"ว่าไงจุนฮเว ไม่เจอกันนาน" มินโฮที่จู่โผล่มาต่อยซึงฮุน
"มึงมาได้ไง"
"กูอยากแก้แค้นมันเหมือนกัน เอามันเข้าคุกซะ!"
ผลั้วะ!!! ตุ้บ!!!
การ์ดของซึงฮุนปรี่เข้ามารุมทำร้ายพวกผมทั้งสามคน ผมเองที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็เซล้มลงเช่นกัน ทันทีที่ตั้งสติได้ก็เบี่ยงตัวหลบเท้าที่กำลังจะกระทืบลงมาและยันตัวเองลุกขึ้นมา
"ถุ้ย!"
ผมถุยน้ำลายที่มีรสคาวเลือดทิ้ง มองหน้าคู่ต่อสู้และยักคิ้วเพื่อกวนประสาท
พลั้ก!!
ผมกระโดดถีบหน้าอกให้มันล้มก่อนจะใช้เท้าถีบไปตรงใกล้บริเวณท้ายทอย และยกร่างมันขึ้นมาใหม่
ผลั้วะ!! ผลั้วะ!! พลั้ก!!
ผมสวนหมัดไปเต็มแรงหลายทีจนหน้ามันแสดงออกว่ามึนอยู่ผมก็จัดการกระแทกกำปั้นลงบนท้ายทอยเพื่อให้มันสลบไป
ผมมองดูรอบๆมินโฮกับบ๊อบบี้กำลังตะลุมบอนกับการ์ดของซึงฮุน สายตาผมมองหาซึงฮุนทันที เท้ายาวๆของมันกำลังลากคนแก่สองคนไปทางด้านหลังของโกดัง
"ซึงฮุน!!"
ผมตะโกนก่อนจะวิ่งไปหามันที่พยายามหนี เท้าของผมวิ่งไปตามทางที่มันไปแต่ก็ไม่เจอ
"โถ่เว้ย!!" ผมวิ่งไปอีกทางซึ่งน่าจะเป็นทางที่ออกไปยังนอกโกดังเร็วที่สุด
ผมออกมานอกโกดังแล้ววิ่งไปยังด้านหลัง มันกำลังยัดคนแก่สองคนเข้าไปในรถ ผมสบถก่อนจะวิ่งกลับมาเอารถเพื่อตามมันออกไป
ผมขับรถตามออกไป ซึงฮุนเองคงไปไกลแล้วพอสมควร ผมจึงเร่งเครื่องเพื่อจะไปให้ทัน ถ้าซึงฮุนฆ่าพ่อแม่ของจาร์ในรถละก็ ผมก็ลากเข้าคุกข้อหาฆ่าคนตายได้ไม่ยาก แต่ตอนนี้ผมไม่อยากให้ใครต้องมาจบชีวิตลงเพราะเรื่องงี่เง่าที่ซึงฮุนมันคิดขึ้นมาเองคนเดียว
เนื่องจากทางมันเป็นเส้นทางตรงตลอดจึงทำให้ผมไม่ยากที่จะตามและไม่มีรถคันไหนนอกจากรถของผมกับมันเลยด้วยยิ่งทำให้ทางโล่งเหมาะแก่การไล่ล่ามาก ตอนนี้ผมมองเห็นรถของซึงฮุนแล้วซึ่งอยู่ไม่ไกลถ้าเร่งอีกนิดก็น่าจะตีขนาบข้างได้
การกระทำไวกว่าความคิดผมเร่งเครื่องเพื่อจะตีขนาบข้างรถซึงฮุนและแซงเพื่อจะดักให้รถของซึงฮุนเบรก
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!
