ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Stage. 4 สีดำ...
Stage. 4 สีดำ...
    “อ๊ะ  มนุษย์เปี๊ยก...”
    เด็กสาวจากแดนแห่งความตายอุทานออกมา  ตามด้วยสายตาไม่พอใจของผู้ถูกกล่าวถึง
    “หวัดดี กัส” เฟรินทักทายพร้อมส่งยิ้มแฉ่ง 
    “ลมอะไรหอบมา  เฟริน”
    “ลมแห่งความโชคร้าย” แม่ตัวยุ่งยักไหล่ก่อนเดินไปตบบ่าพ่อนักบวช “เฮ้ย  กัส  เราเพื่อนกันป่าววะ”
    กัสพยักหน้าเล็กน้อย  พลางมองเฟรินด้วยแววตาฉงนปนไม่ไว้ใจ
    “งั้น...”จัดแจงวางหลุมเสร็จ  แม่คุณก็ดันหลังเจ้าหญิงที่ยืนงงไม่รู้เรื่องไปหาคู่ปรับ “แกพาเอเรนไปซื้อของที่ตลาดหน่อย  ฉันไม่ว่างเฟร้ย!!!”
    ว่าแล้วเฟรินก็เผ่นแนบ  ไม่คิดหันมามองหน้าเอ๋อของผู้ถูกหลอกแม้แต่น้อย
    *****************************************************
    “ว่าแต่คาโล” นักฆ่าอารมณ์ดีเอ่ยถามเพื่อนรักขณะที่หญิงทั้งสองยังอยู่ที่โรงอาหาร “พี่โรเวนเรียกนายไปคงไม่ใช่แค่ให้เฟรินพาเอเรนไปซื้อของใช่ไหม”
    คาโลมองหน้าคิลอย่างภูมิใจว่ามีเพื่อนฉลาดก่อนตอบรับคำเพื่อนรัก
    “แน่นอน” คาโลพูดพลางกางหนังสือที่ตั้งใจจะอ่าน 
    “เฮ้ย! ถ้าแกไม่บอกภายในสามวิ  ฉันจะเลิกคบแก!”
    นัยน์ตาสีฟ้ามองปรายดุ  แล้วจำใจปิดหนังสือ 
    “นายอยากรู้...” คาโลถาม  คิลพยักหน้า 1 เพราะความสอด 2 เพราะมันเปงเพื่อน  ไม่ว่าเรื่องไหนมันไม่ควรปิดตรูให้มากนัก
    “ยัยนั่น เอเรน  ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคิงฮาเดส เจ้าแห่งโลกวิญญาณ  ท่านมหาปราชญ์เตือนพวกเราไว้ว่า...” เจ้าชายแห่งคาโนวาลถอนหายใจเฮือก  “ระวังคิงฮาเดสจะมาตามลูก..พวกเราจะตายหมด..”
    “เหตุผลที่ส่งยัยนี่มาป้อมเรา  ให้เราช่วยหล่อนงั้นสิ”
    “เท่าที่ได้ยินมา  หล่อนไม่น่าปรากฏตัวบนโลกนี้  คงเพราะหนีมาเพราะเหตุผลบางอย่าง...ที่ทำให้ท่านมหาปราชญ์ยอมช่วยเหลือ...”
    คิลหมุนตัวกลับ  แล้วจัดการพาร่างตนล้มสู่เตียงนอน
    “ทำไมนายไม่ให้เฟรินมันรู้ล่ะ  ไล่มันไปตลาดอย่างนั้น”
    “เดี๋ยวมันจะยิ่งเกลียดเอเรน  เล่นเอาชะตาขาดได้ง่ายๆ” คาโลตอบพร้อมเปิดหนังสืออีกครั้ง “ถ้าเอเรนโกรธขึ้นมา  ไม่รู้ว่าใครจะเป็นเยื่อของมัจจุราช...”
    กึก!
    เสียงดังที่ทำเอาคนในห้องหันควับไปที่ประตู  เจ้าชายแห่งคาโนวาลไม่รอช้า  ลุกไปเปิดประตูทันที
    “เฟริน” คาโลเอ่ยชื่อคนแอบฟังด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
    “ง่า...คาโล....คือชั้น...”
    *************************************
    “สรุปนายส่งเอเรนให้ไปอยู่กับกัส”
    ผู้พิพากษาคิลถาม  จำเลยเฟริน  เดอเบอโรว์พยักหน้ารับสารภาพ
    “แล้วเราจะเอาไง...  นาย  เฟริน  นายต้องไม่ไปบอกคนอื่นนะเฟ้ย...  เด๋วเขาพากันอกสั่นขวัญแขวนไปหมด”
    “กล่องอะไร?”
