คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 ดาบของพวกเรา (100%)
รุ่งอรุณวันใหม่ที่แสนจะสดใส ฟรีสได้ตื่นขึ้นมาจัดการกับธุระส่วนตัวของเขาในขณะที่เพื่อนทั้ง 2 ยังนอนซมอยู่บนเตียง วันนี้ฟรีสแต่งตัวต่างออกไปจากทุกวันเขาสวมเสื้อเชิตแขนยาวสีขาวจดประดุมเรียบร้อยกับกางเกงขายาวสีดำสนิท ทรงผมที่เคยกระเซอกระเซิงถูกหวีให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และที่ขาดไม่ได้คือ เขาสวมเสื้อคลุมสีแดงสด ของหอไฟเยอร์เรด
“ง่าววววว เช้าแล้วหรอ”ชาร์มลุกขึ้นมานั่งบนเตียงเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก
“เฮ้ พี่ คนนั้นใครอะ”เชมที่ลุกขึ้นตามาถามโดยที่ปลายนิ้วชี้ไปทางฟรีส
“อืมนั่นสิ”ชาร์มขยี้ตา
“ฉันเอง ฟรีสไง”ฟรีสตอบพร้อมกับวางแก้วโกโก้ร้อนลงบนโต๊ะ
“หา ฟรีสเหรอ”เสียงทั้ง 2 ประสานกัน
“เออสิไม่ใช่ฉันแล้วจะใคร”ฟรีสโกรธจนหน้าแดงเลย “พวกนายนะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ววันนี้เขามีนัดกันที่ห้องประชุมอาคารดาราศาสตร์ตอน 9.30 น.”ฟรีสสั่งเป็นการใหญ่จนสหายทั้ง 2 ต้องรีบร้อนกันจนวุ่นวายไปหมด
@@@@@@@@@@
สหายทั้ง 3 มาถึงที่ห้องประชุมก่อนเวลาที่กำหนด ภายในห้องประชุมเต็มไปด้วยนักเรียนปีหนึ่งของหอทั้ง 4 นั่งรอที่จะมาฟังการปฐมนิเทศของอาจารย์ใหญ่
“สวัสดีเจ้าเด็กแสบ”อาจารย์เออวินร้องทัก
“ดีฮะ จารย์”ฟรีสทักกลับพร้อมทั้งพาเหล่าสหายไปตรงที่อาจารย์เออวินยืนอยู่
“สวัสดีครับอาจารย์”ชาร์มและเชมทัก
“อือ นั่งกันได้ละเดี๋ยวอาจารย์ใหญ่จะมาละ”อ.เออวินชี้ไปตรงที่ๆมีเก้าอี้ว่างอยู่ 3 ตัว
“เฮ้ ชาร์ม เสื้อสีน้ำเงินนั้นหออะไรอะ”ฟรีสถาม
“อ๋อ หอวาเทอร์บลู ครับ”ชาร์มตอบ
“และเป็นที่รวมของพวกหัวกะทิด้วย”เชมเสริม
“โรงเรียนเรามีทั้งหมด 4 หอ ไฟเยอร์เรด วาเทอร์บลู เคเวอร์กรีน เอิร์ทเยโล่”เสียงชายคนหนึ่งเอ่ยจากด้านหลังของทั้ง 3 คนนั้น
“สวัสดีฉัน โยเกียร์ ซีลูม และนี่เพื่อนฉัน ชไลเดอร์ เบค็อก”โยเกียร์แนะนำตัวต่อฟรีส
“ซีลูมนี่รู้สึกคุ้นยังไงพิกลน่า”ชาร์มทำท่าคิดอย่างสงสัย
“ก็นามสกุลของเสนาธิการที่วางแผนบุกตีนครฟิรูเน่ไม่ใช่เหรอ”เชมเอ่ยเสร็จก็หน้าซีดทันใดพร้อมกับรอยยิ้มอันหน้าสะพรึงกลัวของโยเกียร์
“สวัสดีนักเรียนทุกคน”เสียงอาจารย์ใหญ่ดังมาจากเวทีหน้าห้องประชุม
“สวัสดีครับ/ค่ะอาจารย์”นักเรียนทั้งห้องกล่าวพร้อมกัน
“นักเรียนทุกคนที่ครูเรียกทุกคนมาในวันนี้ก็เพราะว่าอยากให้นักเรียนทราบกฎของโรงเรียนเราเอาไว้นะ”เสียงของอาจารย์ดังกระหึ่มไปทั้งห้อง
“ข้อที่ 1.ห้ามนักเรียนชายไปที่หอหญิง และนักเรียนหญิงไปที่หอชาย”
“ข้อที่ 2.ห้ามนักเรียนทุกคนไปที่หอ เอ็มพอเร่อคิงส์ดอม เป็นอันขาด”
“ข้อที่ 3.ให้ทุกคนเข้าห้องนอนก่อนเวลา 22.00 น.”
