ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Flowers caramel หนุ่มหน้าใสหัวใจคาราเมล

    ลำดับตอนที่ #5 : ทราฟัลการ์สแควร์ -2-

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 47


    โซโฮ หรือย่านไชน่าทาวน์ของชาวอังกฤษและชาวเอเชีย ผู้คนและนักท่องเที่ยวที่เบื่ออาหารของชนชั้นสูงมักจะมาสถานที่แห่งนี้และทุกๆปีไชน่าทาวน์หรือโซโฮก็จะมีเทศกาลที่เรียกว่าตรุษจีนซึ่งชาวจีนก็จะจัดงานขึ้น จะมีการประดับประดาด้วยสีแดงและชุดสีแดงซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวอังกฤษหรือชาวจีนเชื้อสายจีนที่มาร่วมงานนี้ เด็กเล็กที่มีเชื้อสายจีนก็จะมีการได้รับเงินหรืออั่งเปาซึ่งชาวจีนถือว่าพวกเขายังเด็กและไม่สามารถที่จะหาเงินเองได้และนิยมแจกเงินให้กับเด็กๆเหล่านี้ในวันดังกล่าว



        “ผมขอบะหมี่เป็ดที่หนึ่งครับ” แสตนส่งรายการอาหารให้กับโจอี้เพื่อสั่งรายการต่อไป

        “ผมขอบะหมี่ปูละกันครับ” เขาส่งรายการอาหารให้กับพนักงานเสิร์ฟและกล่าวต่อไปว่า “ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฟังเหรอ”

        “อ้อใช่ จำเรื่องที่เราบอกได้ไหมเรื่องลูกสาวของคาราเมล” เขายื่นหน้าเขามาใกล้ๆกับโจอี้

        “จำได้ซิ ทำไมเหรอ”

        “เมื่อวานฉันไปงานเปิดตัวช๊อกโกแลตตัวใหม่”เขากล่าวเริ่มต้นด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นและกล่าวต่อไปว่า “ฉันก็พบกับเธอ....”

        “ใครเหรอ” โจอี้ถาม

        “โรส.....คาราเมลโรส.....เธอสวยดุจดั่งเพชรเลยละและฉันเองก็รู้มาอีกว่าเธอเองก็อายุสิบหกเท่ากับพวกเราเลย”เขากล่าวว่าอย่างนั้น

        “เหรอ....คงจะสวยเหมือนแม่เขาซินะ” โจอี้กล่าวเสริม

        “ใช่.....” แสตนตอบสั้นๆและกล่าวต่อว่า “เมื่อคืนฉันเลยทำความรู้จักกับเธอ เธอบอกว่าเธอชอบงานศิลปะและเธอเองก็ชอบงานของฉันด้วย” เขากล่าว

        “เหรอ.....ก็ดีนี่ ฉันเองก็อยากเจอเหมือนกัน ขณะแค่เธออยู่หน้าบ้านฉัน ฉันยังไม่เจอเลยนายนี่โชคดีจริงๆ” โจอี้หัวเราะเบาๆ



        ในที่สุดเขาก็จบการสนทนาด้วยการทานอาหารกลางวันที่โซโฮอากาศก็ยังคงไม่ร้อนและเย็นมาก กำลังสบายๆสามารถที่จะสวมเสื้อผ้าแบบเสื้อยืดกางเกงยีนตามสไตล์ของแต่ละบุคคลแต่โจอี้มักจะชอบเสื้อแขนยาวเสียมากกว่า เขาเดินออกไปจากร้านอาหารและนั่งรถไปต่อที่อะควาเลี่ยมหรือจุดที่นักท่องเที่ยวมักจะชอบไปเพราะที่นี่เอง ก็คือลอนดอนอายที่พวกเรารู้จักกัน ลอนดอนอายเหมือนแคปซูนที่อยู่บนเครื่องจักรชนิดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับแม่น้ำเทมส์ ซึ่งเป็นจุดๆหนึ่งที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบๆเมืองลอนดอนได้



        “นายนี่พาเรามาเสียเงินจริงๆเลย” โจอี้บ่นด้วยหางตา

        “ก็ช่วยไม่ได้ นายเองก็ชวนเรามาแต่ไม่ยักจะรู้ว่าอยากไปไหนและอีกอย่างเราเองก็อยากมาเล่นเกมเหมือนกัน” แสตนอมยิ้มและเดินนำทางไปที่อะความเลี่ยม

        “นายก็รู้ว่าวันนี้เราเอาเงินมาแค่ยี่สิบปอนด์เองค่ากินก็ปาไปสี่ปอนด์สามสิบห้าเพนนี แล้วไงละตอนนี้ก็เลยเหลือเงินแค่สิบหกปอนด์หกสิบห้าเพนนี่” โจอี้ทำหน้าเบ้ใส่

        “เอาน่า...อย่าลืมซิ ว่าฉันเป็นตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่” และเขาก็หยุดหันมามองโจอี้และหัวเราะลั่นกัน



        เวลานี่ช่างหฤหรรษ์ เขาอยู่ที่นั้นได้หลายชั่วโมงและบัดนี้เองก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องกลับบ้านแล้ว ร้านรวงต่างๆก็เริ่มพากันปิดตัวลงไปตามๆกันจะมีก็แต่ผับต่างๆที่เขาไม่สามารถเข้าไปนั่งได้ โจอี้และแสตนต่างก็พากันขึ้นรถกลับบ้านกัน



