ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ทราฟัลการ์สแควร์ -1-
หญิงสาวผู้รักสันโดษ รักงานศิลปะและดนตรี เวลาว่างเธอมักจะไปที่ทราฟัลการ์สแควร์ และสิ่งที่เธอมักจะนำติดตัวไปตลอดเวลานั้นก็คือ กระดานวาดภาพ กระดาษ ดินสอ บางครั้งเธอเองก็ได้นำเอากล้องติดตัวเธอไปด้วย บริเวณทราฟัลการ์สแควร์จะมีหมู่ฝูงนกพิราบหลายพันตัวยืนเรียงรายไปรอบๆบริเวณน้ำพุแห่งนี้ มีสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิคหรืองานชื้นเอกที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1805 เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พลเรือเอกลอร์ดเนลสันในการทำยุทธนาวีชนะกองทัพเรือจักรพรรดินโปเลียนนอกแหลมทราฟัลการ์ และที่แห่งนี้นี่เอง ซึ่งผู้คนหลั่งไหลกันมาอย่างมากมายทั้งเวลามีเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นงานฉลองปีใหม่หรือเทศกาลวันคริสต์มาศเองก็ดี จะมีผู้ที่อาศัยในลอนดอนเองหรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างหลั่งไหลกันมาเที่ยวกันอย่างคึกคัก พวกเขาเหล่านี้มักจะมีจุดเริ่มต้น ณ ที่ ทราฟัลการ์สแควร์
   
“ดูซิ.....เขาวาดสวยจัง”
เสียงผู้คนที่เดินผ่านไปมาในยามบ่ายคับคั่ง ต่างชื่นชมในผลงานของเธอทั้งสิ้นบ้างก็พูดภาษาอังกฤษ บ้างก็พูดภาษาของชาติตนเอง ต่างชื่นชมในฝีมือของเธอ
“............” เธอหยุดและผละจากการวาดรูปนกบริเวณน้ำพุ ดวงตากลมโตผมสีน้ำตาลดวงตาเป็นสีฟ้า นัยน์ตาที่กำลังบ่งบอกถึงความรู้สึกว่า ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก
“คุณหนูคะ เรากลับกันเถอะค่ะ” ป้ามิเชลลงจากรถคันงามสีดำ
“ค่ะ.....”
เธอไม่เคยที่จะปริปากหรือขัดคำสั่งใครๆทั้งสิ้น เธอเป็นเด็กดีในสายตาของคุณพ่อและคุณแม่ พ่อและแม่ของเธอมีกิจการที่ใหญ่มาก พ่อของเธอเองมักจะบินไปมาระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ส่วนแม่ของเธอเองก็เป็นผู้ดูแลโรงงานที่แมนเชสเตอร์ ตอนนี้เธอเองก็อายุสิบหกปี และกำลังจะเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมปลายแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน
“ไหนขอป้าดูซิ.....” ป้ามิเชลที่นั่งอยู่ข้างๆเธอเอ่ยขึ้น
“ค่ะ.....”