    เสียงจากเจ้าชายแห่งคาโนวาลเรียกให้ผู้พิพากษาและจำเลยหันไปมอง  ก่อนเลื่อนสายตาไปมองไอ้ที่เป็นต้นเหตุ
    กล่อง...อะไรวะ
    “เฮ้ยเฟริน มันมีชื่อแกติดอยู่นิ มาดูดิวะ” คิลเรียกเฟรินให้มาเปิด  และสิ่งที่อยู่ไหนกล่องก็คือ.....
    “จ้ากกกกกกกกกกกก อะว้ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!”
    เฟรินวิ่งทำสถิติโลกหนีซอมบี้ที่โผล่ออกมาจากกล่อง  กระดาษแผ่นน้อยปลิวลงพื้น....
    ขอบคุณมากค่ะคุณเฟริ้น!!! ที่ส่งฉันไปอยู่กับมนุษย์เปี๊ยก  ของขวัญตอบแทนค่ะ!!! (ประชด!!)
    *************************************
    ‘น่ารำคาญชะมัด’
    นักบวชหนุ่มนึกอย่างรำคาญใจ  เมื่อสาวน้อยข้างตัวไม่ยอมกลับแม้จะซื้อของครบแล้ว  คอยแต่จะถามโน่นถามนี่ราวกับอายุ 4
ขวบ
    “มนุษย์เปี๊ยก....”
    “ฉันชื่อกัส” เด็กชายสวนทันควัน
    “ไม่เอา  นายน่าจะชื่อมนุษย์เปี๊ยกมากกว่า” เจ้าหญิงน้อยไม่ยอม  ทำให้กัสเริ่มคิดว่า  ถ้าหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงเขาคงเอาหล่อนไปกระทำส่งโรงงานปลากระป๋องให้เอาไปยัดใส่กระป๋องให้รู้แล้วรู้รอดแน่นอน
    “นี่มนุษย์เปี๊ยก  มันไม่ยุติธรรมเลยนะ...”
    นัยน์ตาสีฟ้ามองร่างบางของสาวน้อย ที่ปากสวยได้รูปเอ่ยถ้อยคำประหลาดออกมา หล่อนหยุดเดิน  ทำให้เขาต้องหยุดด้วย  นัยน์คาสีเขียวอ่อนมองท้องฟ้าสวย
    “ทำไมโลกมนุษย์มีท้องฟ้าที่สวยจังเลย  ทีที่โลกแห่งความตาย...”เอเรนหลุบตาลงต่ำ “มันไม่มีอะไรเลย  ท้องฟ้าดำมืด  บรรยากาศอีมครึม  มีกลิ่นอายแห่งความเศร้าตลอดเวลา...”
    กัสได้แต่เงียบ  มองโครงหน้าที่สะท้อนสีส้มจากดวงอาทิตย์ยามเย็น 
    “ฉันเห็นการลาจากมามาก...”เอเรนเริ่มก้าวเดินอีกครั้ง “ก็เลยไม่อยากลาจากท่านพ่อท่านแม่ไปกับท่านผู้นั้น”
    “ท่านผู้นั้น..?”
    “ท่านพ่อบังคับให้ฉันรับคำของท่านผู้นั้น  แต่งงานแล้วออกจากโลกวิญญาณไป”
    “เธอก็เลยหนี...”
    เจ้าหล่อนก้มศีรษะมองรองเท้าสีดำของตน 
    “แม้จะเป็นท้องฟ้าสีดำ  แต่ฉันก็รักมันมากเช่นเดียวกับตัวฉัน .... ”
                ใบหน้าของเจ้าหล่อนในยามนี้  เรียกให้กัสมองไปโดยไม่รู้ตัว  ดวงหน้าที่ฉาบสีโอรสอ่อนๆของยามสายันห์และสีหน้ามองหม่นที่
ชวนให้เขานึกถึงวันวานก่อนออกจากกิลดิเรกมา
    นี่เป็น...เหตุผลของเธอหรือเอเรน...
    เหตุผลที่สีดำเป็นสิ่งที่เธอรัก....
    การลาจาก...
    นักบวชแห่งกิลดิเรกหลุบตาลง
    หากเป็นเช่นนั้น...
    เธอก็เหมือนกับฉัน...
              ***************************************************
     
              โอ้! yes เราอัพได้แล้วโว้ย  555+ หลังจากหลบฉากงอนไม่มีใครมาอ่าน  ฮ่าฮ่า
              ยิ่งเม้นท์เรายิ่งขยันแต่ง  เราเพราะฉะนั้น  อ่านแล้วเม้นท์ทีเหอะ!!!
