ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไดอารี่เรื่องรัก ฉบับป้อมอัศวิน

    ลำดับตอนที่ #9 : Stage. 9 ว่าด้วยศาสตร์แห่งการงอน –เปิดสงครามบานบุรี-

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 48


    Stage. 9 ว่าด้วยศาสตร์แห่งการงอน –สงครามบานบุรี-





        “ถึงโคมิเน่แล้ว  แวะพักไหมครับคุณคาโล” ซีบิล หนุ่มน้อยผู้สุภาพเอ่ยถามคาโลที่คุมม้าอยู่ ณ ขณะนี้  แต่เมื่อความเงียบเป็นคำตอบ  เด็กหนุ่มจึงลุกออกไป“งั้นเดี๋ยวผมไปถามพวกข้างในให้นะครับ”





        ทันทีที่หนุ่มน้อยก้าวเข้าไปสู่อาณาเขตที่พัก  ก็ได้รับรังสีแห่งความตึงเครียดที่น่าตกใจ  ซีบิลก้าวไปยังห้องนั่งเล่นกลางที่มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเพื่อนๆดังอยู่





        “มีอะ..”





        ปุ..





        หมอนอิงปามาโดนใบหน้าหวานของซีบิลและทันทีที่หมอนร่วงลงสู่พื้น  หูของเด็กหนุ่มแสนสุภาพก็ได้ยินเสียงแจ๊ดๆแว้ดๆของเรนอน





        “ถ้าพวกคุณยังดีกันไม่ได้อาหารเย็นวันนี้ไม่ต้องทานค่ะ!!! จำเอาไว้เลยนะคะ!! ถ้ารุ่นพี่ลูคัสยังไม่ลงมาล่ะก็อาหารเย็นที่มีเมนูพิเศษวันนี้งดค่ะ!”





        นัยน์ตาสีม่วงของสาวน้อยเรนอนมองสบกับซีบิล  ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยปากถามผู้มาใหม่





        “คุณซีบิลจะมาทำไมคะ” น้ำเสียงเจ้าตัวยังคงหนักแน่นราวคนอารมณ์ร้ายก็ไม่บาน





        “อ่า...พวกเราแวะพักที่เมืองโคมิเน่นะครับ”





        “ก็ดีค่ะ  เรนอนจะไปซื้อของ” เจ้าหญิงแห่งคาโนวาลเดินไปเอาตะกร้าจ่ายตลาดมา “พวกคุณไม่ต้องไปไหนค่ะ! ระหว่างที่เรนอนไม่อยู่ทุกคนหาวิธีคืนดีกันให้ได้นะค่ะ..”





        ปัง!





        ทุกคนมองตากันเลิกลั่กหลังจากประตูเกวียนได้ปิดลง





        “เอาไงดีวะ” เฟรินกระซิบกระซาบกับทุกคน “พวกเราไม่เกี่ยวซะหน่อย”





        “เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”





        “พี่ลูคัสอ่ะดิ” ครี้ดกล่าวขึ้นพร้อมหาว “โกรธพี่ลอเรนซ์เรื่องที่พี่ท่านปามีดพลาดไปโดนรูปครอบครัวสุดรักสุดหวงเข้าให้”





        นัยน์ตาสีม่วงอะเมธิตถ์ตะวัดมองนายตาเดียว  ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่





        “ฉันไม่ผิดซะหน่อย”





        “ช่างเถอะ มาคิดกันดีกว่าว่าทำไงดี” แองจี้ท้วงให้กลับมาเรื่องสำคัญ





        “เรนอนเป็นคนเอาจริงเอาจัง  พูดจริงทำจริง” มาทิลด้าว่าพลางกุมขมับ





        “เฮ้ย..” เจ้าหัวขโมยร้องลั่น “อย่างนี้ก็อดข้าวดิ ไม่ได้นะโว๊ย!!!”





        “เอเรนมีวิธีค่ะ”    สาวเจ้ายิ้มแฉ่งแบบที่เฟรินนึกกลัวนักกลัวหนา  หวังว่าแม่คนนี้จะไม่ทำอะไรแผลงๆอีก....









