ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดตัวตลก@มหานักรบ

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 เข้าโรงเรียน (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 51


    18 ปีร่วงเลยไปหลังจากการล่มสลายของนคร ฟิรูเน่

                    ณ เวลานี้พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าไปแสงแดดอ่อนยังคงทอแสงประกายเรื่อยไปไม่ยอมหยุด เหมือนกับ 2 พ่อลูกที่ยังคงแสดงมายากลสร้างความสนุกสนานแก่ผู้คนที่บริเวณชานเมือง เวียเร่  แม้ว่าจะได้กลับมาเพียงแค่เศษเงินเล็กๆน้อยๆของผู้ที่ผ่านไปผ่านมาตามกำลังศรัทธา พวกเขายังคงมีรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเสมอ

                    "วันนี้พวกเราขอจบการแสดงเพียงเท่านี้ครับ"ผู้เป็นพ่อกล่าวเมื่อเห็นว่าลูกชายของตนแสดงเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

                    "ขอบคุณมากนะครับ"ทั้ง 2 พ่อลูกต่างพากันโค้งคำนับคนดูซึ่งถือเป็นการขอบคุณ เป็นเวลานานเหมือนกันจนกระทั่งผู้ชมแยกย้ายกันไปจนหมดแล้ว ทั้ง 2 จึงขึ้นมาของตนมุ่งหน้าไปยังที่พักแรมชั่วคราว

                    "วันนี้ได้เท่าไหร่อะพ่อ"ลูกชายถาม

                    "เหมือนเมื่อวาน"ผู้เป็นพ่อบอกปัดไป

                    "ว่าแต่ ฟรีส พรุ่งนี้เช้าแกเข้าไปในเมืองเวียเร่กับฉันหน่อยนะ"พ่อล้มตัวลงนอนก่อนที่จะเอ่ย

                    "ทำไมอะ"ลูกชายที่เดินอยู่นอกเต็นท์หยุดเดินแล้วถาม

                    "พ่อว่าแกน่าจะได้เรียนหนังสือกับเขามั่งไงจะได้ฉลาดขึ้นมั่ง"พ่อพูดเสร็จก็หัวเราะออกมา

                    "เหมือนโดนหลอกด่าเลยแฮะ"เขาคิดในใจและยกมือขึ้นมาเกาหัว "อารายยยยยนะ....เรียนหนังสือออออ....ม่ายยยยยย"เขาร้องลั่น

                    "ต้องเรียน"พ่อพูดเสียงหนักแน่นมากๆ

                    "ครับ"เสียงของเจ้าฟรีสตัวแสบแผ่วลงในทันที

                    "นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้า....คร็อกกก...ฟี้....คร็อก....ฟี้"พูดจบพ่อก็หลับไปเลย

                    "ครับพ่อ"เขาปิดเต็นท์ให้พ่อก่อนจะกลับไปนอนในเต็นท์ของตน

                เช้าวันใหม่ที่สดใสเสียงนกร้องประสานเสียงกันอย่างไพเราะในป่าอันเงียบสงบ บัดนี้เต็นท์พักแรมชั่วคราวของ 2 พ่อลูกได้หายไปแล้วหลงเหลือแต่เพียงกองไฟที่ยังอุ่นอยู่เนื่องจากเพิ่งดับไปได้ไม่นาน

                    ในเมือง เวียเร่ ยามเช้านี้ผู้คนมากมายออกมาจ่ายตลาดยามเช้า บ้างก็มาสูดอาการที่สดใสยามเช้า เพลานี้เจ้าฟรีสลูกชายตัวแสบที่ไม่เคยเข้าเมืองใหญ่ๆมาก่อนได้เห็นวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากที่เขาเคยเห็นในบ้านนอกเป็นไหนๆ ทั้ง 2 ขี่ม้าไปจนถึงจัตุรัสใจกลางเมืองที่ผู้คนดูบางตา

                    "ขอสมัครสอบเรียนครับ"ผู้เป็นพ่อเดินเข้าไปหาชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะรับสมัครสอบ

