คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 เข้าโรงเรียน (100%)
18 ปีร่วงเลยไปหลังจากการล่มสลายของนคร ฟิรูเน่
ณ เวลานี้พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าไปแสงแดดอ่อนยังคงทอแสงประกายเรื่อยไปไม่ยอมหยุด เหมือนกับ 2 พ่อลูกที่ยังคงแสดงมายากลสร้างความสนุกสนานแก่ผู้คนที่บริเวณชานเมือง เวียเร่ แม้ว่าจะได้กลับมาเพียงแค่เศษเงินเล็กๆน้อยๆของผู้ที่ผ่านไปผ่านมาตามกำลังศรัทธา พวกเขายังคงมีรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเสมอ
"วันนี้พวกเราขอจบการแสดงเพียงเท่านี้ครับ"ผู้เป็นพ่อกล่าวเมื่อเห็นว่าลูกชายของตนแสดงเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ขอบคุณมากนะครับ"ทั้ง 2 พ่อลูกต่างพากันโค้งคำนับคนดูซึ่งถือเป็นการขอบคุณ เป็นเวลานานเหมือนกันจนกระทั่งผู้ชมแยกย้ายกันไปจนหมดแล้ว ทั้ง 2 จึงขึ้นมาของตนมุ่งหน้าไปยังที่พักแรมชั่วคราว
"วันนี้ได้เท่าไหร่อะพ่อ"ลูกชายถาม
"เหมือนเมื่อวาน"ผู้เป็นพ่อบอกปัดไป
"ว่าแต่ ฟรีส พรุ่งนี้เช้าแกเข้าไปในเมืองเวียเร่กับฉันหน่อยนะ"พ่อล้มตัวลงนอนก่อนที่จะเอ่ย
"ทำไมอะ"ลูกชายที่เดินอยู่นอกเต็นท์หยุดเดินแล้วถาม
"พ่อว่าแกน่าจะได้เรียนหนังสือกับเขามั่งไงจะได้ฉลาดขึ้นมั่ง"พ่อพูดเสร็จก็หัวเราะออกมา
"เหมือนโดนหลอกด่าเลยแฮะ"เขาคิดในใจและยกมือขึ้นมาเกาหัว "อารายยยยยนะ....เรียนหนังสือออออ....ม่ายยยยยย"เขาร้องลั่น
"ต้องเรียน"พ่อพูดเสียงหนักแน่นมากๆ
"ครับ"เสียงของเจ้าฟรีสตัวแสบแผ่วลงในทันที
"นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้า....คร็อกกก...ฟี้....คร็อก....ฟี้"พูดจบพ่อก็หลับไปเลย
"ครับพ่อ"เขาปิดเต็นท์ให้พ่อก่อนจะกลับไปนอนในเต็นท์ของตน
เช้าวันใหม่ที่สดใสเสียงนกร้องประสานเสียงกันอย่างไพเราะในป่าอันเงียบสงบ บัดนี้เต็นท์พักแรมชั่วคราวของ 2 พ่อลูกได้หายไปแล้วหลงเหลือแต่เพียงกองไฟที่ยังอุ่นอยู่เนื่องจากเพิ่งดับไปได้ไม่นาน
ในเมือง เวียเร่ ยามเช้านี้ผู้คนมากมายออกมาจ่ายตลาดยามเช้า บ้างก็มาสูดอาการที่สดใสยามเช้า เพลานี้เจ้าฟรีสลูกชายตัวแสบที่ไม่เคยเข้าเมืองใหญ่ๆมาก่อนได้เห็นวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากที่เขาเคยเห็นในบ้านนอกเป็นไหนๆ ทั้ง 2 ขี่ม้าไปจนถึงจัตุรัสใจกลางเมืองที่ผู้คนดูบางตา
