ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Kirishima Eijiro : Let's cuddle 100%
Genre : Fluff
Story : Let's cuddle
มากอดกัน
ชิมิตสึ ยูกะ กำลังแอบชอบนายหัวแดงผมตั้งเพื่อนร่วมชั้นเดียวกัน เจ้าของอัตลักษณ์แข็งตัวนามคิริชิมะ เอย์จิโร่ เพื่อนสนิทหรือไม่ใช่ก็ไม่ทราบของบาคุโก คัตสึกิ ตัวยูกะเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปชอบคิริชิมะเข้าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เอาเป็นว่าเขาไม่รู้ก็เป็นพอ โชคดีที่เธอค่อนข้างจะเก็บอาการเก่งมากๆและเนื่องจากที่เธอเป็นคนหน้านิ่งมากๆ คนอื่นๆนอกจากสมาชิกในห้องก็เลยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
วันนี้เป็นวันปกติตามฉบับโรงเรียนฮีโร่ มาถึงก็เรียนคล้ายกับโรงเรียนปกติ จากนั้นก็ไปฝึกอัตลักษณ์ต่างๆนาๆ แต่ที่ต่างจากวันอื่นนิดหน่อยคงเป็น..
"แกมันก็เป็นแค่คนอ่อนแออยู่ดีนั่นแหละ!!!!!" เสียงตวาดดังลั่นของบาคุโกดังขึ้นมาจนดีงความสนใจของทุกคนที่กำลังจะไปกินข้าวกลางวันกัน ทุกคนล้วนสงสัยว่าบาคุโกวกำลังพ่นคำด่าเสียดใจนี้ใส่ใคร
"ฉัน.." คนที่บาคุโกตวาดใส่คือคิริชิมะ.. เขายืนก้มหน้าลงต่ำจนไม่เห็นดวงตา มือทั้งสองข้างถูกกำจนขึ้นสีขาวบริเวณข้อนิ้ว ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด
"เฮ้ยๆ ทะเลาะอะไรกันเนี่ย ไปกินข้าวกันเถอะ" คามินาริ เด็นกิเป็นคนทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นมาพร้อมกับที่เดินมากอดคอลากตัวเพื่อนแก๊งเดียวกันทั้งสองคนออกมา ทั้งห้องจึงละความสนใจก่อนหน้านี้และออกจากห้องเพื่อไปโรงอาหารกัน
จะเป็นอะไรหรือเปล่านะ.. ยูกะคิดขึ้นมาอย่างหนักใจ เธอสังเกตสีหน้าของคิริชิมะตอนกำลังกินข้าวจากโต๊ะของกลุ่มมิโดริยะที่เธอมานั่งด้วยประจำ
ตอนกลับถึงหอค่อยไปคุยแล้วกัน สายตาสีน้ำทะเลของเธอละออกจากโต๊ะฝั่งนั้นเพื่อหันมาคุยกับเพื่อนๆต่อ
โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาสีแดงเข้มจากใครบางคนแถวนั้นหันมามองเธอเช่นกัน
1-A Dorms | Living room
หลังจากที่ทุกคนกลับมาที่หอกัน ต่างก็กินข้าวคุยเล่นกันเรียบร้อยจึงแยกตัวไปทำธุระของตัวเอง แต่ก็ยังมีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นกันบ้างประปราย อย่างเช่น เธอ เป็นต้น
ฟุ่บ
หลังจากที่ยูกะชงช็อคโกแลตร้อนพร้อมกับอุ่นป๊อปคอร์นเรียบร้อย เธอจึงเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวยาวสีเขียวกลางห้องนั่งเล่นเพื่อหาหนังดูอย่างสบายอารมณ์ พลันเสียงของคนที่เธอลืมไปว่าจะเข้าไปทักสนิทก็ดังขึ้นมาจากหลังโซฟา
"นั่งด้วยได้ไหม?" เสียงทุ้มติดนุ่มของคิริชิมะดังขึ้นมา เธอในเสื้อฮู้ดดี้สีเทากับกางเกงสีดำขาสั้นจึงหันไปตอบเขาว่า
"มาสิ" ว่าไปพร้อมมองสำรวจคนที่กำลังเดินอ้อมมานั่งบนโซฟาทางฝั่งซ้ายเงียบๆ
เธอกดเล่นหนังอย่างไม่รอช้า ลุกขึ้นไปปิดไฟห้องนั่งเล่นแล้วกลับมานั่งฝั่งขวาของโซฟาจนร่างทั้งสองห่างกันเกือบจะเป็นเมตร ก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่สนิทกับคิริชิมะหรอก แต่เธอไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไง ว่าแล้วจึงยกแก้วช็อคโกแลตร้อนขึ้นมาดื่มเงียบๆ
"..."
