ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Stage. 6 Little boy
Stage. 6  Little boy
    “อ่ะ...อ่า..คือ...”
    เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ก้มหน้ารับผิดที่ตนได้กระทำเอาไว้  หลังจากที่โดนอาจารย์ไล่ออกมาทั้งชั้นเพราะการที่เจ้า
หล่อนเลื่อนลอยทำให้เกิดความผิดพลาดทางเวทย์
    “งานนี้พวกเราจะทำยังไงดีล่ะเอเรน”
    มาทิลด้ากล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกฉุนเฉียว  ไม่รู้ว่าธงของป้อมจะถูกตัดลงอีกเท่าไหร่
    เจ้าหญิงน้อยแบะริมฝีปากออก  น้ำใสๆเริ่มปริ่มที่ขอบตา โดยที่เจ้าของร่างพยายามกลั้นไว้เต็มที่
    “ฉัน...” เสียงที่เคยใสราวระฆังแก้วบัดนี้ทั้งเครือทั้งสั่น  เจ้าตัวไม่อาจพูดอะไรได้มากกว่านี้แล้ว  มันพูดไม่ออก  ทุกอย่างมันเกิด
ขึ้นเพราะการที่เธอมาที่นี่  เพราะเธอ  คนคนนั้นอาจจะไม่สามารถกลับไปเป็นอย่างเดิมได้อีกต่อไป
    “เฮ้อ” มาทิลด้ากลอกตาไปมา  แม้รู้ว่าทำอย่างนี้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้น  ซ้ำร้าย  ถ้าเธอยิ่งบ่นคนตรงหน้าจะยิ่งเสียใจมากขึ้นเท่านั้น
    “ช่างเถอะค่ะคุณมาทิลด้า” เจ้าหญิงเรนอนคนดีกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบกลางห้องนั่งเล่น  เรียกให้คนต้นเหตุเงยหน้าขึ้นมา
มองหลังจากก้มมาแล้วเป็นเวลานาน
    “อาจารย์แม่มดวิงกี้จะต้องหาทางแก้ได้แน่นอนค่ะ”
    ทุกคนทำท่าทางเห็นดีด้วย  แม้จะรู้ว่ายาก  เพื่อทำให้เจ้าหญิงจากแดนวิญญาณเลิกเสียอกเสียใจ 
    “จะได้เรอะ  ก็นั่นมันเป็นเรื่องต้องห้ามไม่ใช่หรอ คาถามันก็บอกแล้วว่าห้ามใช้กับสิ่งมี..แอ็ก..”
    หัวขโมยปากไวได้รับศอกรับประทานเข้าไปเต็มๆ จากเพื่อนคู่คิดคิล  ความเจ็บมันมากพอที่จะให้หล่อนหุบปาก  และคำพูดไม่จบ
ประโยคมันก็มากพอที่จะทำให้น้ำตาที่อยากจะกลั้นเอาไว้นักหนาร่วงผล็อย 
    ‘ฉันมันไม่ได้เรื่อง  ไม่ว่าอะไรก็ทำให้คนเขาเดือดร้อนไปหมด  ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ทีแรก...ถ้ารู้ว่าจะ เป็นอย่างนี้...ฉัน..
ฉัน..’
    มือของผู้ตัดพ้อตนเองในใจกำแน่นกับกระโปรง  จนผ้ายับไม่มีชิ้นดี เหมือนหล่อนไม่เคยได้รีดเสื้อผ้าเลยซักครั้ง
    “ไม่เป็นไรหรอก  นายเฟรินมันก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง  มันไม่ได้ตั้งใจเรียนจะรู้อะไรดีล่ะ” แองจี้พูดพลางลูบหลังปลอบใจเอเรน
แล้วมองขวับไปที่เฟริน  ส่งสายตาให้สนับสนุน
    “ใช่! ใช่แล้วฮะ  ผมไม่ได้ฟังอาจารย์แม่มดวิงกี้เลย  ก็อาจารย์แกออกจะเหี่ยวขนาดนั้น  จริงมั้ยพวกเรา...” เฟรินพยายามพูดให้
เอเรนหัวเราะไปพร้อมๆคนอื่น  แต่เจ้าตัวก็ได้แต่เงียบ
    “ฉันเหี่ยวขนาดนั้นรึ  เฟริน  เดอเบอโรว์ เดะทีฟ  ออฟ บารามอส”
    เสียงเย็นจากด้านหลังทำให้เฟรินสะดุ้งโหยง  เอเรน สปิเรียมองไปที่ร่างของแม่มดและร่างของเด็กชายข้างตัวหล่อน
    เด็ก...
