ตอนที่ 1 : สนามรบแรกของท่านแม่ทัพ
ณ แคว้นชิงหมิงมีฝ่าบาทที่ปรีชาสามารถทั้งด้านการรบและด้านการปกครองอีกทั้งยังมีเมตตาครองแผ่นดินด้วยความยุติธรรมและยังมีขุนนางที่จงรักภักดีคอยสนับสนุนจึงทำให้ชาวเมืองอยู่เย็นเป็นสุขไม่ทุกข์ร้อนจากภัยสงคราม แต่ในขณะนั้นเองก็ได้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างแคว้นชิงหมิงกับแคว้นซูทั้งสองแคว้นนั้นไม่มีใครยอมใครแคว้นชิงหมิงจึงตัดสินใจทำศึกกับแคว้นซูเนื่องจากแม่ทัพหานจิ่นเกิดป่วยหนักกระทันหันจึงได้มอบตำแหน่งแม่ทัพหลวงให้กับบุตรชายของตน หานลู่ ชายหนุ่มอายุ26 ที่ถูกฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะได้สืบทอดตพแหน่งต่อจากบิดา การที่หานลู่ได้รับตำแหน่งแม่ทัพหลวงอีกทั้งยังต้องออกรบในสนามรบแรกที่ตนเองได้เป็นแม่ทัพก็ไม่ต่างอะไรกับการเลี้ยงหมาล่าเนื้อและปล่อยเข้าป่าเพื่อล่าเนื้อ
ค่ายพักแรมกองทัพชิงหมิง
"ท่านแม่ทัพ"
เสียงพลทหารที่ขี่ม้าตะโกนอยู่นอกกระโจม ก่อนที่จะลงจากม้าและมาคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่มที่เป็นแม่ทัพ
"ท่านแม่ทัพ..สายของเราส่งข่าวมาว่าคืนนี้ฝ่ายข้าศึกจะทำการโจมตีแบบจู่โจม นำทัพโดยองค์หญิงซูหลี่ขอรับ"
"หึ..แคว้นซูดูท่าคงจะขาดแคลนผู้นำทัพถึงขนาดต้องให้องค์หญิงมานำทัพเองขนาดนี้จะให้เกียรติข้าเกินไปกระมัง "
"จิวซือ ไปตามหัวหน้าทุกหน่วยมาหารือภายในหนึ่งชั่วยามหากมิมาจะลงโทษสถานหนัก"
"ขอรับ"
คืนนั้นเองกองทัพซูที่นำทัพโดยองค์หญิงซูหลี่ก็บุกเข้าโจมตีค่ายพักแรมของกองทัพชิงหมิงหวังที่จะโจมตีศัตรูโดยที่มิทันตั้งรับ แต่หารู้ไม่ว่าแผนที่วางไว้ถูกไส้สึกคาบข่าวมาบอกกองทัพชิงหมิงไว้ก่อนแล้ว
ซูหลี่: "อะไรกัน ค่ายกองทัพชิงหมิงทำไมถึงมีแต่พวกคนแก่กับคนป่วย"
พลทหารกองทัพชิงหมิง: "พวกท่านแม่ทัพและหัวหน้าทหารได้ระดมพลกลับชิงหมิงกันหมดแล้ว"
ซูหลี่: "ด้วยเหตุใดกันเท่าที่ข้ารู้มาแม่ทัพหานของพวกท่านเก่งกาจนักมิใช่หรือ"
พลทหารกองทัพชิงหมิง: "ไอ่หย่า..ท่านไม่รู้อะไรท่านแม่ทัพหานของเราป่วยนักกระทันหัน เลยส่งลูกชายหานลู่มารบแทน แต่ใครจะไปรู้ว่าหานลู่จะตื่นสนามรบเพราะถูกพวกท่านตัดเสบียงเลยนำกองทัพกลับแคว้นไปแล้วล่ะ"
ซูหลี่: "แล้วเหตุใดพวกเจ้าจึงอยู่ที่นี่กันเล่า"
พลทหารกองทัพชิงหมิง: พวกข้าเป็นคนป่วยและพวกก็แก่แล้วถ้าหากเดินทางไปด้วยเกรงว่าเปลืองเสบียงและยังเป็นตัวถ่วงเลยทิ้งพวกข้าไว้"
รองแม่ทัพกองทัพซู: องค์หญิงข้าว่าอาจจะเป็นกลลวง"
ซูหลี่: "ชู่...เราจะพักที่นี่กันสัก2ชั่วยามให้หมอมารักษาพวกเขาซะ"
รองแม่ทัพกองทัพซู: "แต่ว่าองค์หญิงคนพวกนี้เป็นศัตรูของเรานะพะยะค่ะ"
ซูหลี่: ถึงจะเป็นศัตรูแต่เขาก็เป็นคนเหมือนกันตอนนี้พวกเขาไร้กองทัพไร้ผู้นำก็มิต่างอะไรกับลูกไก่ที่ไร้แม่"
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ฟิ้ว ปั้ง/// เสียงพลุ