        ช่วงเวลาดีดีกับการวาดรูปของโรสก็ได้เวลากลับบ้านเช่นกัน คุณป้ามิเชลมารับเธอเหมือนเคย และเธอก็นั่งรถกลับบ้านทางเดิมเหมือนเคยทุกวัน



        “เอ๊ะ....คุณป้าค่ะ ทำไมวันนี้เรามาเส้นทางนี้ค่ะ” เธอถามขณะที่เส้นทางทุกวันที่เธอเคยนั่งนั้นเปลี่ยนไป

        “อ้อ พอดีคุณนายบอกว่าให้เข้าทางด้านหลัง เพราะว่าทางหน้าบ้านประตูอัตโนมัติเสียค่ะ” คุณป้าตอบ

        “อย่างนั้นเหรอค่ะ แต่ก็ดีเหมือนกันโรสเองก็ไม่เคยเข้าทางหลังบ้านเหมือนกัน เพราะปกติเองก็เข้าทางหน้าบ้านอยู่เป็นประจำ สงสัยช่วงนี้พวกเราคงจะต้องใช้ประตูหลังบ้านบ่อยๆแน่เลย” เธอหัวเราะเบาๆและอมยิ้ม



        ระหว่างทางนั้นเองโจอี้ก็เดินเรียบทางมาบนทางเท้าแล้วหยุดตรงที่ริมถนนซึ่งรถของเธอเลี้ยวเข้ามาจอดตรงประตูบ้านของเธอพอดิบพอดี



        “เอ๊ะ......” เธอเอ่ยขึ้นมาลอยๆ สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยจนหางตานั้นไปจรดอยู่ที่เขาคนนั้น

        “อ้อ....ผู้ชายคนนี้” มิเชลชะโงกหน้าออกมาด้านข้างทันทีที่เธอเห็นโรสมีทีท่าสงสัย

        “คุณป้ารู้จักไหมค่ะ” เธอถาม

        “อ้อ......หนุ่มคนนั้นชื่อโจอี้ เป็นลูกชายเจ้าของร้านดอกไม้ตรงโน่นค่ะ” มิเชลกล่าวพลางชี้ไปทางบ้านของเขา

        “ใช่ซิ โจอี้”

        “คุณหนูรู้จักเหรอค่ะ” คุณป้าหันมาสบตาย้ำกับความรู้สึก

        “อ.....เออ.....เปล่าค่ะ โจอี้ไงที่เป็นเพื่อนของคุณแม่ค่ะ คุณป้าจำได้ไหม เขาชื่อเหมือนกันเลยนะค่ะ” เธอทำหน้าใสซื่อและเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

        “อ้อค่ะจำได้ค่ะ ตอนแรกป้านึกว่าคุณหนูรู้จักกับโจอี้ซะอีก ป้าตกใจหมด” เธอทำท่าเอามือพาดพิงที่ใต้ลำคอของเธอ

        “ทำไมเหรอค่ะ เขานิสัยไม่ดีอย่างนั้นเหรอ” โรสหันมาถามอย่างสนอกสนใจ

        “เปล่า เขาเป็นคนดี จริงจังกับงานมาก และที่สำคัญเป็นเด็กดีของบ้านด้วย บ้านของเขาขายดอกไม้อยู่ตรงนั้น ป้าเองก็ไปซื้อดอกไม้ของเขาบ่อยๆ”

        “ทำไมป้าถึงไปซื้อดอกไม้ของเขาบ่อยจัง” เธอถาม

        “อ้อ...จริงๆแล้วป้าเองชอบไปนั่งคุยอยู่กับย่าของเขา ป้ากับย่าของโจอี้สนิทกัน และที่สำคัญบางทีก็ซื้อบางทีเองเขาก็ให้ดอกไม้จ๊ะ” มิเชลอธิบาย

        “อย่างนี้นี่เอง จริงๆแล้วในบ้านของเราเองก็มีดอกไม้เยอะแยะ รวมไปถึงดอกกุหลาบที่คุณแม่ได้ปลูกไว้ แต่คุณป้าเองก็ไม่ยักจะไปตัดเอามาใส่แจกัน ก็เพราะอย่างนี้นี่เอง” เธออมยิ้มหัวเราะร่วน



        อาทิตย์อัสดงในยามเย็น แสงอาทิตย์สาดส่องเป็นสีทองดั่งกับทุ่งทานตะวันที่เหลืองอร่ามนับร้อยเอเคอร์ เธอนั่งบรรจงหยิบไดอารี่พร้อมๆกับเวลาเดียวกันกับที่โจอี้หยิบไดอารี่ขึ้นมา ทั้งเธอและเขาบรรจงเขียนเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาทั้งสอง สายลมพัดผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนและสีชมพู ทำให้หนังสือเล่มหนึ่งของเขาทั้งสองตกลงมาจากชั้นวาง ด้วยแรงลมทำให้หนังสือเหล่านั้นเปิดออกทีละใบจนกระทั่งถึงหน้าที่ หกสิบสอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×