ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อผมเกิดใหม่ในโลกคู่ขนาน+แฟนตาซีพร้อมกับพลังสุดโกง

    ลำดับตอนที่ #8 : สงครามระหว่างตระกูลและการปรากฎตัวของปีศาจ

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 65


    "รายงานข่าวค่ะ ตอนนี้สองตระกูลใหญ่ของเมือง ได้เปิดฉากโจมตีใส่กันแล้วค่ะทุกท่าน!!"นักข่าว

    นักข่าวได้รายงานข่าวพร้อมกับถ่ายทอดสดไปด้วย ในขณะที่สองตระกูลใหญ่ของเมืองกำลังเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดพร้อมกับผู้ชมในทีวีที่ต่างก็ดูกันอย่างตั้งใจ

    ตู้ม!!

    เพล้ง!

    ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

    เสียงระเบิดกัมปนาทและเสียงฟ้าผ่า เป็นผลมาจากเวทย์มนต์ของทั้งสองฝ่ายที่เปิดฉากโจมตีกันอย่างไม่ยอมใคร ทางด้านของตระกูลพยัคสมิงค์ ที่นำโดยพ่อของสมิงค์ได้เป็นผู้นำในการต่อสู้ครั้งนี้รวมถึงแม่ของสมิงค์ และด้วยความที่พ่อของสมิงค์เป็นถึงระดับนายพลของกองทัพและมีพลังเวทย์อยู่ขั้นมหาจอมเวทย์จึงทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้ ตระกูลพยัคสมิงค์มีความได้เปรียบเป็นอย่างมากรวมไปถึงแม่ของสมิงค์ที่พลังเวทย์ก็อยู่ในขั้นมหาจอมเวทย์ด้วยเช่นกัน

    "ย้าก! ตายซะไอ้ตระกูลพยัคสมิงค์-

    ฝวั่บ!

    ตู้ม!!

    อ้าก!!

    เพียงแค่หมัดเดียวของพ่อสมิงค์ ได้ทำให้นักเวทย์ทางฝั่งตระกูลสิงห์ครามที่มีพลังเวทย์อยู่ในระดับนักเวทย์ชั้นสูง ได้ถูกหมัดเสริมพลังเวทย์ต่อยเข้าไปที่ใบหน้า จนอีกฝ่ายล้มลงไปนอนกองกับพื้นโดยที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

    "หึ นี่น่ะเหรอนักเวทย์ชั้นสูงของแกเอาซะนึกว่าอยู่ระดับนักเวทย์ขั้นเริ่มต้นซะอีก"

    พูดเสร็จพ่อของสมิงค์ก็สบัดคราบเลือดที่ติดมือออก

    "ฮ่าๆๆ แค่นี้แกคิดว่าแค่นั้นจะชนะได้งั้นเหรอ!"

    ผู้นำของตระกูลสิงค์คราม ได้พูดจาก่อกวนพ่อของสมิงค์พร้อมกับเสกลูกไฟขึ้นมาบนฝ่ามือ

    "หึ ก็ลองดูสิ!"พ่อสมิงค์

    ว่าแล้วทั้งคู่ก็เผชิญหน้ากันอย่างดุเดือด และพลังของทั้งคู่ก็อยู่ในระดับเดียวกัน จึงไม่แปลกที่บรรยากาศรอบๆจะเต็มไปด้วยไอพลังเวทย์มหาสารที่แผ่ออกมาจากทั้งคู่ 
    และเปลวไฟอันร้อนระอุได้แผ่ขยายเป็นวงกว้างจนนักข่าวที่อยู่ห่างในรัศมี100เมตรก็ยังรับรู้ถึงความร้อนของมันได้

    "อ๊า!! ไฟมันร้อนมากเลยค่ะทุกท่าน ดิฉันขอตัวออกไปตั้งหลักก่อนนะคะ!!"

    ว่าแล้วนักข่าวก็รีบถอยไปตั้งหลัก 

    "อ้าวกำลังมันๆอยู่เลย นักข่าวปิดกล้องไปก่อนซะล่ะ!"