                    "ผมว่าอายุคุณเกินแล้วนะครับ"ชายหนุ่มพินิจดูรูปร่างของชายตรงหน้าก่อนที่จะตอบไป

                    "เจ้าบ้า...คนที่จะสอบอยู่ตรงนู้น"พ่อชี้มาที่ฟรีสที่กำลังทาปากแดงเขียนรอบตาเป็นรูปหัวใจ

                    "เออ คือว่าโรงเรียนเราไม่รับตัวตลกเข้าเรียนนะครับ"ชายหนุ่มมองฟรีสแล้วร้องก๊ากขึ้นมาทันที

                    "เออวิน แกว่าลูกฉันเหรอ แกจำฉันไม่ได้รึไง"เสียงของพ่อดูโหดเหี้ยมขึ้นพร้อมกับที่ชายหนุ่มหันมามองพ่อของฟรีสอีกด้วยเหตุผลที่ว่าชายคนนี้ทราบชื่อเสียงเรียงนามของเขาได้เช่นไร เขาพินิจดูแล้วเหมือนจะนึกได้

                    "หรือว่าตายแล้วท่านคือ...ลอร์คเวเกอร์"หัวใจเออวินหล่นไปที่ตาตุ่มแล้ว

                    "เออสิวะ ยังไม่ตายด้วยเว้ย"เวเกอร์ตอบพร้อมกับทำท่าเป็นสัญญาณว่าเบาๆ

                    "งั้นเด็กคนนั้นก็....."เออวินหันไปมองที่ฟรีส

                    "ใช่ เจ้านั่นไม่รู้ว่าฉันเคยเป็นอัศวิน"เวเกอร์กลับมาทำท่าสบายๆเหมือนเดิมแต่ดูจะเน้นคำพูดบางคำเป็นพิเศษ

                    "เจ้าหนูมาลงชื่อตรงนี้จะได้ไปโรงเรียนกัน"ฟรีสจำใจเดินมาลงชื่อในทันทีที่เขาลงชื่อเสร็จเออวินก็ร่ายคาถาเคลื่อนย้ายออกมาเพื่อนำฟรีสไปสู่เขตของรูสเตอร์อคาเดมี่

                    "ท่านไม่ได้ห่วงนะครับ ผมจะรับผิดชอบเจ้าเด็กนั่นเอง ว่าแต่ท่านสบายดีหรือเปล่าครับ"เมื่อฟรีสไม่อยู่เออวินก็รู้สึกว่าจะสามารถพูดได้คล่องแคล่วขึ้น

                    "ก็อย่างที่เห็นเนี่ยแหละ เล่นตลกไปวันๆ 555"เออวินรู้ได้ทันทีว่าท่านลอร์ดจะพูดเสแสร้งอยู่แต่ก็ตามน้ำไป

                    "งั้นฉันฝากฟรีสด้วยละไปละ"พูดจบเขาก็กระโดดขึ้นบนหลังม้าด้วยท่าทีที่องอาจก่อนจะขี่มันจบหายลับไปจากสายตาของเออวิน

                    "ข้าน้อยคนนี้จะทำให้ดีที่สุด"เออวินโค้งเคารพอย่างน้อบน้อมแม้อดีตผู้เป็นนายของเขาจะไม่หันมามองแล้วก็ตาม ต่อจากนั้นเขายังคงเปิดโต๊ะรับสมัครนักเรียนต่อ

    @@@@@@@@

                    ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ใจกลางรูสเตอร์อคาเดมี่มีเด็กนักเรียนจำนวนมากมายืนรอรับการสอบคัดเลือกจากทางโรงเรียน ทุกๆคนนั้นแต่งตัวดีและเรียบร้อย ดูสุภาพและมีภูมิฐานมากยกเว้นอยู่คนหนึ่งซึ่งแต่งตัวแบบตัวตลกของคณะละครสัตว์รอบๆดวงตาทาสีม่วงเป็นรูปดาวอีกค้างเป็นรูปหัวใจสีแดง การแต่งตัวแบบนี้ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะกันไม่ยอมหยุด