“ข้อที่ 4.ใครที่สอบปลายปีไม่ผ่านจะต้องมาสอบแก้ตัวในช่วงปิดภาคฤดูร้อน”
“ข้อที่ 5.ห้ามก่อคดีทะเลาะวิวาทกันในโรงเรียน ฯลฯ”อาจารย์ใหญ่ยังคงพูดกฎไปเรื่อยๆ(ไม่รู้ว่าพิมพ์หมดจะซักกี่แผ่น) จนจบแล้วจึงมีอาจารย์คนใหม่ขึ้นมากล่าวต่อ
“สวัสดีนักเรียนทุกคน ผม การน เวสเตอร์ อาจารย์ผ่านนันทนาการ”เขาแนะนำตัว
“ขอให้รุ่นพี่ปี 2 ทุกคนเดินไปหารุ่นน้องของตัวเองที่จับฉลากได้เมื่อเช้าด้วย”เขาพูดต่อ
“พวกเธอปี 2 ต้องดูแลรุ่นน้องให้ดีที่สุดเหมือนที่ปี 3 เคยดูแลพวกเธอ”อาจารย์เริ่มเอ่ยต่อเมื่อเห็นนักเรียนเข้าคู่กันเป็นที่เรียบร้อย
“หวัดดีฉันไม่ต้องแนะนำตัวแล้วมั้ง”โยเกียร์เดินเข้ามาหาฟรีส
“ฮะ รุ่นพี่”ฟรีสยื่นมือไปจับกับมือของโยเกียร์เพื่อแสดงการทักทาย
“นายพักอยู่ห้องไหนละ”โยเกียร์ถาม
“ห้องพักเบอร์ 666 ครับ”ฟรีสตอบและเขาทั้ง 2 ยังพูดคุยกันเรื่อยๆจนกระทั่ง
“หยุดทักทายกันเพียงเท่านี้ก่อน”อาจารย์การนประกาศผ่านไมค์
“น้องปี 1 วันนี้เลิกเรียนได้เจอกันใหม่วันเปิดเทอม ส่วนปี 2 รอก่อนมีอะไรจะพูดด้วยอีกนิด”อาจารย์กล่าว
“ปะ ฟรีสกลับหอกันเถอะ”ชาร์มกับเชมเดินเข้ามาชวน
@@@@@@@@@@
ณ อาคารมังกรเพลิง
3 สหายยังคงเดินเที่ยวเตร่อยู่ในสวนบลูมิงโกที่อยู่ด้านหลังอาคารมังกรเพลิง(จริงแล้วประตูไปสวนก็ติดกับห้อง 666 นั่นแหละ)ที่นี่ถือเป็นใจกลางของหอไฟเยอร์เรดก็ว่าได้เพราะจากจุดนี้เราสามารถเดินไปยังหอหญิงอาคารวิหคเพลิง หรือ จะไปที่อาคารกลางของหอก็ยังได้ เวลานี้สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมายทั้ง 3 จึงชวนกันไปที่แม่น้ำที่ไหลผ่านหน้าทางเข้าหอหญิง
“นี่ฟรีสถามไรหน่อยดิ”ชาร์มเริ่มเปิดประเด็นคุยขณะที่พวกเขานั่งกันอยู่ริมน้ำ
“อืมว่ามาสิ”ฟรีสล้มตัวลงนอนโดยใช้มือทั้ง 2 ข้างประสานกันไว้หนุนหัว
“นามสกุลของนายคือเวเกอร์ใช่ปะ”เขาถามก่อนล้มตัวลงนอนตามพลางมองไปที่เชมที่เข้าไปเล่นกับพวกผู้หญิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อือ มีไรเหรอ”ฟรีสหันมามองด้วยความงง
“ถ้าเราจำไม่ผิดนะ เวเกอร์เป็นนามสกุลของขุนศึกคู่บัลลังก์แห่งฟิรูเน่ที่ล่มสลายไปแล้วไม่ใช่เหรอ”สีหน้าของชาร์มดูเคร่งเครียดมากขึ้น
“ไม่รู้สิ พ่อไม่เคยบอกเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้ให้ฉันรู้เลย”ตอบเสร็จเขาก็แหงนหน้ามองฟ้าอีกครั้ง