    เพื่อนในห้องของเบนที่กำลังดูข่าวอยู่ ต่างก็บ่นออกมาด้วยความหงุดหงิด

    "แกบังอาจปล่อยสัตว์เวทย์เข้ามาในเมืองจนฆ่าคนในเมืองไปตั้งมากมาย ทั้งๆที่หน้าที่ของตรูกูลแกคือปกป้อเมืองแท้ๆ แต่แกกลับทำแบบนี้ทำไมกัน!!"พ่อสมิงค์

    พ่อของสมิงค์ตะโกนด่าอีกฝ่ายด้วยความโกรธจัด

    "ฮ่าๆๆ ก็พวกชาวเมืองมันอ่อนแอเองนี่หว่าข้าแค่ลองปล่อยสัตว์เวทย์ไปเพียงแค่ตัวเดียวเองเพื่อทดสอบดู ไม่นึกเลยว่าพวกชาวเมืองจะกระจอกเสียขนาดนี้ถึงขนาดฆ่ายังไม่ได้ เสียเวลาที่ต้องมาปกป้องขยะพวกนี้เสียจริงๆ"

    "แต่สัตว์เวทย์ที่แกปล่อยมันเข้ามาในเมืองพลังของมันพอๆกับจอมเวทย์ระดับปราช์เลยนะเว้ย! นี่แกคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไงกัน!!!"พ่อสมิงค์

    จากนั้นพ่อของสมิงค์ก็เร่งพลังเวทย์ไปจนถึงขีดสุด ก่อนที่ทั่วทั้งร่างจะเต็มไปด้วยออร่าพลัวเวทย์ที่ห่อหุ้มตามร่างกายเอาไว้

    "คิดว่า แค่เร่งพลังเวทย์จนถึงขีดสุดจะสามารถเอาชนะชั้นได้งั้นเหรอ!"

    พูดจบผู้นำของตระกูลสิงห์ครามก็ได้เรียกเปลวไฟขนาดใหญ่ออกมา ก่อนจะยิงไปทางพ่อของสมิงค์

    "ไอซ์วอล!!"

    สิ้นเสียงหนึ่งที่พูดออกมา น้ำแข็งจำนวนมหาสารก่อตัวจนกลายเป็นกำแพงขนาดใหญ่จนสามารถป้องกันไฟที่พุ่งมาทางพ่อของสทิงค์ และคนที่ใช้เวทย์น้ำแข็งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นแม่ของสมิงค์ก็

    "ทีหลังไม่ต้องก็ได้นะ ชั้นคนเดียวเอาอยู่น่าทิพย์พาร์"พ่อสมิงค์

    "แหม ไม่ต้องมาทำเป็นอวดเก่งเลยตาบ้าไกรศร ขืนชั้นไม่ใช้เวทย์น้ำแข็งป้องกันไว้คุณนั่นแหละที่จะได้เข้าโรงบาล"ทิพพาร์

    แม่ของสมิงค์พูดกับพ่อของสมิงค์ในท่าทางหยอกล้อกัน

    ด้านของสมิงค์ ตอนนี้เขากำลังสู้อยู่กับนักเวทย์ขั้นกลางที่กำลังรายล้อมไปทั่วทุกสารทิศ พร้อมกับนักเวทย์ขั้นกลางจากตระกูลของตัวเองจำนวนหนึ่งที่มาสมทบด้วย

    "ระวังตัวด้วยครับนายน้อยอีกฝ่ายมันมาเยอะเกินไป!"

    หนึ่งในนักเวทย์ขั้นกลางพูดคักเตือนสมิงค์

    "ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ ผมคนเดียวก็เอาอยู่"สมิงค์

    จากนั้นสมิงค์ก็ชักดาบสไตล์ตะวันตกออกมาก่อนจะเสริมพลังเวทย์เข้าไปในตัวดาบ

    "รับไปซะ!"สมิงค์

    ฉวัะ!!

    ตู้ม!!

    อ้าก!!

