ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : งานศิลปผู้ดีอังกฤษ
“ว่าไงจ๊ะลูกรัก” เธออ้าแขนออกไปด้านข้างเพื่อรับและโอบกอดบุตรสาวของเธอ
    “คิดถึงคุณแม่จังเลย ทำไมคุณแม่ไปคราวนี้นานจังเลยค่ะ” เธอสบตากับแม่ของเธอแล้วกล่าว
    “พอดีที่โรงงานมีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องจักรเล็กน้อย ทำให้แม่ต้องเสียเวลา แล้วคนดีของแม่ทำตัวดีรึเปล่าระหว่างที่คุณแม่ไม่อยู่บ้าน” เธอยิ้มและเลิกคิ้วขึ้น
    “คุณนายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ คุณหนูโรสไม่ได้สร้างปัญหาใดๆให้กับภายในบ้านเลยสักนิดค่ะ” เสียงหญิงแก่แทรกขึ้น ทำให้คุณนายคาราเมลเหลือบมามอง
    “ดีจ๊ะ....อ้อ....วันนี้แม่มีประชุมตอนเย็น อยากจะให้ลูกไปเป็นเพื่อน”
    “ได้ค่ะคุณแม่ ที่ไหนค่ะ”
    “รอยัล อคาเดมี ออฟ อาร์ต”
    เสียงดนตรีที่คลาคล่ำไปด้วยแขกผู้มีเกียรติและกิตติมาศักดิ์ผู้ดีอังกฤษมากมาย ณ งานศิลปะที่เดินถือแก้วไวน์ไปรอบๆงาน “รอยัล อคาเดมี ออฟอาร์ต” ผู้คนส่วนใหญ่สวมชุดราตรีและสูท ซึ่งงานในค่ำคืนนี้ก็คืองานที่สำคัญ โดยเจ้าของงานนี้ก็คือ คุณสมาร์ตหรือที่เรารู้จักกันในนามเจ้าของโรงงานผลิตช๊อกโกแลตสมาร์ตคู่แข่งกับคาราเมล ดังนั้นในงานนี้ก็จะมีการเจรจากันด้านธุรกิจและการตกลงทางด้านการค้าต่างๆรวมไปถึงภาพวาดของบุตรชายของเขา
    “สวัสดีครับ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน” เซบัสเตียนก้าวเท้าขึ้นเวทีและเริ่มกล่าวเปิดงาน “กระผมเซบัสเตียนขอกล่าวเปิดงาน ศิลปะกับของหวาน ซึ่งชื่อนี้เป็นคอนเซ็ปของงานนี้และวันนี้ ผมก็มีสินค้าชนิดใหม่ให้พวกท่านได้ลิ้มลองกันในงานค่ำคืนนี้ รวมไปถึงการชื่นชมงานศิลปะมากมายและที่สำคัญ คืนนี้ก็จะมีการประมูลภาพซึ่งบางภาพ บุตรชายของผมได้เป็นคนวาดขึ้น ดังนั้นผมขอกล่าวคำเปิดงานแต่เพียงเท่านี้ครับ ขอให้ทุกท่านสนุกในค่ำคืนนี้ครับ”
    ผู้สื่อข่าวมากมายต่างมาทำข่าวที่นี้อย่างล้นหลาม ผู้คนในงานนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ดีชั้นสูงทั้งสิ้น โรส คาราเมล บุตรสาวคนเดียวของตระกูลคาราเมลก็มาในครั้งนี้ ยิ่งทำให้ผู้สื่อข่าวต่างหันเหความสนใจมากขึ้น เธอสวมชุดราตรีสีดำยาวและรองเท้าแก้วส้นสูงสีดำเคียงข้างกับคุณนายคาราเมล และงานนี้เองแสตนก็ต้องมาเหมือนกัน แสงสี ไฟมากมายกระทบลงที่ผิวหนังอันบอบบางของเธอ ความงามที่เจิดจรัสกับชุดราตรียาวและแสงไฟที่กระทบลงบนสร้อยเพชรที่อยู่บนคอหงส์ของเธอ ทำให้เพชรที่ดูมีคุณค่ายิ่งมีคุณค่ามากขึ้นแสตนบุตรชายที่อยู่ด้านข้างของเวทียืนกุมมืออยู่ด้านหน้าของเขาเหลือบไปมองหญิงสาวอย่างสนอกสนใจ แต่ถึงกระนั้นตัวเขาเองก็ยังเห็นเธอไม่ชัดมากนัก