             
           
   
    “อ๊ะ  มนุษย์เปี๊ยก...”
    เด็กสาวจากแดนแห่งความตายอุทานออกมา  ตามด้วยสายตาไม่พอใจของผู้ถูกกล่าวถึง
    “หวัดดี กัส” เฟรินทักทายพร้อมส่งยิ้มแฉ่ง 
    “ลมอะไรหอบมา  เฟริน”
    “ลมแห่งความโชคร้าย” แม่ตัวยุ่งยักไหล่ก่อนเดินไปตบบ่าพ่อนักบวช “เฮ้ย  กัส  เราเพื่อนกันป่าววะ”
    กัสพยักหน้าเล็กน้อย  พลางมองเฟรินด้วยแววตาฉงนปนไม่ไว้ใจ
    “งั้น...”จัดแจงวางหลุมเสร็จ  แม่คุณก็ดันหลังเจ้าหญิงที่ยืนงงไม่รู้เรื่องไปหาคู่ปรับ “แกพาเอเรนไปซื้อของที่ตลาดหน่อย  ฉันไม่ว่างเฟร้ย!!!”
    ว่าแล้วเฟรินก็เผ่นแนบ  ไม่คิดหันมามองหน้าเอ๋อของผู้ถูกหลอกแม้แต่น้อย
    *****************************************************
    “ว่าแต่คาโล” นักฆ่าอารมณ์ดีเอ่ยถามเพื่อนรักขณะที่หญิงทั้งสองยังอยู่ที่โรงอาหาร “พี่โรเวนเรียกนายไปคงไม่ใช่แค่ให้เฟรินพาเอเรนไปซื้อของใช่ไหม”
    คาโลมองหน้าคิลอย่างภูมิใจว่ามีเพื่อนฉลาดก่อนตอบรับคำเพื่อนรัก
    “แน่นอน” คาโลพูดพลางกางหนังสือที่ตั้งใจจะอ่าน 
    “เฮ้ย! ถ้าแกไม่บอกภายในสามวิ  ฉันจะเลิกคบแก!”
    นัยน์ตาสีฟ้ามองปรายดุ  แล้วจำใจปิดหนังสือ 
    “นายอยากรู้...” คาโลถาม  คิลพยักหน้า 1 เพราะความสอด 2 เพราะมันเปงเพื่อน  ไม่ว่าเรื่องไหนมันไม่ควรปิดตรูให้มากนัก
    “ยัยนั่น เอเรน  ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคิงฮาเดส เจ้าแห่งโลกวิญญาณ  ท่านมหาปราชญ์เตือนพวกเราไว้ว่า...” เจ้าชายแห่งคาโนวาลถอนหายใจเฮือก  “ระวังคิงฮาเดสจะมาตามลูก..พวกเราจะตายหมด..”
    “เหตุผลที่ส่งยัยนี่มาป้อมเรา  ให้เราช่วยหล่อนงั้นสิ”
    “เท่าที่ได้ยินมา  หล่อนไม่น่าปรากฏตัวบนโลกนี้  คงเพราะหนีมาเพราะเหตุผลบางอย่าง...ที่ทำให้ท่านมหาปราชญ์ยอมช่วยเหลือ...”
    คิลหมุนตัวกลับ  แล้วจัดการพาร่างตนล้มสู่เตียงนอน
    “ทำไมนายไม่ให้เฟรินมันรู้ล่ะ  ไล่มันไปตลาดอย่างนั้น”
    “เดี๋ยวมันจะยิ่งเกลียดเอเรน  เล่นเอาชะตาขาดได้ง่ายๆ” คาโลตอบพร้อมเปิดหนังสืออีกครั้ง “ถ้าเอเรนโกรธขึ้นมา  ไม่รู้ว่าใครจะเป็นเยื่อของมัจจุราช...”
    กึก!
    เสียงดังที่ทำเอาคนในห้องหันควับไปที่ประตู  เจ้าชายแห่งคาโนวาลไม่รอช้า  ลุกไปเปิดประตูทันที
    “เฟริน” คาโลเอ่ยชื่อคนแอบฟังด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
    “ง่า...คาโล....คือชั้น...”
    *************************************
    “สรุปนายส่งเอเรนให้ไปอยู่กับกัส”
    ผู้พิพากษาคิลถาม  จำเลยเฟริน  เดอเบอโรว์พยักหน้ารับสารภาพ
    “แล้วเราจะเอาไง...  นาย  เฟริน  นายต้องไม่ไปบอกคนอื่นนะเฟ้ย...  เด๋วเขาพากันอกสั่นขวัญแขวนไปหมด”
    “กล่องอะไร?”