“คุณหนูวาดรูปแบบนี้ทุกๆวันในบริเวณเดิมๆ คุณหนูไม่เบื่อบ้างเหรอคะ” ป้ามิเชลกล่าว
“ถึงแม้ว่าหนูจะวาดรูปตรงบริเวณเก่า แต่ทุกวันที่เปลี่ยนไป เวลาก็เปลี่ยนไป ทุกๆอย่างก็เปลี่ยนไปเช่นกัน หนูไม่เบื่อหรอกค่ะที่จะอยู่ตรงน้ำพุทราฟัลการ์สสแควร์” เธอกล่าวแล้วยิ้มดวงตาเบิกกว้าง
พวกเขานั่งรถผ่านหอศิลป์ขึ้นเรียบไปทางเหนือของจตุรัสทราฟัลการ์หรือแนชชันนัลแกลเลอรี่ ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งรวมงานศิลปะชิ้นเอกต่างๆระดับโลก ตั้งแต่งานของลีโอนาร์โดและเร็มแบรนด์ต ไปจนถึงเอล เกรโก เธอมักจะมาที่นี่เสมอๆเพื่อมาเรียนรู้กับอาจารย์เหล่านี้ หลังจากที่นั่งรถกันมาได้สักพัก พวกเขาก็อยู่บนถนนอ๊อกฟอร์ดในที่สุดพวกเขาก็กลับถึงบ้าน
“อ่ะ วันนี้คุณแม่กลับมาเหรอค่ะ” โรสเอ่ยขึ้นขณะที่มือเธอสัมผัสกับดอกกุหลาบสีขาวที่ป้ามิเชลเพิ่งจะซื้อมาเมื่อเช้านี้
“ใช่คะคุณหนู ตอนสามทุ่มนะค่ะ”
คุณแม่ของโรส เธอชอบดอกกุหลาบสีขาวเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเธอจะมีรสนิยมชื่นชอบดอกกุหลาบเหมือนกับโรสก็ตาม แต่ตัวโรสเองชอบสีแดงมากกว่าสีขาว พอเวลาที่มิเชลจัดแจกัน หากวันไหนจัดดอกกุหลาบสีขาว เธอก็จะรู้ทันทีว่าวันนั้นแม่ของเธอจะกลับถึงบ้าน และมีสิ่งหนึ่งหากคุณพ่อกลับมา ครอบครัวของเธอก็จะจัดงานต้อนรับคุณพ่อเป็นอย่างดี
ณ ใจกลางเมืองลอนดอนบนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ตั้งแต่เด็กไปจนกระทั่งวัยชรา เวลายามบ่ายกับตะวันที่ทอแสงลงมาแต่ถูกบดบังรัศมีด้วยก้อนเมฆ ทำให้อากาศบริเวณโดยรอบของลอนดอนร่มเย็นรวมถึง สายลมที่พัดมาจากลมทางตอนเหนือของประเทศ ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นขึ้นแต่ไม่มากเท่ากับฤดูหนาวที่ผ่านมา
โจอี้เงยหน้าผ่านตึกที่ก่อสร้างมานับร้อยปีรวมทั้งพื้นดินที่ก่อสร้างมาจากหินในสมัยก่อน เขาหยุดและหลับตาเพียงชั่วครู่ เสียงต่างๆที่อยู่บริเวณรอบกึกก้องไปด้วยเสียงแตรและผู้คนที่พูดคุยกันอย่างล้นหลาม เขาสูดลมหายใจเข้าไปอย่างเต็มปอด เขาลืมตาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเขาและแสตนนั้น ได้มาอยู่ที่หน้าห้างมาร์คแอนสเป็นเซอร์เรียบร้อยแล้ว
“เราเข้าไปซื้อของกันไหม” แสตนหยุดดวงตาจดจ้องผ่านห้างสรรพสิ้นค้าของมาร์คแอนสเป็นเซอร์
“ก็ได้ แล้วแต่นายสิ นายจะซื้ออะไรล่ะ”เขาตอบ
“อืม....ของกินมั้ง” เขาตอบพลางอมยิ้มเล็กน้อย
เขาทั้งสองจึงเดินย้อนขึ้นมาและเข้าห้างสรรพสินค้ามาร์คแอนสเป็นเซอร์ที่อยู่ติดกับถนนอ๊อกฟอร์ด กระจกใสถูกผลักออกโดยลูกค้าหญิงวัยกลางคนที่เพิ่งจะซื้อของถือพะรุงพะรังเดินสวนออกมา เขาทั้งสองเดินผ่านประตู ทั้งทางซ้ายและขวามีเสื้อผ้าตลอดทางเดินในห้าง
