ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Stage. 2 เดอะปริ๊นเซสแอนด์เดอะพรีส
Stage. 2  เดอะปริ๊นเซสแอนด์เดอะพรีส 
    ปัง!!!
    ประตูโรงอาหารดราก้อนถูกผลักเปิดออกและปิดมันลงอย่างรวดเร็วด้วยฝีไม้ลายมือของเจ้าหญิงเฟลิโอน่า  เกรเดเวล  ท่ามกลาง
ความตกใจของพรรคพวกหลายๆคน  โดยเฉพาะเมื่อเจ้าหญิงจอมแก่นทำท่าตื่นกลัวเหมือนเห็นสิ่งที่กลัวที่สุดในชีวิต
    “เป็นอะไรไปเฟริน”
    นักฆ่าไร้หัวคิดนามคิลมัส  ฟีลมัสเอ่ยถามสตรีเพื่อนรักที่เคยเป็นบุรุษ  หลังจากเห็นมันเอาทั้งไม้กางเขน  ทั้งกระเทียม  ทั้งพระ
เครื่องห้อยคอระโยงรยางค์เต็มไปหมด 
    “เฮ้ย! มีอะไรก็บอกกันบ้างนะเฟร้ยเฟริน  แกทำหน้าอย่างกับเห็นผีอย่างนั้นใครจะไปรู้ฟะ” ครี้ดเอ่ยขึ้นหลังจากมันไม่ตอบ
    “ก็เออดิวะ! ผีตัวเป็นๆเลยนะมรึง!”
    เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้นทั่วสารทิศ  ขณะที่หัวขโมยได้แต่กัดฟันกรอด
    “นายเฟริน” เสียงเรียกทำให้เฟรินหันไปสบสายตากับแองเจลิน่า  โรมานอฟ  นางฟ้าแสนสวยแห่งป้อม “ไม่คิดเลยนะว่าทายาท
นักต้มจะโกหกงี่เง่า  ผีมันออกมาเดินกลางวันแสกๆได้เรอะ!”
    ทายาทนักต้มแยกเขี้ยวใส่  แล้วสำทับใส่ความเพิ่ม  เสียงแข็งกร้าวอย่างผู้ไม่ยอม
    “เออ! แล้วพวกเธอจะเห็น! พอไอ้คาโลมาเมื่อไหร่พวกแกจะได้รู้!!!”
    ปัง!
    ผู้พูดพูดไม่ทันขาดคำ  ผู้ถูกกล่าวถึงก็มาถึง ร่างสูงของเจ้าชายคาโนวาลเข้ามาก่อน 
    “เฮ้ยเฟริน  ฝาละมีแกมาแล้วว่ะ”
    เปรี้ยง!
    พูดจบ  นักฆ่าไร้หัวคิดผู้กล่าวก็มีอันต้องกลายเป็นญาติห่างๆมีแพนด้า
    “ไอ้ปากสุนัข!!!”
                แล้วนัยน์ตาสีน้ำตาลของเฟรินก็พลันไปสบกับร่างที่เดินเข้ามาอีกร่าง  ทำให้เจ้าตัวเผ่นไปหลบหลังแองจี้
    ร่างที่ตามมาคือร่างบอบบางน่ารับประทานเอ้ย!!! น่ารักของเด็กสาววัยใกล้เคียงกับพวกเขา  เรือนผมสีบลอนด์สวยเรียบยาวราว
เส้นไหมที่ส่องประกาย  นัยน์ตาสีเขียวอ่อนมีแววสดใสฉายระริก  ขณะที่ผิวกายก็ขาวเนียนราวไข่มุกที่ทอประกายในแสงแดด  ภาพของเด็ก
สาวสะกดชายที่ไร้เจ้าของเอาไว้ให้แน่นิ่งเหมือนคราวเฟรินแต่งหญิงยังไงอย่างนั้น 
    “สวยจัง” โคลว (อีกแล้ว) เอ่ยขึ้น  ก่อนใบหน้าจะขึ้นสีเมื่อเด็กสาวผู้มาใหม่โปรยปรายรอยยิ้มมาให้
    ดังมนตร์ถูกคลาย  เมื่อเฟรินโวยวายว้ากลั่น
    “ผี! นั่นไง! มาแล้ว!!!”
    โป๊ก!!!