        *******************************************************************************









        “โชคดีนะคะที่มีทุกอย่างที่ต้องการเลย”





        -*-<<< (สีหน้าทุกคน)





        เชือกยาวประมาณ 3 เมตรม้วนคล้องไว้ที่แขนของเจ้าหญิง มืออีกข้างถือสวิงดักปลา  หล่อนโยนแหจับปลาให้ครี้ด  โยนยาฆ่าแมลงให้เฟริน ส่งตาข่ายให้คิล  ส่วนซีบิลหลบฉากไปอยู่กับคาโลด้านนอกแล้ว





        “งั้นเราก็ไปจับแล้วลากพี่เค้าลงมาเถอะค่ะ” พูดเสร็จแม่คุณก็ทำท่าจะขึ้นข้างบน  แกว่งเชือกไปมาเตรียมคว้าลูคัส





        “เฮ้ยยยยย!!!” เฟรินร้องเสียงหลง “พี่เค้าไม่ใช่สัตว์”





        ร่างบางหันกลับมามองทำตาแป๋ว





        “เอ๋...มนุษย์ไม่ใช่สัตว์หรอคะ  ตอนเอเรนไปล่าวิญญาณมนุษย์กับท่านพ่อก็เอาเชือกไปคล้องนี่”





        “ก็ไม่ช่าย...” คิลร้องเสียงอ่อย  





        “ไม่เหมือนกันหรอ...”





        ทุกคนพยักหน้าหงึกๆ  เอเรนหน้าจ๋อยลง





        “อ่าว....ก็นึกว่าให้ไปกล่อมให้ลงมาน่ะยาก  สู้จับลงมาจะดีกว่าเสียอีก”





        “เฮ้อ----“  มาทิลด้าลมแทบจับ





        “เอางี้ดิ  ส่งคนไปเจรจามะ” เฟรินออกความคิดเห็น





        “น่าจะเวิร์ก” ครี้ดสนับสนุน  “ใครดีอ่ะ”





        “อืม---“





        “คุณ/ไอ้เฟรินแหละ” ทุกคนตอบแทบเป็นเสียงเดียวกัน





        “เฮ้ยยยยยย!!! มะอ้าวววววว---....!!!”







        *****************************************************************************





        “พี่ลูคัส”





        เสียงของหัวขโมยแห่งบารามอสดังขึ้นพร้อมหัวที่โผล่ออกมา  และแทบจะทันทีที่ต้องหดกลับเพราะโดนพี่เขาปาของใส่





        “เฟรี่ไม่ต้องมาพูดเลย ไปให้พ้น..”





        เฟรินแง้มประตูมาอีกครั้ง  คราวนี้โผล่มาทั้งตัว





        “พี่ก็...อย่าโกรธพี่ลอเรนซ์เลยนะฮะ”





        “ฮึ”







        ลูคัสที่นั่งกอดเข่าอยู่สะบัดหน้าหนี  ทำเอาเฟรินชักใจเสีย





        “โถ่..พี่  พี่กำลังทำให้เขาเดือดร้อนกันนะ”





        “งั้นเฟรี่ว่าใครผิดล่ะ  ลอเรนซ์ต่างหากที่ต้องมาขอโทษ” ซาตานแห่งป้อมพูดเสียงแข็ง





        ‘มันก็จริงเนอะ’ เฟรินคิด







        *******************************************************************







        “เฟรินไปนานชะมัด” แองจี้บ่นพึมพำ





        “หายต๋อมไปเลยอ่ะ” คิลว่า





        “อย่างนี้ให้มนุษย์เปี๊ยกขึ้นไปดูอีกรอบแล้วล่ะค่ะ” เอเรนพูดพลางดันหลังกัสให้เดินขึ้นไป





        “ก็แล้วทำไมต้องเป็นฉัน”





        “อยากแต่งตัวสไตล์ไหนอีกรึเปล่าคะ”





        “อุก...”







        *****************************************************************





        “หายต๋อม...อีกแล้ว” นักฆ่าไร้หัวคิดเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “มันไปไหนกันฟ่ะ ส่งไปหลายคนแล้วนะเฟร้ย”





        ใช่...หลายคนแล้ว  เพราะตอนนี้เหลือแต่เอเรน มาทิลด้า  แองจี้ คิล ลอเรนซ์ โคล์ว เดท เท่านั้น  คนอื่น..ขึ้นไปชั้นบนแล้วก็..หาย....







        “เหล่าผู้อยู่ฝ่ายลอเรนซ์จงฟังให้ดี..”





        เสียงเฟรินที่ดังมาจากโทรโข่งทำให้คนที่อยู่ด้านล่างสะดุ้งโหยง





        “ขณะนี้เราได้ทำการยึดชั้นบนเป็นฐานทัพแล้ว  หากอยากมีที่นอนจงให้พี่ลอเรนซ์มาขอโทษซะดีๆ”





        ทั้ง 7 คนวิ่งไปหน้าบันได  แล้วก็ต้องตะลึง  เมื่อเห็นกำแพงปราการที่ถูกสร้างขึ้นให้เหมือนฐานทัพไม่มีผิด  





        “ได้ยินแล้วจงส่งลอเรนซ์มาซะ”



        o[]o !!!!!



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×