“วันอีสเตอร์”แสตนพูดลอยๆขึ้นมา
“ทำไม”โจอี้หันมาสบตา
“ใกล้วันอีสเตอร์แล้ว คนเอาช๊อกโกแลตมาขายกันใหญ่เลยดูซิ”
“ใช่ รวมถึงของบ้านนายด้วย”
เขาเดินมาเรื่อยๆผ่านบันไดเลื่อนที่จะขึ้นไปยังชั้นสองของตึก และเดินต่อมายังซุปเปอร์มาเก็ตซึ่งอยู่ด้านในสุดของตัวห้าง ทั้งพืชผักและอาหารเช้า ผลไม้และบรรดาของใช้จำเป็นสำหรับในบ้านต่างตั้งกันเรียงรายตลอดแนว พวกเขาแวะซื้อของกันสักพักพวกเขาก็รีบเดินทางกลับร้านทันที
{{{{{{{กริ้ง.....กริ้ง}}}}}}}
    ทันใดนั้นเองสัญญาณเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าของโจอี้ก็ดังขึ้นระหว่างที่กำลังขายดอกไม้อยู่ที่ร้าน
    “ครับ....ได้ครับ.....”ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อคุณมากาเร็ตได้กล่าวว่าเขากำลังเอาดอกไม้ที่เหลือมาส่งหลังจากที่เมื่อเช้าเขานำดอกไม้มาส่งไม่ครบตามจำนวนที่โจสั่งไว้
    “แสตน นายเฝ้าร้านก่อนนะ ฉันต้องออกไปรับดอกไม้ที่ถนนอีกฝั่งหนึ่ง”เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้แล้วเดินออกจากหน้าร้านของเขาผ่านประตู
    แดดยามบ่ายสามโมงเย็น ถูกบดบังด้วยเมฆขาวและเมฆเหล่านี้ได้คล้อยต่ำลงทำให้ความกดอากาศบนภาคพื้นดินต่ำลง อากาศจึงหนาวเย็นมากกว่าตอนกลางวันสายลมพัดผ่านสัมผัสใบหน้าของหนุ่มผมสีน้ำตาลอมทอง ผมสะบัดไปตามแรงลม เขาหยุดอยู่ตรงทางเท้าและรอสัญญานไฟจารจรเพื่อเขาจะได้ข้ามถนนไปรับดอกไม้ยังอีกฝั่งหนึ่ง
{{{{เอี๊ยด.......โครม}}}}
    ดอกไม้นานาพันธุ์กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดเต็มท้องถนน พนักงานของคุณมากาเร็ตทำรถเข็ญไม้สีเข้มล้มลงกลางถนน ทำให้ดอกไม้ที่อยู่บนรถได้หล่นลงบนพื้น ทันใดนั้นเอง
    “พวกเธอทำอะไรกัน” เสียงดุดันของหญิงสาวอายุราวสามสิบกว่าที่อยู่บนรถเปิดกระจกเอ่ยถาม
    “ขอโทษครับ.....คือ ผมผิดเอง เมื่อกี้ไม่ได้ทันระวัง รถเข็ญเกิดเสียหลักก็เลยล้มลงครับ”พนักงานของคุณมากาเร็ตกล่าวคำขอโทษ
    “ไม่เป็นอะไรหรอก ทีหน้าทีหลังก็ระวังหน่อยละกัน เพราะฉันเองก็ไม่ชอบให้ใครมาทำอะไรเลอะเทอะบริเวณหน้าบ้านของฉัน” เธอค่อยๆปิดกระจกรถโรสลอยด์คันงามหกประตู และรถก็ค่อยๆเคลื่อนหายเข้าไปในกำแพงสีขาว
