ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : เสียงปลายสายที่แสนหวาน
              “เอ๊ะ.....วันนี้แปลกจัง” เธอพูดขึ้นลอยๆขณะที่อยู่บนรถ
    “ทำไมเหรอค่ะคุณหนูโรส” มิเชลหันไปด้วยใบหน้าที่งุนงง
    “คุณแม่ไม่ยักจะโทรมาเวลานี้” เธอพูดขึ้นและก็หยุดพูดสักพักเธอก็กล่าวต่อไปว่า “หรือว่ามีคนในที่นี้โทรไปหาเรียบร้อยแล้ว” เธอเหน็บแนมแดนนี่ที่กำลังขับรถอยู่ด้านหน้า เขาเหลือบตามองขึ้นไปที่กระจกส่องด้านบน
    “คุณป้าค่ะ วันนี้โรสวาดรูปสวยมากเลย เดี๋ยวโรสจะกลับไปให้คุณป้าดูนะค่ะ” เธอหันมาคุยและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับมิเชล
   
ในที่สุดพวกเขาก็กลับถึงบ้านโจอี้เองก็ไปแวะซื้อของเพียงลำพังที่เทสโก้และอยู่ๆก็เจอกับแสตนจึงได้มีการทักทายและพูดคุยกัน
“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายอาทิตย์ เป็นไงบ้างนายสบายดีไหม” แสตนเดินเข้ามาตบไหล่โจอี้เบาๆ
“อ้าว....ว่าไง ก็สบายดีช่วงนี้ ไม่ได้โทรคุยกันเลยเนอะว่าไหม” โจอี้หันหลังกลับมาพูดคุยมือพลางหยิบของ
“พอดีเรามาเช็คของกับพ่อ ก็เลยแวะมาเทสโก้นิดหน่อย” แสตนยิ้มและกล่าวพูดต่อไปว่า “แล้วนายมาทำอะไรที่นี่เหรอ”
“พอดีฉันไป........” เขาหยุดและนึกขึ้นได้ว่า เรื่องนี้จะให้แสตนรู้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
“ไปไหนนะ” แสตนถามย้ำอีกครั้ง
“จริงๆก็ไม่ได้ไปไหนหรอก พอดีออกมาหาอะไรกินแถวนี้ก็เลยแวะเขาเทสโก้” เขาพูดดวงตาเบิกกว้างเพื่อกลบเกลื่อนความจริง
“งั้นเหรอ แต่นายมาไกลจากบ้านนายมากเลยนะ” แสตนขมวดคิ้วทั้งสองข้างเข้าหากัน
“เหรอ......ก็....อยากเปลี่ยนบรรยากาศละมั้ง” เขาหัวเราะเอามือปิดปากพลางกลบเกลื่อน
เขาสนทนากันเล็กน้อยและพ่อของแสตนก็โทรศัพท์มาตามตัวเขาให้รีบกลับ เขาและแสตนจึงแยกย้ายกันไปทำกิจธุระของตน ส่วนโจอี้เองก็รีบเดินทางกลับบ้านอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้ถึงบ้านโดยตะวันยังไม่ลับขอบฟ้า
“กลับมาแล้วครับ” เขาปิดประตูหน้าบ้านตัวเองและหิ้วของไปวางที่โต๊ะอาหาร
“มาแล้วก็ดีแล้ว เดี๋ยวลูกโทรไปหาคุณมากาเร็ตด้วยว่า พรุ่งนี้ให้เขามาส่งของตอนเก้าโมงเช้า” โจเปิดหนังสือรายการดอกไม้และรายรับรายจ่ายของแต่ละวันโดยไม่ละสายตาจากหนังสือที่อยู่ตรงหน้าไปสบตากับลูกชาย
“อ้อได้ครับ.....” เขาเดินไปเปิดไฟที่เป็นบริเวณสำหรับขายดอกไม้ และเปิดสมุดโทรศัพท์สั่งของตามที่คุณพ่อบอก
“สวัสดีครับ พรุ่งนี้ช่วยมาส่งดอกไม้ให้ที่ร้านตอนเก้าโมงเช้านะครับ” เขาพูดออกไปยังเสียงปลายสาย