    คทากายสิทธิ์ของแองจี้ฟาดลงบนกะบาลหนาของคนที่อยู่ด้านหลัง  ก่อนแว้ดใส่
    “บ้า!!! ไปว่าเค้า  เดี๋ยวเค้าก็น้อยใจหรอก! คนชัดๆ”
    ร่างของผู้มาใหม่โดกอดสาวน้อยกลัวผีไว้แนบแน่นเหมือนสหายที่ไม่ได้พบปะกันนาน
    “คุณเฟลิโอน่า  เรามาเล่นด้วยกันเถอะค่ะ!” ริมฝีปากอิ่มเชิญชวนหัวขโมยแห่งป้อม
    “อ้ากกกกกกกกกก-----  ม่ายยยยยยยย !!!! ช้านมายเล่นกะเธอเด็ดขาด!!!!  ว้ากกกกกกกกกก !!!! อย่ามาใกล้!!!!!!”
    โป๊ก!
    คทาอาญาสิทธิ์ลงทัณฑ์อีกครั้ง  ตามด้วยเสียงแหว
    “นี่! จะเป็นไรไป! เล่นกับเขาหน่อยสิ!!!”
    งานหนักตกไปอยู่ที่เฟริน  ทั้งวิ่งหนี(คนปล่อย)ผี  ทั้งแม่มด  ทำให้ทั้งชามก๋วยเตี๋ยว  ทั้งข้าวทั้งสลัด  อาหารต่างๆหกระเนระนาด
    ทำไมไม่ไปปราสาทขุนนาง!
    ความคิดที่ได้แต่เก็บเงียบเอาไว้ในใจของคาโล  ก่อนที่เสียงทุบโต๊ะจะช่วยให้ความวายวุ่นสงบ
    “เธอชื่ออะไร”  มาทิลด้าเอ่ยถามเด็กสาวที่หันนัยน์ตาสีเขียวอ่อนบ๊องแบ๊วมาสบ  เป็นผลให้สาวน้อยถอนสายบัวแล้วแนะนำตัว
    “เอเรน  สปิเรีย  เดอะปริ๊นเซสออฟสปิริทแลนด์ค่ะ”
    อึ้งสนิท....ก็ฉายาที่ใช้มันธรรมดาเสียที่ไหน  เจ้าหญิงแดนวิญญาณ...มิน่า  เฟรินมันกลัว
    ว่าเสร็จ  เจ้าหล่อนก็เริ่มวิธีเล่นของเธอทันที  เอเรนเรียกวิญญาณดัดแปลงเมย์เมย์ออกมา  ก่อนเรียกผีสางนางไม้ไล่เฟรินเป็นพัลวัน
    “จ้ากกกกกกกกกกกกก----!!!!!!!!!”
    คิลกับคาโลก็ได้แต่มอง  เพราะไม่รู้วิธีที่จะเอาผีออกไป  เมื่อคนที่สั่งผีได้มันไม่ยอม
    “ช่วยด้วย!!!!!!”
    เอเรนวิ่งตามเฟรินไม่หยุด  จนหล่อนเหลือบไปหันคนคนหนึ่งที่นิ่งไม่สนกับสิ่งที่เธอกระทำ  ความคิดอยากลองดีพุ่งวาบ
    เจ้าหญิงหยุดเท้า  แต่วิญญาณก็ยังคงแกล้งเฟรินต่อ 
    “เมย์เมย์  เรียกออดูรลาออกมา”  เด็กสาวพึมพำกับข้ารับใช้  วิญญาณดัดแปลงกระทำตามคำของผู้เป็นนาย  วงแหวนดาวหกแฉกปรากฏขึ้น 
    อสูรผู้มีนัยน์ตาแดงฉานดั่งเลือด  ตัวสีม่วงเข้มน่ากลัว  และขวานเปื้อนเลือดที่มือปรากฎตัวออกมาจากวงแหวนเวทย์ รวด
เร็วจนคนทั้งห้องอ้าปากค้างแทบไม่ทัน
    “ไป”
    สิ้นคำที่หล่อนสั่ง  ออดูรลาวิ่งฉับยกขวานหมายผ่าคนเบื้องหน้า....
    กัส  โทนีย่า  เดอะพรีส  ออฟ  กิลดิเรก
    ฉัวะ!!!