    “โอ้....บุตรสาวของคุณคาราเมลนี้สวยและดูดีเหมือนคุณคาราเมลเลยนะ” เสียงผู้คนมากมายภายในงานต่างกระซิบกัน สายตาที่มองเธออย่างไม่ขาดสายทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากขึ้น
    “ฉันไม่ชอบงานอย่างนี้เลย” เธอพูดกับตัวเองในใจ
    “สวัสดีครับคุณคาราเมล” คุณเซบัสเตียนเจ้าของงานเดินแทรกผ่านผู้คนมากล่าวทักคุณแอนนา
    “สวัสดีค่ะ” แอนนากล่าวสั้นๆ
    “กระผมขอเชิญคุณทางด้านนี้เลยครับ” เขาเปิดทางไปที่โต๊ะที่เขาได้จัดรับรองเอาไว้อย่างเป็นพิเศษ
    “ค่ะ”
    “นี่แสตน ลูกชายของผมเองนะครับ”เซบัสเตียนแนะนำให้เธอรู้จักกัน
    “แสตนนี่โรส ลูกสาวของคุณแอนนา”
   
    “สวัสดีครับ”
    “สวัสดีค่ะ”
    ผู้ใหญ่สองท่านได้แยกย้ายไปดูงานแสดงต่างๆตามงานทิ้งให้แสตนและโรสอยู่กันเพียงลำพัง
    “สวัสดีครับ/ค่ะ” พวกเขาพูดพร้อมกัน
    “คุณก่อนละกัน”
    “ไม่เป็นไรครับ คุณพูดก่อนเถอะ”
    “คุณชอบงานศิลปะเหรอค่ะ” เธอถามขึ้นขณะดวงตาที่สดใสมองไปรอบๆงาน
    “อ้อครับ.....งานนี้เองผมก็มีส่วนในงานนี้เหมือนกัน” แสตนกล่าว
    “ค่ะ”
    “งั้นให้ผมอาสาพาคุณไปดูชิ้นงานต่างๆละกัน และก็งานของผมเองด้วย”เขากล่าวและยิ้มอย่างเป็นกันเอง
   
    แสตนและโรสลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้อย่างดีและเดินไปรอบๆงาน เขาแนะนำรูปภาพหลายภาพที่เขาวาดเองก็ดีและภาพของศิลปินมืออาชีพและสมัครเล่นเองก็ดี ในงานนี้ทำให้เธอได้ความรู้อะไรมากมายและเขาและเธอก็รู้จักกันมากขึ้นโดยอาศัยศิลปะเป็นสื่อกลาง
    “นี่ครับ เบอร์ของผม มีปัญหาอะไรก็โทรหาผมได้นะครับ” เขายื่นนามบัตรให้แก่เธอ
    “ค่ะ...คืนนี้สนุกมากและก็ชิ้นงานของคุณเองก็สวยมากๆ ดูซิคุณแม่ของฉันเลยต้องเหมาซื้อไปตั้งหลายชิ้น” เธอยิ้มหัวเราะเบาๆกับแสตน
    “ขอบคุณครับสำหรับทุกอย่างในค่ำคืนนี้ ยังไงหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ”
    “เช่นกันค่ะ”
    เช้าวันใหม่ที่ดูสดใส วันนี้เป็นวันอาทิตย์ร้านดอกไม้ของโจอี้จึงปิดทำการหนึ่งวัน เขากำลังนั่งเขียนไดอารี่ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ได้เขียนมาก็หลายวันแล้วเนื่องจากงานที่ร้านลูกค้ามาใช้บริการมาก เขาจึงมีเวลาเขียนเฉพาะวันอาทิตย์เพียงวันเดียว
   
    “เมษายน.....” เขาเหลือบไปมองปฏิทินที่อยู่บนโต๊ะของเขา