“เหรอ???”ชาร์มยังไม่ค่อยมั่นใจนัก
“เชื่อเขาเถอะ ครอบครัวเขาเป็นนักมายากลจริงๆ”เสียงชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังจนทั้งคู่ต้องหันไปมอง
“หวัดดีครับ จารย์”ฟรีสกล่าวทักทายอาจารย์คนสนิท(เออวินนั่นเอง)
“มาทำอะไรกันอยู่นี่ละ”เขาถามแล้วนั่งลงในท่านั่งกอดเขาทั้ง 2 ข้างที่ริมน้ำตรงกลางระหว่างชาร์มและฟรีส
“พอดีเซ็งๆอะครับเลยมานั่งคุยกันเล่นๆ”ชาร์มตอบ
“อือ เข้าใจละ เซ็งใช่ปะ”เออวินหันมาถามชาร์ม
“ครับ”ชาร์มตอบอีกครั้งตอนนี้ได้เดินกลับมาหาพวกเขาแล้ว
“ฟรีสช่วยแสดงตลกหรือมายากลอะไรซักอย่างให้เพื่อนๆเขาดูหน่อยสิ”เออวินกล่าวจบเขาก็ลากฟรีสให้ลุกขึ้นมา
เมื่อจอมเวทย์หนุ่มผู้เป็นอาจารย์กับตัวตลกหนุ่มผู้สืบเชื้อสายนแห่งนักมายากลเริ่มต้นการแสดงอันงดงามของพวกเขาความลงตัวในการผสมผสานของเวทย์มนตร์ที่ต้องดึงพลังมาจากธรรมชาติและศิลปะการแสดงขั้นเซียนสามารถดึงดูดให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบมาชมเป็นจำนวนมาก ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ออกไปก่อนที่การแสดงจะจบลง
“กรี๊ด~~~~~~ อาจารย์เออวินเท่ห์มากเลย”เสียงตะโกนดังมาจากกลุ่มของนักเรียนหญิง
“น้องปี 1 คนนั้นนะน่ารักจังเลย”เสียงมาจากทางเดิม
“ขอบคุณครับๆๆๆ”ทั้ง 2 โค้งคำนับและกล่าวคำขอบคุณผู้ชมเมื่อสิ้นสุดการแสดง ก่อนที่จะพากันกลับไปอาคารมังกรเพลิง
“ฟรีส นายสุดยอดมากๆ”เชมกล่าวชมเมื่อกลับมาถึงห้อง
“แหะๆ เขินจังเลย”ฟรีสหัวเราะแก้เขิน
“สาวกรี๊ดเต็มเลยวะเพื่อน”ชาร์มเดิมมาตบหลังของฟรีสดังป๊าบ
“ว่าแต่เฮียแกก็ป๊อบเนอะ”ชาร์มพูดเสร็จพลันหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“อาจารย์เออวินนะเหรอ”ฟรีสถาม
“อือ”ชาร์มตอบ
“จากที่ฉันรู้มานะ อาจารย์แกเคยเป็นถึงจอมปราชญ์แห่งนครฟิรูเน่เชียวนะ”เชมเดินไปที่เตียงคู่ของตนก่อนที่จะนอนลง
“จริงหรือเนี่ย”ฟรีสรู้สึกแปลกใจมากที่คนระดับจอมปราชญ์ยอมลดตัวมาแสดงกับเขา
“ฟรีสพรุ่งนี้ไปซื้อดาบกันเปล่า”ชาร์มลากเก้าอี้มานั่งพร้อมวางแก้วลงบนโต๊ะ
“ฉันมีแล้วอะ”
“เซ็ง เลิกคุย ปิดไฟ นอน”ชาร์มเซ็งอะไรก็ไม่รู้
“ง่า”ฟรีสจึงเข้านอนตาม
ช่วงสายๆของวันใหม่ที่ขณะนี้ฟรีสต้องนั่งอยู่คนเดียวในสวนบลูมิงโกเนื่องจากสหายทั้ง 2 ต่างพากันเข้าเมืองไปเลือกซื้อศาสตราวุธคู่ใจ(ดาบ) เขานั่งมองดูสายน้ำที่ไหลๆไปปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์