    การฟันเพียงครั้งเดียวของสมิงค์ก็ทำให้บริเวณรอบๆเกิดการระเบิดเป็นวงกว้าง อันเนื่องมาจากพลังเวทย์ที่ได้รับการสืบทอดมาจากพ่อของตัวเองที่เป็นเวทย์ระเบิด

    ทางด้านพ่อของสมิงค์ที่กำลังสู้อยู่ ได้เห็นสมิงค์สามารถจัดการกับศัตรูได้ในคราวเดียว ก็ยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ

    "สมแล้วที่เป็นลูกของเรา"ไกรศร

    "คิกๆ ก็อย่างที่คุณว่าไว้นั่นแหละที่รัก"ทิพย์พาร์

    แม่ของสมิงค์พูดไปพลางร่ายเวทย์น้ำแข็งใส่จอมเวทย์อีกคนที่อยู่ในระดับมหาจอมเวทย์เช่นเดียวกับเธอ

    "แข็งแกร่งอย่างที่สมคำล่ำลือไว้จริงๆ ราชินีน้ำแข็ง แต่ก็มาได้เท่านี้แหละ!!"

    ไม่นานนัก จอมเวทย์ฝ่ายสิงห์คราม ก็ได้ร่ายกองทัพอันเดดออกมา ไม่นานซากศพจำนวนมากก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากวงเวทย์ที่จอมเวทย์ฝ่ายสิงห์ครามร่ายเอาไว้ก่อนที่ซากศพตัวสุดท้ายจะโผล่ขึ้นมาจากวงเวทย์

    "ฮ่า ๆ ๆ อันเดดพวกนี้ต่างก็อยู่ในระดับจอมเวทย์ชั้นสูงทั้งนั้น ต่อให้อยู่ในระดับมหาจอมเวทย์ก็ไม่มีทางที่จะรอดจากการรุมของเจ้าพวกนี้ไปได้หรอก!!"

    แฮ่!!

    อันเดดจำนวนนับไม่ถ้วนต่างกรูมาที่แม่ของสมิงค์ แน่นอนว่าถ้าเป็นจอมเวทย์ทั่วไป พอเห็นแบบนี้ก็คงมีแต่ต้องหนีตายอย่างเดียว แต่ไม่ใช่กับแม่ของสมิงค์ที่เป็นถึงราชินีน้ำแข็ง

    "หึ แค่นี้สบายมาก ไอซ์ สติ๊ก!"ทิพย์พาร์

    ไม่นานนัก แท่งน้ำแข็งจำนวนมากก็โผล่ออกมาจากวงเวทย์ก่อนจะแปรสภาพให้มีความแหลมคมมากยิ่งขึ้นก่อนจะพุ่งลงไปด้านล่างจนเสียบกับร่างของอันเดดจำนวนมากที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ ก่อนที่แท่งน้ำแข็งพวกนั้นจะแตกและกระจายสะเก็ดออกไปจนไปโดนอันเดดตัวอื่นๆจนร่างถึงกับแหลกเป็นชิ้นๆ 

    "ทุกท่าน ดูสิคะ! เวทย์น้ำแข็งอันทรงพลังนั่น และทุกท่านก็น่าจะรู้ดีค่ะนั่นคือเวทย์มนต์ของราชินีน้ำแข็งค่ะ!!นักข่าว

    นักข่าวได้รายงานสถานการณ์ไปเรื่อยๆ ส่วนทางด้านของสมิงค์ตอนนี้ก็สามารถจัดการกับนักเวทย์ของตระกูลสิงห์ครามไปได้หลายคนพอตัว

    "แฮ่ก แฮ่ก"

    สมิงค์ออกอาการเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด และก็ไม่ลดละการป้องกัน แต่ถึงหยั่งงั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีพลาด

    "นายน้อยระวัง!!"

    นักเวทย์ได้ตะโกนบอกสมิงค์แต่ก็สายเกินไปที่จะหลบทัน นักเวทย์ของสิงห์ครามที่เหลือรอดอยู่ได้พุ่งเข้ามาหาสมิงค์พร้อมกับดาบในมือ ในระหว่างที่ไม่สมิงค์ไม่ทันได้ตั้งตัว

    "ย้าก! ตาย-

    ฟิ้ว!