                    "ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ"เสียงดังออกมาจากลำโพงคู่หนึ่งที่วางอยู่ทางด้านทิศเหนือของลานเอนกประสงค์ เป็นที่ได้ผลนักเรียนทุกคนหยุดการกระทำทุกอย่างและหันมาสนใจต้นกำเนิดเสียง

                    "พวกเธอทุกคนคงเห็นประตูบานที่อยู่ตรงหน้านี้แล้วใครไม่เห็นยกมือขึ้น"เสียงดังออกมาจากลำโพงคู่นั้นอีกครั้ง

                    "...."ไม่มีสัญญาณใดๆตอบรับจากเหล่านักเรียนนับพันคน

                    "ถ้าได้ยินชื่อตัวเองแล้วให้เดินเข้าไปในประตูเลยนะ ขอให้โชคดี"สิ้นคำกล่าวนั้นได้มีเสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นเป็นชื่อของผู้สมัครแต่ละคน ผู้สมัครที่ยืนอยู่ลานเอนกประสงค์เริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆจนดูบางตาลงทันที

    @@@@@@@@@@

                    "ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย"ฟรีสเริ่มบ่นต่างๆนานาเพราะหลังจากที่เขาเดินเข้าประตูมาจนถึงขณะนี้เขายังไม่พบใครเลยแม้แต่คนเดียว บวกกับบรรยากาศของสถานที่ที่ดูจะลึกลับมากเป็นเหมือนทางเดินในปราสาทโบราณที่มีการก่ออิฐมวลซึ่งตามทางมีคบเพลิงจุดไว้ให้แสงสว่างเป็นระยะๆ

                    "เจอแสงสว่างแล้ว"หลังจากที่เดินในที่มืดๆมานานแสงสว่างเป็นสิ่งที่ใครก็ปรารถนาฟรีสตัดสินใจวิ่งไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

                    "ที่ไหนอีกเนี่ย"ฟรีสเกิดความคิดขึ้นในใจเมื่อเขาได้เห็นสถานที่ตรงหน้ามันเป็นสวนดอกไม้ หรือ ไม่ก็เป็นทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ มีหมู่แมลงนานาชนิดกำลังบินกันไปมา

                    "นั่นใครกันนะ"ฟรีสสังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งเล่นอยู่กลางดงดอกไม้นานาพันธุ์เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา

                    "มีกิจอันใดโปรดจงว่ามา"ขณะที่ฟรีสเดินเข้าไปใกล้ๆเสียงของหญิงสาวผู้นั้นก็ดังขึ้นจนเขาตกใจ

                    "ถามผมเหรอ"เสียงของฟรีสแสดงอาการไม่ค่อยแน่ใจ

                    "ก็เธอนั่นแหละแถวนี้จะมีใครอีกละ"เธอตอบ

                    "ส่วนตัวนะผมไม่มีธุระอะไรหรอกครับเพียงแต่เห็นคุณนั่งอยู่คนเดียวเลยจะมานั่งเป็นเพื่อน"ฟรีสคิดอยู่นานก่อนจะตอบออกมา (ไม่ตรงกับความตั้งใจที่คิดไว้แต่แรก) ซึ่งเหมือนว่ามันจะมีปฏิกิริยากับเธอคนนั้นด้วย

                    "ขอบใจนะ"เธอพูดขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลออกมา

                "ร้องไห้ทำไมอะ..มีอะไรเล่าให้เราฟังก็ได้นะ"ฟรีสถามพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าของเขาออกมา "หยุดร้องเถอะ"ฟรีสซับน้ำตาให้เธอแล้วเอ่ยไป

                    "ขอบคุณนะ"เธอพยายามทำหน้าให้สดใสอีกครั้ง "ขอถามอะไรนายหน่อยสิ" เธอหันหน้ามาทางฟรีสทำให้เขาได้เห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน

                    "มีอะไรก็บอกมาเลย"เขาพูดอย่างใจเย็น

                    "นายคิดว่าเพื่อนกับคนรักสิ่งไหนสำคัญกว่าเหรอ"คำถามนี้ทำให้ฟรีสต้องหยุดคิดก่อนที่จะตอบไปเป็นเวลานานมาก

                    "สำคัญเท่ากันนั่นแหละ"เขาตอบอย่างหนักแน่น

                    "แล้วถ้าต้องเลือกปกป้องใครซักคนละ"เธอถามแล้วร้องไห้ต่อและน้ำตาเริ่มออกมามากกว่าเดิม

                    "ถ้าต้องปกป้องใครซักคนผมจะพยายามปกป้องทั้งคู่แม้ชีวีจะหาไม่"เขาตอบด้วยความหนักแน่นอีกครั้ง

                    "นายสอบผ่าน"เธอพูดขึ้นและน้ำตาที่เคยมีได้หายไปหมดแล้ว

                    "งง"ฟรีสไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

                    "สิ่งที่นายแสดงออกมานั้นเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่เราต้องการ นายได้เรียนในรูสเตอร์อคาเดมี่ ยินดีด้วยนะ"เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยสดใสขึ้นมาทันตาเห็น

                "แงๆๆทามมายฉันต้องสอบผ่านด้วย ม่ายอยากเรียน"ฟรีสล้มตัวลงแล้วร้องโว้ยวายเหมือนเด็กเล็กๆหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

                    "ว่าแต่นายชื่ออะไรอะ"เธอถาม

                    "ฟรีส เวเกอร์ครับ"เขาตอบ

                    "ฉัน พิ้งกี้ เลรอส มาตามฉันมาเดี๋ยวจะพาไปที่หอพัก"เมื่อแนะนำตัวเสร็จแล้วเธอจึงเริ่มออกเดินทางต่อ ซึ่งระหว่างทางเธอก็อธิบายอะไรมากมายให้เขาได้รับรู้ โดยเฉพาะเรื่องที่ว่าตรงนี้คือสวนหลังหอนั่นเอง

                    "ยินดีต้องรับเขาสู่หอ ไฟเยอร์เรด"เมื่อเขาทั้ง 2 เดินมาถึงพวกคนในห้องโถงก็ได้ตะโกนออกมาและเสียงตบมือที่ดังสนั่น

                    "นี่นะเหรอคนแรกที่ผ่านการทดสอบจาก พิ้ง นะ"พวกปี 2 เริ่มจับกลุ่มคุยกัน

                    "ได้ยินว่าชื่อ เฟรส หรืออะไรนี่แหละ"อีกคนหนึ่งพูดขึ้น

                    "นาย 2 คนเงียบไปเลยฉันว่านะเขาดูน่ารักกว่าพวกนายมากเลยละ"หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับสายตาที่มองฟรีสอย่างไม่ลดละ

                    "ไอ้ตัวตลกนั่นมันมีดีตรงไหน"นักเรียนชายปี 2 ในกลุ่มนั้นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

                "เย็นไว้ก่อน โยเกียร์ วันรับน้องยังมี"เพื่อนที่อยู่ข้างๆพากันเข้ามาห้ามเขาไว้

                    "คุณพิ้งครับ ผมมีอะไรจะถามหน่อยครับ"ฟรีสถามพิ้งที่เดินนำหน้าเขาอยู่

                    "อะไรเหรอ ถามมาสิ"เธอหันมาเป็นเชิงว่าพร้อมที่จะฟังแล้ว

                    "ทำไมผมถึงได้อยู่หอไฟเยอร์เรดเหรอครับ"ฟรีสถามประสาคนไม่รู้เรื่อง

                    "เดี๋ยววันหลังฉันจะบอกให้แต่ตอนนี้นายต้องนั่งตรงนี้ก่อน"เธอหยุดเดินตรงหน้าโต๊ะที่ยังพอมีเก้าอี้ว่างเหลืออยู่และสั่งให้ฟรีสนั่งก่อนที่จะเดินจากไป