"..."
ต่างฝ่ายต่างเงียบกันจนได้ยินแค่เสียงของหนังบนหน้าจอโทรทัศน์ เงียบจนรู้สึกอึดอัด ยูกะรู้สึกว่าเธอควรจะทำอะไรสักอย่าง ถึงตอนแรกคิดไว้ว่าจะเป็นฝ่ายชวนคุยแต่ก็ไม่ได้เตรียมประโยคอะไรมาเลย สมองยังไตร่ตรองไม่เสร็จสิ้น เธอก็หลุดปากถามโดยไม่มองหน้าเขาไปแล้ว
"เป็นอะไรไหม?" สิ้นเสียงของเธอ ก็ทำได้แค่แอบเหล่ตาไปมองทางคิริชิมะอย่างกังวล
"...จะว่าเป็นก็ใช่ จะว่าไม่เป็นก็ใช่น่ะ" คิริชิมะตอบมาอย่างรับรู้ว่าเธอกำลังถามเขาเรื่องอะไร หัวใจของชายหนุ่มแอบพองฟูกับความคิดที่ว่ายูกะก็เป็นห่วงเขา
"ระบายได้นะ" เธอตอบเขาไปอย่างรีบร้อนจนกลัวว่าเขาจะจับผิดเธอได้หรือเปล่า
"ฉัน.." เขาพูดออกมาเพียงแค่นั้นก่อนที่จะเงียบไปคล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่าง เธอเหลือบเห็นผมสีแดงของเขาที่ลู่ลงมาเนื่องจากผ่านการสระผม เจลที่เซ็ตไว้ตั้งแต่จึงละลายออกไปหมด ตอนนี้ผมนั้นจึงปิดหน้าด้านข้างจนไม่เห็นอะไร มือกำเขาหากันแน่นอย่างหนักใจ
เขาคงไม่อยากพูดเท่าไหร่ งั้นเราก็ควรปล่อยให้เขาได้อยู่กับตัวเองสินะ เธอจึงทำตัวเป็นเพื่อน(ไม่จริง)ที่ดีโดยการนั่งเงียบๆแล้วหันไปมองโทรทัศน์ต่อ ฉับพลันก็ได้ยินเสียงของคิริชิมะดังขึ้นมาอีกครั้ง
"ยูกะ.. ฉันเหนื่อยมากเลย" เสียงเหนื่อยอ่อนถูกเปล่งออกมา หัวทุยสีแดงเอนเข้าหามือใหญ่ของตนเองจนปิดหน้าปิดตาราวกับพยายามปกปิดความรู้สึกบนใบหน้าที่ก่อตัว
ความเงียบถูกโรยตัวลงมาอีกครั้ง ใบหน้าของร่างบางนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลหันมาหาอีกฝ่ายเต็มตัวอย่างห้ามไม่ได้ มือบางวางแก้วที่ของเหลวด้านในเริ่มเย็นชืดลงบนโต๊ะใสข้างหน้า ใจดวงน้อยอ่อนยวบกับภาพชายหนุ่มอัตลักษณ์แข็งแกร่งที่ตอนนี้เปราะบางราวกับแก้ว
ราวกับลูกหมาหลงทางที่ต้องการความอบอุ่น การใส่ใจดูแลจากใครสักคน สมองไม่ทันได้คิดอะไรอีกนอกจากหลุดปากไปว่า
"กอดไหม?" ตอนที่เธอพูดคำนี้ออกมา เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่านั่นเป็นเสียงของเธอจริงหรือเปล่า ใจดวงน้อยสั่นคลอนกับสายตาตกใจปนสงสงสัยของอีกฝ่าย แต่ในนัยน์ตาสีแดงเข้มนั้นก็ยังคงความเหน็ดเหนื่อยไว้ข้างใน
"เอ่อ.. โทษนะ มันหลุดปากน่ะ ดะ เดี๋ยวฉันจะเอาป๊อปคอร์นกับแก้วไปเก็บนะ" ยูกะพูดอย่างรีบร้อนปนอับอาย พร้อมลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนคิริชิมะที่กำลังจะตอบก็มองเธออย่างตกใจ แต่ก็ไม่ได้ลุกตามไปเพราะยังประมวลความคิดไม่เสร็จ
สายตาของชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังเล็กที่สยายผมสีดำลงมาจนถึงเอว หัวใจยิ่งพองขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าใบหูของเธอแดงไปหมด จึงจำต้องหันกลับมาตั้งสติกับตัวเองอีกครั้ง
ทางฝ่ายของยูกะที่เพิ่งตั้งสติและสงบจิตใจตัวเองเรียบก็เดินมาอยู่ด้านหลังโซฟาเพื่อเตรียมบอกฝันดีคิริชิมะ
"ฉันไปนอนดีกว่า นะ นายจะดูหนังต่อไหมฉันจะได้ไม่ปิด" เธอถามออกไปด้วยเสียงที่สั่นไปบ้าง ตัวคิริชิมะที่ได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมกับลุกและปิดโทรทัศน์ให้เสร็จสรรพ เป็นสัญญาณว่าเขาก็จะไปนอนบ้างเหมือนกัน
ความเงียบโรยตัวอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างเดินขึ้นไปชั้นบน เมื่อถึงทางแยกเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ยูกะจึงหันไปโบกมือลาอีกฝ่ายป้อยๆ เมื่อเห็นเขาพยักหน้ารับทราบจึงตัดสินใจหันหลังไปทางฝั่งหอหญิงทันที ทุกอย่างดำเนินไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จนกระทั่ง...
01.36 น. | Yuuka's room
ก๊อก ก็อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องของยูกะ เธอที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนั้นจึงเดินไปเปิดประตูอย่างัวเงีย แต่พอเปิดประตู สิ่งแรกที่เธอเห็นคือกลุ่มผมสีแดงและใบหน้าเขินอายของคิริชิมะ
"คือ.. ขอโทษที่มารบกวนเธอดึกขนาดนี้นะ ตะ แต่ว่าฉันฝันร้ายน่ะ ก็เลย.." คิริชิมะพยายามอธิบายที่ดูไม่เหมือนอธิบายอย่างร้อนรน ส่วนเธอที่ตาสว่างตั้งแต่เห็นหน้าเขาก็เอียงคอมองอย่างสงสัยว่า แล้วทำไมเขาไม่ไปหาเพื่อนคนอื่นล่ะ?
"ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่นายมาห้องฉันทำไม" เธอตอบเขาด้วยเสียงที่ออกจะแหบแห้งไปหน่อยเนื่องจากเพิ่งตื่นเมื่อกี้ เขาที่เห็นว่าเธอไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่เขามาจึงหน้าแดงมากกว่าเก่าเพราะไม่คิดจะเขาจะต้องพูดเอง
"ตะ ตอนที่อยู่ห้องนั่งเล่นกัน เธอบอกให้กอดได้นี่.. ฉันเลยคิดว่าถ้ามาขอตอนนี้จะได้ไหมน่ะ!" เขาปิดตาปี๋ รีบพูดจนเสียงของเขามันดังขึ้นเรื่อยๆ เธอที่ได้ยินแบบนั้นจึงสตั๊นท์ไป เพราะไม่คิดว่าเขาจะอยากกอดจริงๆ..