    ฉึก!

    อ้าก!!!

    ทันใดนั้นก็มีบางอย่างพุ่งมาหานักเวทย์ของตระกูลสิงห์คราม ก่อนที่มันจะปักเข้าไปที่ลำตัวจนนักเวทย์ของตระกูลสิงห์ครามได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

    "คิดจะทำร้ายพี่ชายงั้นเหรอ ข้ามศพหนูไปก่อนเหอะ!!!"

    เด็กสาวผมสีน้ำเงินคนหนึ่งเดินเข้ามาหานักเวทย์ของตระกูลสิงห์ครามพร้อมกับธนูน้ำแข็งที่ถืออยู่ในมือ

    "ลาล่างั้นเหรอ ขอบใจนะที่ช่วยพี่ไว้ทันน่ะ"สมิงค์

    สมิงค์กล่าวขอบคุณน้องสาวของตัวเอง

    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ ถ้าใครคิดจะมาทำร้ายพี่ของหนู หนูจะใช้ธนูน้ำแข็งยัดหน้ามันเอง!"ลาล่า

    ระหว่างที่น้องสาวของสมิงค์กำลังชื่นชมตัวเองอยู่นั้น จู่ๆก็มีเงาบางอย่างปรากฎขึ้นก่อนภาพจะตัดไปที่พ่อและแม่ของสมิงค์ ตอนนี้ทั้งคู่นั้นใกล้ที่จะได้เผด็จศึกกับผู้นำของตระกูลสิงห์ครามอยู่เต็มทีและแน่นอนว่า การรบในครั้งนี้ทั้งนี้ ฝ่ายตระกูลพยัคสมิงค์เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบมาโดยตลอดอันเนื่องมาจากพ่อและแม่ของสมิงค์ที่เป็นถึงจอมเวทย์ระดับแนวหน้าของประเทศ แน่นอนว่า ความแข็งแกร่งนั้นย่อมไม่ธรรมดา

    "หึ ฮ่าๆๆ พวกแกคิดว่าจะชนะได้เหรอ! แค่ก!"

    "ขนาดโดนไปซะขนาดนี้แต่ก็ยังรอดมาได้ ชั้นละนับถือแกจริงๆ"ไกรศร

    พ่อของสมิงค์ ยืนดูศัตรูคู่แค้นที่ในตอนนี้สภาพไม่ต่างจากตกตึก10ชั้นมา

    "จริงด้วย ที่รักชั้นว่าเราจัดการให้เรียบร้อยไปเลย แล้วส่งตัวผู้นำตระกูลของสิงห์ครามส่งให้ทางรัฐบาลจะดีกว่า"ทิพย์พาร์

    ระหว่างทัังคู่กำลังคุยกันอยู่นั้น จู่ๆผู้นำตระกูลสิงก์ครามก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะพูดประโยคหนึ่งออกมา และมันจะเป็นสิ่งที่ทั้งคู่คาดไม่ถึงมาก่อนในชีวิต

    "หึๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ"

    จู่ๆผู้นำตรกูลสิงห์ครามก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง และแน่นอนว่ามันได้สร้างความงุนงงและสงสัยให้แก่พ่อของสมิงค์ก่อนที่พ่อของสมิงค์จะถามออกไป

    "หัวเราะอะไรของแกกัน? มีอะไรให้น่าหัวเราะหรือไง-

    "รู้มั้ยว่าทำไมชั้นถึงมาประกาศสงครามกับแก!"

    "นั้นก็เพราะแกต้องการล้างความอัปยศที่ตระกูลชั้นไปเปิดเผยเรื่องการปล่อยสัตว์เวทย์เข้ามาในเมือง-

    "ผิดแล้วล่ะ!!"

    "หมายความว่าไง?'ไกรศร

    "นั่นก็เพราะว่า ที่ชั้นประกาศสงครามกับแกก็เพราะว่านั่นไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของชั้นยังไงล่ะ!!"

