ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไดอารี่เรื่องรัก ฉบับป้อมอัศวิน

    ลำดับตอนที่ #5 : Stage. 5 เรื่องวุ่นวายน่าปวดหัว (จบแล้ว)+ว่าด้วยการบ่นของคนแต่ง

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 48


    Stage. 5 เรื่องวุ่นวายน่าปวดหัว









        พี่หญิง...



        “อะไร?”





        ท้องฟ้าสีดำมันหดหู่จังเลยค่ะ...



        “พี่ว่ามันสวยไปอีกแบบนะ”



        แต่ว่า...เห็นเขาว่าท้องฟ้าที่โลกมนุษย์น่ะสวยมากเลย



        “หืม?”



        อยากเห็นซักครั้งจัง  อยากเห็นดอกไม้ที่นั่นด้วย





        “เอาไว้...ถ้าพี่ได้ไปจะเก็บมาฝากนะ”





        ขอบคุณค่ะ





        พี่หญิง....ท่านพ่อกับท่านแม่แต่งงานกันเพราะความจำเป็นหรอ





        “....”



        ถ้าอย่างนั้น...พี่หญิงกับหญิงก็ต้องด้วยใช่ไหม...







        “...พี่.......”







        ************************************





        เด็กสาวกระพริบตาถี่ๆ  เมื่อแสงยามเช้าส่องเข้าตา  นัยน์ตาสีเขียวอ่อนมองท้องฟ้ายามเช้าของโลกมนุษย์ที่ฉายผ่านกระจกใสของหน้าต่างบานใหญ่  ม่านสีลาเวนเดอร์พลิ้วไปมา



        “อยากให้พริลมาเห็นบ้างจัง”





        ************************************





        “โอ๊ย....”



        เฟรินร้องโอดโอย  มือคลำส่วนของขาที่บวดระบมจากการวิ่งหนีผรมาราธอนที่เอเรนจัดให้เป็นพิเศษด้วยความรักยิ่ง (เหอๆ)



      ขณะที่สาวน้อยผู้จัดโปรแกรมมหาโหดให้นั่งทานข้าวอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆ



        เจ้าหัวขโมยตัวยุ่งโล่งอกไปโขที่วันนี้เอเรนไม่ปล่อยไอวิญญาณออกมาให้ขนเฮดสแตนอัพ  แต่ก็น่าแปลกที่วันนี้ดูซึมๆชอบกล



        “เอเรนเป็นอะไรไปฮะ  เอาไก่ของผมมั้ย”



        ควับ!



        คิลหันหน้ามาอย่างรวดเร็วจนแทบหัวหลุด  ตาโตสีม่วงเบิกกว้างไม่เชื่อหู



        “ไอ้คิล  แกเป็นอะไรไป” เฟรินถาม



        “หันมาดูของหายาก”



        เฟรินมุ่นหัวคิ้ว  



        “เอ้า...”คิลหัวเราะออกมาเบาๆ “หายากจะตายที่ว่าที่ราชินีของคาโนวาลยกพระกายหารให้พระสหายเสวยแทน ฮา..ฮ...เอิ้ก...”



        ขณะที่คิลกำลังจะอ้าปากแสนอุบาทว์ของมันหัวเราะ  เฟรินก็จัดแจงนำขนมปัง + ส้นติงยัดปากมันเรียบร้อย



        “งั้นฉันให้ไอ้นี่แก”



        สาวน้อยเส้นอารมณ์ขาดสำทับ  ก่อนโซ้ยอาหารเช้าของมันต่อ







        ******************************************************

                





                   ขอโผล่กบาลมาแค่นี้ก่อนฮับ  เพราะไอ้น้องรัก(ประชด) แมร่งแย่งคอมตรู...ไอ้บ้า!



                   ดีใจมากเลยที่พี่ SP-163 มาเยี่ยม  เพราะพี่เป็นหนึ่งในคนที่หนูติดตามผลงานเลยทีเดียว  



                   ตอนนี้ก้อกระดึบกระดึบฟิค  เพราะมีหลายเรื่องที่อยู่ในรับผิดชอบ  เรื่องโน้นคนเขาบอกว่าให้รีบอัพ



                   แต่ฟิคนี้ก้อไม่อยากทิ้งอ่ะ  เอางายดี  ถ้าเรื่องนี้หายไปเลยก็ขออภัยฮับ  ช่วงนี้กลุ้ม  ทำมายไม่ค่อยมีใครเขาเม้นท์เลย



                   ความปรารถนาของข้าพเจ้ามีเพียง เม้นท์! อยากได้มากกกก...กกก...กกก  เมนท์กันหน่อย  คนเขายิ่งขี้ใจน้อย  กำลังใจนิด



                   ติก้อด้าย...ขอให้เม้นท์  นะ...น้า...  ด่าก้อได้....