             
    วิญญาณดัดแปลงชะงักกึก  เมื่อเออดูรลาถูกฟันออกเป็นสองท่อนด้วยดาบที่มองไม่เห็น  เช่นเดียวกับผู้เป็นนาย  เจ้าหล่อนนิ่ง
เงียบนัยน์ตาสีเขียวจ้องมองบุรุษผมเงินยาวเปียเขม็ง  ก่อนหันขวับไปสั่งวิญญาณดัดแปลงของตน
    “เมย์เมย์!!!”
    เมย์เมย์ลอยวนรอบซากศพของอสูร  พลันออดูรลาก็ฟื้นคืนชีพ  เพียงแค่นั้นหาได้สาแก่ใจองค์หญิงผู้บัญชา  เจ้าหล่อนพึมพำ
ร่ายคาถาบางอย่างที่ไม่ว่าใครก็ไม่เคยได้ยินด้วยเสียงที่ขีบขานจากจิตภายใน 
                ดั่งความหวาดกลัวทุกที่มารวมกัน....
                ดั่งเพลิงแห่งความโกธามาสุมอยู่ที่นี่...
                วงแหวนเวทย์ปรากฎขึ้นจำนวนมากจนทุกคนมองตากันเลิกลั่ก  ไม่รู้จะทำอย่างไร...ก่อนที่อสูรหน้าตาน่าเกลียดจากนรกภูมิจะผุด
ขึ้นมาจากความว่างเปล่าพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่แว่วมาแต่ไกล ทัพอสูรเข้าใกล้ร่างผอมบางที่นิ่งเฉย
    นัยน์ตาสีฟ้าของกัสตวัดมองหญิงสาวจอมหาเรื่อง  เมื่อเขาสบมองที่อสูร  ออดูรลาจำนวนมากจะสลายลงไปต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง 
    “วิถีดาบแห่งจิต”  คาโลพึมพำเสียงเบา  แต่แม่เจ้าหญิงผู้ควบคุมวิญญาณก็ดูเหมือนจะได้ยิน  ถึงได้เอ่ยถ้อยคำออกมา  พร้อมกับ
นัยน์ตาที่เลื่อนลอยกว่าเก่ามากนัก และรอยยิ้มกวนอารมณ์พออกพอใจที่ไม่รู้ติดเชื้อคนกลัวผีมาหรือเปล่า
    “มนุษย์....เจ้าใช้วิถีดาบแห่งจิตที่ข้าไม่รู้จักเล่นงานออดูรลาที่น่ารักของข้า (ตรงหนายว้า) เจ้ามีนามว่าอะไร”
    นัยน์ตาสีฟ้ามองหญิงที่งามประดุจนางฟ้าที่ปลุกให้เหล่าอสูรลุกขึ้นมาอีกชั่วครู่ 
    “กัส  โทนีย่า นักบวชแห่งกิลดิเรก ”
    เมื่อหล่อนได้มองบุรุษที่แสนเงียบพูดน้อยอีกครั้ง  เขาก็หายไปจากที่ตรงนั้น
    ความเงียบเข้าครอบคลุมบริเวณห้องอาหารขึ้นชื่อของป้อมอัศวิน  เมื่อดาบเรียวยาวของนักบวชแห่งกิลดิเรกทาบอยู่บนลำคองาม
ระหงส์  แม้แต่เจ้าตัวยุ่งเฟรินที่แหกปากร้องลั่นเมื่อครู่ก็ดูเหมือนจะนิ่งไปอึดใจ  สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังเด็กสาวที่เข้าปะทะลองดีกับนัก
บวชพูดน้อยแห่งป้อม
    บุรุษผู้ลงมือจ้องสาวน้อยตรงหน้าเขม็ง  ก่อนเอ่ยวาจาที่เค้นออกมา
    “คลายมนตร์ของเธอซะ”
    เด็กสาวใจกล้ามองผู้ไม่ประสงค์ดีตรงหน้า  ริมฝีปากอิ่มเอิบ  น่ารักน่าชังไร้ถ้อยคำใดสนองความต้องการของบุรุษ  ใบหน้านวล
ผ่องใสยังคงมีรอยยิ้มกวนอารมณ์ของนักบวช 