เขาเจรจาเสร็จก็วางสาย ในขณะที่เขากำลังจะไปปิดไฟเขาเอามือล่วงกระเป๋าก็พบกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง โจอี้หยิบมันและเปิดออก ในนั้นมีเบอร์โทรศัพท์ของโรสที่โรสได้เขียนทิ้งไว้เมื่อบ่ายวันนี้ก่อนออกจากร้านอาหาร เขาเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ โจอี้เหลือบมองไปดูอีกห้องหนึ่งว่าโจยังอยู่บริเวณนั้นอีกหรือไม่ ใช่ เขาไม่อยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสดีที่เขาจะโทรหาเธอ
เขายกหูโทรศัพท์ ในใจเองก็กลัวๆกล้าๆที่จะคุย เขาเริ่มกดเบอร์ทีละตัวอย่างตั้งใจและหัวใจเองก็รนรานพอๆกันกับมือที่จะกดหมายเลขปลายทาง ในที่สุดมันก็ติด เขารอดังสองรอบจึงวางหูทันที โจอี้รู้สึกทำใจไม่ได้ เขาตื่นเต้นและรู้ดีว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะโทรไปหาเธอ เขารวบรวมสมาธิอีกครั้ง และกดหมายเลขเดิมบนแป้นโทรศัพท์ และมันก็ติดอีกรอบ เขาปล่อยให้มันดังอีกสี่ครั้งในที่สุด เธอก็รับสายแต่ทันใดนั้นเองเขาก็วางสายไปอีกเช่นเคย
“เธอรับแล้ว” เขาวางหูและเบิกตากว้าง หัวใจเต้นรัวดั่งกลอง และก้าวเท้าไปข้างหลังหนึ่งก้าว
“ไม่ เราจะไม่โทรแล้ว” เขารำพึงคนเดียวและทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ตายแล้ว.....ต้องใช่เธอแน่ๆเลย” เขาวิ่งไปวิ่งมาสลับกับตะโกนออกมาด้วยความลืมตัว
“เอา......โทรศัพท์ดังทำไมไม่ยอมรับสายละ” ซาร่าชะโงกหน้าออกมาจากห้องนั่งเล่น
“อ้อ.....ครับๆ” เขาหยุดและรวบรวมสมาธิทุกอย่างกลับเข้ามา และเดินไปจนกระทั่งถึงตัวเครื่องโทรศัพท์ เขามองเครื่องนั้นนานอยู่พักหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจรับโทรศัพท์
“สะ.....สวัส.....สวัสดีครับ” เขาพูดตะกุกตะกัก
“สวัสดีค่ะ นี้ป้ามากาเร็ตนะจ๊ะ พรุ่งนี้ตอนเก้าโมงป้ามีส่งของตอนเก้าโมงที่ลอนดอนวอลล์ กลัวว่าจะกลับมาส่งสินค้าไม่ทัน ขอเลื่อนเป็นสิบโมงได้ไหมค่ะ” เสียงปลายสายทำให้เขาลดความวิตกกังวลไปมากเลยทีเดียว
“แล้วก่อนหน้านั้นได้ไหมครับ สักแปดโมงเช้า” เขาถามที่ปลายสาย
“อ้อ.....ก่อนหน้านั้นเหรอค่ะ ถ้าก่อนหน้านั้นก็คิดว่าแปดโมงครึ่งหน้าจะได้ค่ะ” เธอกล่าวเช่นนั้น
“งั้นก็ตกลงตามนี้ละกันนะครับแปดโมงครึ่ง” และเขาก็วางสายจากป้ามากาเร็ต
------กริ่ง กริ่ง กริ่ง------
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง โจอี้เดินย้อนกลับมารับ
“สวัสดีครับ” เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นและเอ่ยคำออกไปคิดว่าคงจะเป็นคุณป้ามากาเร็ต
“โจอี้ใช่ไหม” เสียงปรายสายถามเช่นนั้น
“ครับ ไม่ทราบว่าใครที่พูดอยู่เหรอครับ” เขาย้อนถามมือพลางดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองไป
“โรสเองนะ เมื่อกี้โทรมาหาโรสเหรอ” เขาหยุดและดวงตาเบิกขึ้น หัวใจเริ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
“อ....อะ.....ครับ ผมโทรไปเอง” เขาตอบอย่างตะกุกตะกัก
“เป็นไง กลับถึงบ้านนานแล้วเหรอค่ะ” เสียงใสๆที่ปลายสายถามโจอี้
“อ้อครับ.....เพิ่งจะกลับถึงบ้านครับจริงๆแล้ว” เขาโต้ตอบเธอกลับไป ใบหน้ายิ้มแย้ม
“พอดีเมื่อกี้โรสอาบน้ำอยู่ เลยไม่ได้รับสาย ขอโทษด้วยนะค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วโรสทานข้าวยังครับ” โจอี้ค่อยๆนั่งลงตรงเก้าอี้ที่เคาร์เตอร์
“ก็กำลังจะทานค่ะ โจอี้ละ” เธอย้อนถามกลับมา
“อ้อครับ ยังเหมือนกันครับ” แล้วทั้งคู่ก็หยุดสนทนาไปชั่วครู่
“เออ.....งั้นโรสต้องขอตัวไปทานข้าวก่อนนะค่ะ แล้วยังไงเราค่อยคุยกันไหมนะค่ะ”
“ครับ....สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
ในที่สุดบทสนทนาก็สิ้นสุดลง โจอี้กระโดดลอยขึ้นด้วยความตื่นเต้นและตกลงมา ทำให้มือพลาดไปโดนเก้าอี้ล้มลงกลับพื้นดังโครม ทำให้ซาร่าต้องเดินออกมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ระวังหน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวก็แขนขาหักกันพอดี” เธอทำหน้าดุใส่โจอี้
“ครับแม่” โจอี้ยกมือขึ้นมาเกาหัวและจัดเก้าอี้เข้าที่เดิม
    คืนนี้เป็นคืนฝันหวานสำหรับเขา หลังจากที่ได้ผ่านเรื่องร้ายๆจากเมื่อวานนี้มา แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็รู้สึกไม่ดีที่ต้องทำตัวลับๆล่อๆกับเธอ เขายังคงไม่เข้าใจว่าทำไมแม่เธอถึงไม่อยากให้เขาและเธอคุยกัน แบบเพื่อนก็ยังดี เป็นสิ่งที่เขายังคงคิดไม่ตกในทุกๆวัน แต่ในเมื่อวันนี้มีสุข เรื่องทุกข์ทั้งหมดก็สมควรที่จะลืม แต่สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ ผิดกับโรส เธอเองก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับเขาเช่นเดียวกัน และก็ยังคิดไม่ตกว่าเธอจะทำอย่างไรให้แอนนาเปิดใจยอมรับเขา ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม แต่มีสิ่งๆหนึ่งที่เขาสัมผัสและรู้สึกถึงได้ โจอี้ ก็คือคนดีคนหนึ่ง และเธอเองก็รู้สึกดีกับเขามากเช่นเดียวกันกับที่โจอี้รู้สึกในตอนนี้ 
    “ทำไมเหรอค่ะคุณหนูโรส” มิเชลหันไปด้วยใบหน้าที่งุนงง
    “คุณแม่ไม่ยักจะโทรมาเวลานี้” เธอพูดขึ้นและก็หยุดพูดสักพักเธอก็กล่าวต่อไปว่า “หรือว่ามีคนในที่นี้โทรไปหาเรียบร้อยแล้ว” เธอเหน็บแนมแดนนี่ที่กำลังขับรถอยู่ด้านหน้า เขาเหลือบตามองขึ้นไปที่กระจกส่องด้านบน
    “คุณป้าค่ะ วันนี้โรสวาดรูปสวยมากเลย เดี๋ยวโรสจะกลับไปให้คุณป้าดูนะค่ะ” เธอหันมาคุยและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับมิเชล
   
