สิ่งที่ถูกต้อง - สิ่งที่ถูกต้อง นิยาย สิ่งที่ถูกต้อง : Dek-D.com - Writer

    สิ่งที่ถูกต้อง

    จะเป็นยังไงกันนะ? เมื่อตัวคุณค่าของคำว่า "มารยาท" เป็นเพียงสิ่งที่ถูกเรียกว่าเป็นสิ่งโบราณสำหรับไดโนเสาร์ในยุคสมัยใหม่

    ผู้เข้าชมรวม

    85

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    85

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ส.ค. 63 / 13:07 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    สิ่งที่ถูกต้อง

    สิ่งนี้มันถูกจริง ๆ อย่างงั้นเหรอ…?”

    ผมนั่งคิดวนไปวนมาอยู่หลาย ๆ รอบ ระหว่างที่ผมคิดอยู่ ในห้องเรียนมีแต่ความวุ่นวานเต็มไปหมด เพื่อน ๆวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนานโดยทุกคนมีลักษณะทรงผมตามระเบียบโรงเรียน แอร์ที่เปิดในห้องเรียนก็เย็นเสียเหลือเกิน จนผมต้องหยิบเสื้อกันหนาวสีดำตัวเก่งขึ้นมาใส่ ผมมองไปรอบ ๆ เพื่อมองเพื่อนด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ด้านหน้าห้องมีกระดานที่เขียนบักทึกตารางเรียนด้วยน้ำหมึกสีดำ แต่ความวุ่นวายของผองเพื่อนก็ยังไม่จบลงง่าย ๆ แม้เวลาเรียนจะมาถึงภายในอีก 5 นาทีนี้แล้วก็ตาม !

    ให้ตายเถอะ...พวกนายไม่รู้จักอยู่เงียบ ๆ กันบ้างหรือไงเนี้ย

    ผมกล่าวออกมาอย่างเหนื่อยใจ เพื่อน ๆ หันมามองที่ผม และทำท่าทางยักไหล่ขึ้นพร้อมกันบริเวณกลางห้อง พวกเขาทำเหมือนกับว่า “ใครสน?” ผมก้มหน้าพร้อมถอนหายใจออกมาดัง ๆ และมองขึ้นไปบนกระดาน ทีวีที่ปิดสนิทและมีรูปพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่น่าเคารพติดอยู่ข้าง ๆ  ทันใดนั้นเอง เพื่อนตัวแสบก็พุ่งเข้ามาเกาะไหล่ของผมแบบที่ผมไม่รู้ตัว

    เฮ้ย!!! เล่นบ้าอะไรของนายเนี้ย ไอ้กล้า!”

              กล้ายิ้มพลางเอาตัวยื่นเข้ามาใกล้

    เอ้า! ก็นายมัวแต่นั่งเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างอย่างกับพระเอกในมิวสิควิดีโอนี่ ไหงไม่ไปเล่นกับเพื่อนบ้างละ?”

    กล้าทำหน้าสงสัยเหมือนเด็กที่พึ่งรู้จักโทรศัพท์เป็นครั้งแรก ให้ตายเถอะ..ผมคิดว่า การไปวิ่งเล่นในห้องเรียนแบบนี้ได้ส่งเสียงดังจนไปรบกวนห้องข้าง ๆ น่ะสิ

    นี่นาย ไม่คิดว่าจะเป็นการรบกวนห้องข้าง ๆ เหรอ…?”

    ผมถามกล้าออกไป พลางกลับไปคิดเรื่องที่คิดไว้ในหัวตอนแรก ๆ

    ใครสนล่ะ จริงไหม?”

    กล้าตอบกลับเสียงแข็ง ก็ตามนั้นล่ะผมห้ามอะไรไม่ได้อยู่แล้วขนาดหัวหน้ายังห้ามอะไรไม่ได้เลยนี่ อย่างผมน่ะแค่พูดคงไม่มีใครฟังแล้วละมั้ง

    เอาเหอะ ไม่ว่าจะคิดอะไรที่ฟุ้งซ่านอยู่ ก็อย่าไปทำอย่างนี้ในคาบต่อไปของครูเดียร์แล้วกัน

    กล้าพูดออกมาปนขำเล็กน้อยและเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง ตัวผมที่มัวแต่คิดอะไรไปซะไกล จนแทบจะไม่ได้ยินเสียงเพื่อนคนนี้เลย

    มันถูกหรือผิดกันแน่นะ…?”