    "อ-อะไรนะ-


    ยังไม่ทันที่พ่อของสมิงค์จะพูดจบ จู่ๆทั่วทัังร่างของผู้นำตระกูลและคนของตระกูลสิงห์ครามก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่านสีดำและก่อนที่ทั่วทั้งร่างจะสลายหายไปผู้นำตระกูลสิงห์ครามก็พูดประโยคหนึ่งออกมา

    "แด่ท่านลูซิเฟอร์!!"

    ว่าแล้วร่างของมันก็สลายหายไปทันที

    "น-นั่นมันอะไรกัน!?"


    บรรดานักข่าวรวมถึงพ่อและแม่ของสมิงค์ ทุกคนต่างก็อึ้งกับสิ่งที่เห็นรวมถึงผู้ชมที่นั่งดูทีวีเวทย์มนต์อยู่ทางบ้าน

    "ทำไมจู่ๆร่างของผู้นำตระกูลสิงห์ครามและคนของตระกูลสิงห์ครามถึงได้กลายเป็นเถ้าถ่านได้กัน!?"ไกรศร

    พ่อของสมิงค์ ได้แต่ตกตะลึงก่อนที่จะได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากด้านหลัง

    "พ่อคะแม่คะช่วยด้วย!!ลาล่า

    เสียงของลาล่าได้เรียกให้ไกรศรและทิพย์พาร์ได้หันหน้าไปทางเดียวกันก่อนจะพบกับลาล่าลูกสาวของตัวเองที่ได้ถูกปีศาจตัวหนึ่งใช้เวทย์จับตัวของลาล่าขึ้นมาเหนือจากพื้นดินพร้อมกับร่างของสมิงค์ที่นอนกองอยู่กับพื้นในสภาพโคม่าพร้อมกับกระดูกหักหลายท่อน



    "ลาล่า!! สมิงค์!!"ไกรศร

    "ไม่นะ!!"ทิพย์พาร์

    พ่อและแม่ของสมิงค์ในตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธจัด ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาปีศาจตัวนั้น
    แต่ยังไม่มันที่จะได้ถึงตัว ปีศาจตัวนั้นก็พูดประโยคหนึ่งออกมา

    "จงคุกเข่า!"

    ครืน!!!

    เพียงแค่ประโยคเดียว ก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นถึงกับทรุดลงไปกับพื้นรวมถึงพ่อของสมิงค์และแม่ที่กำลังพุ่งปรี่เข้ามาด้วย

    อึ่ก!!

    อั่ก!!

    แรงกดดันอันมหาสารจากปีศาจตัวนั้น ได้ทำให้บริเวณสิ่งก่อสร้างรอบๆเริ่มมีรอยร้ายขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    ทางด้านของผู้ชม ที่เห็นว่าสถานการณ์มันเริ่มจะไม่ค่อยดี ก็ทำให้มีบางคนได้ติดต่อไปยังสภาเวทย์มนต์เรียบร้อย

    สถานการณ์ในตอนนี้ เข้าขั้นวิกฤตเนื่องจากปีศาจ เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่บนโลกใบนี้ และด้วนพลังของมันเพียงแค่ประโยคเดียว ก็ทำให้จอมเวทย์ขั้นมหาจอมเวทย์ทั้งสองคนถึงกับทรุดลงไปกับพื้นอย่างง่ายดาย

    "เคี๊ยกๆๆ ไม่นึกเลยว่ามนุษย์จะอ่อนแอถึงขนาดนี้ชั่งน่าผิดหวังจริงๆ"

    ปีศาจตัวนั้นพูดไปด้วยพลางบีบตัวของลาล่าจนเธอได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

    "ป-ปล่อยลูกสาวชั้นนะไอ้ปีศาจสารเลว!!"ไกรศร

    พ่อของสมิงค์ที่โดนแรงกดดันพยายามตะเกียกตะกายร่างของตัวเองพร้อมกับตะโกนด่าปีศาจตัวนั้นไป

    "หึหึหึ ถึงพูดไปมันก็เท่านั้นแหละ เพราะตอนนี้ข้าได้ของสำหรับการบูชายัญเสร็จสิ้นแล้ว!!"ปีศาจ