ในที่สุดพวกเขาก็กลับถึงบ้านโจอี้เองก็ไปแวะซื้อของเพียงลำพังที่เทสโก้และอยู่ๆก็เจอกับแสตนจึงได้มีการทักทายและพูดคุยกัน
“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายอาทิตย์ เป็นไงบ้างนายสบายดีไหม” แสตนเดินเข้ามาตบไหล่โจอี้เบาๆ
“อ้าว....ว่าไง ก็สบายดีช่วงนี้ ไม่ได้โทรคุยกันเลยเนอะว่าไหม” โจอี้หันหลังกลับมาพูดคุยมือพลางหยิบของ
“พอดีเรามาเช็คของกับพ่อ ก็เลยแวะมาเทสโก้นิดหน่อย” แสตนยิ้มและกล่าวพูดต่อไปว่า “แล้วนายมาทำอะไรที่นี่เหรอ”
“พอดีฉันไป........” เขาหยุดและนึกขึ้นได้ว่า เรื่องนี้จะให้แสตนรู้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
“ไปไหนนะ” แสตนถามย้ำอีกครั้ง
“จริงๆก็ไม่ได้ไปไหนหรอก พอดีออกมาหาอะไรกินแถวนี้ก็เลยแวะเขาเทสโก้” เขาพูดดวงตาเบิกกว้างเพื่อกลบเกลื่อนความจริง
“งั้นเหรอ แต่นายมาไกลจากบ้านนายมากเลยนะ” แสตนขมวดคิ้วทั้งสองข้างเข้าหากัน
“เหรอ......ก็....อยากเปลี่ยนบรรยากาศละมั้ง” เขาหัวเราะเอามือปิดปากพลางกลบเกลื่อน
เขาสนทนากันเล็กน้อยและพ่อของแสตนก็โทรศัพท์มาตามตัวเขาให้รีบกลับ เขาและแสตนจึงแยกย้ายกันไปทำกิจธุระของตน ส่วนโจอี้เองก็รีบเดินทางกลับบ้านอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้ถึงบ้านโดยตะวันยังไม่ลับขอบฟ้า
“กลับมาแล้วครับ” เขาปิดประตูหน้าบ้านตัวเองและหิ้วของไปวางที่โต๊ะอาหาร
“มาแล้วก็ดีแล้ว เดี๋ยวลูกโทรไปหาคุณมากาเร็ตด้วยว่า พรุ่งนี้ให้เขามาส่งของตอนเก้าโมงเช้า” โจเปิดหนังสือรายการดอกไม้และรายรับรายจ่ายของแต่ละวันโดยไม่ละสายตาจากหนังสือที่อยู่ตรงหน้าไปสบตากับลูกชาย
“อ้อได้ครับ.....” เขาเดินไปเปิดไฟที่เป็นบริเวณสำหรับขายดอกไม้ และเปิดสมุดโทรศัพท์สั่งของตามที่คุณพ่อบอก
“สวัสดีครับ พรุ่งนี้ช่วยมาส่งดอกไม้ให้ที่ร้านตอนเก้าโมงเช้านะครับ” เขาพูดออกไปยังเสียงปลายสาย
เขาเจรจาเสร็จก็วางสาย ในขณะที่เขากำลังจะไปปิดไฟเขาเอามือล่วงกระเป๋าก็พบกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง โจอี้หยิบมันและเปิดออก ในนั้นมีเบอร์โทรศัพท์ของโรสที่โรสได้เขียนทิ้งไว้เมื่อบ่ายวันนี้ก่อนออกจากร้านอาหาร เขาเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ โจอี้เหลือบมองไปดูอีกห้องหนึ่งว่าโจยังอยู่บริเวณนั้นอีกหรือไม่ ใช่ เขาไม่อยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสดีที่เขาจะโทรหาเธอ
เขายกหูโทรศัพท์ ในใจเองก็กลัวๆกล้าๆที่จะคุย เขาเริ่มกดเบอร์ทีละตัวอย่างตั้งใจและหัวใจเองก็รนรานพอๆกันกับมือที่จะกดหมายเลขปลายทาง ในที่สุดมันก็ติด เขารอดังสองรอบจึงวางหูทันที โจอี้รู้สึกทำใจไม่ได้ เขาตื่นเต้นและรู้ดีว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะโทรไปหาเธอ เขารวบรวมสมาธิอีกครั้ง และกดหมายเลขเดิมบนแป้นโทรศัพท์ และมันก็ติดอีกรอบ เขาปล่อยให้มันดังอีกสี่ครั้งในที่สุด เธอก็รับสายแต่ทันใดนั้นเองเขาก็วางสายไปอีกเช่นเคย