ซูหลี่: "เกิดอะไรขึ้น"
ทันใดนั้นเองรอบๆค่ายพักแรมก็เต็มไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงฉานอีกทั้งยังมีกองทัพชิงหมิงล้อมรอบ
ซูหลี่: "เตรียมพร้อมรับศึก ไม่ต้องกลัวกำลังฝ่ายเรามากกว่าศัตรูหลายเท่า"
ฟึ่บ....มีดจ่ออยู่ที่คอขององค์หญิงซูหลี่
เนื่องจากกองทัพทางฝ่ายซูนั้นมีกำลังมากกว่ากองทัพชิงหมิงอยู่หลายเท่า แม่ทัพหานลู่จึงได้วางกลบุบายแสร้งว่าถอนทัพกลับแคว้นให้ศัตรูตายใจและถ่วงเวลาไว้พอศัตรูเผลอจึงล้อมกองซูด้วยไฟและใช้กองทัพโจมตีทำให้ทัพซูพ่ายแพ้ในที่สุดและได้จับองค์หญิงซูหลี่มาเป็นเชลยกลับแคว้นชิงหมิง
แคว้นชิงหมิง
ขันที: "ฝ่าบาทเสด็จ~~~~"
ขุนนางทั้งหลายในราชสำนัก: "ถวายบังคมพะยะค่ะฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาทมีอายุยืนนาน หมื่นปี หมื่นๆปี"
ฝ่าบาท: "เอาล่ะๆ ลุกขึ้นเถิด เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่กองทัพเราชนะศึกในครานี้ นอกจากจะชนะศึกแล้วยังได้องค์หญิงจากแคว้นซูมาเป็นองค์ประกันอีก"
ฝ่าบาท: "ฮ่ะๆ หานจิ่น"
หานจิ่น: "พะยะค่ะฝ่าบาท"
ฝ่าบาท: "บุตรชายเจ้านี่ช่างเหมือนบิดาไม่มีผิดเลยแบบนี้ข้าค่อยอุ่นใจหน่อย"
หานจิ่น: "ฝ่าบาทกล่าวชมเกินไปแล้วพะยะค่ะ"
ฝ่าบาท: " ดี อย่างนี้ต้องตบรางวัล"
แปะๆ ฝ่าบาทตบมือ
อำมาตย์: "แม่ทัพหานจิ่น หานลู่ รับราชโองการ"
ฟึ่ป ....หานจิ่นและหานลู่คุกเข่ารับราชโองการ
อำมาตย์: "ราชโองการเนื่องจากแม่ทัพหานจิ่นอายุมากเเล้วร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนแต่ก่อนเราจึงเป็นห่วงเราจะให้เจ้าเกษียณตำแหน่งแม่ทัพเราอยากให้เจ้าได้พักผ่อน แต่กองทัพจะขาดแม่ทัพมิได้เราได้พิสูจน์แล้วว่าบุตรชายของเจ้าสามารถทำหน้าที่แม่ทัพได้อย่างเหมาะสมเราขอแต่งตั้งหานลู่ เป็นแม่ทัพหลวงคนต่อไป "
หานจิ่น,หานลู่: "กระหม่อมรับราชโองการ ขอให้ฝ่าบาทมีอายุยืนหมื่นปี หมื่นๆปี"
อำมาตย์: "ราชโองการฉบับที่สอง แม่ทัพหานลู่รับราชโองการ"
อำมาตย์ :" เราเห็นว่าเจ้าทำคุณงามความดีทั้งที่เป็นสนามรบเเรกที่เจ้าได้เป็นแม่ทัพแต่กลับได้รับชันชนะกลับมาน่ายินดีอย่างยิ่งเราขอมอบของกำนัลให้กับเจ้าเป็นผ้าแพรไหมจำนวน500ผืน 500ตำลึงทอง และค่าสินสอดทั้งหมดรวมถึงงานแต่งของเจ้าส่วนเจ้าสาวนั้นคงไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าบุตรสาวของเสนาบดีไป๋ ไป๋หลิงเฟย เราพระราชทานงานแต่งให้กับเจ้าทั้งสองขอให้เจ้าทั้งสองมีความสุขเจริญรุ่งเรืองต่อไป"
ไป๋ฉี: ฝ่าบาท บุตรสาวกระหม่อมนั้นยังเด็กเกินไปที่จะออกเรือนโปรดฝ่าบาทไตร่ตรองอีกทีนึงเถิดพะยะค่ะ"
ฝ่าบาท: "ไป๋ฉี เรารู้ว่าเจ้ารักและห่วงลูกของเจ้ามากแต่เราว่าไม่มีผู้ใดเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้วเมื่อวานก่อนเราให้ท่านอาจารย์ของเราดูดวงชะตาให้ทั้งสองคนแล้วว่าเหมาะสมกันอย่างมากอีกอย่างเราก็รักและเอ็นดูหลิงเฟยดุจลูกแท้ๆของเรา อย่าห่วงไปเลยเราเชื่อว่าพวกเขาจะรักกันอย่างแน่นอนในภายภาคหน้า"