    วิญญาณร้ายภายใต้อาณัติของเจ้าหล่อนที่เคยหลอกหลอนเฟรินเคลื่อนกายมาหาผู้เป็นนาย 
    “อย่าทำอะไรมากกว่านี้  เธอควรรู้ว่าป้อมเราไม่มีเงินชดใช้”
    คนที่เคยยิ้มอย่างไร  ก็ยังคงยิ้มอยู่เช่นนั้น  ไม่มีคำกล่าวใดๆ มีเพียงความเงียบที่พัดพาความเงียบเหงาจากความรู้สึกในใจของเธอเท่านั้น 
    “เฮ้ยคาโล  แกช่วยมันหน่อยดิ”  คิลที่เข้าสู่โหมดบทไม่มีบอกเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรม
    “คงจะยาก” คาโลเอ่ยแม้จะคิดว่า ‘ไอ้บ้า  ยัยเอเรนไม่เอาจริงหรอกน่า  นักฆ่าภาษาอะไรเนี่ย’
    วิญญาณหยุดกึก  ก่อนหายไป  พร้อมๆกับเสียงหัวเราะเพราะอารมณ์ดีของเอเรน 
    “ถึงว่า  ทำไมเลโมตี้จังถึงส่งฉันมาที่ป้อมโทรมๆนี่  เพราะพวกนายมีฝีมืออย่างนี้เอง”
    พูดเสร็จ  ห้องอาหารที่เคยเละเทะก็กลับสู่สภาพเดิม  วิญญาณและอสูรทั้งหลายหายไป  ก่อนที่สาวน้อยผู้สร้างความวุ่นวายจะหัน
ไปหาเฟรินที่ร้องว้ากทันทีที่เธอเข้าใกล้
    ปัง!!!! (ไมหลายปังจัง)
    “เอ็ดตะโรอะไรกัน\"
          ******************************************************
        ทำไมเวลาอย่างนี้คนนั้นก็มาคนนี้ก็มาน้อ  เอาเหอะครบ 100% เด๋วค่อยต่อ  ช่วยเม้นท์หน่อยน้า
        ข้าพเจ้าเป็นคนพิมพ์ผิดเยอะน้อ  อภัยให้แหน่
        ไปล่ะฮับ..^O^
   
               
    ปัง!!!
    ประตูโรงอาหารดราก้อนถูกผลักเปิดออกและปิดมันลงอย่างรวดเร็วด้วยฝีไม้ลายมือของเจ้าหญิงเฟลิโอน่า  เกรเดเวล  ท่ามกลาง
ความตกใจของพรรคพวกหลายๆคน  โดยเฉพาะเมื่อเจ้าหญิงจอมแก่นทำท่าตื่นกลัวเหมือนเห็นสิ่งที่กลัวที่สุดในชีวิต
    “เป็นอะไรไปเฟริน”
    นักฆ่าไร้หัวคิดนามคิลมัส  ฟีลมัสเอ่ยถามสตรีเพื่อนรักที่เคยเป็นบุรุษ  หลังจากเห็นมันเอาทั้งไม้กางเขน  ทั้งกระเทียม  ทั้งพระ
เครื่องห้อยคอระโยงรยางค์เต็มไปหมด 
    “เฮ้ย! มีอะไรก็บอกกันบ้างนะเฟร้ยเฟริน  แกทำหน้าอย่างกับเห็นผีอย่างนั้นใครจะไปรู้ฟะ” ครี้ดเอ่ยขึ้นหลังจากมันไม่ตอบ
    “ก็เออดิวะ! ผีตัวเป็นๆเลยนะมรึง!”
    เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้นทั่วสารทิศ  ขณะที่หัวขโมยได้แต่กัดฟันกรอด
    “นายเฟริน” เสียงเรียกทำให้เฟรินหันไปสบสายตากับแองเจลิน่า  โรมานอฟ  นางฟ้าแสนสวยแห่งป้อม “ไม่คิดเลยนะว่าทายาท
นักต้มจะโกหกงี่เง่า  ผีมันออกมาเดินกลางวันแสกๆได้เรอะ!”
    ทายาทนักต้มแยกเขี้ยวใส่  แล้วสำทับใส่ความเพิ่ม  เสียงแข็งกร้าวอย่างผู้ไม่ยอม
    “เออ! แล้วพวกเธอจะเห็น! พอไอ้คาโลมาเมื่อไหร่พวกแกจะได้รู้!!!”