                   หลายคนเขาบอกว่าสงสารแต่เฟรี่  แต่เราสุขใจที่ได้แกล้ง (แฟนคลับเฟรินอย่าพึ่งตามมาตื้บเรานา)  



                   น้องสาวเอเรนโผล่หางมาแย้ว  แต่ชื่อจริงไม่ได้ชื่อว่าพริลนะ  นั่นชื่อย่อ จะได้เรียกง่ายพิมพ์ง่าย...เรายิ่งขี้เกียจอยู่



                   เฮ้อ..ท่านผู้อ่านขา...กรุณาสละเวลาซักนิดเม้นท์ให้หน่อยเห้อ...  ข้าพเจ้าใจจะขาดแล้ว....



                  ********************************************************

                  ต่อคร้าบ  หลังจากกการดองเค็ม





        “...เรน...เอเรนฮะ...เอเรน!”



        “อ๊ะ..”



        เจ้าหญิงแห่งวิญญาณสะดุ้งโหยง  หนังสือที่เคยอยู่ในมือหล่นลงมาหมด



        “เป็นอะไรไปฮะ  เหม่ออยู่นั่นแหละ..” ยังไม่ทันที่เฟรินจะก้มลงไปใช้เก็บ  ร่างของคนจากกิลดิเรกก็มาแทนที่



        “ฉันช่วยเก็บ”



        “ฮะฮ้า!”



        เสียงอุทานของหัวขโมยแห่งบารามอสเรียกคนทั้งระเบียงทางเดินให้หันมามอง  ขณะที่เจ้าตัวหัวเราะคิกคัก ชี้มือไม้ไปทางกัว โทนีย่า





        “นาย...แอบชอบเอเรนใช่ไหม”



        บุรุษผู้ถูกกล่าวถึงหน้าแดงเถือกเป็นพยานที่ดีให้กับข้อกล่าวหา  ส่วนสตรีผู้อยู่ในหัวข้อสนทนาได้แต่จ้องมองด้วยใบหน้าเฉย



    เมย  ทำเอากัสรู้สึกใจแป้วอย่างประหลาด



        “เฮ้ยจริงๆด้วยว่ะ...พวกเราโว๊ย! ไอ้กัสมัน...อู้..”



        มือใหญ่ของเจ้าชายแห่งคาโนวาลเอื้อมมาปิดปากแม่ตัวยุ่ง  ก่อนที่เพื่อนร่วมรุ่นจะถูกกล่าวหามากไปกว่านี้



        นัยน์ตาสีเขียวอ่อนไร้แววแห่งความมีชีวิต  ร่างบางเริ่มโอนอ่อนไหว  ก่อนที่สติของสตรีเจ้าของร่างจะดับวูบลงไปพร้อมกับร่างที่ได้ทรุดลงกับพื้น





        “เอเรน!”



        หัวขโมยแห่งบารามอสร้องลั่น  ขืนตัวออกจากอ้อมแขนของเจ้าชายแห่งคาโนวาลไปรับร่างนั้น  เฟรินปัดปอยผมสีบลอนด์ที่บังเปลือกตาที่ปิดสนิท



        “เกิดอะไรขึ้น”



        มาทิลด้าแหวกฝูงชนออกเพื่อให้เห็นต้นเหตุแห่งการชุมนุม



        “เฟริน เอเรนเป็นอะไร...”



        แม่ตัวยุ่งส่ายหัววืด  “ไม่รู้  จู่ๆก็ล้มฟุบไปซะงั้น”



        “คุณ..เฟริน..” สาวน้อยผู้มีอาการประหลาดเริ่มรู้สึกตัว  หล่อนค่อยๆลุกขึ้นด้วยองศาการยืนที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก



        “เป็นอะไรไปหรอ” คิลถามด้วยความเป็นห่วง  เรียกสายตาเย็นชาจากเจ้าหญิงแห่งคาโนวาลที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าหญิงแห่งอเมซอนได้เป็นอย่างดี



        “ไม่เป็นไรค่ะ  แค่ง่วงเฉยๆ”



        ว่าเสร็จเจ้าตัวก็เดินไปด้วยอาการเหม่อลอยเช่นเดิม กระนั้น  ทุกคนหารู้ไม่  ว่ามีนัยน์ตาสีงาช้างคู่หนึ่ง  จ้องมองเหตุกราณ์นั้นอย่างเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว



                    “ท่านควรจะรู้...ว่าไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไป”





        

        *************************************************************

                    มาวันละนิด  จิตแจ่มใส  5555+ เอิ้ก...ก็คนเม้นท์น้อยนี่หว่า  ไม่รู้จะแต่งไปไม  



                    ตอบคุณ @oka ค่า  : ความจริงยัยคนแต่งมันก้อคิดที่จะทำคู่ของเฟรินอยู่แล้ว มะต้องห่วง  เพราะมันคลั่งคาโล 55+



                    แล้วก้อนะ  คู่ของคิลนี่สิยังนึกไม่ออกง่ะ  ขอเดียไอหน่อยดิ

                    *************************************************************





        

        “วันนี้เราจะเรียนเรื่องคาถาทำให้ใหม่” อาจารย์แม่มดวิงกี้พูดพลางเคาะคทาไปมา  ส่วสายตาขุ่นไปยังเจ้าหนูสายฟ้า เฟริน เด



    อเบอโรว์  เนื่องจากมันกำลังคุยจ้อไม่ใส่ใจ “คาถานี้เราไม่สามารถใช้กับสิ่งมีชีวิตได้  แต่สามารถใช้ได้แต่กับสิ่งของ  เพื่อทำให้สิ่งของใหม่



    ขึ้น  พูดง่ายๆคือเหมือนการซ่อมของ”







        อาจารย์สอนเวทย์เริ่มหรี่ตาเล็กลง  มองไปที่นักฆ่าตัวแสบ  คู่คุยของเจ้าหนูสายฟ้า



        “เข้าใจมั้ย! เฟริน  เดอเบอโรว์! คิลมัส  ฟีลมัส!”



        ตึง!



        ร่างของคนทั้งคู่ลอยขึ้นด้วยฤทธิ์เวทย์ของอาจารย์แม่มด  จำเลยทั้งสองหันมามองอาจารย์พลางส่งยิ้มเอาตัวรอด



        “เฮ้อ....พวกเธอนะพวกเธอ..ตัดธงป้อมอัศวิน...”



        “อาจารย์คะ!” เจ้าหญิงแห่งอเมซอนร้องท้วง “ป้อมเราแทบจะไม่มีธงให้ตัดแล้วค่ะ  กรุณาเถอะนะคะ”



        แม่มดสาว(ไปหมด) ถอนหายใจอีกครั้ง  แล้วติดสินใจวางเจ้าตัวยุ่งยกกำลังสองลง







        **************************************************************





        “...เรน...เอเรน...”





        “หือม์” นัยน์ตาสีเขียวตวัดมองตาแป๋ว





        “ทำอะไรอยู่  เราจับคู่ฝึกคาถากันอยู่ไม่ใช่หรอ” นักบวชแห่งกิลดิเรกกล่าวขึ้นพลางกุมขมับ



        “มนุษย์เปี๊ยก  ฉันเลือกมนุษย์เปี๊ยกได้ยังไง”





        คราวนี้กัสถึงขนาดอยากเป็นลม  แม่คุณจำอะไรได้บ้างเนี่ย  ว่าแล้วก็เลือบไปมองเจ้าหญิงเฟลิโอน่า  ที่ถูกอาจารย์แม่มดวิงกี้จับ



    ไปฝึกตัวต่อตัวด้วยความสังเวช ก่อนร่ายคาถาใส่หมอนเก่าๆ แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น





        “เธอทำไมไม่จัดการบ้างล่ะ  ปล่อยฉันทำคนเดียวอยู่ได้”



        “เออ..นั่นสินะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ร่ายคาถา  หัวคทาส่องแสงวาบ



        เจ็บ...



        ร่าบางทรุดลงแม้ปากจะพึมพำร่ายเวทย์อยู่  มือเลื่อนไปจับที่หน้าอกมือหนึ่ง...



        เจ็บ...หน้าอก..ปวด...



        “เฮ้ย!”



        เสียงร้องของใครซักคนทำให้เธอลืมตาตื่นเกือบเต็มที่  มองห้องที่เต็มไปด้วยควันขาวน่าตกใจที่เกิดมาจากฝีมือเธอ  ก่อนที่



    นัยน์ตาสีเขียวอ่อนจะเบิกกว้าง  กับผลงานของตน



                  ********************************************************



                  ขอไปอู้ก่อนโว๊ย!!!!!!!!!!









                  





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×