                    "สวัสดีรุ่นน้องทุกๆคนผมเป็นประธานหอชื่อ เวรอฟ ออกิน"เขายืนอย่างสง่าผ่าเผยพร้อมกับเครื่องแบบสีแดงสด สัญญาลักษณ์ของไฟเยอร์เรด

                    "วันนี้ผมแค่มาแนะนำตัว ดังนั้นผมจะไม่พูดอะไรมากในวันนี้ ฉะนั้นขอให้ทุกคนโชคดี"เอ่ยจบเขาจึงเดินลงจากเวทีและหายไปจากที่แห่งนั้นทันที

                    "นักเรียนชายทุกคนให้ไปพักที่ตึกมังกรเพลิง ส่วนนักเรียนหญิงไปพักที่ตึกวิหกเพลิง"เสียงอาจารย์คนหนึ่งเอ่ยขึ้น

                    "นักเรียนที่ชื่อ ฟรีส เวเกอร์ให้รอฉันอยู่ที่นี่ก่อน"อาจารย์เอ่ยขึ้นขณะที่ทุกคนกำลังเดินแยกย้ายกันไปที่หอพักเขาจึงลงมาหาฟรีส

                    "มีอะไรเหรอครับจารย์"ฟรีสถามอย่างสุภาพเมื่ออาจารย์เดินมาหาและจำได้ทันทีว่าคือชายหนุ่มที่อยู่ที่เมืองเวียเร่

                    "พ่อเธอฝากของมาให้นะ"อาจารย์หยิบของบางอย่างออกมาจากเป้ใบใหญ่ที่สะพายอยู่บนหลัง

                    "อะนี่ของเธอ"มันคือดาบเล่มหนึ่งมีการแกะสลักลวดลายอันวิจิตรงดงามไว้ตรงฝัก

                    "ดาบของพ่อเหรอ??"ฟรีสรู้สึกงงมากๆ (แสดงออกทางสีหน้าด้วย) เพราะเท่าที่จำได้พ่อเป็นตัวตลกในวังไม่ใช่เหรอ

                    "คนในวังทุกคนก็มีดาบกันหมดนั่นแหละอย่าคิดมากรับไปเถอะ"อาจารย์โยนมันให้เขา

                    "ว่าแต่จารย์ชื่อไรเหรอ"ฟรีสสะพายดาบที่รับมาแล้วถาม

                    "เออวิน เรียกฉันแบบนี้ละกัน"เขาตอบเสร็จได้มีกลุ่มควันมาปรากฏตรงหน้าและอาจารย์ได้หายไปต่อหน้าต่อตาของฟรีสเขารู้ได้ในทันทีว่ามันไม่ใช่มายากลเหมือนที่เขารู้จักแต่มันคือ เวทย์มนตร์

    @@@@@@@@@@@

    ณ อาคารมังกรเพลิง

                    ฟรีสซึ่งมาถึงเป็นคนสุดท้ายจึงไม่มีสิทธิ์ได้เลือกห้องเหมือนกับคนอื่นๆที่ล่วงหน้ามาก่อนแล้วจึงต้องมองหาห้องที่ยังมีคนเข้าอยู่ไม่ครบ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากผู้คมกฎที่นั่งเปิดหนังสืออัพเดตรายชื่อคนในห้อง

                    "นี่ไงเจอแล้ว"ผู้คุมวางหนังสือดังปัง!!แล้วร้องด้วยความปิติยินดี

                    "ห้องไหนเหรอครับ"ฟรีสเอ่ยถามอย่างสุภาพ

                    "อ๋อ ห้องเบอร์ 666 อยู่กับคู่พี่น้อง ราเดล " ผู้คุมกฎอ่านบันทึก "นายพออยู่ได้ไหม" เขาถาม