"ขอสมัครสอบเรียนครับ"ผู้เป็นพ่อเดินเข้าไปหาชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะรับสมัครสอบ
"ผมว่าอายุคุณเกินแล้วนะครับ"ชายหนุ่มพินิจดูรูปร่างของชายตรงหน้าก่อนที่จะตอบไป
"เจ้าบ้า...คนที่จะสอบอยู่ตรงนู้น"พ่อชี้มาที่ฟรีสที่กำลังทาปากแดงเขียนรอบตาเป็นรูปหัวใจ
"เออ คือว่าโรงเรียนเราไม่รับตัวตลกเข้าเรียนนะครับ"ชายหนุ่มมองฟรีสแล้วร้องก๊ากขึ้นมาทันที
"เออวิน แกว่าลูกฉันเหรอ แกจำฉันไม่ได้รึไง"เสียงของพ่อดูโหดเหี้ยมขึ้นพร้อมกับที่ชายหนุ่มหันมามองพ่อของฟรีสอีกด้วยเหตุผลที่ว่าชายคนนี้ทราบชื่อเสียงเรียงนามของเขาได้เช่นไร เขาพินิจดูแล้วเหมือนจะนึกได้
"หรือว่าตายแล้วท่านคือ...ลอร์คเวเกอร์"หัวใจเออวินหล่นไปที่ตาตุ่มแล้ว
"เออสิวะ ยังไม่ตายด้วยเว้ย"เวเกอร์ตอบพร้อมกับทำท่าเป็นสัญญาณว่าเบาๆ
"งั้นเด็กคนนั้นก็....."เออวินหันไปมองที่ฟรีส
"ใช่ เจ้านั่นไม่รู้ว่าฉันเคยเป็นอัศวิน"เวเกอร์กลับมาทำท่าสบายๆเหมือนเดิมแต่ดูจะเน้นคำพูดบางคำเป็นพิเศษ
"เจ้าหนูมาลงชื่อตรงนี้จะได้ไปโรงเรียนกัน"ฟรีสจำใจเดินมาลงชื่อในทันทีที่เขาลงชื่อเสร็จเออวินก็ร่ายคาถาเคลื่อนย้ายออกมาเพื่อนำฟรีสไปสู่เขตของรูสเตอร์อคาเดมี่
"ท่านไม่ได้ห่วงนะครับ ผมจะรับผิดชอบเจ้าเด็กนั่นเอง ว่าแต่ท่านสบายดีหรือเปล่าครับ"เมื่อฟรีสไม่อยู่เออวินก็รู้สึกว่าจะสามารถพูดได้คล่องแคล่วขึ้น
"ก็อย่างที่เห็นเนี่ยแหละ เล่นตลกไปวันๆ 555"เออวินรู้ได้ทันทีว่าท่านลอร์ดจะพูดเสแสร้งอยู่แต่ก็ตามน้ำไป
"งั้นฉันฝากฟรีสด้วยละไปละ"พูดจบเขาก็กระโดดขึ้นบนหลังม้าด้วยท่าทีที่องอาจก่อนจะขี่มันจบหายลับไปจากสายตาของเออวิน
"ข้าน้อยคนนี้จะทำให้ดีที่สุด"เออวินโค้งเคารพอย่างน้อบน้อมแม้อดีตผู้เป็นนายของเขาจะไม่หันมามองแล้วก็ตาม ต่อจากนั้นเขายังคงเปิดโต๊ะรับสมัครนักเรียนต่อ
@@@@@@@@
ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ใจกลางรูสเตอร์อคาเดมี่มีเด็กนักเรียนจำนวนมากมายืนรอรับการสอบคัดเลือกจากทางโรงเรียน ทุกๆคนนั้นแต่งตัวดีและเรียบร้อย ดูสุภาพและมีภูมิฐานมากยกเว้นอยู่คนหนึ่งซึ่งแต่งตัวแบบตัวตลกของคณะละครสัตว์รอบๆดวงตาทาสีม่วงเป็นรูปดาวอีกค้างเป็นรูปหัวใจสีแดง การแต่งตัวแบบนี้ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะกันไม่ยอมหยุด
"ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ"เสียงดังออกมาจากลำโพงคู่หนึ่งที่วางอยู่ทางด้านทิศเหนือของลานเอนกประสงค์ เป็นที่ได้ผลนักเรียนทุกคนหยุดการกระทำทุกอย่างและหันมาสนใจต้นกำเนิดเสียง
"พวกเธอทุกคนคงเห็นประตูบานที่อยู่ตรงหน้านี้แล้วใครไม่เห็นยกมือขึ้น"เสียงดังออกมาจากลำโพงคู่นั้นอีกครั้ง
"...."ไม่มีสัญญาณใดๆตอบรับจากเหล่านักเรียนนับพันคน
"ถ้าได้ยินชื่อตัวเองแล้วให้เดินเข้าไปในประตูเลยนะ ขอให้โชคดี"สิ้นคำกล่าวนั้นได้มีเสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นเป็นชื่อของผู้สมัครแต่ละคน ผู้สมัครที่ยืนอยู่ลานเอนกประสงค์เริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆจนดูบางตาลงทันที
@@@@@@@@@@
"ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย"ฟรีสเริ่มบ่นต่างๆนานาเพราะหลังจากที่เขาเดินเข้าประตูมาจนถึงขณะนี้เขายังไม่พบใครเลยแม้แต่คนเดียว บวกกับบรรยากาศของสถานที่ที่ดูจะลึกลับมากเป็นเหมือนทางเดินในปราสาทโบราณที่มีการก่ออิฐมวลซึ่งตามทางมีคบเพลิงจุดไว้ให้แสงสว่างเป็นระยะๆ
"เจอแสงสว่างแล้ว"หลังจากที่เดินในที่มืดๆมานานแสงสว่างเป็นสิ่งที่ใครก็ปรารถนาฟรีสตัดสินใจวิ่งไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
"ที่ไหนอีกเนี่ย"ฟรีสเกิดความคิดขึ้นในใจเมื่อเขาได้เห็นสถานที่ตรงหน้ามันเป็นสวนดอกไม้ หรือ ไม่ก็เป็นทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ มีหมู่แมลงนานาชนิดกำลังบินกันไปมา
"นั่นใครกันนะ"ฟรีสสังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งเล่นอยู่กลางดงดอกไม้นานาพันธุ์เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา
"มีกิจอันใดโปรดจงว่ามา"ขณะที่ฟรีสเดินเข้าไปใกล้ๆเสียงของหญิงสาวผู้นั้นก็ดังขึ้นจนเขาตกใจ
"ถามผมเหรอ"เสียงของฟรีสแสดงอาการไม่ค่อยแน่ใจ
"ก็เธอนั่นแหละแถวนี้จะมีใครอีกละ"เธอตอบ
"ส่วนตัวนะผมไม่มีธุระอะไรหรอกครับเพียงแต่เห็นคุณนั่งอยู่คนเดียวเลยจะมานั่งเป็นเพื่อน"ฟรีสคิดอยู่นานก่อนจะตอบออกมา (ไม่ตรงกับความตั้งใจที่คิดไว้แต่แรก) ซึ่งเหมือนว่ามันจะมีปฏิกิริยากับเธอคนนั้นด้วย
"ขอบใจนะ"เธอพูดขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลออกมา
"ร้องไห้ทำไมอะ..มีอะไรเล่าให้เราฟังก็ได้นะ"ฟรีสถามพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าของเขาออกมา "หยุดร้องเถอะ"ฟรีสซับน้ำตาให้เธอแล้วเอ่ยไป
"ขอบคุณนะ"เธอพยายามทำหน้าให้สดใสอีกครั้ง "ขอถามอะไรนายหน่อยสิ" เธอหันหน้ามาทางฟรีสทำให้เขาได้เห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน
"มีอะไรก็บอกมาเลย"เขาพูดอย่างใจเย็น
"นายคิดว่าเพื่อนกับคนรักสิ่งไหนสำคัญกว่าเหรอ"คำถามนี้ทำให้ฟรีสต้องหยุดคิดก่อนที่จะตอบไปเป็นเวลานานมาก
"สำคัญเท่ากันนั่นแหละ"เขาตอบอย่างหนักแน่น
"แล้วถ้าต้องเลือกปกป้องใครซักคนละ"เธอถามแล้วร้องไห้ต่อและน้ำตาเริ่มออกมามากกว่าเดิม
"ถ้าต้องปกป้องใครซักคนผมจะพยายามปกป้องทั้งคู่แม้ชีวีจะหาไม่"เขาตอบด้วยความหนักแน่นอีกครั้ง
"นายสอบผ่าน"เธอพูดขึ้นและน้ำตาที่เคยมีได้หายไปหมดแล้ว
"งง"ฟรีสไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"สิ่งที่นายแสดงออกมานั้นเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่เราต้องการ นายได้เรียนในรูสเตอร์อคาเดมี่ ยินดีด้วยนะ"เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยสดใสขึ้นมาทันตาเห็น
"แงๆๆทามมายฉันต้องสอบผ่านด้วย ม่ายอยากเรียน"ฟรีสล้มตัวลงแล้วร้องโว้ยวายเหมือนเด็กเล็กๆหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
"ว่าแต่นายชื่ออะไรอะ"เธอถาม
"ฟรีส เวเกอร์ครับ"เขาตอบ
"ฉัน พิ้งกี้ เลรอส มาตามฉันมาเดี๋ยวจะพาไปที่หอพัก"เมื่อแนะนำตัวเสร็จแล้วเธอจึงเริ่มออกเดินทางต่อ ซึ่งระหว่างทางเธอก็อธิบายอะไรมากมายให้เขาได้รับรู้ โดยเฉพาะเรื่องที่ว่าตรงนี้คือสวนหลังหอนั่นเอง
"ยินดีต้องรับเขาสู่หอ ไฟเยอร์เรด"เมื่อเขาทั้ง 2 เดินมาถึงพวกคนในห้องโถงก็ได้ตะโกนออกมาและเสียงตบมือที่ดังสนั่น
"นี่นะเหรอคนแรกที่ผ่านการทดสอบจาก พิ้ง นะ"พวกปี 2 เริ่มจับกลุ่มคุยกัน
"ได้ยินว่าชื่อ เฟรส หรืออะไรนี่แหละ"อีกคนหนึ่งพูดขึ้น
"นาย 2 คนเงียบไปเลยฉันว่านะเขาดูน่ารักกว่าพวกนายมากเลยละ"หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับสายตาที่มองฟรีสอย่างไม่ลดละ
"ไอ้ตัวตลกนั่นมันมีดีตรงไหน"นักเรียนชายปี 2 ในกลุ่มนั้นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า
"เย็นไว้ก่อน โยเกียร์ วันรับน้องยังมี"เพื่อนที่อยู่ข้างๆพากันเข้ามาห้ามเขาไว้