    ปัง!
    ผู้พูดพูดไม่ทันขาดคำ  ผู้ถูกกล่าวถึงก็มาถึง ร่างสูงของเจ้าชายคาโนวาลเข้ามาก่อน 
    “เฮ้ยเฟริน  ฝาละมีแกมาแล้วว่ะ”
    เปรี้ยง!
    พูดจบ  นักฆ่าไร้หัวคิดผู้กล่าวก็มีอันต้องกลายเป็นญาติห่างๆมีแพนด้า
    “ไอ้ปากสุนัข!!!”
                แล้วนัยน์ตาสีน้ำตาลของเฟรินก็พลันไปสบกับร่างที่เดินเข้ามาอีกร่าง  ทำให้เจ้าตัวเผ่นไปหลบหลังแองจี้
    ร่างที่ตามมาคือร่างบอบบางน่ารับประทานเอ้ย!!! น่ารักของเด็กสาววัยใกล้เคียงกับพวกเขา  เรือนผมสีบลอนด์สวยเรียบยาวราว
เส้นไหมที่ส่องประกาย  นัยน์ตาสีเขียวอ่อนมีแววสดใสฉายระริก  ขณะที่ผิวกายก็ขาวเนียนราวไข่มุกที่ทอประกายในแสงแดด  ภาพของเด็ก
สาวสะกดชายที่ไร้เจ้าของเอาไว้ให้แน่นิ่งเหมือนคราวเฟรินแต่งหญิงยังไงอย่างนั้น 
    “สวยจัง” โคลว (อีกแล้ว) เอ่ยขึ้น  ก่อนใบหน้าจะขึ้นสีเมื่อเด็กสาวผู้มาใหม่โปรยปรายรอยยิ้มมาให้
    ดังมนตร์ถูกคลาย  เมื่อเฟรินโวยวายว้ากลั่น
    “ผี! นั่นไง! มาแล้ว!!!”
    โป๊ก!!!
    คทากายสิทธิ์ของแองจี้ฟาดลงบนกะบาลหนาของคนที่อยู่ด้านหลัง  ก่อนแว้ดใส่
    “บ้า!!! ไปว่าเค้า  เดี๋ยวเค้าก็น้อยใจหรอก! คนชัดๆ”
    ร่างของผู้มาใหม่โดกอดสาวน้อยกลัวผีไว้แนบแน่นเหมือนสหายที่ไม่ได้พบปะกันนาน
    “คุณเฟลิโอน่า  เรามาเล่นด้วยกันเถอะค่ะ!” ริมฝีปากอิ่มเชิญชวนหัวขโมยแห่งป้อม
    “อ้ากกกกกกกกกก-----  ม่ายยยยยยยย !!!! ช้านมายเล่นกะเธอเด็ดขาด!!!!  ว้ากกกกกกกกกก !!!! อย่ามาใกล้!!!!!!”
    โป๊ก!
    คทาอาญาสิทธิ์ลงทัณฑ์อีกครั้ง  ตามด้วยเสียงแหว
    “นี่! จะเป็นไรไป! เล่นกับเขาหน่อยสิ!!!”
    งานหนักตกไปอยู่ที่เฟริน  ทั้งวิ่งหนี(คนปล่อย)ผี  ทั้งแม่มด  ทำให้ทั้งชามก๋วยเตี๋ยว  ทั้งข้าวทั้งสลัด  อาหารต่างๆหกระเนระนาด
    ทำไมไม่ไปปราสาทขุนนาง!
    ความคิดที่ได้แต่เก็บเงียบเอาไว้ในใจของคาโล  ก่อนที่เสียงทุบโต๊ะจะช่วยให้ความวายวุ่นสงบ
    “เธอชื่ออะไร”  มาทิลด้าเอ่ยถามเด็กสาวที่หันนัยน์ตาสีเขียวอ่อนบ๊องแบ๊วมาสบ  เป็นผลให้สาวน้อยถอนสายบัวแล้วแนะนำตัว
    “เอเรน  สปิเรีย  เดอะปริ๊นเซสออฟสปิริทแลนด์ค่ะ”
    อึ้งสนิท....ก็ฉายาที่ใช้มันธรรมดาเสียที่ไหน  เจ้าหญิงแดนวิญญาณ...มิน่า  เฟรินมันกลัว
    ว่าเสร็จ  เจ้าหล่อนก็เริ่มวิธีเล่นของเธอทันที  เอเรนเรียกวิญญาณดัดแปลงเมย์เมย์ออกมา  ก่อนเรียกผีสางนางไม้ไล่เฟรินเป็นพัลวัน
    “จ้ากกกกกกกกกกกกก----!!!!!!!!!”
