มหัศจรรย์แห่งพระกัมมัฏฐาน
ผู้เข้าชมรวม
110
ผู้เข้าชมเดือนนี้
21
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
พ่อจะเล่าถึงความจริงอันวิเศษที่มีอยู่ในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ลูกฟัง
นับเป็นความมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตของพ่อเท่าที่เคยพบมาด้วยตัวเอง จะมีอะไรที่สุดแสนจะงดงาม สุดแสนจะวิเศษไปกว่านี้คงไม่มีอีกแล้วสิ่งนั้นคืพอพระธรรม
ก่อนอื่นพ่อขอบอกว่า จากเส้นทางที่พ่อได้เดินตามพระธรรมอันเป็นเส้นทางสัมมาปฏิปทา เป็นสัมมาปฏิบัติอันชอบนี้ พ่อจะได้พบความวิเศษสุดมหัศจรรย์รอพ่ออยู่ และพ่อก็พบแล้วเมื่อพ่อใช้ชีวิตของพ่อส่วนที่เหลือ แม้จะน้อยนิดนี้เดินตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงตรัสแสดงไว้ โอ...สัมมาสัมพุทธัสสะ...
เรื่องราวต่อจากนี้ไปเป็นเรื่องจริงสุดมหัศจรรย์ของชีวิตหลังเกษียณของพ่อภายหลังที่ออกจากงาน เพราะพ่อคิดว่าได้ทำหน้าที่แห่งตนอย่างบริบูรณ์แล้ว พ่อควรได้รางวัลชีวิตในบั้นปลายคือชีวิตที่สงบสุข แต่สุดท้ายพ่อก็เดินออกนอกเส้นทางไปด้วยความหลงผิด ใน ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ นับเป็นความผิดที่เกือบ จะพาชีวิต อับเฉา ไร้ที่พึ่งพายามถึงคราวต้องจากโลกนี้ไป พ่อมัวไปเสียเวลากับงานการเมืองที่มุ่งแข่งดี(ความจริงคือมุ่งแต่เอาประโยชน์ใส่ตน) จริงๆไม่ใช่แข่งดี ควรเรียกว่าแข่งกันทำเพื่อผลประโยชน์ของพรรค พวกตนเอง และก็กล่าวอ้างว่าทำเพื่อประชาชน ความจริงไม่มีหรอก สุดท้ายก็เสียเวลา เสียเงิน และเสียโอกาส ในการเดินทางไปสู่สัมมาปฏิบัติ จนร่างกายของพ่อป่วยด้วยโรคร้าย ต้องไปเข้าสู่กระบวนการรักษา ครึ่งปี ในระหว่างการรักษาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหาย มีแต่ทรงกับทรุด จนนอนหายใจรวยรินหมดแรงที่จะพยุงร่างกายให้เคลื่อนไหวได้ตามปรกติ
ก่อนที่จิตจะระทมทุกข์ สติที่มีอยู่น้อยนิดก็บอกว่าพระธรรมของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้และแสดงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในคิริมานนทสูตรนั่นไงฟังสิ พ่อได้สติจึงเปิดฟัง ในพระสูตรนี้พระอานนท์พุทธอนุชาเป็นผู้เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาว่า