    ความงงงันที่สร้างความตกใจให้แก่โจอี้ที่ยืนเงียบสงบอยู่เกาะกลางถนน เขาถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเขาพบว่าประตูไม้บนกำแพงสีขาวที่ดูเหมือนว่าจะปิดตายมาตลอดเวลาสิบหกปี ได้เปิดออกให้เห็นความงดงามภายในบ้านของตระกูลคาราเมล เพียงชั่วพริบตาทางเดินรถที่ปูด้วยหินสีมรกตที่งดงามเป็นทางเข้าไปและด้านข้างเต็มไปด้วยต้นไม้พืชพันธุ์ที่หาได้ยากทั้งสิ้นขึ้นเต็มทั้งสองข้างทางของทางเดินรถเข้าบ้าน ประตูเลื่อนออกเองโดยไม่จำเป็นต้องใช้บุคคลมาเป็นแรงงานในการเปิดประตูทั้งสิ้น
    “มาผมช่วย” เขาหยุดและผละความตื่นตันทั้งหมดหลังจากที่ประตูไม้สีน้ำตาลปิดลง เขารีบวิ่งมาอีกฝั่งเพื่อเก็บดอกไม้ที่หล่นอยู่เต็มท้องถนน
    “คุณนายกลับมาแล้วค่ะคุณหนู”มิเชลคนดูแลภายในบ้านรีบวิ่งมาบอกข่าวเกี่ยวกับคุณแอนนาที่ได้เปลี่ยนกำหนดการกลับมาบ้าน
    “จริงเหรอค่ะ คุณแม่กลับมาแล้ว”
   
“ดูซิ.....เขาวาดสวยจัง”
เสียงผู้คนที่เดินผ่านไปมาในยามบ่ายคับคั่ง ต่างชื่นชมในผลงานของเธอทั้งสิ้นบ้างก็พูดภาษาอังกฤษ บ้างก็พูดภาษาของชาติตนเอง ต่างชื่นชมในฝีมือของเธอ
“............” เธอหยุดและผละจากการวาดรูปนกบริเวณน้ำพุ ดวงตากลมโตผมสีน้ำตาลดวงตาเป็นสีฟ้า นัยน์ตาที่กำลังบ่งบอกถึงความรู้สึกว่า ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก
“คุณหนูคะ เรากลับกันเถอะค่ะ” ป้ามิเชลลงจากรถคันงามสีดำ
“ค่ะ.....”
เธอไม่เคยที่จะปริปากหรือขัดคำสั่งใครๆทั้งสิ้น เธอเป็นเด็กดีในสายตาของคุณพ่อและคุณแม่ พ่อและแม่ของเธอมีกิจการที่ใหญ่มาก พ่อของเธอเองมักจะบินไปมาระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ส่วนแม่ของเธอเองก็เป็นผู้ดูแลโรงงานที่แมนเชสเตอร์ ตอนนี้เธอเองก็อายุสิบหกปี และกำลังจะเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมปลายแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน
“ไหนขอป้าดูซิ.....” ป้ามิเชลที่นั่งอยู่ข้างๆเธอเอ่ยขึ้น
“ค่ะ.....”
“คุณหนูวาดรูปแบบนี้ทุกๆวันในบริเวณเดิมๆ คุณหนูไม่เบื่อบ้างเหรอคะ” ป้ามิเชลกล่าว
“ถึงแม้ว่าหนูจะวาดรูปตรงบริเวณเก่า แต่ทุกวันที่เปลี่ยนไป เวลาก็เปลี่ยนไป ทุกๆอย่างก็เปลี่ยนไปเช่นกัน หนูไม่เบื่อหรอกค่ะที่จะอยู่ตรงน้ำพุทราฟัลการ์สสแควร์” เธอกล่าวแล้วยิ้มดวงตาเบิกกว้าง
พวกเขานั่งรถผ่านหอศิลป์ขึ้นเรียบไปทางเหนือของจตุรัสทราฟัลการ์หรือแนชชันนัลแกลเลอรี่ ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งรวมงานศิลปะชิ้นเอกต่างๆระดับโลก ตั้งแต่งานของลีโอนาร์โดและเร็มแบรนด์ต ไปจนถึงเอล เกรโก เธอมักจะมาที่นี่เสมอๆเพื่อมาเรียนรู้กับอาจารย์เหล่านี้ หลังจากที่นั่งรถกันมาได้สักพัก พวกเขาก็อยู่บนถนนอ๊อกฟอร์ดในที่สุดพวกเขาก็กลับถึงบ้าน