    “ถ้าขืนทำงานอยู่ที่บ้านอย่างเดียวคงจะเบื่อแย่.....วันนี้ออกไปข้างนอกดีกว่าเผื่อจะมีอะไรดีดีทำ”
    ทันใดนั้นที่เขาพูดเขาก็หันตัวเองไปหยิบโทรศัพท์โทรหาแสตนทันที
    “สวัสดีครับขอสายแสตนหน่อยครับ” เขากล่าว
    “ได้ครับ กรุณารอสักครู่” เสียงชายที่ปลายสายกล่าวตอบมาเช่นเดียวกัน
    “ว่าไงโจอี้”เสียงแสตนที่ปลายสายดังออกมาจากที่หูโทรศัพท์ของเขา
    “เออ.....วันนี้นายว่างรึเปล่า”โจ้อี้ถาม
    “ว่างซิ”แสตนตอบ
    “ดี งั้นเราออกไปข้างนอกกันนะ”เขาชวน
    “เอาซิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายด้วยละ”
    “งั้นเหรอ งั้นเจอกันที่เดิมนะ”
    “โอเค”
    พวกเขาสองคนมักจะมีจุดที่เจอกันเป็นประจำที่ทราฟัลการ์สแควร์ซึ่งวันนี้เองโจอี้ได้มาถึงที่นัดหมายก่อนเวลา เขาจึงนั่งคอยอยู่ตรงบริเวณน้ำพุ
    ท่ามกลางผู้คนทั้งประชาชนชาวลอนดอนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมาย เวลานี้กับเทศกาลอีสเตอร์ก็กำลังใกล้เข้ามามากขึ้นการขายช๊อกโกแล็ตรูปทรงไข่ก็ออกมาขายกันเกลื่อนกลาดทั้งในห้างและนอกห้างและริมถนนต่างๆ เขานั่งมองซ้ายแลขวา และเขาก็หยุดสายตาไว้ที่หญิงคนหนึ่งที่นั่งวาดรูปหันหน้ามาทางด้านเขา หญิงสาวที่สวมกระโปร่งยาวและผมที่ยาวริมฝีปากแดงและดวงตาที่กลมโต ดูเหมือนว่าเธอกำลังนั่งวาดภาพน้ำพุหรือตรงบริเวณที่เขานั่งอยู่นั้นเอง
    “.........” เธอหยุดวาดภาพเมื่อเธอได้สบสายตากับชายแปลกหน้าที่นั่งจ้องมองเธออยู่ตรงข้ามกับเธอ
    โจอี้รู้สึกตัวแล้วว่าเธอเองก็คงจะรู้ว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่ เขาเองจึงตัดรอนโดยลุกขึ้นท่ามกลางฝูงชนที่เดินสวนไปมาแล้วเดินหายไปกับผู้คนที่เร่งรีบ แต่ถึงกระนั้นเขาเองยังคงไม่ละสายตาจากหญิงสาวที่นั่งวาดภาพอยู่เบื้องหน้าเขาถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักก็ตามแต่
    ฝูงนกพิราบกับสายลมที่หวนผ่านเหมือนกับอากาศที่เป็นใจให้เธอกับเขารู้สึกถึงความกระหายน้ำพร้อมๆกัน แสตนผู้ที่มาสายตลอดกาลก็ยังมาไม่ถึงที่นัดหมายเสียที เขาจึงตัดสินใจเดินไปที่ร้านขายน้ำข้างทางซึ่งเป็นจุดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เธอเองก็เช่นเดียวกันที่หิ้วของพะรุงพะรังเพื่อมาหาน้ำดื่ม
    “ขอโทษครับ” เขาปะทะไหล่กับเธอซึ่งทำให้กระดาษที่เธอถือนั้นหล่นกับพื้น
    “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอก้มตัวลงเก็บกระดาษอย่างร้อนรนด้วยเกรงว่าผู้คนรอบข้างจะเหยียบเข้า
    “ให้ผมช่วยถือ.....นะ” โจอี้เสนอตัวให้กับเธอ