เสียงล้อเสียดสีบนถนนและตอนนี้ทุกอย่างหยุดนิ่งแล้ว ผมลงจากรถพร้อมกระบอกปืนและเดินไปยังรถของซึงฮุนที่เบรกกะทันหัน
"ลงมา"
ซึงฮุนทำหน้าไม่สบอารมณ์และหยิบปืนมาด้วย หึ
"ปล่อยคนแก่สองคนมากับกูแล้วกูจะปล่อยมึงไป" ผมบอกแบบนั้นทำให้มันชะงัก เพราะถ้าจับมันตอนนี้เลยก็ย่อมได้ แต่ผมไม่ทำแบบนั้น ความผิดของมันที่มีต่อผมคือฆ่าเจนนี่ไม่ใช้พยายามฆ่าพ่อแม่ของจาร์
"มึงพูดจริง"
ผมพยักหน้าให้มันแล้วลดปืนในมือลง มันโยนร่างของผู้หญิงมาและตามด้วยผู้ชายก่อนที่มันจะขึ้นรถและขับออกไป
ผมปล่อยมันหนีไปง่ายๆว่ามั้ย แต่รับรองว่ามันดิ้นไม่หลุดแน่
ซึงฮุนไม่ยอมทิ้งบริษัทตัวเองแน่นอน และในวันพรุ่งนี้มันต้องไปที่บริษัทตามปกติแน่นอน
"เป็นอะไรมั้ยครับ" ผมพยุงทั้งสองคนให้ขึ้นรถพลางถามไปด้วย
"ขอบคุณมากนะพ่อหนุ่ม" เสียงสั่นเครือของคนแก่สองคนทำให้ผมนึกถึงพ่อแม่ตัวเอง ถ้าพ่อแม่ผมตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
ผมขับรถกลับมาหาบ๊อบบี้กับมินโฮที่โกดังเหมือนเดิม ผมบอกให้คนแก่สองคนรอในรถและผมลงไปหาบ๊อบบี้และมินโฮที่ยืนรอผมอยู่
"เป็นไง"
"พ่อแม่จาร์อยู่ในรถ กูปล่อยมันไป"
"ว่าไงนะ!" มินโฮเอามือกุมขมับทันทีที่ผมบอก
"ยังไงพวกกูไม่ปล่อยให้มันลอยนวลแน่ มึงใจเย็น" บ๊อบบี้รู้ดีว่าที่ผมทำไปมันมีเหตุผลทั้งหมด
"กูไปละ" มินโฮพยักหน้ารับและขับรถออกไป ส่วนผมกับบ๊อบก็กลับไปยังบริษัทเพื่อจะคุยกับจาร์
"พ่อ! แม่!" ใบหน้าที่โศกเศร้าหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเจอหน้าพ่อแม่
"จาร์ ทำไมใส่กุญแจมือ"
"ผมขอโทษครับ..."
ผมพยักหน้าให้บ๊อบไปคุยกับพ่อแม่ของจาร์และผมนั่งลงตรงหน้าเพื่อจะเอาคำสารภาพ
"สารภาพมาเถอะ โทษจะได้เบา" ผมมองหน้าจาร์
"ซึงฮุนเป็นคนจ้างให้ทำ ทั้งเรื่องที่บริษัทคุณ และเจนนี่"
"ว่าไงนะ!!" ผมลุกไปกระชากคอเสื้อของจาร์ทันที เรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัท ที่จินฮวานโดนหมอนอัดหน้าจนแทบจะไม่หายใจ เพราะมันคนนี้หรอ
"ผมขอโทษ ผมโดนขู่มาตลอด"
"อั้ก!" ผมปล่อยมันลงและพยายามสะกดอารมณ์ไว้
"คุยกับตำรวจแล้วกัน"
จาร์ไม่ได้ตอบอะไรเพียงก้มหน้าลงยอมรับความผิดที่ตัวเองก่อ แถมยังได้รับข้อหาพยายามฆ่าจินฮวานไปอีกหนึ่งกระทง ส่วนซึงฮุนตำรวจกำลังตามตัว
แต่ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดซึงฮุนเพราะจาร์แค่บอกว่าโดนจ้างวานให้ทำ ไม่มีเป็นลายลักษณ์อักษรตำรวจจึงยังไม่ปักใจเชื่อเท่าไหร่
"เอาไงต่อวะ" บ๊อบบี้หันมาถามผมหลังจากที่จบเรื่องจาร์ไปแล้ว
"โทรศัพท์ของจาร์อยู่ไหน"
บ๊อบบี้กับผมมองหน้ากันอย่างรู้งาน ถ้าจาร์โดนซึงฮุนจ้างมาแสดงว่าในโทรศัพท์จะต้องมีบันทึกโทรเข้าออกที่ติดต่อกับซึงฮุน
"กูให้ลูกน้องจัดการก็ได้ มึงกลับไปหาจินฮวานเถอะ" บ๊อบบี้มองนาฬิกาก่อนจะดันตัวผมให้เดินออกไป
JINHWAN PART
ผมมองดูร่างสูงที่นั่งรอผมที่โซฟาสักพักแล้ว ผมเพิ่งจะสังเกตใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำตามจุดต่างๆและคราบเลือดที่แห้งไปแล้ว ผมลุกไปยังห้องพักเบรกของพนักงานเพื่อจะเอากล่องปฐมพยาบาล
"มึงเอาไปทำไม" ยุนฮยองเดินเข้ามาชงกาแฟพอดีจึงถามผม
"พี่จุนฮเวน่ะสิ อยู่ดีๆก็มีแผลกลับมา"
"มันไปทำอะไรอีกล่ะ"
"ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวไปทำแผลให้พี่จุนก่อนแล้วกัน"
ยุนฮยองพยักหน้าแล้วชงกาแฟต่อ ผมเดินถือกล่องปฐมพยาบาลกลับมาที่ห้องก็เห็นพี่จุนฮเวนั่งหลับ
"พี่จุนครับ" ผมเรียกและสังเกตแผลบนหน้า แผลที่คิดว่าควรทำคงจะมีแค่มุมปากและหางคิ้ว ผมลากสายตาจากหน้าผากลงไปก็ต้องชะงักเมื่อพี่จุนฮเวลืมตามองผม ผมเพิ่งจะรู้ว่าผมยื่นหน้าไปใกล้พี่เขาพอสมควร
"อ๊ะ!" ผมที่ควรถอยกลับไปดันโดนพี่จุนฮเวจับข้อมือไว้ก่อน
"จะทำแผลไม่ใช่หรอ ทำสิ" ทำได้ยังไงล่ะ ก็เล่นอุ้มเราไปนั่งตักแบบนี้
"มันไม่ถนัด"
"อย่าดิ้น"
"ก็มันไม่ถนัดจริงๆอ่ะ" ผมดิ้นแรงกว่าเดิม
"จุนฮเวน้อยของพี่จะตื่น อย่าดิ้นนะครับ" ผมหยุดนิ่งราวกับโดนสะกดไว้ ผมรีบเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ขึ้นมาจ่อแผลและเริ่มทำแผลให้ทันที
พี่จุนฮเวหัวเราะน้อยๆกับท่าทางของผม ก็แกล้งกันแบบนี้ตลอดไม่ให้อายได้ไงล่ะ ผมแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว
"อะแฮ่ม!"