“อ่ะ วันนี้คุณแม่กลับมาเหรอค่ะ” โรสเอ่ยขึ้นขณะที่มือเธอสัมผัสกับดอกกุหลาบสีขาวที่ป้ามิเชลเพิ่งจะซื้อมาเมื่อเช้านี้
“ใช่คะคุณหนู ตอนสามทุ่มนะค่ะ”
คุณแม่ของโรส เธอชอบดอกกุหลาบสีขาวเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเธอจะมีรสนิยมชื่นชอบดอกกุหลาบเหมือนกับโรสก็ตาม แต่ตัวโรสเองชอบสีแดงมากกว่าสีขาว พอเวลาที่มิเชลจัดแจกัน หากวันไหนจัดดอกกุหลาบสีขาว เธอก็จะรู้ทันทีว่าวันนั้นแม่ของเธอจะกลับถึงบ้าน และมีสิ่งหนึ่งหากคุณพ่อกลับมา ครอบครัวของเธอก็จะจัดงานต้อนรับคุณพ่อเป็นอย่างดี
ณ ใจกลางเมืองลอนดอนบนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ตั้งแต่เด็กไปจนกระทั่งวัยชรา เวลายามบ่ายกับตะวันที่ทอแสงลงมาแต่ถูกบดบังรัศมีด้วยก้อนเมฆ ทำให้อากาศบริเวณโดยรอบของลอนดอนร่มเย็นรวมถึง สายลมที่พัดมาจากลมทางตอนเหนือของประเทศ ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นขึ้นแต่ไม่มากเท่ากับฤดูหนาวที่ผ่านมา
โจอี้เงยหน้าผ่านตึกที่ก่อสร้างมานับร้อยปีรวมทั้งพื้นดินที่ก่อสร้างมาจากหินในสมัยก่อน เขาหยุดและหลับตาเพียงชั่วครู่ เสียงต่างๆที่อยู่บริเวณรอบกึกก้องไปด้วยเสียงแตรและผู้คนที่พูดคุยกันอย่างล้นหลาม เขาสูดลมหายใจเข้าไปอย่างเต็มปอด เขาลืมตาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเขาและแสตนนั้น ได้มาอยู่ที่หน้าห้างมาร์คแอนสเป็นเซอร์เรียบร้อยแล้ว
“เราเข้าไปซื้อของกันไหม” แสตนหยุดดวงตาจดจ้องผ่านห้างสรรพสิ้นค้าของมาร์คแอนสเป็นเซอร์
“ก็ได้ แล้วแต่นายสิ นายจะซื้ออะไรล่ะ”เขาตอบ
“อืม....ของกินมั้ง” เขาตอบพลางอมยิ้มเล็กน้อย
เขาทั้งสองจึงเดินย้อนขึ้นมาและเข้าห้างสรรพสินค้ามาร์คแอนสเป็นเซอร์ที่อยู่ติดกับถนนอ๊อกฟอร์ด กระจกใสถูกผลักออกโดยลูกค้าหญิงวัยกลางคนที่เพิ่งจะซื้อของถือพะรุงพะรังเดินสวนออกมา เขาทั้งสองเดินผ่านประตู ทั้งทางซ้ายและขวามีเสื้อผ้าตลอดทางเดินในห้าง
“วันอีสเตอร์”แสตนพูดลอยๆขึ้นมา
“ทำไม”โจอี้หันมาสบตา
“ใกล้วันอีสเตอร์แล้ว คนเอาช๊อกโกแลตมาขายกันใหญ่เลยดูซิ”
“ใช่ รวมถึงของบ้านนายด้วย”
เขาเดินมาเรื่อยๆผ่านบันไดเลื่อนที่จะขึ้นไปยังชั้นสองของตึก และเดินต่อมายังซุปเปอร์มาเก็ตซึ่งอยู่ด้านในสุดของตัวห้าง ทั้งพืชผักและอาหารเช้า ผลไม้และบรรดาของใช้จำเป็นสำหรับในบ้านต่างตั้งกันเรียงรายตลอดแนว พวกเขาแวะซื้อของกันสักพักพวกเขาก็รีบเดินทางกลับร้านทันที
{{{{{{{กริ้ง.....กริ้ง}}}}}}}
    ทันใดนั้นเองสัญญาณเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าของโจอี้ก็ดังขึ้นระหว่างที่กำลังขายดอกไม้อยู่ที่ร้าน