"คุณพิ้งครับ ผมมีอะไรจะถามหน่อยครับ"ฟรีสถามพิ้งที่เดินนำหน้าเขาอยู่
"อะไรเหรอ ถามมาสิ"เธอหันมาเป็นเชิงว่าพร้อมที่จะฟังแล้ว
"ทำไมผมถึงได้อยู่หอไฟเยอร์เรดเหรอครับ"ฟรีสถามประสาคนไม่รู้เรื่อง
"เดี๋ยววันหลังฉันจะบอกให้แต่ตอนนี้นายต้องนั่งตรงนี้ก่อน"เธอหยุดเดินตรงหน้าโต๊ะที่ยังพอมีเก้าอี้ว่างเหลืออยู่และสั่งให้ฟรีสนั่งก่อนที่จะเดินจากไป
"สวัสดีรุ่นน้องทุกๆคนผมเป็นประธานหอชื่อ เวรอฟ ออกิน"เขายืนอย่างสง่าผ่าเผยพร้อมกับเครื่องแบบสีแดงสด สัญญาลักษณ์ของไฟเยอร์เรด
"วันนี้ผมแค่มาแนะนำตัว ดังนั้นผมจะไม่พูดอะไรมากในวันนี้ ฉะนั้นขอให้ทุกคนโชคดี"เอ่ยจบเขาจึงเดินลงจากเวทีและหายไปจากที่แห่งนั้นทันที
"นักเรียนชายทุกคนให้ไปพักที่ตึกมังกรเพลิง ส่วนนักเรียนหญิงไปพักที่ตึกวิหกเพลิง"เสียงอาจารย์คนหนึ่งเอ่ยขึ้น
"นักเรียนที่ชื่อ ฟรีส เวเกอร์ให้รอฉันอยู่ที่นี่ก่อน"อาจารย์เอ่ยขึ้นขณะที่ทุกคนกำลังเดินแยกย้ายกันไปที่หอพักเขาจึงลงมาหาฟรีส
"มีอะไรเหรอครับจารย์"ฟรีสถามอย่างสุภาพเมื่ออาจารย์เดินมาหาและจำได้ทันทีว่าคือชายหนุ่มที่อยู่ที่เมืองเวียเร่
"พ่อเธอฝากของมาให้นะ"อาจารย์หยิบของบางอย่างออกมาจากเป้ใบใหญ่ที่สะพายอยู่บนหลัง
"อะนี่ของเธอ"มันคือดาบเล่มหนึ่งมีการแกะสลักลวดลายอันวิจิตรงดงามไว้ตรงฝัก
"ดาบของพ่อเหรอ??"ฟรีสรู้สึกงงมากๆ (แสดงออกทางสีหน้าด้วย) เพราะเท่าที่จำได้พ่อเป็นตัวตลกในวังไม่ใช่เหรอ
"คนในวังทุกคนก็มีดาบกันหมดนั่นแหละอย่าคิดมากรับไปเถอะ"อาจารย์โยนมันให้เขา
"ว่าแต่จารย์ชื่อไรเหรอ"ฟรีสสะพายดาบที่รับมาแล้วถาม
"เออวิน เรียกฉันแบบนี้ละกัน"เขาตอบเสร็จได้มีกลุ่มควันมาปรากฏตรงหน้าและอาจารย์ได้หายไปต่อหน้าต่อตาของฟรีสเขารู้ได้ในทันทีว่ามันไม่ใช่มายากลเหมือนที่เขารู้จักแต่มันคือ เวทย์มนตร์
@@@@@@@@@@@
ณ อาคารมังกรเพลิง
ฟรีสซึ่งมาถึงเป็นคนสุดท้ายจึงไม่มีสิทธิ์ได้เลือกห้องเหมือนกับคนอื่นๆที่ล่วงหน้ามาก่อนแล้วจึงต้องมองหาห้องที่ยังมีคนเข้าอยู่ไม่ครบ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากผู้คมกฎที่นั่งเปิดหนังสืออัพเดตรายชื่อคนในห้อง
"นี่ไงเจอแล้ว"ผู้คุมวางหนังสือดังปัง!!แล้วร้องด้วยความปิติยินดี
"ห้องไหนเหรอครับ"ฟรีสเอ่ยถามอย่างสุภาพ
