ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทหารไทยตะลุยในต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #4 : การติดต่อครั้งแรกและสงครามที่ใกล้เริ่ม

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 64


    อาณาจักรโทปา ดินแดนของเผ่าอมนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ

    "ว่ายังไงนะ จักรวรรดิ์พาร์ลอวต้องการประกาศสงครามกับเรางั้นเหรอ!!"นายกรัฐมนตรี

    นายกรัฐมนตรีของอาณาจักรโทปาและคนอื่นๆในรัฐบาลต่างก็ตกใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ยินจากทูตของจักรวรรดิ์พาร์ลอวพูดขึ้นมา

    "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็ใช่สิวะ"ทูต

    "ท-ทำไมกัน พวกเราไปทำอะไรให้พวกคุรโกรธเคืองถึงขนาดต้องประกาศสงครามกันขนาดนี้!!?"นายกรัฐมนตรี

    นายกรัฐมนตรีถามทูตของจักรวรรดิ์พาร์ลอวด้วยความตกใจปนับแค้นใจนิดๆก่อนที่ทูตของจักรวรรดิ์พาร์ลอวจะพูดออกมา

    "ทำไมน่ะเหรอ ข้าจะบอกให้ก็ได้ นั่นก็เพราะพระราชาของพวกแกน่ะ ปฎิเสธจักรวรรดิ์พาร์ลอวที่ต้องการเช่าที่ดินถึง300ปียังไงล่ะ!!"ทูต

    นายกรัฐมนตรีและคนอื่นๆในรัฐบาลเมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น ต่างก็โมโหกันใหญ่กับสิ่งที่จักรวรรดิ์พาร์ลอวขอมา เพราะตลอดที่ผ่านมาอาณาจักรโทปาที่ค้าขายพืชผลทางเกษตรกรรมกับจักรวรรดิ์พาร์ลอวต่างก็ขาดดุลการค้าให้กับจักรวรรดิ์พาร์ลอวมาตลอดเพื่อที่จะยอมสวามิภักดิ์ไม่ให้จักรวรรดิ์พาร์ลอวเข้ามายึดดินแดนของตน แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผ่านมาจักรวรรดิ์พาร์ลอวได้ทำสงครามกับประเทศต่างๆมากมายจนได้กลายเป็นมหาอำนาจทางด้านตะวันออกเป็นอันดับ4ของโลกจนทำให้ต้องการทรัพยากรเป็นจำนวนมากในการทำสงคราม และอาณาจักรโทปากก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่จักรวรรดิ์พาร์ลอวต้องการมา เนื่องจากดินแดนของอาณาจักรโทปาน้นได้รับการคุ้มครองจากเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้ทุกที่ของอาณาจักรโทปานั้น สามารถปลูกอะไรก็ได้ซึ่งสิ่งที่ปลูกนั้นจะเจริญงอกงามและไม่มีแมลงมาตอมกัดกินพืชผลให้เสียหาย และแม่น้ำในดินแดนอาณาจักรโทปานั้นสามารถดื่มกินที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องกลัวโรคท้องบิดหรือสิ่งสกปกจากแม่น้ำลำธารจึงถือได้ว่าเป็นดินแดนที่ทุกประเทศต่างก็อยากมี

    "ฮึ่ม มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!"นายกรัฐมนตรี

    "แล้วยังไงล่ะ เพราะอีกอีก1ปีจักรวรรดิ์พาร์ลอวของพวกเราจะยกทัพจำนวน400,000นายบุกเข้ามายึดดินแดนแห่งนี้  ถึงตอนนั้นพวกแกเตียมตัวเตรียมใจถูกปั่นหัวได้เลย ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!"ทูต

    จากนั้นทูตของจักรวรรดิ์พาร์ลอวก็ได้เดินออกไปจากห้องประชุม ทิ้งไว้ให้เหล่าคณะรับบาลต่างก็มีความเครียดเพิ่มเป็นทวีคูน