    เสียงจากเจ้าชายแห่งคาโนวาลเรียกให้ผู้พิพากษาและจำเลยหันไปมอง  ก่อนเลื่อนสายตาไปมองไอ้ที่เป็นต้นเหตุ
    กล่อง...อะไรวะ
    “เฮ้ยเฟริน มันมีชื่อแกติดอยู่นิ มาดูดิวะ” คิลเรียกเฟรินให้มาเปิด  และสิ่งที่อยู่ไหนกล่องก็คือ.....
    “จ้ากกกกกกกกกกกก อะว้ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!”
    เฟรินวิ่งทำสถิติโลกหนีซอมบี้ที่โผล่ออกมาจากกล่อง  กระดาษแผ่นน้อยปลิวลงพื้น....
    ขอบคุณมากค่ะคุณเฟริ้น!!! ที่ส่งฉันไปอยู่กับมนุษย์เปี๊ยก  ของขวัญตอบแทนค่ะ!!! (ประชด!!)
    *************************************
    ‘น่ารำคาญชะมัด’
    นักบวชหนุ่มนึกอย่างรำคาญใจ  เมื่อสาวน้อยข้างตัวไม่ยอมกลับแม้จะซื้อของครบแล้ว  คอยแต่จะถามโน่นถามนี่ราวกับอายุ 4
ขวบ
    “มนุษย์เปี๊ยก....”
    “ฉันชื่อกัส” เด็กชายสวนทันควัน
    “ไม่เอา  นายน่าจะชื่อมนุษย์เปี๊ยกมากกว่า” เจ้าหญิงน้อยไม่ยอม  ทำให้กัสเริ่มคิดว่า  ถ้าหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงเขาคงเอาหล่อนไปกระทำส่งโรงงานปลากระป๋องให้เอาไปยัดใส่กระป๋องให้รู้แล้วรู้รอดแน่นอน
    “นี่มนุษย์เปี๊ยก  มันไม่ยุติธรรมเลยนะ...”
    นัยน์ตาสีฟ้ามองร่างบางของสาวน้อย ที่ปากสวยได้รูปเอ่ยถ้อยคำประหลาดออกมา หล่อนหยุดเดิน  ทำให้เขาต้องหยุดด้วย  นัยน์คาสีเขียวอ่อนมองท้องฟ้าสวย
    “ทำไมโลกมนุษย์มีท้องฟ้าที่สวยจังเลย  ทีที่โลกแห่งความตาย...”เอเรนหลุบตาลงต่ำ “มันไม่มีอะไรเลย  ท้องฟ้าดำมืด  บรรยากาศอีมครึม  มีกลิ่นอายแห่งความเศร้าตลอดเวลา...”
    กัสได้แต่เงียบ  มองโครงหน้าที่สะท้อนสีส้มจากดวงอาทิตย์ยามเย็น 
    “ฉันเห็นการลาจากมามาก...”เอเรนเริ่มก้าวเดินอีกครั้ง “ก็เลยไม่อยากลาจากท่านพ่อท่านแม่ไปกับท่านผู้นั้น”
    “ท่านผู้นั้น..?”
    “ท่านพ่อบังคับให้ฉันรับคำของท่านผู้นั้น  แต่งงานแล้วออกจากโลกวิญญาณไป”
    “เธอก็เลยหนี...”
    เจ้าหล่อนก้มศีรษะมองรองเท้าสีดำของตน 
    “แม้จะเป็นท้องฟ้าสีดำ  แต่ฉันก็รักมันมากเช่นเดียวกับตัวฉัน .... ”
                ใบหน้าของเจ้าหล่อนในยามนี้  เรียกให้กัสมองไปโดยไม่รู้ตัว  ดวงหน้าที่ฉาบสีโอรสอ่อนๆของยามสายันห์และสีหน้ามองหม่นที่
ชวนให้เขานึกถึงวันวานก่อนออกจากกิลดิเรกมา
    นี่เป็น...เหตุผลของเธอหรือเอเรน...
    เหตุผลที่สีดำเป็นสิ่งที่เธอรัก....
    การลาจาก...
    นักบวชแห่งกิลดิเรกหลุบตาลง
    หากเป็นเช่นนั้น...
    เธอก็เหมือนกับฉัน...
              ***************************************************
     
              โอ้! yes เราอัพได้แล้วโว้ย  555+ หลังจากหลบฉากงอนไม่มีใครมาอ่าน  ฮ่าฮ่า
              ยิ่งเม้นท์เรายิ่งขยันแต่ง  เราเพราะฉะนั้น  อ่านแล้วเม้นท์ทีเหอะ!!!
             
           
   
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น