    "ม-หมายความว่ายังไง!!"ไกรศร


    ปีศาจที่ได้ยินพ่อสมิงค์พูดแบบนั้นก็หันหน้าไปทางพ่อจองสมิงค์ก่อนจะพูดออกไป

    "สงสัยมนุษย์ที่ข้าหลอกใช้ไปมันคงไม่ได้บอกไปสินะ งั้นข้าจะบอกให้เป็นของบุญตาก่อนตายก็ได้ ที่ข้าต้องการตัวลูกสาวเจ้านั่นก็เพราะตอนที่เกิดเหตุการณ์สัตว์เวทย์บุกเมือง ข้าในตอนนั้นที่ยังไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้เต็มที่ จึงได้สั่งให้มนุษย์หน้าโง่กลุ่มนั้นปล่อยให้สัตว์เวทย์ระดับสูงบุกเข้าไปในเมืองและกินมนุษย์เพื่อเพิ่มวิญญาณให้แก่ข้า แต่ข้าก็ดันมาเจอของดีเข้าซะได้ และต้องการตัวมาบูชายัญพลังเวทย์ให้แก่ข้า แต่สัตว์เวทย์ก็ดันถูกมนุษย์อย่างพวกเจ้าจัดการไปเสียก่อน แต่ถึงหยั่งงั้นความพยายามของข้าก็เป็นผลสำเร็จ ไม่คิดเลยว่าสงครามในครั้งนี้ นอกจากจะลดกำลังของฝ่ายมนุษย์อย่างเจ้าแล้ว 15ปีที่ข้ารอคอยมันจะทำให้พลังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของลูกเจ้าเพิ่มขึ้นอย่างเป็นทวีคูณจนเกือบจะเทียบเท่ากับมหาราชันย์เลยทีเดียว"ปีศาจ

    พ่อและแม่ของสมิงค์ เมื่อทั้งคู่ได้ยินแบบนั้นต่างก็ตกใจกับสิ่งที่ปีศาจตัวนั้นพูดแต่ก็ไม่สามารถที่จะตอบโต้หรือทำอะไรได้เนืีองจากถูกแรงกดดันอันมหาสารกดทับเอาไว้

    "เคี๊ยกๆ ถึงเวลาอันเหมาะสมแล้ว เริ่มการบูชายัญเลยดีกว่า!!"ปีศาจ

    ว่าแล้วปีศาจตัวนั้นก็ร่ายพลังเวทย์ใส่ลาล่า จนเธอได้แต่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

    "ไม่นะลาล่า!! ไม่!!!"ไกรศร

    พ่อของสมิงค์ได้แต่ตะโกนเรียกชื่อลูกสาวตัวเองพร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองออกมา

    ทางด้านของสมิงค์ที่ได้ยินเสียงร้องของน้องสาวตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้ เขาได้แต่น้ำตาไหลออกมาที่ไม่สามารถปกป้องคนในครอบครัวของตัวเองได้ 

    ส่วนปีศาจตัวนั้นมันก็ได้ยิ้มออกมาอย่างชั่วช้าที่มันจะได้พลังเวทย์อันมหาสารมาครอบครอง

    "อ๊ากกกก!!!!!"ลาล่า

    "ฮ่าๆๆ ร้องต่อไปซิเจ้ามนุษย์ มันทำให้ข้ารู้สึกชอบมันจริงๆ-

    ระหว่างที่มันกำลังใจจดใจจ่อกับการบูชายัญ จู่ๆก็มีมือปริศนามาจับที่ไหล่ของมัน และแน่นอนมันก็สะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะรีบหันกลับไปดู

    "เห้ยแกเป็นใครวะ-

    ครืน!!!

    ยังไม่ทันที่มันจะได้พูดจบ ร่างของมันก็ถูกแรงกดดันบางอย่าง กดมันจนลงไปนอนกับพื้นทันทีจนลึกลงไปถึง1เมตร

    ______________________________________
    ตอนต่อไป บุคคลปริศน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×