    คิลกับคาโลก็ได้แต่มอง  เพราะไม่รู้วิธีที่จะเอาผีออกไป  เมื่อคนที่สั่งผีได้มันไม่ยอม
    “ช่วยด้วย!!!!!!”
    เอเรนวิ่งตามเฟรินไม่หยุด  จนหล่อนเหลือบไปหันคนคนหนึ่งที่นิ่งไม่สนกับสิ่งที่เธอกระทำ  ความคิดอยากลองดีพุ่งวาบ
    เจ้าหญิงหยุดเท้า  แต่วิญญาณก็ยังคงแกล้งเฟรินต่อ 
    “เมย์เมย์  เรียกออดูรลาออกมา”  เด็กสาวพึมพำกับข้ารับใช้  วิญญาณดัดแปลงกระทำตามคำของผู้เป็นนาย  วงแหวนดาวหกแฉกปรากฏขึ้น 
    อสูรผู้มีนัยน์ตาแดงฉานดั่งเลือด  ตัวสีม่วงเข้มน่ากลัว  และขวานเปื้อนเลือดที่มือปรากฎตัวออกมาจากวงแหวนเวทย์ รวด
เร็วจนคนทั้งห้องอ้าปากค้างแทบไม่ทัน
    “ไป”
    สิ้นคำที่หล่อนสั่ง  ออดูรลาวิ่งฉับยกขวานหมายผ่าคนเบื้องหน้า....
    กัส  โทนีย่า  เดอะพรีส  ออฟ  กิลดิเรก
    ฉัวะ!!!
             
    วิญญาณดัดแปลงชะงักกึก  เมื่อเออดูรลาถูกฟันออกเป็นสองท่อนด้วยดาบที่มองไม่เห็น  เช่นเดียวกับผู้เป็นนาย  เจ้าหล่อนนิ่ง
เงียบนัยน์ตาสีเขียวจ้องมองบุรุษผมเงินยาวเปียเขม็ง  ก่อนหันขวับไปสั่งวิญญาณดัดแปลงของตน
    “เมย์เมย์!!!”
    เมย์เมย์ลอยวนรอบซากศพของอสูร  พลันออดูรลาก็ฟื้นคืนชีพ  เพียงแค่นั้นหาได้สาแก่ใจองค์หญิงผู้บัญชา  เจ้าหล่อนพึมพำ
ร่ายคาถาบางอย่างที่ไม่ว่าใครก็ไม่เคยได้ยินด้วยเสียงที่ขีบขานจากจิตภายใน 
                ดั่งความหวาดกลัวทุกที่มารวมกัน....
                ดั่งเพลิงแห่งความโกธามาสุมอยู่ที่นี่...