    “ครับ....ได้ครับ.....”ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อคุณมากาเร็ตได้กล่าวว่าเขากำลังเอาดอกไม้ที่เหลือมาส่งหลังจากที่เมื่อเช้าเขานำดอกไม้มาส่งไม่ครบตามจำนวนที่โจสั่งไว้
    “แสตน นายเฝ้าร้านก่อนนะ ฉันต้องออกไปรับดอกไม้ที่ถนนอีกฝั่งหนึ่ง”เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้แล้วเดินออกจากหน้าร้านของเขาผ่านประตู
    แดดยามบ่ายสามโมงเย็น ถูกบดบังด้วยเมฆขาวและเมฆเหล่านี้ได้คล้อยต่ำลงทำให้ความกดอากาศบนภาคพื้นดินต่ำลง อากาศจึงหนาวเย็นมากกว่าตอนกลางวันสายลมพัดผ่านสัมผัสใบหน้าของหนุ่มผมสีน้ำตาลอมทอง ผมสะบัดไปตามแรงลม เขาหยุดอยู่ตรงทางเท้าและรอสัญญานไฟจารจรเพื่อเขาจะได้ข้ามถนนไปรับดอกไม้ยังอีกฝั่งหนึ่ง
{{{{เอี๊ยด.......โครม}}}}
    ดอกไม้นานาพันธุ์กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดเต็มท้องถนน พนักงานของคุณมากาเร็ตทำรถเข็ญไม้สีเข้มล้มลงกลางถนน ทำให้ดอกไม้ที่อยู่บนรถได้หล่นลงบนพื้น ทันใดนั้นเอง
    “พวกเธอทำอะไรกัน” เสียงดุดันของหญิงสาวอายุราวสามสิบกว่าที่อยู่บนรถเปิดกระจกเอ่ยถาม
    “ขอโทษครับ.....คือ ผมผิดเอง เมื่อกี้ไม่ได้ทันระวัง รถเข็ญเกิดเสียหลักก็เลยล้มลงครับ”พนักงานของคุณมากาเร็ตกล่าวคำขอโทษ
    “ไม่เป็นอะไรหรอก ทีหน้าทีหลังก็ระวังหน่อยละกัน เพราะฉันเองก็ไม่ชอบให้ใครมาทำอะไรเลอะเทอะบริเวณหน้าบ้านของฉัน” เธอค่อยๆปิดกระจกรถโรสลอยด์คันงามหกประตู และรถก็ค่อยๆเคลื่อนหายเข้าไปในกำแพงสีขาว
    ความงงงันที่สร้างความตกใจให้แก่โจอี้ที่ยืนเงียบสงบอยู่เกาะกลางถนน เขาถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเขาพบว่าประตูไม้บนกำแพงสีขาวที่ดูเหมือนว่าจะปิดตายมาตลอดเวลาสิบหกปี ได้เปิดออกให้เห็นความงดงามภายในบ้านของตระกูลคาราเมล เพียงชั่วพริบตาทางเดินรถที่ปูด้วยหินสีมรกตที่งดงามเป็นทางเข้าไปและด้านข้างเต็มไปด้วยต้นไม้พืชพันธุ์ที่หาได้ยากทั้งสิ้นขึ้นเต็มทั้งสองข้างทางของทางเดินรถเข้าบ้าน ประตูเลื่อนออกเองโดยไม่จำเป็นต้องใช้บุคคลมาเป็นแรงงานในการเปิดประตูทั้งสิ้น
    “มาผมช่วย” เขาหยุดและผละความตื่นตันทั้งหมดหลังจากที่ประตูไม้สีน้ำตาลปิดลง เขารีบวิ่งมาอีกฝั่งเพื่อเก็บดอกไม้ที่หล่นอยู่เต็มท้องถนน
    “คุณนายกลับมาแล้วค่ะคุณหนู”มิเชลคนดูแลภายในบ้านรีบวิ่งมาบอกข่าวเกี่ยวกับคุณแอนนาที่ได้เปลี่ยนกำหนดการกลับมาบ้าน
    “จริงเหรอค่ะ คุณแม่กลับมาแล้ว”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น