ในกาลสมัยเมื่อครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์อยู่นั้น มีพระคิริมานนท์ซึ่งอยู่ในสำนักของพระศาสดา มีอาการอาพาธมาก ร่างกายเน่าเฟะเป็นแผลทั่วกาย มีน้ำเหลืองไหลออกไปทั่วกาย (พ่อเข้าใจว่าเป็นไข้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษ) ไม่มีภิกษุดูแลรักษา ครั้นพระอานนท์ไปเยี่ยม พระคิริมานนท์ ได้ฝากความไปกราบทูลพระศาสดาถึงอาการอาพาธ และทูลขอพรเพื่อรักษาโรคร้ายให้หายไป พระศาสดาทรงพระเมตตาตรัสเทศนาถึงพระสูตรนี้ที่เรียกว่า"คิริมานนทสูตร" ให้พระอานนท์ไปบอกเล่าพระธรรมเทศนาแก่พระคิริมานนท์ พระคิริมานนท์ได้ฟังพระธรรมนั้นด้วยจิตใจจดจ่อมีสติ พิจารณาธรรมอย่างพินิจพิจารณา จนทำให้จิตหลุดพ้นอาสวะทั้งปวงสำเร็จเป็นพระอรหันต์และร่างกายก็หายเป็นปรกติ (รายละเอียดไปหาฟังเองนะในยูทูปก็มี)
พ่อฟังแล้วเกิดความสุขใจ จากนั้น พ่อก็ได้ฟังธรรมการเจริญมรณานุสติ ทำให้จิตคลายทุกข์จากการกังวลเกี่ยวกับโรคร้าย
(พ่อสามารถลุกนั่งภาวนาก่อนนอนได้ จนจิตไม่หวั่นไหวต่อความตายและพร้อมที่จะเผชิญกับมันโดยพ่อไม่แตะต้องยาที่หมอให้มาเลยนับจากออกจากโรงพยาบาลในคราวสุดท้าย เพราะคิดว่ายาไม่ช่วยเราเลยมีแต่ทำให้ร่างกายเราทรุดลง พ่อมีร่างกายที่บวมฉุเพราะฤทธิ์ยา ที่ศรีษะผมร่วงบางทั้งศรีษะ จนโล่งเลี่ยนมีแต่ขนอ่อนขึ้นสลัดๆบางๆไม่ต่างอะไรกับหัวโกร๋น)
พ่อได้ปฏิบัติภาวนาด้วยอาศัยความรู้จากเมื่อครั้งสมัยที่ยังบวชเป็นพระภิกษุ โดยภาวนา "พุท โธ" พุท หายใจเข้า โธ หายใจออก เอาสติจับลมหายใจที่ปลายจมูก หรือบางครั้งก็นอนภาวนา ตาย หนอ จากการสอนของหลวงพ่อจรัญ สมัยอยู๋จิตตภาวันวิทยาลัย จิตของพ่อก็มีที่เกาะเกี่ยว ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง
(วันหนึ่งเพื่อนพ่อที่เป็นนักการเมืองโทรมาหา บอกว่าให้เอากัญชามาต้มกินแทนน้ำ ต้มทั้งต้นรากต้นใบใช้ได้หมด พ่อก็ไปหาซื้อมา ขีดละ800บาทเอามาต้มกิน เชื่อไหม ไอ้ก้อนเนื้อที่คลำเจอตามร่างกาย มันค่อยไปหายไป จนถึงเดี๋ยวนี้ ก็ยังดื่มน้ำต้มกัญชาแทนน้ำ ร่างกายก็ปรกติดี ต้องขอบพระคุณเพื่อนที่แนะนำยาวิเศษให้)
พ่อได้สมาทานศีลห้าเป็นวิรัติ คืองดเว้นตลอดไปเลิกสังคมที่ประพฤติผิดศีล แต่ไม่ได้เลิกคบคนนะ ยังคบเหมือนเดิมแต่พ่อขอหยุดความประพฤติส่วนตัว อันเป็นเรื่องที่ควรจะทำถ้าเราอยากเกิดในสุคติภูมิ อย่างน้อยก็เป็นคนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เพราะศีลห้าเป็นปฐมบทในการพัฒนาจิตสู่ความเจริญ แรกๆพ่อก็ปฏิบัติภาวนาบ้าง เป็นบางครั้งก่อนนอน แต่ส่วนใหญ่จะสวดมนต์เยอะมากหลายบทใช้เวลาสวดปรกติ 1ชม. ถ้าสวดเร็วๆใช้เวลาประมาณ30นาที จากนั้นก็จะสมาทานพระกัมมัฏฐาน
ตั้ง นโม 3จบ แล้วว่า "อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปริจจะฉามิ จิตตะเมตะ นิสสะระณะ นิพพานะ สัจฉิกะระนัตถายะ"