เสียงกระแอมของยุนฮยองทำให้ผมกระโดดลงจากตักพี่จุนฮเวทันที สายตาที่ยุนฮยองมองมาแทบจะทำให้ผมถอดหัวไปไว้ที่อื่น สองข้างแก้มก็เห่อร้อนขึ้นมาจนผมต้องเอามือสองข้างทาบไว้
"อายหรอจ๊ะ"
ยุนฮยองยังล้อผมไม่เลิกตั้งแต่ผมเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บ แต่ก็ไม่วายเดินตามมาล้อผมอยู่ดี
"แยกกันตรงนี้แหละ ชานมารับ" ยุนฮยองส่งเราสองคนขึ้นรถแล้วตัวเองก็เดินไปขึ้นรถบีเอ็มที่มาจอดรอที่หน้าบริษัท
พี่จุนฮเวเคลื่อนรถไปจอดขนาบข้างและเปิดกระจกทักทายชานและบอกลายุนฮยอง จากนั้นพวกเราก็กลับมาที่บ้านเช่นเคย
"พี่ไปทำอะไรมาเหรอ ถึงมีแผล"
นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ถามก็ถามหน่อยแล้วกัน
"ไปเคลียร์คดีเจนนี่แหละ"
"จบยังอ่ะ"
"จบแล้วครับ"
พี่จุนฮเวฉีกยิ้มพร้อมกับผมที่รู้ว่าคนร้ายตัวจริงได้รับผลการกระทำของตัวเอง ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้กันนะ คนพวกนี้ ยิ่งเจนนี่กำลังท้องอยู่ด้วย น่าสงสารออก
"ถึงแล้วครับน้องจิน"
พี่จุนฮเวเดินอ้อมมาเปิดประตูให้แล้วส่งยิ้มบางๆมาทำเอาใจผมสั่นเลยทีเดียว ไม่บ่อยนักหรอกที่คนอย่างพี่จุนฮเวจะยิ้มแบบนี้ เวลาที่อยู่ข้างนอกตีหน้านิ่งซะจนผมกลัว
ผมเดินนำเข้ามาในบ้านก่อนเพื่อจะไปที่ครัว วันนี้ว่าจะทำอาหารเย็นให้พี่จุนฮเวทานเอง
ผมขึ้นไปเปลี่ยนชุดและลงมาใช้เวลาที่ครัวประมาณหนึ่งชั่วโมงได้แล้ว กลิ่นหอมจากหม้อตรงหน้าทำเอาผมยิ้มร่าทันที
"หอมจัง หิวแล้วครับ" พี่จุนฮเวเดินมาหยิบน้ำกินเอ่ยปากบอกและชะโงกดูหม้อที่กำลังเดือด
"ไปรอที่โต๊ะนะครับ" ผมยิ้มให้คนตัวสูงที่กินน้ำเสร็จแล้วไม่ยอมไปไหนยังยืนมองผมอยู่ที่เคาท์เตอร์ ไม่นานผมก็ทำอาหารเย็นเสร็จ กลิ่นหอมอบอวลทำให้ผมเองก็หิวขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
ผมให้แม่บ้านเตรียมโต๊ะอาหารไว้และยกอาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะแทน
"น้องจิน ตรวจดูบ้างหรือยัง"
ผมแปลกใจกับคำถามของพี่จุนฮเว เขาจะให้ผมตรวจอะไร
"ตรวจอะไรเหรอ"
"งั้นพรุ่งนี้ไปหาหมอด้วยเลยแล้วกันเนอะ"
พูดเองเออเองก็เป็น
ขอโทษทุกคนที่หายไปนานนะคะ
ไรท์ป่วยเพิ่งจะฟื้นตัวได้ ฮ่าๆ
มาลงแล้วเนอะ เอ็นจอยน้าาาาา
ความคิดเห็น