    ผมบ่นออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อสองวันก่อน ผมได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ผมไม่รู้ว่าถูกหรือผิดกันแน่...ผมเริ่มนึกย้อนกลับไปทบทวนเหตุการณ์

     

             เอ้าน้องเฟิร์ส ทำไมทำอย่างงี้ล่ะลูก...เวลาเดินผ่านผู้ใหญ่ก็ต้องก้มหัวสิ.

             เสียงแม่ดังขึ้นอยู่ข้าง ๆ โซฟาในห้องนั่งเล่น

             ผมแค่สงสัยว่าทำไมเราต้องก้มหัวให้ผู้ใหญ่ล่ะ…”

             ผมทำหน้าสงสัยและถามออกไป

             นี่แม่ต้องสอนลูกอีกกี่ครั้งกัน ว่ามันคือมารยาทที่เราควรทำกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือคนรอบ ๆ ข้างที่รู้จักหรือไม่รู้จักและเป็นการให้เกียรติคนนั้น ๆ ด้วย แถมยังช่วยทำให้เราเป็นคนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนด้วยนะ

            หลังจากนั้น แม่ก็พูดต่ออีกยาวเป็นหางว่าวเกี่ยวมารยาทที่ควรทำ ผมรู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วยภายในใจลึก ๆ นี้คือสิ่งที่เราควรทำจริง ๆ เหรอ หรือเป็นแค่สิ่งที่สังคมต้องการให้เราทำ นี้คือความถูกต้องจริง ๆ อย่างงั้นเหรอ…?

             นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ! สวัสดีครับครับครูเดียร์…….”

            นักเรียนทุกคนยกมือขึ้นมาไหว้ครูอย่างพร้อมเพรียงกันและลากเสียงยาวเมื่อเริ่มสวัสดีคุณครู ไอ้กระผมคนนี้กลับนั่งเหม่อคิดต่อไปเกี่ยวเรื่องที่โดนบ่นแม่บ่นไปเมื่อสองวันก่อน

             เด็กชายเฟิร์สทำไมไม่สวัสดีคุณครูคะ!” ผมทำท่ายียวนกวนประสาทครูและไม่รู้สึกรู้สาในสิ่งที่ทำลงไป

    และทันใดนั้นเอง เก้าอี้ของผมเกิดชำรุดขึ้นมาโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ตัวผมล้มลงไปหัวกระแทกพื้นอย่างจัง

            

             อั่ก!”

              ผมล้มลงหัวกระแทกไปพื้นอย่างจัง เสียงเพื่อนรอบตัวผมร้องเสียงหลง และทัศนวิสัยของผมค่อย ๆ เลือนรางลงไปอย่างช้า ๆ

     

    นี่... ผมอยู่ที่ไหน…?”

     

            ผมลืมตาอย่างช้าและยังคงรู้สึกเจ็บบริเวณหัวไม่หาย ผมเริ่มมองไปรอบ ๆ ผมรู้สึกสับสนนี่ผมตายไปแล้วเหรอ…?ไม่จริงน่ะผมจะตายกะแค่หัวกระแทกโต๊ะไม่ได้นะ!!!!

            นี่...มันมืดไปหมดเลยที่นี่มันที่ไหนกันนะ…”

           ผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวัง ในชีวิตนี้ผมยังไม่ได้ทำอะไรอีกตั้งมากมายเลยนะ ทำไมผมต้องมาตายเพราะอะไรแบบนี้ด้วย

     

            เฮ้อจะอะไรนักหนา กะแค่เรื่องการไหว้ ขนาดคนต่างชาติเขาทำแค่จับมือกันทักทาย น่ารำคาญ…”

           ทัศนวิสัยของผมเริ่มกลับมามองเห็นอีกครั้ง จากที่เห็นแค่หมอกสีดำ ผมเห็นชายคนหนึ่งใส่ชุดสูทสีดำและกระเป๋าทำงานเดินออกมาจากตึกที่สูงใหญ่ราวกับว่าเป็นตึกที่มาจากอนาคต ผมหันไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจ ผมเห็นเพียงตึกที่สูงชันพร้อมอากาศที่เต็มไปด้วยควันจากโรงเรียนจากที่ไกล ๆ ผมแทบไม่เห็นต้นไม้ซักต้นเลย…

            อาพี่ครับที่นี่ที่ไหนเหรอครับ?”