                วงแหวนเวทย์ปรากฎขึ้นจำนวนมากจนทุกคนมองตากันเลิกลั่ก  ไม่รู้จะทำอย่างไร...ก่อนที่อสูรหน้าตาน่าเกลียดจากนรกภูมิจะผุด
ขึ้นมาจากความว่างเปล่าพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่แว่วมาแต่ไกล ทัพอสูรเข้าใกล้ร่างผอมบางที่นิ่งเฉย
    นัยน์ตาสีฟ้าของกัสตวัดมองหญิงสาวจอมหาเรื่อง  เมื่อเขาสบมองที่อสูร  ออดูรลาจำนวนมากจะสลายลงไปต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง 
    “วิถีดาบแห่งจิต”  คาโลพึมพำเสียงเบา  แต่แม่เจ้าหญิงผู้ควบคุมวิญญาณก็ดูเหมือนจะได้ยิน  ถึงได้เอ่ยถ้อยคำออกมา  พร้อมกับ
นัยน์ตาที่เลื่อนลอยกว่าเก่ามากนัก และรอยยิ้มกวนอารมณ์พออกพอใจที่ไม่รู้ติดเชื้อคนกลัวผีมาหรือเปล่า
    “มนุษย์....เจ้าใช้วิถีดาบแห่งจิตที่ข้าไม่รู้จักเล่นงานออดูรลาที่น่ารักของข้า (ตรงหนายว้า) เจ้ามีนามว่าอะไร”
    นัยน์ตาสีฟ้ามองหญิงที่งามประดุจนางฟ้าที่ปลุกให้เหล่าอสูรลุกขึ้นมาอีกชั่วครู่ 
    “กัส  โทนีย่า นักบวชแห่งกิลดิเรก ”
    เมื่อหล่อนได้มองบุรุษที่แสนเงียบพูดน้อยอีกครั้ง  เขาก็หายไปจากที่ตรงนั้น
    ความเงียบเข้าครอบคลุมบริเวณห้องอาหารขึ้นชื่อของป้อมอัศวิน  เมื่อดาบเรียวยาวของนักบวชแห่งกิลดิเรกทาบอยู่บนลำคองาม
ระหงส์  แม้แต่เจ้าตัวยุ่งเฟรินที่แหกปากร้องลั่นเมื่อครู่ก็ดูเหมือนจะนิ่งไปอึดใจ  สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังเด็กสาวที่เข้าปะทะลองดีกับนัก
บวชพูดน้อยแห่งป้อม
    บุรุษผู้ลงมือจ้องสาวน้อยตรงหน้าเขม็ง  ก่อนเอ่ยวาจาที่เค้นออกมา
    “คลายมนตร์ของเธอซะ”
    เด็กสาวใจกล้ามองผู้ไม่ประสงค์ดีตรงหน้า  ริมฝีปากอิ่มเอิบ  น่ารักน่าชังไร้ถ้อยคำใดสนองความต้องการของบุรุษ  ใบหน้านวล
ผ่องใสยังคงมีรอยยิ้มกวนอารมณ์ของนักบวช 
    วิญญาณร้ายภายใต้อาณัติของเจ้าหล่อนที่เคยหลอกหลอนเฟรินเคลื่อนกายมาหาผู้เป็นนาย 
    “อย่าทำอะไรมากกว่านี้  เธอควรรู้ว่าป้อมเราไม่มีเงินชดใช้”
    คนที่เคยยิ้มอย่างไร  ก็ยังคงยิ้มอยู่เช่นนั้น  ไม่มีคำกล่าวใดๆ มีเพียงความเงียบที่พัดพาความเงียบเหงาจากความรู้สึกในใจของเธอเท่านั้น 
    “เฮ้ยคาโล  แกช่วยมันหน่อยดิ”  คิลที่เข้าสู่โหมดบทไม่มีบอกเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรม
    “คงจะยาก” คาโลเอ่ยแม้จะคิดว่า ‘ไอ้บ้า  ยัยเอเรนไม่เอาจริงหรอกน่า  นักฆ่าภาษาอะไรเนี่ย’
    วิญญาณหยุดกึก  ก่อนหายไป  พร้อมๆกับเสียงหัวเราะเพราะอารมณ์ดีของเอเรน 
    “ถึงว่า  ทำไมเลโมตี้จังถึงส่งฉันมาที่ป้อมโทรมๆนี่  เพราะพวกนายมีฝีมืออย่างนี้เอง”
    พูดเสร็จ  ห้องอาหารที่เคยเละเทะก็กลับสู่สภาพเดิม  วิญญาณและอสูรทั้งหลายหายไป  ก่อนที่สาวน้อยผู้สร้างความวุ่นวายจะหัน
ไปหาเฟรินที่ร้องว้ากทันทีที่เธอเข้าใกล้
    ปัง!!!! (ไมหลายปังจัง)
    “เอ็ดตะโรอะไรกัน\"
          ******************************************************
        ทำไมเวลาอย่างนี้คนนั้นก็มาคนนี้ก็มาน้อ  เอาเหอะครบ 100% เด๋วค่อยต่อ  ช่วยเม้นท์หน่อยน้า
        ข้าพเจ้าเป็นคนพิมพ์ผิดเยอะน้อ  อภัยให้แหน่
        ไปล่ะฮับ..^O^
   
               
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น