                    "ได้อยู่แล้ว ขอแค่มีห้องอยู่เถอะครับ"ฟรีสเอ่ยอย่างรีบร้อน

                    "นายเดินไปสุดทางเลยนะติดกับประตูทางไปสวนบลูมิงโก" ผู้คุมชี้ทางให้ฟรีสดู "เรื่องบอก 2 คนนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง"

                    "ไปละนะครับ ขอบคุณครับ"ฟรีสเดินไปตามทางที่ผู้คุมกฎบอกซึ่งตามทางที่เดินผ่านแสงสว่างเริ่มลดน้อยลงๆๆๆ จนกระทั่งไปมืดตรงห้องเบอร์ 666

                    "เราต้องอยู่ที่นี่เหรอเนี่ย คิดแล้วสยอง"ฟรีสกำลังคิดหนักแต่อยู่ดีๆประตูก็เปิดออกเองโดยที่เขายังไม่ทันได้สัมผัสแม้แต่น้อย

                    "สยองวะ ขอเปลี่ยนห้องดีกว่า"ฟรีสหันหลังเตรียมที่จะวิ่งหนีแต่กลับมีมือของใครบางคนมาดึงคอเสื้อของเขาไว้ "จ๊ากกกกกกกกกกกกก"เขาตะโกนร้องสุดขีดพยายามวิ่งไปข้างหน้าแต่มือนั้นยังรั้งเขาไว้

                    "ยินดีต้อนรับ"ชายคนในชุดผ้าคลุมสีขาวปรากฏตัวต่อหน้าฟรีส

                    "สู่วิมานแห่งราเดล"ฟรีสหันไปมองต้นเสียงทางด้านหลังจึงเห็นชายที่ใส่ชุดแบบเดียวกันอีกคนหนึ่ง

                    "ผมกลัวแล้วววว"ฟรีสเหงื่อแตก หน้าเริ่มซีดลง

                    "555"ทั้ง 2 หัวเราะพร้อมกันแล้วเปิดไฟทางเดินเผยหน้าให้ฟรีสได้เห็นอย่างชัดเจน

                    "สวัสดีฉัน ชาร์ม ราเดล"ชายที่ยืนอยู่หน้าฟรีสแนะนำตัวก่อน

                    "ฉัน เชม ราเดล"คนที่จับคอเสื้อของฟรีสไว้แนะนำตัวบ้าง

                    "หวัดดีฉัน ฟรีส เวเกอร์"ฟรีสแนะนำตัวด้วยเสียงกล้าๆกลัวๆ

                    "มะ เอาของนายมา แล้วเข้ามาในห้องกันก่อน"ชาร์มพูด

                    "พวกเราจัดที่ไว้ให้นายแล้ว"เชมพาเดินเข้ามาด้านในห้องซึ่งถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบอย่างกับไม่ใช่ห้องของผู้ชาย เตียงคู่ตรงมุมห้องเป็นของ 2 พี่น้องส่วน เตียงเดี่ยวตรงข้างหน้าต่างตกเป็นของฟรีส

                    "พวกน่านี่ทำฉันตกใจหมดเลย"ฟรีสเริ่มเปิดวงคุยเมื่อเก็บของเข้าที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

                    "ฮ่าๆ นี่แค่เบาะๆนะ ถ้าของจริงนายหัวใจวายไปแล้ว" ชาร์มพูดเสร็จ เชมก็ดับไฟอีกครั้งพร้อมกับล็อกห้อง

                    "ม่ายอาวววววว"ฟรีสร้องรั่นทำให้เจ้าตัวแสบทั้ง 2 หัวเราะจนท้องแข็งก่อนที่จะเปิดไฟอีกครั้ง

                    "555"ทั้งคู่ยังหัวเราะไม่หยุด

                    การได้พบเพื่อนใหม่ที่เข้าใจกัน อยู่ด้วยกันอย่างสนุกสนาน อย่างคู่พี่น้องราเดล อาจจะทำให้ฟรีสได้เห็นอะไรหลายๆอย่างในโลกใบนี้ในแบบที่เขาไม่เคยพบเคยเห็นก็เป็นไปได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×