    “อ....เออ....ไม่เป็นไรค่ะ” เธอยิ้มเล็กน้อยแต่ถึงกระนั้น เธอเองก็ถือของจนไม่หวัดไม่ไหว
    “ให้ผมช่วยถือดีกว่า นะครับ” โจอี้ยื่นมือไปช่วยเธอ
    “คุณมาที่นี่บ่อยเหรอ” เขาเริ่มคำถามง่ายๆกับน้ำกระป๋องหนึ่งที่ซื้อมา
    “ก็....ค่ะ ฉันชอบมานั่งวาดภาพที่นี่” เธอตอบ
    “ผม....โจอี้นะครับ” เขาแนะนำตัวเองพลางยืนมือออกไปหาเธอ
    “ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ โรสค่ะ” เธอแนะนำตัวเองเช่นเดียวกับเขาและถามต่อไปว่า “แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอค่ะ”
    “ผมนัดเพื่อนมาครับ แต่เขายังไม่มาแต่ผมคงต้องไปแล้วละ” โจอี้ลุกขึ้นและวางของของเธอไว้ที่ข้างๆเธอ
    “ค่ะ....โอกาสหน้า หวังว่าเราจะได้พบกันนะค่ะ” โรสกล่าว
    “เช่นกันครับ ผมต้องรีบไปแล้วละ” เขาโบกมืออำลาให้กับเธอและหายไปกับฝูงชนที่พลุพล่านอยู่บริเวณนั้น
    “เฮ้ย.....โทษทีเมื่อกี้รถเมล์มันมีปัญหา ฉันก็เลยรีบวิ่งมา”แสตนกล่าวด้วยอิริยาบถที่เหนื่อยหอบ
    “ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่วันนี้เราจะไปไหนกันดี” โจอี้ถาม
    “มื้อเที่ยงกับอาหารชั้นยอดที่โซโฮ”แสตนยิ้มกริ่มแล้วชี้นิ้วขึ้นฟ้า
    “ไชน่าทาวน์ ออฟ ลอนดอน”โจ้อี้พูดขึ้นพร้อมๆกันกับแสตนโดยไม่ได้นัดหมาย และแล้วพวกเขาก็เดินทางไปยังโซโฮ
    “คิดถึงคุณแม่จังเลย ทำไมคุณแม่ไปคราวนี้นานจังเลยค่ะ” เธอสบตากับแม่ของเธอแล้วกล่าว
    “พอดีที่โรงงานมีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องจักรเล็กน้อย ทำให้แม่ต้องเสียเวลา แล้วคนดีของแม่ทำตัวดีรึเปล่าระหว่างที่คุณแม่ไม่อยู่บ้าน” เธอยิ้มและเลิกคิ้วขึ้น
    “คุณนายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ คุณหนูโรสไม่ได้สร้างปัญหาใดๆให้กับภายในบ้านเลยสักนิดค่ะ” เสียงหญิงแก่แทรกขึ้น ทำให้คุณนายคาราเมลเหลือบมามอง
    “ดีจ๊ะ....อ้อ....วันนี้แม่มีประชุมตอนเย็น อยากจะให้ลูกไปเป็นเพื่อน”
    “ได้ค่ะคุณแม่ ที่ไหนค่ะ”
    “รอยัล อคาเดมี ออฟ อาร์ต”
    เสียงดนตรีที่คลาคล่ำไปด้วยแขกผู้มีเกียรติและกิตติมาศักดิ์ผู้ดีอังกฤษมากมาย ณ งานศิลปะที่เดินถือแก้วไวน์ไปรอบๆงาน “รอยัล อคาเดมี ออฟอาร์ต” ผู้คนส่วนใหญ่สวมชุดราตรีและสูท ซึ่งงานในค่ำคืนนี้ก็คืองานที่สำคัญ โดยเจ้าของงานนี้ก็คือ คุณสมาร์ตหรือที่เรารู้จักกันในนามเจ้าของโรงงานผลิตช๊อกโกแลตสมาร์ตคู่แข่งกับคาราเมล ดังนั้นในงานนี้ก็จะมีการเจรจากันด้านธุรกิจและการตกลงทางด้านการค้าต่างๆรวมไปถึงภาพวาดของบุตรชายของเขา