"อ๋อ ห้องเบอร์ 666 อยู่กับคู่พี่น้อง ราเดล " ผู้คุมกฎอ่านบันทึก "นายพออยู่ได้ไหม" เขาถาม
"ได้อยู่แล้ว ขอแค่มีห้องอยู่เถอะครับ"ฟรีสเอ่ยอย่างรีบร้อน
"นายเดินไปสุดทางเลยนะติดกับประตูทางไปสวนบลูมิงโก" ผู้คุมชี้ทางให้ฟรีสดู "เรื่องบอก 2 คนนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง"
"ไปละนะครับ ขอบคุณครับ"ฟรีสเดินไปตามทางที่ผู้คุมกฎบอกซึ่งตามทางที่เดินผ่านแสงสว่างเริ่มลดน้อยลงๆๆๆ จนกระทั่งไปมืดตรงห้องเบอร์ 666
"เราต้องอยู่ที่นี่เหรอเนี่ย คิดแล้วสยอง"ฟรีสกำลังคิดหนักแต่อยู่ดีๆประตูก็เปิดออกเองโดยที่เขายังไม่ทันได้สัมผัสแม้แต่น้อย
"สยองวะ ขอเปลี่ยนห้องดีกว่า"ฟรีสหันหลังเตรียมที่จะวิ่งหนีแต่กลับมีมือของใครบางคนมาดึงคอเสื้อของเขาไว้ "จ๊ากกกกกกกกกกกกก"เขาตะโกนร้องสุดขีดพยายามวิ่งไปข้างหน้าแต่มือนั้นยังรั้งเขาไว้
"ยินดีต้อนรับ"ชายคนในชุดผ้าคลุมสีขาวปรากฏตัวต่อหน้าฟรีส
"สู่วิมานแห่งราเดล"ฟรีสหันไปมองต้นเสียงทางด้านหลังจึงเห็นชายที่ใส่ชุดแบบเดียวกันอีกคนหนึ่ง
"ผมกลัวแล้วววว"ฟรีสเหงื่อแตก หน้าเริ่มซีดลง
"555"ทั้ง 2 หัวเราะพร้อมกันแล้วเปิดไฟทางเดินเผยหน้าให้ฟรีสได้เห็นอย่างชัดเจน
"สวัสดีฉัน ชาร์ม ราเดล"ชายที่ยืนอยู่หน้าฟรีสแนะนำตัวก่อน
"ฉัน เชม ราเดล"คนที่จับคอเสื้อของฟรีสไว้แนะนำตัวบ้าง
"หวัดดีฉัน ฟรีส เวเกอร์"ฟรีสแนะนำตัวด้วยเสียงกล้าๆกลัวๆ
"มะ เอาของนายมา แล้วเข้ามาในห้องกันก่อน"ชาร์มพูด
"พวกเราจัดที่ไว้ให้นายแล้ว"เชมพาเดินเข้ามาด้านในห้องซึ่งถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบอย่างกับไม่ใช่ห้องของผู้ชาย เตียงคู่ตรงมุมห้องเป็นของ 2 พี่น้องส่วน เตียงเดี่ยวตรงข้างหน้าต่างตกเป็นของฟรีส
"พวกน่านี่ทำฉันตกใจหมดเลย"ฟรีสเริ่มเปิดวงคุยเมื่อเก็บของเข้าที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ฮ่าๆ นี่แค่เบาะๆนะ ถ้าของจริงนายหัวใจวายไปแล้ว" ชาร์มพูดเสร็จ เชมก็ดับไฟอีกครั้งพร้อมกับล็อกห้อง
"ม่ายอาวววววว"ฟรีสร้องรั่นทำให้เจ้าตัวแสบทั้ง 2 หัวเราะจนท้องแข็งก่อนที่จะเปิดไฟอีกครั้ง
"555"ทั้งคู่ยังหัวเราะไม่หยุด
การได้พบเพื่อนใหม่ที่เข้าใจกัน อยู่ด้วยกันอย่างสนุกสนาน อย่างคู่พี่น้องราเดล อาจจะทำให้ฟรีสได้เห็นอะไรหลายๆอย่างในโลกใบนี้ในแบบที่เขาไม่เคยพบเคยเห็นก็เป็นไปได้
ความคิดเห็น