    ทางด้านขแงเจมส์ ตอนนี้ที่ฐานทัพของเขาได้เริ่มมีบ้านเรือนและโรงงานอุตสาหกรรมตั้งนอกฐานทัพ เนื่องจากประชากรที่เขาเสกออกมานั้นมีจำนวนถึง500,000คน และพื้นที่ประเทศในตอนนี้มีประมาณ60,000ตารางกิโลเมตรอันเนื่องมาจากที่แห่งนี้เป็นที่ๆไม่ค่อยมีเผ่าพันธุ์ไหนอยากเข้ามา เนื่องจากเป็นที่รกร้างแถมยังเป็นป่ารกทึบและยังมีมอนเตอร์ดุร้ายอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และที่แห่งนี้ก็ยังเคยเป็นดินแดนของเผ่ามนุษย์มาก่อน จึงทำให้มีเศษซากอารยธรรมที่พอหลงเหลืออยู่บ้าง จึงทำให้ผู้นำแต่ละอาณาจักรห้ามไม่ให้ประชากรของตนเข้ามาย่างกรายในที่แห่งนี้

    "มีรายงานเข้ามาครับ"

    "ว่ามาเลย?"เจมส์

    เจมส์   ณ ตอนนรี้เขาได้กลายเป็นผู้นำของที่นี่ เขาได้จัดการเอกสารจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนถึงแม้เขาจะได้ความรู้จากหนังสือที่อยู่ในหัวเขา แต่เรี่ยวแรงของเขานั้นก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา จึงทำให้เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อล้าไปกับมัน

    "เนื่องจากตอนนี้สัวต์ป่าอสูรที่เราได้กำจัดไป ทางเราได้ลองนำเนื้อของมันมารับประมานดูก็พบว่ามันมีรสชาติที่อร่อยพอๆกับเนื้อวากิวมาก และตอนที่เอาไปปรุงมันก็ยิ่งเพิ่มรสชาติขึ้นไปอีกครับ"

    ทหารนายนั้นได้เล่าบรรยายสรพรรคุณของเนื้ออสูรที่ได้นำมารับประทาน ก่อนจะตัดบทพูดและรายงานอีกเรื่อง

    "ตอนนี้เครื่องบินตรวจการp3cได้ค้นพบอาณาจักรแห่งหนึ่งครับ ซึ่งดูจากภูมิประเทศแล้ว ดินแดนแห่งนี้มีการทำเกษตรกรรมกันเป็นจำนวนมาก มากว่าพื้นที่ของประเทศเราอีกครับ"

    พอเขาได้ยินแบบนั้นเขาก็เบิกตากว้างขึ้นมาราวกับกำลังตกใจกับสิ่งที่เขาได้ยินจากทหารนายนั้น

    "ไม่น่าเชื่อ ฟังจากที่พูดแล้วดูเหมือนว่าดินแดนแห่งนี้น่าจะอุดมสมบูรณ์มาก จนแทบไม่มีแมลงมาคอยรบกวนพืชผลทางการเกษตรเลยสินะ"เจมส์

    เจมส์ได้ทำท่าครุ่นคิดอยู่ซักพัก ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้

    "จริงสิทำไมไม่ลองไปเจริญสัมพนธ์ไมตรีทางการทูตกับทางนั้นดูก่อนล่ะ'เจมส์

    "เจริญสัมพนธ์ไมตรีทางการทูตงั้นเหรอครับ"

    "ใช่ เพราะตอนนี้เรามีพื้นที่ไม่พอสำหรับการทำเกษตรกรรม เเละนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีเลยที่จะสร้างความสำพันธ์กับทางนั้น'เจมส์

    "แต่ท่านครับ มันจะไม่เป็นไรงั้นเหรอครับ"

    "ไม่เป็นไรหรอก แต่เพื่อการนั้นเราต้องปกปิดตัวตนของราก่อน"เจมส์

    "ทราบแล้วครับ"


    วันต่อมาทางด้านอาณาจักรโทปา

    ตอนนี้ก็เป็นวันที่เหล่าชาวเมืองต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองตามปกติเป็นประจำ บ้างก็ทำมาค้าขายบ้างก็กำลังรับเหมาก่อสร้างอยู่

    ฟิ้ว....