    ใช่...
    ผลงานของเธอ...
    กัส  โทนีย่า  เดอะพรีส  ออฟ กิลดิเรก  กลายเป็นเด็กอายุไม่ถึง10 ขวบ  ร่างที่เล็กลงแต่ความคิดอ่านไม่ได้น้อยลงไปตามร่างนั้นอยู่ในชุดเด็กชายสีฟ้าอ่อน  ที่คอมีจี้อัญมณีสีฟ้าสวยที่เกิดจากความผิดพลาดทางเวทย์ห้อยอยู่
    คิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด...
                .....ยิ่งเห็นยิ่งอยากร้องไห้....
    ...เธอควรจะทำอย่างไรดี....
                  “ดูท่าวิธีแก้มนตร์นี้จะไม่มี” วิ้งกี้พูดพลางส่ายหัวไปมาด้วยความหนักใจ  จนทุกคนหน้าเสีย ใจห่อเหี่ยวลง
    “แต่...มีเพียงวิธีนั้น...”
    คำกล่าวต่อที่เรียกให้ทุกคนเบือนหน้ามายังจุดมุ่งหมายเดียวกัน
    “อะไรงั้นหรือคะ  อาจารย์” เรนอนร้องถามขึ้น
    “น้ำพุแห่งปัญญา  ณ ดินแดนมายา”
    ถ้อยคำที่เปร่งออกมาทำให้งงเต๊ก  อ.แม่มดยิ้มน้อย  ก่อนอธิบายต่อ
    “มันอยู่ที่สโนว์แลนด์  เป็นที่ที่เดียวในสโนว์แลนด์ที่อดุมสมบูรณ์มาก  ในขณะเดียวกันการหาทางเข้าให้เจอก็ช่างลำบากยาก
เย็น  แต่ว่าครูเชื่อว่าพวกเธอคงไปกันได้  เดี๋ยวครูให้พวกรุ่นพี่ไปด้วยก็แล้วกัน”
    “มีคำถามค่ะอาจารย์” เอเรนชูมือหรา ก่อนดันตัวขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง “มีเวลาจำกัดมั้ยคะ”
    “เป็นคำถามที่ดี  เอเรน  แต่เวลาไม่มีจำกัด  แต่เวทย์นี้เป็นเวทย์ที่ประหลาด  ทำให้เกิดจี้luahkอย่างที่พวกเธอเห็น  ถ้าจี้ยังไม่แตก หรือถูกทำลาย กัส โทนีย่าก็จะยังสามารถคืนร่างเดิมได้จ๊ะ”
    รอยยิ้มค่อยปรากฏในดวงหน้าของสาวน้อยต้นเหตุเรื่อง  รอยยิ้มที่ทำให้กัสต้องยิ้มตาม
    “เฮ้อ...เธอนี่มันตัววุ่นจริงๆนะเอเรน”
    “มนุษย์เปี๊ยกน่ะเงียบไปเลย เชอะ!”
    “อะไร! ฉันเป็นอย่างนี้เพราะเธอนะ!”
    “กัส!” เสียงหลงจากทุกคนที่ทำให้เด็กน้อยชะงัก  แล้วเมื่อหันไปที่แม่สาวน้อยตัวป่วน  เจ้าหล่อนก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง  แต่ไม่ใช่เหมือนคราวก่อน
    “ดีจังเลย...ดีจังเลยที่มนุษย์เปี๊ยกมีทางแก้....” เจ้าหล่อนปาดน้ำตาออกไป  แล้วยิ้มร่าเริง  “ฉันสัญญา..ว่าจะพามนุษย์เปี๊ยกไปให้ถึงแดนมายาให้ได้เลย!”
    แม่มดวิงกี้ส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายกับความวุ้นวายที่พวกป้อมอัศวินก่อขึ้น  แต่เมื่อเห็นท่าทีที่พวกเขาหยอกล้อกันอย่างมีความสุข  ก็ต้องแย้มรอยยิ้มออกมา
    “ป้อมอัศวินก็คือป้อมอัศวิน  สนุกสนานได้ทุกเรื่อง..เฮ้อ...” ว่าแล้วแม่มดสาวก็พาร่างจากไป “เห็นทีคงต้องให้พวกเขาลาไม่มีกำหนดแน่ๆ”
                **************************************************
             
    “อ่ะ...อ่า..คือ...”
    เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ก้มหน้ารับผิดที่ตนได้กระทำเอาไว้  หลังจากที่โดนอาจารย์ไล่ออกมาทั้งชั้นเพราะการที่เจ้า
หล่อนเลื่อนลอยทำให้เกิดความผิดพลาดทางเวทย์
    “งานนี้พวกเราจะทำยังไงดีล่ะเอเรน”
    มาทิลด้ากล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกฉุนเฉียว  ไม่รู้ว่าธงของป้อมจะถูกตัดลงอีกเท่าไหร่
    เจ้าหญิงน้อยแบะริมฝีปากออก  น้ำใสๆเริ่มปริ่มที่ขอบตา โดยที่เจ้าของร่างพยายามกลั้นไว้เต็มที่
    “ฉัน...” เสียงที่เคยใสราวระฆังแก้วบัดนี้ทั้งเครือทั้งสั่น  เจ้าตัวไม่อาจพูดอะไรได้มากกว่านี้แล้ว  มันพูดไม่ออก  ทุกอย่างมันเกิด
ขึ้นเพราะการที่เธอมาที่นี่  เพราะเธอ  คนคนนั้นอาจจะไม่สามารถกลับไปเป็นอย่างเดิมได้อีกต่อไป
    “เฮ้อ” มาทิลด้ากลอกตาไปมา  แม้รู้ว่าทำอย่างนี้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้น  ซ้ำร้าย  ถ้าเธอยิ่งบ่นคนตรงหน้าจะยิ่งเสียใจมากขึ้นเท่านั้น
    “ช่างเถอะค่ะคุณมาทิลด้า” เจ้าหญิงเรนอนคนดีกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบกลางห้องนั่งเล่น  เรียกให้คนต้นเหตุเงยหน้าขึ้นมา
มองหลังจากก้มมาแล้วเป็นเวลานาน
    “อาจารย์แม่มดวิงกี้จะต้องหาทางแก้ได้แน่นอนค่ะ”
    ทุกคนทำท่าทางเห็นดีด้วย  แม้จะรู้ว่ายาก  เพื่อทำให้เจ้าหญิงจากแดนวิญญาณเลิกเสียอกเสียใจ 
    “จะได้เรอะ  ก็นั่นมันเป็นเรื่องต้องห้ามไม่ใช่หรอ คาถามันก็บอกแล้วว่าห้ามใช้กับสิ่งมี..แอ็ก..”
    หัวขโมยปากไวได้รับศอกรับประทานเข้าไปเต็มๆ จากเพื่อนคู่คิดคิล  ความเจ็บมันมากพอที่จะให้หล่อนหุบปาก  และคำพูดไม่จบ
ประโยคมันก็มากพอที่จะทำให้น้ำตาที่อยากจะกลั้นเอาไว้นักหนาร่วงผล็อย 
    ‘ฉันมันไม่ได้เรื่อง  ไม่ว่าอะไรก็ทำให้คนเขาเดือดร้อนไปหมด  ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ทีแรก...ถ้ารู้ว่าจะ เป็นอย่างนี้...ฉัน..
ฉัน..’
    มือของผู้ตัดพ้อตนเองในใจกำแน่นกับกระโปรง  จนผ้ายับไม่มีชิ้นดี เหมือนหล่อนไม่เคยได้รีดเสื้อผ้าเลยซักครั้ง
    “ไม่เป็นไรหรอก  นายเฟรินมันก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง  มันไม่ได้ตั้งใจเรียนจะรู้อะไรดีล่ะ” แองจี้พูดพลางลูบหลังปลอบใจเอเรน
แล้วมองขวับไปที่เฟริน  ส่งสายตาให้สนับสนุน
    “ใช่! ใช่แล้วฮะ  ผมไม่ได้ฟังอาจารย์แม่มดวิงกี้เลย  ก็อาจารย์แกออกจะเหี่ยวขนาดนั้น  จริงมั้ยพวกเรา...” เฟรินพยายามพูดให้
เอเรนหัวเราะไปพร้อมๆคนอื่น  แต่เจ้าตัวก็ได้แต่เงียบ
    “ฉันเหี่ยวขนาดนั้นรึ  เฟริน  เดอเบอโรว์ เดะทีฟ  ออฟ บารามอส”
    เสียงเย็นจากด้านหลังทำให้เฟรินสะดุ้งโหยง  เอเรน สปิเรียมองไปที่ร่างของแม่มดและร่างของเด็กชายข้างตัวหล่อน
    เด็ก...