ถ้าพ่อแม่รู่ว่าเราพาผู้ชายที่ชอบเข้าห้องนี่ต้องโดนว่ายับแน่ๆ
คิดไปแบบนั้นแต่เธอก็เอียงตัวหลบให้เขาเข้าห้องเธออยู่ดี
คิริชิมะที่เห็นว่าฝ่ายร่างบางหลบให้เขาจึงยิ้มยิงฟันฉลามออกมาให้เห็นทันที พร้อมกับเดินตัวปลิวเข้าห้องของเธอไป
"..."
"..."
"แล้วเราควรทำยังไงต่ออะ" คิริชิมะหันมาถามยูกะด้วยดวงตาใสแป๋ว
"ฉันขึ้นไปก่อนนายค่อยตามขึ้นมาแล้วกัน" เธอว่าพร้อมไหวไหล่และปีนขึ้นเตียงไป มันก็คงเหมือนกอดหมอนข้างแหละ มั้งนะ.. เธอคิด
ฟึ่บ
หลังจากที่เธอขึ้นไปทางฝั่งในสุดทางด้านของเตียงเรียบร้อย คิริชิมะจึงขึ้นตามพร้อมเอาตัวสอดเข้าผ้าห่มอย่างเลิ่กลั่ก ทั้งสองร่างหนาบางหันหน้ามามองหน้ากันอย่างเขินอาย
"จะกอดไม่ใช่หรือไง? ขยับมาอีกหน่อยสิ" เธอว่าพร้อมอ้าแขนให้กว้างขึ้นเพื่อให้เข้ามาใกล้อีกนิด ถึงเธอจะทำแบบนั้นด้วยใบหน้านิ่งสนิทแต่ในใจกลับยิ่งเต้นแรงจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน
"ขะ ขอโทษทีนะ" เขาบอกขอโทษแต่ตัวก็ขยับเข้าหาพร้อมเอาใบหน้าขึ้นสีมุดเข้าซอกคอเธอจนรู้สึกจั๊กกะจี้ แขนข้างขวาของเขาวางไว้บนเอวของเธอออย่างสั่นๆ แขนซ้ายของเธอก็ทำแบบเดียวกัน
ต่างฝ่ายต่างเกร็ง ต่างไม่คุ้นเคยกับสัมผัสอุ่นๆที่กระจายเข้าหากัน พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมห้องกันก็จริง แต่ก็ไม่เคยอยู่ใกล้กันขนาดนี้มาก่อน ผ่านไปสักพักจากความเงียบที่ดูอึดอัดก็กลายเป็นความเงียบที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่เพราะความกังวลใจของยูกะเรื่องที่คนอื่นอาจจะมารู้เข้า เธอจึงทักบอกคิริชิมะว่าเธอจะปลุกเขาตอนเช้าตรู่ก่อนที่ทุกคนจะตื่น อีกฝ่ายทำเพียงแค่ส่งเสียงผ่านลำคอหนามาแทนคำตอบ แต่เพราะเธอที่รู้ตัวเองดีว่าชอบเจาก็อดที่จะเขินไม่ได้
"ขอบคุณนะ ยูกะ" พลันเสียงของคิริชิม่าก็ดังขึ้นข้างหูเธอทำเอาเกือบเผลอผลักเขาออก
"อือ แต่ฉันขอถามอะไรได้ไหม?" เธอตอบรับคำขอบคุณของเขา แล้วเอ่ยถามเขาอีกครั้ง หวังจะเป็นคนที่ช่วยปลดความหนักอึ้งในจิตใจให้ อีกฝ่ายไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้า
"ทำไมวันนี้นายดูเศร้ากว่าปกติ ทุกทีถึงแม้นายจะโดนบาคุโกตะโกนใส่แค่ไหนนายก็ไม่เคยหลุดใบหน้าเศร้าแบบนั้นออกมาเลยนะ แต่นายไม่ต้องบอกก็ได้ถ้าเกิดมันทำให้นายยิ่งไม่สบายใจ" นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดในวันนี้ของเธอแล้วล่ะ