“หวัดดี”นักเรียนหญิงคนหนึ่งเดินมาทักทายฟรีส
“หวัดดีครับ”เขาเอ่ยคำทักทายโดยไม่หันไปมอง
“เป็นอะไรไปละหือ ดูไม่สดใสเหมือนเมื่อวานเลย”เธอเดินมามองหน้าเขาตอนนี้สายตาของทั้งคู่ต่างจับจ้องกัน
“ป่าวครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ นี่ไง”เขาแสร้งทำเป็นรู้สึกดีโดยเริ่มโยนลูกบอล 3 ลูกให้ดูแต่มันกลับตกลงบนพื้นหมดเนื่องจากเขาไม่มีสมาธิ
“เห็นไหมละ”เธอหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับหน้าที่เริ่มแดง
“แฮะๆ”ฟรีสหัวเราะกลบเกลื่อนความเขิน ทั้งคู่ยังคงนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ควีเน่ เธออยู่ไหนนะ”เสียงผู้หญิงกลุ่มหนึ่งตะโกนออกมา เสียงดังไปทั่วสวนบลูมิงโก
“ฉันต้องไปละนะ”เธอยิ้มให้ฟรีสก่อนที่จะวิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ
“ควีเน่ เหรอ”ฟรีสคิดในใจแล้วสายตาพลันมองไปเห็นของบางอย่างหล่นอยู่ ผ้าเช็ดหน้าของใครบางคน
“เราคงได้พบกันอีกนะ”ฟรีสกอดผ้าเช็ดหน้าไว้แน่นแต่แล้วก็มีเสียงที่ขัดความสุขของเขา
“เฮ้ ฟรีส”กลุ่มชายในชุดเสื้อคลุมของไฟเยอร์เรดวิ่งตรงมาทางเขา
“มีอะไรเหรอครับรุ่นพี่”ฟรีสรู้ได้ทันทีเนื่องจากดาวบนบ่าที่มีมากกว่าเขา
“คือ เวรอฟ เขาอยากพบนายนะช่วยตามมาหน่อยได้ไหม”รุ่นพี่อีกคนเดินเข้ามาบอกแก่ฟรีส
“ก็ได้ครับ”ฟรีสเดินตามพวกรุ่นพี่เข้าไปในป่าหลังหอพักไฟเยอร์เรดซึ่งเป็นป่าทึบมากๆ
“ยินดีต้อนรับสู่สมาพันธ์ทูตแห่งแสง”เวรอฟที่ยืนรออยู่แล้วกล่าวขึ้น
“สมาพันธ์ทูตแห่งแสง???”ฟรีสงงกับคำที่เวรอฟเอ่ยมาแต่ต้องเก็บมันไว้ในใจ
“นั่งลงก่อนฉันมีอะไรจะพูดด้วย”เวรอฟร่ายเวทย์มนตร์แปลงสภาพให้ไม้ต้นหนึ่งกลายมาเป็นเก้าอี้ให้ฟรีส
“มีอะไรเหรอครับ”ฟรีสเริ่มกล้าที่จะถาม
“ฉันอยากชวนนายเข้าสมาพันธ์แห่งแสง”เวรอฟพูดอย่างตรงไปตรงมา
“เพราะอะไรถึงต้องเป็นผมละครับ”ฟรีสยังไม่ค่อยเข้าใจสาเหตุที่เขาถูกนำตัวมา
“เพราะเธอคือทายาทแห่งแสงไง”เวรอฟเอ่ยเรื่องนี้ยิ่งทำให้ฟรีสแสดงสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจออกมาอีก
“นายไม่รู้เลยเหรอว่าคนที่ก่อตั้งสมาพันธ์แห่งแสงขึ้นมานะ เขาเป็นนักมายากล”เวรอฟพยายามอธิบายให้ฟรีสฟัง “นายจะมาอยู่กับเราไหมละจะได้เล่าเรื่องให้ฟังมากกว่านี้” เวรอฟเชื้อเชิญ