    "วันนี้สภาพอากาศดีมาก ไม่มีไวเวิร์นของข้าศึกจากต่างแดนแถมผลผลิตก็ยังอุดมสมบูรณ์ดี"

    วันนี้ก็เป็นวันที่เหล่าอัศวินมังกรต่างก็ทำหน้าที่บินลาดตระเวนกันตามปกติ สายลมได้พัดผ่านร่างของอัศวันมังกรนายหนึ่งราวกับกำลังต้อนรับเขาอยู่ 

    ระหว่างที่อัศวินนายนี้กำลังลาดตระเวนอยู่ จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง เสียงนั้นเป็นเสียงที่อัศวินนายนี้ไม่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก เขาได้ลองตั้งใจฟังถี่ๆ ก่อนจะพบว่าได้มีวัตถุสีขาวบางอย่างกำลังพุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วสูง

    อือ........

    "น-นั่นอะไรกันไวเวิร์นงั้นเหร-

    ฟ้าว!!!!

    สิ่งนั้นได้บินผ่านอัศวินนายนี้ไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ อัสวินนายนี้ที่เห็นดับนั้นต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็ได้บอกหอบังคับการผ่าานทางวิทยุเวทมนต์

    "รายงานครับ ตอนี้ผมได้พบวัตถุบางอย่างที่ไม่ใช่มังกนหรือไวเวิอร์กำลังบินมาทางนี้ครับ!!"

    นายพลของหอบังคับการ เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้รีบถามอัสวินนายนั้นทันที

    "บอกลักษณะมันมาซิ!!"

    มันมีสีขาวรอบตัว แถมยังไม่กระพือปีกอีกครับ!!"

    "ว-ว่ายังไงนะ!!!"


    เมืองหลวงของอาณาจักรโทปา

    ในตอนนี้ที่เมืองหลวง ต่างก็สงบสุขราวเหมือนกับในทุกๆวัน ยามเช้าผู้คนในเมืองต่างก็ออกจากบ้านมาทำงานและหน้าที่ของตนกัน

    "อืม เป็นอย่างงั้นเองสินะ"

    พระราชาของอาณาจักรโทปา ผู้ขึ้นชื่อเรื่องการบริหารปกครองประเทศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและยังเป็นที่รักของประชาชน กำลังนั่งคุยกับเหล่าเสนาธิการรวมถึงนายกรัฐมนตรีดะนอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยท่าทางที่ตึงเครียด

    "ไม่มีทางอื่นเลยเหรอครับที่จะสามารถเลี่ยงสงครามกับจักรวรรดิ์พาร์ลอวได้"นายก

    นายกรัฐมนตรี ในตอนนี้เขาดูมีท่าทางกระวนกระวายเป็นอย่างมากเนื่องจากพระราชาได้ปฎิเสธการครอบครองของจักรวรรดิ์พาลอวที่ต้องการครอบครองดินแดนแห่งนี้เนื่องจากต้องการทรัพยากรอาหารไปกับการทำสงครามกับประเทศฝ่ายตรงข้าม และรวมถึงต้องการเกณฑ์ประชากรของอแระเทศนี้ไปเป็นกำลังรบให้กับตัวเองจนพระราชาที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับโกรธเป็นอย่างมาก เลยสั่งไล่ทูตของจักรวรรดิ์พาร์ลอวออกไป

    "คงมีแต่ต้องยอมรับเท่านั้นแหละ เพราะกำลังทหารของประเทศเรามีไม่มากพอที่จะไปต่อกรกับพวดนั่นหรอก"พระราชา

    ในระหว่างที่เขากำลังสนทนากันอยู่ ได้เกิดเสียงวิ่งอยู่ทางด้านนอกประตูก่อนที่แระตูนั้นจะถูกผลักออกมาอย่างแรง พร้อมกับร่างของชายคนหนึ่งที่วิ่งมาอย่างทุรนทุราย

    "เกิอะไรขึ้น! ทำไมถึงได้รีบวิ่งมาอย่างนั่น!?"

    นายกรัฐมนตรีได้ถามชายคนนั้น

    "มีเหตุจำเป็นที่ต้องรายงานครับ ตอนนี้ได้มียานพาหนะสีขาวไม่ทราบชนิดกำลังบินมาที่เมืองหลวงครับ!!"