แรกๆพ่อใช้เวลาภาวนาประมาณ5นาที แล้วค่อยๆขยับไปเป็น10นาที 15นาที ก็ต้องหยุดเพราะมันปวดขาเอามากๆ(นั่งภาวนาหลับตา ขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ถ้านึกไม่ออก ก็ดูเอาเหมือนรูปพระพุทธเจ้านั่นแหละ)
การภาวนาในระยะแรกๆก็ไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันอะไร แต่ไม่ละความพยายาม ก็พยายามฟังหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อพุฒ หลวงพ่อกิตติวุฒโฑ หลวงพ่อจรัญ หลวงตาคำ หลวงพ่อแฉล้ม แล้วมาพิจารณากำหนดดูลมหายใจเข้าออก เอาสติ ไปจดจ่อเอาจิตไปดูลมหายใจเข้าและออก โดยใช้บริกรรมภาวนาคู่กันไปด้วย หลวงพ่อบอกว่าจะได้สองอย่างในคราวเดียวกันคือทั้งสมถะภาวนา และวิปัสสนาภาวนา ทำมาเป็นเวลาประมาณ สองปี จนกระทั่งวันหนึ่งจิตเริ่มกำหนดอารมณ์ภาวนาเอง ขับรถไปจิตก็ภาวนาพุทโธ ไม่ขาด วันวันนั้นทั้งวันจิตจดจ่อแต่ภาวนา ไม่อยากไปไหนอยากแต่จะภาวนา และเมื่อประมาณเดือนมีนาคมปี2567ที่ผ่านนี่เอง จากการที่ฝึกนั่งสมาธิภายหลังสวดมนต์จบ(นั่งในห้องพระ) บรรยากาศเป็นใจ เงียบสงบดีแต่อากาศร้อน พ่อก็นั่งสมาธิ หลังจากนั่งประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงพอจิตเป็นสมาธิ ก็เห็นแสง สี ที่สวยงาม มีทุกสีแต่สีที่เห็นแต่ละสีมันสวยงามกว่าสีที่เขาเอามาทาวัตถุต่างๆ สีมันดูแล้วสบายตา เขียว ฟ้า น้ำเงิน ชมพู ขาวเหลืองแดง มาครบ มาแล้วก็เกิดเป็นปุยกระจาย เป็นก้อนกลม รี หรือส่งประกายกระจายกระจ่าง มันเหมือนนิยาย ที่บรรยายภาพในอีกโลกหนึ่งซึ่งยังไม่เคยเห็นมีที่ไหนในโลกมนุษย์ บ้างครั้งก็ขึ้นมาเป็นก้อนๆเหมือนเวทีนักร้องที่เขาปล่อยหมอกปล่อยไฮโดรเจน เดี๋ยวสีขาวสีแดงสีชมพูสีฟ้า สลับกันมาเรื่อยๆ สดสวยงามที่สุด พ่อนั่งดูเพลินๆไปเรื่อยๆนั่งจนเกือบชั่วโมง อาการปวดเมื่อยที่เคยมีก็ไม่ปรากฏ มีอาการแข้งขารู้สึกหนักแน่น เหมือนแท่นหิน มือที่ซ้อนกันก็แทบไม่รู้สึกว่ามีมือ ...โอ มหัศจรรย์อะไรเช่นนั้น ลืมสติ ลืมภาวนานึกขึ้นมาได้ ว่าเอ๊ะนี่อะไรกัน คืออ่ะไร จนในที่สุดจากการได้(สอบถามกับหลวงพ่ออาการอย่างนี้เรียกว่าอะไร หลวงพ่อบอกว่านี่คือนิมิต การนั่งภาวนาจนเกิดนิมิตนั้นจะทำให้จิตคุ้นเคยในการนั่งภาวนา ผู้ทำสมาธิทุกคนต้องผ่านจุดนี้ เป็นความมหัศจรรย์ในธรรมของพระพุทธเจ้า แต่อย่าติดในนิมิตรจนลืมภาวนาให้เป็นผู้ดูอย่างมีสติ จะมีเส้นทางของจิตไปเอง ดูอย่างเดียว)
กำลังสนุกเลย วันนี้แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยววันพรุ่งนี้เป็นต้นไปพ่อจะเล่าความหัศจรรย์ในการปฏิบัติธรรมให้ฟังอีก มันยาวจ้า
รักลูกนะ
ผลงานอื่นๆ ของ Chalermrat92 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Chalermrat92
ความคิดเห็น