           ผมเดินตรงเข้าไปถามชายคนนั้นด้วยความระแวงว่าชายคนนี้จะอารมณ์เหวี้ยงใส่ผมด้วยรึเปล่า

            “…”

           ชายคนนั้นเงียบและไม่พูดอะไรออกมาซักคำ และมองไปรอบ ๆ อย่างกับว่าผมไม่มีตัวตนให้มองเห็น

            เอาจริงดิ…”

           ผมสบถออกมาโดยที่ตัวเองยังรู้ตัวด้วยซ้ำ นี้ผมเป็นวิญญาณไปแล้วเหรอเนี่ย ทำไมเขาถึงมองไม่เห็นผมกันนะ

            จะอะไรก็ช่างเถอะ ไอ้ของโบราณเก่ากึ้กซะขนาดนั้น ใครมันจะไปทำตามกันวะ

           เขาบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ ตัวผมที่ยังมึน ๆ ว่านี่ผมเป็นวิญญาณหรือกำลังล่องหนได้ ผมตบหน้าตัวเองไป 1 ครั้ง

            หู๊ย…. เจ็บสุด ๆ ไปเลย

           ผมทำแบบนั้นทำไมน่ะเหรอ ก็เวลาทำให้ตัวเองเจ็บแล้วมันจะทำให้ตื่นจากความฝันไงล่ะ แบบในหนังไง แต่ก็นะมันไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นเลย

            เออ ได้ยินเรื่องไอ้คนที่มาสมัครงานนั่นรึเปล่า? ไอ้คนที่เพิ่งเดินล่วงเราไปอะ โครตจะไร้มารยาทเลยว่ะ

           ผมหันหลังกลับไปมองที่ประตูทางเข้า-ออกของตึก และได้เห็นชายสองคนที่มีลักษณะเป็นพนักงานบริษัทใส่เสื้อสูทสีดำและขอบตาเป็นสีดำอย่างกับคนไม่ได้นอนมาอาทิตย์หนึ่งเต็ม ๆ กำลังคุยกันตามประสาเพื่อนร่วมงาน

            เออ ๆ เห็นแล้วแหละ นิสัยแย่เนอะ เนี่ย...ขนาดเข้าไปสมัครงานกับหัวหน้าแผนก ยังไม่ยกมือมาไหว้ ไม่เดินก้มหัวให้ผู้ใหญ่ ที่บ้านพ่อแม่สั่งสอนบ้างไหมเนี่ย แย่จริง ๆ

          ชายชุดสูทสีดำคนข้าง ๆ ตอบกลับ อย่างอารมณ์เสีย

            หึหึเชื่อเถอะ คนอย่างนั้นไม่มีวันได้เข้ามาทำงานกับเราหรอก ถึงจะเก่งมากแค่ไหนแต่ถ้าไร้มารยาทก็แค่นั้น ฮ่าฮ่า!”

         ชายชุดสูทตอบกลับเพื่อนร่วมงานคนข้าง ๆ ด้วยความสะใจ

           คนที่โดนนินทาอยู่นี่จะเป็นเหมือนกับเรารึเปล่านะ…?”

          ถ้าผมโตขึ้นและยังมีนิสัยแบบนี้อยู่ มันจะต้องเป็นปัญหาแน่ ๆ ไม่ว่าผมจะเก่งแค่ไหนหรือจบสูงมาขนาดไหน ไม่มีใครสนหรอกกับคนที่ไม่มีมารยาทแบบนี้ ผมควรที่เปลี่ยนตัวเองใช่ไหม…? แต่..อีกใจหนึ่งก็คิดว่า

           พวกคุณมันหัวโบราณ! กะอีแค่การไหว้และก้มหัว พวกคุณจะสนมารยาทที่เก่าขนาดนี้ นี่พวกคุณเป็นไดโนเสาร์เมื่อหลายล้านปีก่อนรึไง!?”

         ผมถึงกับสะดุ้งโหยงกับชายสูทสีดำพร้อมกับถือกระเป๋าทำงานของเขาเดินตรงเข้ามาที่พนักงานบริษัททั้งสองคน เอาแล้วหล่ะสิ ผมยังไม่หายกังวลเรื่องที่พวกเขาไม่เห็นผม แต่ก็ดีกว่าการที่ให้พวกเขาเห็นว่าผมอยู่นี่ ไม่งั้นเรื่องจะบานปลายกว่านี้แน่ ๆ

         อะไรของคุณครับ? นี้อย่าบอกนะว่าคุณยังไม่เข็ดกับหัวหน้าแผนกของเราอีก?”

         พนักงานบริษัททั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน ความรู้สึกคือแบบ ว้าววว! ทั้งสองคนเป็นฝาแฝดหรือเพื่อนร่วมงานกันแน่ ยังไม่ทันที่จะเปลี่ยนอารมณ์ ชายที่ถือกระเป๋าได้ตะคอกลับไปในทันที

         แน่นอนอยู่แล้ว ผมจบมาจากอเมริกาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของที่นั่น ระดับผมน่ะกะแค่เรื่องมารยาทโบราณ ๆ     แบบนี้น่ะ มันก็เหมาะสมกับแค่พวกหัวโบราณแบบพวกคุณนี้ล่ะ!”