"...ฉันฝันถึงตอนมัธยมต้น ตอนที่ฉันยังไม่ได้คิดจะเป็นฮีโร่และตอนนั้นอัตลักษณ์ก็ยังอ่อนแอ ฉันรู้ตัวดีว่าช่วงนั้นฉันขี้ขลาดมาก มันเคยมีวิลเลินที่ทำท่าจะมาทำร้ายกลุ่มเพื่อนผู้หญิง แต่ฉันกลับเอาแต่ยืนลังเล คิดว่าตัวเองกลัว มินะเลยต้องเป็นคนวิ่งเข้าไปช่วยพวกเธอแทน แล้วอย่างที่บอกก่อนหน้านี้ว่าฉันฝันร้าย เรื่องนี้แหละที่มาสะกิดใจฉันเข้าพอดี" เขาเล่าพร้อมด้วยเสียงทุ้มสั่นเครือ ดวงตาสีแดงเข้มนั้นสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ยูกะไม่พูดอะไรต่อนอกจากยกแขนที่วางรองหัวของคิริชิมะไว้ขึ้นมาลูบบนผมสีแดงยาวอย่างแผ่ว พร้อมกับเอ่ยคำปลอบประโลมออกมาราวกับกำลังกล่อมเด็ก
"นายทำดีที่สุดแล้ว เก่งมาก" เธอบอกเขาเสียงเบา มือยังคงลูบผมของเขาอยู่เรื่อยๆ พลันได้ยินเสียงสะอื้นไห้ที่ดังขึ้นแผ่วเบาเธอก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ปล่อยให้เขาได้ปลดปล่อยอยู่สักพักเสียงร้องไห้ก็ค่อยๆเบาหลงจนเหลือแค่เสียงกรนเบาๆพร้อมกับลมหายใจที่ดังอย่างสม่ำเสมอ เธอที่เห็นอย่างนั้นจึงลดมือลงและจุมพิตเบาๆลงบนหน้าผากของคนที่หลับสนิทอย่างรักใคร่ แล้วจึงจมเข้าสู่นิทราไปอีกคน
05.25 น.
ตี๊ดดดด!!
เสียงนาฬิกาดังขึ้นพร้อมกับร่างบางที่อยู่ภายใต้กรงขังที่เรียกว่าอ้อมแขนของคิริชิมะยันตัวลุกขึ้นมา หันไปมองนาฬิกาแสดงถึงเวลาอันสมควรที่เจ้าลูกหมาผมสีแดงจะกลับห้องตัวเองได้แล้ว คิดดังนั้นเธอจึงหันไปเขย่าตัวคิริชิมะให้เขาตื่นขึ้นมาอีกคน โชคดีที่เขาไม่ใช่คนตื่นยากเขาจึงปรือตามามองเธออย่างง่ายดาย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่อยากลุกจึงเอาหน้าซุกกับหมอนแถวๆนั้นอย่างขี้เกียจ
"ลุกได้แล้วคิริชิมะ กลับห้องตัวเองเถอะ" เธอกล่าวบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ดุขึ้นมาหน่อยคล้ายเป็นการเร่งเขา คิริชิมะที่ได้ยินยอมลุกขึ้มาอย่างโดยดี แต่ยังไม่ทันลุกไปไหนไกล เขาก็เอ่ยขอสิ่งที่เธอไม่คิดว่าเขาจะขอออกมา
"มานอนอีกได้ไหม?" เสียงทุ้มนุ่มของเขาที่แหบลงนิดหน่อยเพราะอาการง่วงเอ่ยออกมา เธอเบิกตากว้างแล้วหันไปหาเขาอย่างฉับไว
"ทำไม?" เธอถามแต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามไปทำไม แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอเริ่มไม่ปลอดภัยอย่างไงอย่างงั้น