    “สวัสดีครับ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน” เซบัสเตียนก้าวเท้าขึ้นเวทีและเริ่มกล่าวเปิดงาน “กระผมเซบัสเตียนขอกล่าวเปิดงาน ศิลปะกับของหวาน ซึ่งชื่อนี้เป็นคอนเซ็ปของงานนี้และวันนี้ ผมก็มีสินค้าชนิดใหม่ให้พวกท่านได้ลิ้มลองกันในงานค่ำคืนนี้ รวมไปถึงการชื่นชมงานศิลปะมากมายและที่สำคัญ คืนนี้ก็จะมีการประมูลภาพซึ่งบางภาพ บุตรชายของผมได้เป็นคนวาดขึ้น ดังนั้นผมขอกล่าวคำเปิดงานแต่เพียงเท่านี้ครับ ขอให้ทุกท่านสนุกในค่ำคืนนี้ครับ”
    ผู้สื่อข่าวมากมายต่างมาทำข่าวที่นี้อย่างล้นหลาม ผู้คนในงานนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ดีชั้นสูงทั้งสิ้น โรส คาราเมล บุตรสาวคนเดียวของตระกูลคาราเมลก็มาในครั้งนี้ ยิ่งทำให้ผู้สื่อข่าวต่างหันเหความสนใจมากขึ้น เธอสวมชุดราตรีสีดำยาวและรองเท้าแก้วส้นสูงสีดำเคียงข้างกับคุณนายคาราเมล และงานนี้เองแสตนก็ต้องมาเหมือนกัน แสงสี ไฟมากมายกระทบลงที่ผิวหนังอันบอบบางของเธอ ความงามที่เจิดจรัสกับชุดราตรียาวและแสงไฟที่กระทบลงบนสร้อยเพชรที่อยู่บนคอหงส์ของเธอ ทำให้เพชรที่ดูมีคุณค่ายิ่งมีคุณค่ามากขึ้นแสตนบุตรชายที่อยู่ด้านข้างของเวทียืนกุมมืออยู่ด้านหน้าของเขาเหลือบไปมองหญิงสาวอย่างสนอกสนใจ แต่ถึงกระนั้นตัวเขาเองก็ยังเห็นเธอไม่ชัดมากนัก
    “โอ้....บุตรสาวของคุณคาราเมลนี้สวยและดูดีเหมือนคุณคาราเมลเลยนะ” เสียงผู้คนมากมายภายในงานต่างกระซิบกัน สายตาที่มองเธออย่างไม่ขาดสายทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากขึ้น
    “ฉันไม่ชอบงานอย่างนี้เลย” เธอพูดกับตัวเองในใจ
    “สวัสดีครับคุณคาราเมล” คุณเซบัสเตียนเจ้าของงานเดินแทรกผ่านผู้คนมากล่าวทักคุณแอนนา
    “สวัสดีค่ะ” แอนนากล่าวสั้นๆ
    “กระผมขอเชิญคุณทางด้านนี้เลยครับ” เขาเปิดทางไปที่โต๊ะที่เขาได้จัดรับรองเอาไว้อย่างเป็นพิเศษ
    “ค่ะ”
    “นี่แสตน ลูกชายของผมเองนะครับ”เซบัสเตียนแนะนำให้เธอรู้จักกัน
    “แสตนนี่โรส ลูกสาวของคุณแอนนา”
   
    “สวัสดีครับ”
    “สวัสดีค่ะ”
    ผู้ใหญ่สองท่านได้แยกย้ายไปดูงานแสดงต่างๆตามงานทิ้งให้แสตนและโรสอยู่กันเพียงลำพัง
    “สวัสดีครับ/ค่ะ” พวกเขาพูดพร้อมกัน
    “คุณก่อนละกัน”
    “ไม่เป็นไรครับ คุณพูดก่อนเถอะ”
    “คุณชอบงานศิลปะเหรอค่ะ” เธอถามขึ้นขณะดวงตาที่สดใสมองไปรอบๆงาน
    “อ้อครับ.....งานนี้เองผมก็มีส่วนในงานนี้เหมือนกัน” แสตนกล่าว
    “ค่ะ”
    “งั้นให้ผมอาสาพาคุณไปดูชิ้นงานต่างๆละกัน และก็งานของผมเองด้วย”เขากล่าวและยิ้มอย่างเป็นกันเอง
   
    แสตนและโรสลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้อย่างดีและเดินไปรอบๆงาน เขาแนะนำรูปภาพหลายภาพที่เขาวาดเองก็ดีและภาพของศิลปินมืออาชีพและสมัครเล่นเองก็ดี ในงานนี้ทำให้เธอได้ความรู้อะไรมากมายและเขาและเธอก็รู้จักกันมากขึ้นโดยอาศัยศิลปะเป็นสื่อกลาง
    “นี่ครับ เบอร์ของผม มีปัญหาอะไรก็โทรหาผมได้นะครับ” เขายื่นนามบัตรให้แก่เธอ
    “ค่ะ...คืนนี้สนุกมากและก็ชิ้นงานของคุณเองก็สวยมากๆ ดูซิคุณแม่ของฉันเลยต้องเหมาซื้อไปตั้งหลายชิ้น” เธอยิ้มหัวเราะเบาๆกับแสตน
    “ขอบคุณครับสำหรับทุกอย่างในค่ำคืนนี้ ยังไงหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ”
    “เช่นกันค่ะ”
    เช้าวันใหม่ที่ดูสดใส วันนี้เป็นวันอาทิตย์ร้านดอกไม้ของโจอี้จึงปิดทำการหนึ่งวัน เขากำลังนั่งเขียนไดอารี่ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ได้เขียนมาก็หลายวันแล้วเนื่องจากงานที่ร้านลูกค้ามาใช้บริการมาก เขาจึงมีเวลาเขียนเฉพาะวันอาทิตย์เพียงวันเดียว
   
    “เมษายน.....” เขาเหลือบไปมองปฏิทินที่อยู่บนโต๊ะของเขา
    “ถ้าขืนทำงานอยู่ที่บ้านอย่างเดียวคงจะเบื่อแย่.....วันนี้ออกไปข้างนอกดีกว่าเผื่อจะมีอะไรดีดีทำ”
    ทันใดนั้นที่เขาพูดเขาก็หันตัวเองไปหยิบโทรศัพท์โทรหาแสตนทันที
    “สวัสดีครับขอสายแสตนหน่อยครับ” เขากล่าว
    “ได้ครับ กรุณารอสักครู่” เสียงชายที่ปลายสายกล่าวตอบมาเช่นเดียวกัน
    “ว่าไงโจอี้”เสียงแสตนที่ปลายสายดังออกมาจากที่หูโทรศัพท์ของเขา
    “เออ.....วันนี้นายว่างรึเปล่า”โจ้อี้ถาม
    “ว่างซิ”แสตนตอบ
    “ดี งั้นเราออกไปข้างนอกกันนะ”เขาชวน
    “เอาซิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายด้วยละ”
    “งั้นเหรอ งั้นเจอกันที่เดิมนะ”
    “โอเค”
    พวกเขาสองคนมักจะมีจุดที่เจอกันเป็นประจำที่ทราฟัลการ์สแควร์ซึ่งวันนี้เองโจอี้ได้มาถึงที่นัดหมายก่อนเวลา เขาจึงนั่งคอยอยู่ตรงบริเวณน้ำพุ
    ท่ามกลางผู้คนทั้งประชาชนชาวลอนดอนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมาย เวลานี้กับเทศกาลอีสเตอร์ก็กำลังใกล้เข้ามามากขึ้นการขายช๊อกโกแล็ตรูปทรงไข่ก็ออกมาขายกันเกลื่อนกลาดทั้งในห้างและนอกห้างและริมถนนต่างๆ เขานั่งมองซ้ายแลขวา และเขาก็หยุดสายตาไว้ที่หญิงคนหนึ่งที่นั่งวาดรูปหันหน้ามาทางด้านเขา หญิงสาวที่สวมกระโปร่งยาวและผมที่ยาวริมฝีปากแดงและดวงตาที่กลมโต ดูเหมือนว่าเธอกำลังนั่งวาดภาพน้ำพุหรือตรงบริเวณที่เขานั่งอยู่นั้นเอง