        ผมถึงกับอ้าปากค้าง ผู้ใหญ่แบบนี้ก็มีด้วย ผู้ใหญ่ในสังคมแบบนี้ก็มีด้วย แต่ดูจากลักษณะท่าทางเขาดูพึ่งจบมาใหม่ ๆ ด้วย เป็นคนที่ไฟแรงจนน่ากลัวจริง ๆ

         พอได้แล้ว!”

        มีเสียงดังออกมาจากหน้าประตูทางเข้า-ออก เป็นเสียงของคนที่พอมีอายุแล้ว แต่ผมยังไม่เห็นตัวของเขาว่าเป็นยังเพราะกระจกมันสะท้อนจนแทบไม่เห็นรูปร่างเลย

         ผมดูประวัติของคุณมาแล้ว คุณเนี่ยมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในหลาย ๆ ด้านโดยเฉพาะการบริหารการเงิน แต่คุณกลับพลาดโอกาสของคุณเพียงเพราะคุณน่ะ ไม่มีมารยาทอย่างไงล่ะ!”

        ชายในชุดสูทพร้อมใส่หูฟังแบบบลูทูธ เดินออกมาจากประตู เผยถึงรัศมีความเป็นผู้นำในกลุ่มพนักงานบริษัท

        สวัสดีครับ! หัวหน้าแผนกชิน!”

        พนักงานบริษัทตรงหน้ายกมือขึ้นมาไหว้พร้อมกันในท่าที่ถูกต้อง ทั้งสองคนนี้นี่น่าทึ่งจริง ๆ สามารถไหว้ให้พร้อมกันได้โดยที่ไม่ได้เตรียมกันมาเลยซักนิด

        คุณปังและคุณมิกซ์รู้ไหมว่าการพูดถึงผู้อื่นลับหลังเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ…”

        หัวหน้าแผนกพูดออกมาเสียงแข็ง โดยพนักงานทั้งคู่ก้มหน้าพร้อมกันด้วยความรู้สึกผิด

        “ขอโทษครับ” ทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกันพร้อมกับยกมือไหว้

         อะแฮ่มสวัสดีครับผมต้องขอโทษคุณแทนพนักงานในแผนกของผมทั้งสองคนด้วยนะครับ ผมได้ยินในสิ่งที่เขาพูดถึงคุณแล้วล่ะ ตัวผมที่เป็นหัวหน้าแผนกจำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของผม คุณกล้าคุณยังไม่ผ่านการพิจารณาที่จะได้ทำงานที่นี่ด้วยเหตุผลว่า ทางบริษัทของเราอาจมีปัญหาภายหลังจากรับคุณเข้ามาทำงานในบริษัทของเรา แต่ถ้าหากคุณกลับไปทบทวนและทดลองปรับตัวในบางสิ่งที่คุณอาจจะยังไม่เข้าใจหรือหลงลืมไป ผมเองก็ยินดีจะรับคุณมาพิจารณาอีกครั้ง หากถึงเวลานั้นแล้ว โปรดโทรมาหาผมที่เบอร์นี้นะครับ ขอบคุณที่คุณสนใจจะมาร่วมทำงานบริษัทของเรานะครับ

       เดี๋ยวนะฟังผิดไปรึเปล่าชายคนนี้คือกล้าเพื่อนผมเหรอ..? ไม่หรอกน่า...เพื่อนผมไม่ใช่คนอย่างนี้

     

         เฟิร์ส! เฟิร์ส! ตื่นขึ้นมาสิ ทุกคนไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาเร็วเข้า เด็กชายกล้าอยู่ดูเฟิร์สนะ เดี๋ยวครูมา!”

       ผมตื่นขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก นี่ผมยังไม่ตายสินะ!!! เยี่ยมไปเลย ผมไม่ได้ตายเพราะเรื่องแค่หัวกระแทกโต๊ะ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ไม่ตายด้วยนะครับ!!

        เฟิร์ส เป็นอะไรรึเปล่า!? นายสลบไปตั้ง 5 นาทีน่ะ! เจ็บตรงไหนรึเปล่า!?”

       ผมสลบไปแค่ 5 นาทีเองเหรอ…? ทำไมในความฝันรู้สึกเหมือนกับสลบไปเป็นนานแสนนาน

        แค่ 5 นาทีเองเหรอ…?”

       ผมถามกล้าออกไปอย่างมึนงง

        “5 นาทีก็ดีแค่ไหนแล้ว อยากจะสลบนานเป็นชั่วโมงหรือไง!?”