    ใช่...
    ผลงานของเธอ...
    กัส  โทนีย่า  เดอะพรีส  ออฟ กิลดิเรก  กลายเป็นเด็กอายุไม่ถึง10 ขวบ  ร่างที่เล็กลงแต่ความคิดอ่านไม่ได้น้อยลงไปตามร่างนั้นอยู่ในชุดเด็กชายสีฟ้าอ่อน  ที่คอมีจี้อัญมณีสีฟ้าสวยที่เกิดจากความผิดพลาดทางเวทย์ห้อยอยู่
    คิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด...
                .....ยิ่งเห็นยิ่งอยากร้องไห้....
    ...เธอควรจะทำอย่างไรดี....
                  “ดูท่าวิธีแก้มนตร์นี้จะไม่มี” วิ้งกี้พูดพลางส่ายหัวไปมาด้วยความหนักใจ  จนทุกคนหน้าเสีย ใจห่อเหี่ยวลง
    “แต่...มีเพียงวิธีนั้น...”
    คำกล่าวต่อที่เรียกให้ทุกคนเบือนหน้ามายังจุดมุ่งหมายเดียวกัน
    “อะไรงั้นหรือคะ  อาจารย์” เรนอนร้องถามขึ้น
    “น้ำพุแห่งปัญญา  ณ ดินแดนมายา”
    ถ้อยคำที่เปร่งออกมาทำให้งงเต๊ก  อ.แม่มดยิ้มน้อย  ก่อนอธิบายต่อ
    “มันอยู่ที่สโนว์แลนด์  เป็นที่ที่เดียวในสโนว์แลนด์ที่อดุมสมบูรณ์มาก  ในขณะเดียวกันการหาทางเข้าให้เจอก็ช่างลำบากยาก
เย็น  แต่ว่าครูเชื่อว่าพวกเธอคงไปกันได้  เดี๋ยวครูให้พวกรุ่นพี่ไปด้วยก็แล้วกัน”
    “มีคำถามค่ะอาจารย์” เอเรนชูมือหรา ก่อนดันตัวขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง “มีเวลาจำกัดมั้ยคะ”
    “เป็นคำถามที่ดี  เอเรน  แต่เวลาไม่มีจำกัด  แต่เวทย์นี้เป็นเวทย์ที่ประหลาด  ทำให้เกิดจี้luahkอย่างที่พวกเธอเห็น  ถ้าจี้ยังไม่แตก หรือถูกทำลาย กัส โทนีย่าก็จะยังสามารถคืนร่างเดิมได้จ๊ะ”
    รอยยิ้มค่อยปรากฏในดวงหน้าของสาวน้อยต้นเหตุเรื่อง  รอยยิ้มที่ทำให้กัสต้องยิ้มตาม
    “เฮ้อ...เธอนี่มันตัววุ่นจริงๆนะเอเรน”
    “มนุษย์เปี๊ยกน่ะเงียบไปเลย เชอะ!”
    “อะไร! ฉันเป็นอย่างนี้เพราะเธอนะ!”
    “กัส!” เสียงหลงจากทุกคนที่ทำให้เด็กน้อยชะงัก  แล้วเมื่อหันไปที่แม่สาวน้อยตัวป่วน  เจ้าหล่อนก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง  แต่ไม่ใช่เหมือนคราวก่อน
    “ดีจังเลย...ดีจังเลยที่มนุษย์เปี๊ยกมีทางแก้....” เจ้าหล่อนปาดน้ำตาออกไป  แล้วยิ้มร่าเริง  “ฉันสัญญา..ว่าจะพามนุษย์เปี๊ยกไปให้ถึงแดนมายาให้ได้เลย!”
    แม่มดวิงกี้ส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายกับความวุ้นวายที่พวกป้อมอัศวินก่อขึ้น  แต่เมื่อเห็นท่าทีที่พวกเขาหยอกล้อกันอย่างมีความสุข  ก็ต้องแย้มรอยยิ้มออกมา
    “ป้อมอัศวินก็คือป้อมอัศวิน  สนุกสนานได้ทุกเรื่อง..เฮ้อ...” ว่าแล้วแม่มดสาวก็พาร่างจากไป “เห็นทีคงต้องให้พวกเขาลาไม่มีกำหนดแน่ๆ”
                **************************************************
             
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น