    “.........” เธอหยุดวาดภาพเมื่อเธอได้สบสายตากับชายแปลกหน้าที่นั่งจ้องมองเธออยู่ตรงข้ามกับเธอ
    โจอี้รู้สึกตัวแล้วว่าเธอเองก็คงจะรู้ว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่ เขาเองจึงตัดรอนโดยลุกขึ้นท่ามกลางฝูงชนที่เดินสวนไปมาแล้วเดินหายไปกับผู้คนที่เร่งรีบ แต่ถึงกระนั้นเขาเองยังคงไม่ละสายตาจากหญิงสาวที่นั่งวาดภาพอยู่เบื้องหน้าเขาถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักก็ตามแต่
    ฝูงนกพิราบกับสายลมที่หวนผ่านเหมือนกับอากาศที่เป็นใจให้เธอกับเขารู้สึกถึงความกระหายน้ำพร้อมๆกัน แสตนผู้ที่มาสายตลอดกาลก็ยังมาไม่ถึงที่นัดหมายเสียที เขาจึงตัดสินใจเดินไปที่ร้านขายน้ำข้างทางซึ่งเป็นจุดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เธอเองก็เช่นเดียวกันที่หิ้วของพะรุงพะรังเพื่อมาหาน้ำดื่ม
    “ขอโทษครับ” เขาปะทะไหล่กับเธอซึ่งทำให้กระดาษที่เธอถือนั้นหล่นกับพื้น
    “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอก้มตัวลงเก็บกระดาษอย่างร้อนรนด้วยเกรงว่าผู้คนรอบข้างจะเหยียบเข้า
    “ให้ผมช่วยถือ.....นะ” โจอี้เสนอตัวให้กับเธอ
    “อ....เออ....ไม่เป็นไรค่ะ” เธอยิ้มเล็กน้อยแต่ถึงกระนั้น เธอเองก็ถือของจนไม่หวัดไม่ไหว
    “ให้ผมช่วยถือดีกว่า นะครับ” โจอี้ยื่นมือไปช่วยเธอ
    “คุณมาที่นี่บ่อยเหรอ” เขาเริ่มคำถามง่ายๆกับน้ำกระป๋องหนึ่งที่ซื้อมา
    “ก็....ค่ะ ฉันชอบมานั่งวาดภาพที่นี่” เธอตอบ
    “ผม....โจอี้นะครับ” เขาแนะนำตัวเองพลางยืนมือออกไปหาเธอ
    “ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ โรสค่ะ” เธอแนะนำตัวเองเช่นเดียวกับเขาและถามต่อไปว่า “แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่เหรอค่ะ”
    “ผมนัดเพื่อนมาครับ แต่เขายังไม่มาแต่ผมคงต้องไปแล้วละ” โจอี้ลุกขึ้นและวางของของเธอไว้ที่ข้างๆเธอ
    “ค่ะ....โอกาสหน้า หวังว่าเราจะได้พบกันนะค่ะ” โรสกล่าว
    “เช่นกันครับ ผมต้องรีบไปแล้วละ” เขาโบกมืออำลาให้กับเธอและหายไปกับฝูงชนที่พลุพล่านอยู่บริเวณนั้น
    “เฮ้ย.....โทษทีเมื่อกี้รถเมล์มันมีปัญหา ฉันก็เลยรีบวิ่งมา”แสตนกล่าวด้วยอิริยาบถที่เหนื่อยหอบ
    “ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่วันนี้เราจะไปไหนกันดี” โจอี้ถาม
    “มื้อเที่ยงกับอาหารชั้นยอดที่โซโฮ”แสตนยิ้มกริ่มแล้วชี้นิ้วขึ้นฟ้า
    “ไชน่าทาวน์ ออฟ ลอนดอน”โจ้อี้พูดขึ้นพร้อมๆกันกับแสตนโดยไม่ได้นัดหมาย และแล้วพวกเขาก็เดินทางไปยังโซโฮ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น