    "ว-ว่ายังไงนะ!!"

    ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้รวมถึงพระราชาต่างก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่ชายคนนี้เล่ามา ก่อนจะถามออกไป

    "ใช่ไวเวินร์หรือเปล่า แล้วมันมากี่ตัวล่ะ?"

    "มาตัวเดียวครับตอนนี้-

    อือ.....อือ........

    เสียงดังสนั่นบนท้องฟ้าราวกับท้องฟ้ากำลังพิโรธ เหล่าชาวเมืองรวมถึงผู้คนในคณะรัฐบาลต่างก็รีบออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะหันขึ้นไปมองดู

    "น-นั่นมันอะไรกัน!!!?"

    พระราชารวมถึงคณะรัฐบาล ได้มองสิ่งนั่นด้วยความสงสัยและหวาดกลัวไปด้วยเนื่องจากเสียงของมันดังมากถึงแม้จะอยู่ไกลก็ตาม

    "แล้วหน่วยอัศวินล่ะไปไหนดันหมด!?"นายก

    "หน่วยอัศวินพยายามไล่ตามมันแล้วครับแต่ก็ไล่ตามไม่ทันเนื่องจากมันเร็วมาก!!!"

    จากนั้นไม่นานสิ่งๆนั้นก็ได้บินสูงขึ้นไปอีกก่อนที่จะหายลับไปในท้องฟ้า

    "มันไปแล้วสินะ"

    ป้อมปราการเมืองเขตชายแดน

    "พวกแกเป็นใครกัน บอกจุดประสงค์ของพวกแกมา!!!"

    "นั่นมันรถม้าอะไรวะ!?"

    ทหารที่เฝ้าป้อมปราการได้ตวาดเสียงใส่สิ่งหนึ่งที่จอดอยู่ทางด้านหน้าของประตูเมือง จากนั้นไม่นานก็มีคนเดินออมาจากสิ่งนั้น

    "มันออกมาแล้ว ทุกนายเตรียมธนู-

    "เดี่ยวก่อน!!!"

    ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งตะโกนบอกให้พวกเขาหยุด ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้บัญชาการหญิงของที่แห่งนี้ จากนั้นทหารทุกนายก็ลดธนูลง

    "พวกเจ้ามาที่นี่ เพื่อจุดประสงค์อะไร!?"

    ผู้บัญชาการได้ตะโกนถามบุคคลเสื้อเขียวคนนั่นออกไป ไม่นานบุคคลเสื้อเขียวคนนั้นก็เริ่มออกมา

    "พวกเรามาที่นี่เพื่อต้องการเจริญสัมพันธ์ไมตรีทางการทูตกับพวกคุณเท่านั้น พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้าย"

    ชายเสื้อเขียวคนนั้นพูดออกมา แต่ผู้บัญชาการคนนั้นก็ยังไม่ปักใจเชื่อซักเท่าไหร่

    "หึ มาเจริญสัมพันธไมตรีงั้นเหรอ ก็ได้แต่ถ้าอยากจะเข้าเมืองชายแดนมา พวกเจ้าต้องเปิดเผยใบหน้าของพวกเจ้าซะ!!!"

    ผู้บัญชาการได้สั่งให้ชายชุดเขียวทั้งหมดเปิดหน้ากากที่เขาสวมอยู่ ไม่นานนักชายชุดเขียวทั้งหมดก็พยักหน้าใส่กันก่อนจะเปิดหน้ากากและถอดหมวกออกมา ซึ่งเผยให้เห็นใบหน้าที่เผ่าพันธุ์ในโลกนี้ต่างรู้จักกันเป็นอย่างดีจากการที่พวกเขาได้ถูกสอนกันมาตลอดช่วงพันปี

    "ม-ไม่จริงน่า น-นั่นมัน มะมะมนุษย์
    เป็นไปได้ยังไงกัน พวกเขาสูญพันธุ์ไปแล้วนิ!!!!

    ______________________________________
    ตอนต่อไป เมืองชายแดนและการทูต

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×