“ถ้างั้นผมขอปฏิเสธ”ทันทีที่เอ่ยจบฟรีสได้ลุกและเดินออกไปจากที่แห่งนั้นทันที
“หน่อยแนะเจ้าเด็กบ้า”รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ย
“จัดการมันเลยไหมครับ”อีกคนเอ่ยต่อ
“ปล่อยเขาไป”เวรอฟสั่งอย่างเยือกเย็น “ฮึๆๆ น่าสนุกดีนี่ ฟรีส เวเกอร์”เขาเอ่ยเบาๆ
ฟรีสเดินทางกลับมายังอาคารมังกรเพลิงด้วยความปลอดภัย ไม่มีผู้ใดตามมาทำร้ายเขาเมื่อฟรีสเปิดประตูห้องเข้าไปเขาก็ได้พบว่าสหายทั้ง 2 ได้กลับมาแล้ว
“ฟรีสดูนี่สิดาบของฉัน”เชมวิ่งเอาดาบมาให้ฟรีสดูมันเป็นดาบที่ยาวและไม่ค่อยหนามากด้ามจับทำจากแห่งที่ส่องประการแสงสีแดงอยู่ตลอดเวลา
“อืม สวยดีนี่สีแดงเข้ากับหอเราดี แล้วของนายละชาร์ม”ฟรีสหันไปหาชาร์มที่นอนเล่นอยู่บนเตียง
“เชมเอาให้เขาดูสิ”เชมหันไปหยิบดาบอีกอันหนึ่งซึ่งเป็นของชาร์มตัวดาบสั้นกว่าของเชมเล็กน้อยซึ่งถือเป็นขนาดปกติ ดูมีความทนทานสูง ทั้งด้ามจับและตัวดาบต่างมีสีดำสนิท
“ดาบพวกนี้มีชื่อไหมอะ”ฟรีสหันไปถามชาร์ม
“ดาบของเชมนะชื่อ ลมหายใจแห่งเปลวเพลิง ส่วนของฉันนะคือ....”ชาร์มเงียบไป
“ชื่ออะไรละ”ฟรีสถาม
“เสียงเรียกแห่งความตาย”ชาร์มตอบด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“....”ทั้ง 3 คนเงียบไปซักพัก
“เอาน่ามันก็แค่ชื่อ แล้วไหนละดาบของนายฟรีส”ชาร์มลุกขึ้นมานั่งและเริ่มถาม
“นี่ไง”ฟรีสเดินไปหยิบดาบของเขามาให้ทั้งคู่ดู
“นี่มัน....”เชมทำท่าเหมือนจะนึกอะไรได้เมื่อได้เห็นดาบสีทองที่มีรวดลายแกะสลักมากมายของฟรีส
“มันอะไรเชมบอกมาเร็ว”ชาร์มคาดคั้นน้องชายฝาแฝด
“มันคือ เขี้ยวแห่งพรีทีอุส ดาบของขุนศึกคู่บัลลังก์แห่งฟิรูเน่”ถ้อยคำที่เชมเอ่ยด้วยอาการสั่นๆสร้างความตกตะลึงให้กับสหายเป็นอย่างมาก
“นายได้มันมาจากไหนอะ”ชาร์มหันหลังมาถามฟรีส
“อ.เออวินเอามาให้อะ”ฟรีสตอบโดยหลีกเลี่ยงการบอกกล่าวถึงพ่อของเขา
“อ.เออวินเหรอ??”เชมทำท่าคิดหนักอีกครั้ง
ภายในห้อง 666 ทั้ง 3 ร่างยังคงนักปรึกษากันเกี่ยวกับเขี้ยวแห่งพรีทีอุส จนพระอาทิตย์ตกไปเป็นเวลานานแล้ว ทั้ง 3 ที่อ่อนเพลียจากกิจกรรมที่แต่ละคนทำในเวลากลางวันนั้นจึงทรุดตัวลงหลับคาโต๊ะกลางห้องที่ใช้เป็นที่ประชุมพร้อมกับดาบทั้ง 3 เล่มที่เรียงกัน เคี้ยวแห่งพรีทีอุส เสียงเรียกแห่งความตาย และ ลมหายใจแห่งเปลวเพลิง
ความคิดเห็น