เสนาบดีไป๋ฉี หน้าซีด แต่ด้วยความที่มิอาจขัดราชโองการจึงได้แต่ก้มหน้าเงียบไป
หานลู่: "ขอบพระทัยพะยะค่ะฝ่าบาทกระหม่อมหานลู่รับราชโองการฝ่าบาทขอให้ฝ่าบาทมีอายุยืนหมื่นปี หมื่อนๆปี"
จวนสกุลไป๋
ไป๋ฉี: "หลิงเอ๋อ"
ไป๋ฉีเดินเข้ากอดไป๋หลิงเฟยบุตรีคนเล็กผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจสุดรักสุดหวง
ไป๋หลิงเฟย:"เตี่ย!!!เหตุใดเตี่ยจึงร่ำไห้ ผู้ใดรังแกท่านหรือว่าตาเฒ่าสกุลหานรังแกท่าน"
ไป๋หลิงเฟยได้พยุงชายชราผู้เป็นบิดาของตนพาไปที่เก้าอี้และรินชาให้
ไป๋ฉี:"หลิงเอ๋อ...เตี่ยขอโทษนะลูกเตี่ยคงไม่มีหน้าไปพบแม่ของเจ้าแล้ว"
ไป๋หลิงเฟย:"เกิดเหตุอันใดขึ้นท่านขอโทษข้าด้วยเหตุใดเตี่ยไม่ได้ทำอะไรผิด....เอ๊ะเดี๋ยวก่อนหรือว่าท่านมาโทษข้าเรื่องที่ท่านลืมซื้อขนมดอกเหมยมาให้ข้า"
ไป๋ฉี:"ไอ่หย่า...ไม่ใช่เรื่องนั้นคือว่า.................ฝ่าบาทมีราชโองการให้เจ้า...."
"....."?????
ไป๋ฉี:"ให้เจ้า........แต่งงานกับแม่ทัพหานลู่บุตรชายของอดีตแม่ทัพหานจิ่นในอีก 1 สัปดาห์"
สิ้นคำพูดหญิงสาวได้แต่ทำหน้าตกใจช็อคแบบไม่ทันตั้งตัวทันใดนั้นน้ำตาก็ค่อยๆไหลรินจากตวงตาที่เคยสดใสทั้งที่วันนี้เป็นวันเกิดของตัวเองแท้ๆแต่กลับมีข่าวร้ายจากบิดามาแทนของขวัญ
ไป๋หลิงเฟย:"ท่านล้อข้าเล่นใช่หรือไม่แต่งงาน? ฮ่ะๆ"
เสียงที่สั่นคลอนกับน้ำตาที่ไหลริน ทำให้ไป๋ฉีผู้เป็นบิดาไม่อาจกล้าที่จะมองเพราะรู้ว่าตนต้องใจออ่นเป็นแน่แท้
ไป๋ฉี:" ลูกรักเตี่ยไม่อาจขัดราชโองการได้อีกอย่างเตี่ยก็อยากเห็นเจ้ามีครอบครัวมีคนคอยปกป้องเจ้าแทนเตี่ยเพราะข้าไม่อาจอยู่กับเจ้าได้ตลอด"
ไป๋ฉี:"พี่ชายเจ้าก็ไปท่องยุทธภพจะกลับเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เตี่ยก็แก่มากแล้วถึงเตี่ยกับหานจิ่นเราจะไม่ลงรอยกันแต่เตี่ยเชื่อว่าเขาจะต้องรักและเอ็นดูเจ้าเป็นแน่"
ชายชรายิ้มสายตาดูเศร้ายกมือคล้ายจะลูบหัวหญิงสาวที่กำลังร้องไห้
เพี๊ยะ...../// หญิงสาวได้สบัดมือนั้นออกไป
ไป๋หลิงเฟย:"วันนี้....ท่านไม่แม้แต่จะลืมวันเกิดข้ามิหนำซ้ำท่านยังผลักไสไล่ส่งข้าให้ไปแต่งงานกับผู้ที่ได้รับฉายาว่าเด็ดหัวศัตรูดั่งเด็ดดอกไม้..ท่านมิได้รักมิได้ห่วงข้าแล้วใช่หรือไม่"
ไป๋ฉี: "......"
ทันที่ที่พูดจบไป๋หลิงเฟยก็ได้วิ่งออกไปด้วยความเสียใจและได้ขังตัวเองเอาไว้ในห้องมิยอมเปิดประตูใครยกเว้นเพียง"จิ่นมี่"สาวใช้ที่นางไว้ใจมากที่สุด
วันแต่งงาน
สกุลหานส่งขบวนเกี้ยวที่สวยงามหรูหราอย่างเต็มยศมารับเจ้าสาวที่หน้าจวนสกุลไป๋
ไป๋ฉี:"บุตรสาวข้านางป่วยหนักข้าเกรงว่า.."
"ปั้ง/////" เสียงประตูที่ถูกผลักออกอย่างแรง
??????????????????????????????
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