"ฉันชอบเธอ" คำกล่าวของคิริชิมะดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในหัวของเธอ เจ้าตัวที่บอกออกมาก็หน้าแดงอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือมองมาที่เธออย่างไม่ลดละ คล้ายกับกำลังรอคำตอบของเธออย่างใจจดใจจ่อ เธอรู้สึกตัวเลยว่าตัวเองกำลังหน้าแดงมากขึ้นเรื่อยๆ ใครจะไปคิดล่ะว่าคนที่เธอแอบชอบดันมาบอกชอบเธอเองหลังจากที่นอนมาด้วยกันคืนยึงอย่างงี้
"จะมาก็มา" เธอตอบเลี่ยงที่จะตอบว่าชอบเขา เพราะเธออายเกินกว่าจะมองตาเขาแล้วบอกชอบตรงๆ
"....เธอไม่ชอบฉันหรอ?" เขาถามเธอด้วยดวงตาที่ดูเศร้าลงอย่างชัดเจน ถ้าเขามีหูกับหางล่ะก็ มันคงลู่ลงอย่างน่าเอ็นดูแน่ๆ
"ชอบสิ..ชอบมาตั้งนานแล้วด้วย" เธอตอบด้วยใบหน้าที่แดงฉ่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ สันตาสีฟ้าน้ำทะเลหันเหไปมองอย่างอื่นที่ไม่ใช่เจ้าลูกหมานี่
"งั้นก็กอดได้เยอะๆเลยใช่ไหม!?" เขาถามพร้อมคลานเข่าเข้าหาเธอย่างตื่นเต้น หางกับหูที่ลู่ลงเมื่อกี้ก็เด้งขึ้นมาอย่างมีความสุขทันที
"มะ มันก็ใช่ แต่ตอนนี้นายควร--" ยังพูดไม่ทันจบร่างของเธอก็ถูกร่างที่ใหญ่กว่าของอีกพุ่งเข้าสวมกอดอย่างไม่รั้งแรงจนเธอร้องออกมาเสียงหลง
"ฉันชอบกลิ่นเธอมากเลย หอมอย่างกับดอกไม้ เราเป็นแฟนกันแล้ว งั้นฉันก็อยู่ต่อได้สินะ!" เขารีบเอ่ยชมเธออย่างไม่หยุดปากราวกับเก็บกดมาตั้งแต่ชาติก่อน ใบหน้าคมยิ่งซุกเข้ากับผมสีดำของเธอมากขึ้นไปอีก
"ขะ เข้าใจแล้ว แต่ว่าตอนนี้นาย--" เสียงของเธอถูกตัดไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คิริชิมะไม่ใช่คนตัด แต่เป็น
ก๊อก ก๊อก
"ยูกะ~ มาเปิดประตูทีสิ วันนี้เราจะไปเที่ยวของนอกกันไม่ใช่หรอ?" เป็นเสียงของอุรารากะ ที่ดังขึ้นมาพร้อมเสียงเคาะประคู
ลืมสนิทเลยว่านัดอุรารากะไว้ ก็ว่าล่ะว่าทำไมนาฬิกาถึงปลุก
"ทำยังไงดีอะ?" เจ้าตัวการที่ยังไม่ยอมไปไหนถามขึ้นมา
"เงียบไปเลย!!" นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอนึกโมโหดวงใจน้อยๆของเธอที่ยอมเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
The End.
Talk With Writer :
เป็นยังไงบ้างคะกับตอนของไอ้ต้าวลูกหมา สารภาพเลยค่ะว่าเอ็นดูคิริชิม่าแบบลูกหมาจริงๆ ถึงนางจะมีฟันฉลามก็เถอะ ฮา
มีอะไรผิดพลาดตรงไหนบอกเลยนะคะ จะมาแก้ให้ทันที
ฝากให้กำลังใจแล้วคอมเม้นท์กันด้วยนะคะ (❁´◡`❁)
ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ! บายบี
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น