       นั้นสินะ อะไรของผมเนี่ย ใครมันอยากจะสลบไปนาน ๆ จนไม่ตื่นล่ะ?

        เด็กชายเฟิร์สฟื้นแล้วเหรอ! เจ็บตรงไหนรึเปล่า!? ไม่เป็นไรนะ ครูขอโทษ!”

       สีหน้าของครูดูตื่นตระหนกมากจนผมคิดว่านี่ผมเกือบตายแล้วเหรอ ครูเลยกังวลขนาดนั้น

        ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับครูแค่ยังปวดแถว ๆ หลังหัวนิดหน่อยน่ะครับ...แต่เชื่อผมเถอะ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว     จริง ๆ ครับ

       สีหน้าของครูยังดูไม่ค่อยดีนัก แต่พอเมื่อผมยืนหยัดอย่างนั้นแล้วครูก็ขัดอะไรไม่ได้ ครูจึงเริ่มสอน

        เฮ้อครูขอโทษ เฟิร์สด้วยนะ ครูไม่น่าทำอย่างนั้นเลย นักเรียนคนอื่น ๆ อย่านำไปทำตามนะ ไม่นั้นจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีอย่างนี้ขึ้นอีก

       นักเรียนขานรับ ครับ/ค่ะ พร้อมกันรวมถึงผมด้วยและเริ่มแจกจ่ายงานกลุ่มที่จะต้องทำให้เสร็จภายในสิ้นเดือน

        เอาล่ะนักเรียนต้องทำงานกันเป็นคู่ เพื่อทำโปรเจ็คที่ครูสั่งให้เสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ หัวข้อของเราคือ เรื่องมารยาทไทยในสังคมนะ

       กล้าทำหน้าเบื่อเล็กน้อยและเริ่มกระซิบกับผม

        งานนี้ มันเหมือนสำหรับพวกหัวโบราณเลยเนอะว่าไหม…?”

       นี้มันคำพูดนี้ทำไมรู้สึกเหมือนเคยได้ยินตอนระหว่างตอนที่ผมสลบอยู่ หรือว่า

        ไอ้พวกที่คิดว่าการไหว้ การก้มหัวในมารยาทไทย มันก็เป็นแค่พวกไดโนเสาร์เท่านั้นล่ะ จริงไหม…?”

     

      ใช่แน่ๆคำพูดเดียวกันด้วย เอาล่ะเราต้องถามคำถามนี้ถึงจะรู้ว่าใช่จริง ๆ รึเปล่า

        กล้านายมีแผนว่าจะไปต่อมหาลัยที่อเมริการึเปล่า…?”

      กล้าทำหน้าแปลกใจ ตอบกลับทันที

        นายรู้ได้ไงวะ? ว่าเราจะไปต่อที่อเมริกา? นี้นายแอบไปถามพ่อแม่เรารึเปล่าเนี่ย…?”

      ใช่จริง ๆ ด้วยผมไม่รู้ว่าเรื่องราวในความคิดของผม เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ถ้ามันทำร้ายอนาคตเพื่อนของผมเพียงเพราะเขาไม่มีรู้เรื่องมารยาทและปล่อยปละละเลย มันต้องเป็นแบบที่ผมเจอแน่ ๆ

        กล้าเดี๋ยวเรามาทำงานนี้ให้ดีกันเถอะนะ

      กล้าทำหน้างง ๆ เหมือนกับสงสัยว่า สติของผมยังกลับมาไม่ครบจากที่หัวกระแทกโต๊ะหรือเปล่า?

        นายโอเคใช่ไหม…? นายยังปวดหัวอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”

      ผมยิ้มกลับ และหยิบกระดาษขึ้นเริ่มที่จะจดบักทึก

        ไม่ใช่หรอก เรายังสบายดีแค่อยากจะลองทำให้มันดีที่สุดน่ะ

      กล้ายักไหล่และนั่งลงข้าง ๆ ผม

        เอางั้นก็ได้ เพื่อคะแนน จะได้ไม่ซ้ำชั้นอะนะ ฮ่าฮ่า

     กล้าหัวเราะชอบใจ และผมหยิบอุปกรณ์เครื่องเขียนขึ้นมาไว้บนโต๊ะ

     ผมคิดในใจ

       ไม่ใช่แค่คะแนนหรอก แต่เพื่อพวกเรา เพื่อพวกเราที่จะไม่ลืมรากฐานที่ดีของสังคมไทยที่ทุกคนควรคำนึงถึงอยู่อย่างไงล่ะ…”

                                                            *****************

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×