“เธอรับแล้ว” เขาวางหูและเบิกตากว้าง หัวใจเต้นรัวดั่งกลอง และก้าวเท้าไปข้างหลังหนึ่งก้าว
“ไม่ เราจะไม่โทรแล้ว” เขารำพึงคนเดียวและทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ตายแล้ว.....ต้องใช่เธอแน่ๆเลย” เขาวิ่งไปวิ่งมาสลับกับตะโกนออกมาด้วยความลืมตัว
“เอา......โทรศัพท์ดังทำไมไม่ยอมรับสายละ” ซาร่าชะโงกหน้าออกมาจากห้องนั่งเล่น
“อ้อ.....ครับๆ” เขาหยุดและรวบรวมสมาธิทุกอย่างกลับเข้ามา และเดินไปจนกระทั่งถึงตัวเครื่องโทรศัพท์ เขามองเครื่องนั้นนานอยู่พักหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจรับโทรศัพท์
“สะ.....สวัส.....สวัสดีครับ” เขาพูดตะกุกตะกัก
“สวัสดีค่ะ นี้ป้ามากาเร็ตนะจ๊ะ พรุ่งนี้ตอนเก้าโมงป้ามีส่งของตอนเก้าโมงที่ลอนดอนวอลล์ กลัวว่าจะกลับมาส่งสินค้าไม่ทัน ขอเลื่อนเป็นสิบโมงได้ไหมค่ะ” เสียงปลายสายทำให้เขาลดความวิตกกังวลไปมากเลยทีเดียว
“แล้วก่อนหน้านั้นได้ไหมครับ สักแปดโมงเช้า” เขาถามที่ปลายสาย
“อ้อ.....ก่อนหน้านั้นเหรอค่ะ ถ้าก่อนหน้านั้นก็คิดว่าแปดโมงครึ่งหน้าจะได้ค่ะ” เธอกล่าวเช่นนั้น
“งั้นก็ตกลงตามนี้ละกันนะครับแปดโมงครึ่ง” และเขาก็วางสายจากป้ามากาเร็ต
------กริ่ง กริ่ง กริ่ง------
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง โจอี้เดินย้อนกลับมารับ
“สวัสดีครับ” เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นและเอ่ยคำออกไปคิดว่าคงจะเป็นคุณป้ามากาเร็ต
“โจอี้ใช่ไหม” เสียงปรายสายถามเช่นนั้น
“ครับ ไม่ทราบว่าใครที่พูดอยู่เหรอครับ” เขาย้อนถามมือพลางดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองไป
“โรสเองนะ เมื่อกี้โทรมาหาโรสเหรอ” เขาหยุดและดวงตาเบิกขึ้น หัวใจเริ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
“อ....อะ.....ครับ ผมโทรไปเอง” เขาตอบอย่างตะกุกตะกัก
“เป็นไง กลับถึงบ้านนานแล้วเหรอค่ะ” เสียงใสๆที่ปลายสายถามโจอี้
“อ้อครับ.....เพิ่งจะกลับถึงบ้านครับจริงๆแล้ว” เขาโต้ตอบเธอกลับไป ใบหน้ายิ้มแย้ม
“พอดีเมื่อกี้โรสอาบน้ำอยู่ เลยไม่ได้รับสาย ขอโทษด้วยนะค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วโรสทานข้าวยังครับ” โจอี้ค่อยๆนั่งลงตรงเก้าอี้ที่เคาร์เตอร์
“ก็กำลังจะทานค่ะ โจอี้ละ” เธอย้อนถามกลับมา
“อ้อครับ ยังเหมือนกันครับ” แล้วทั้งคู่ก็หยุดสนทนาไปชั่วครู่
“เออ.....งั้นโรสต้องขอตัวไปทานข้าวก่อนนะค่ะ แล้วยังไงเราค่อยคุยกันไหมนะค่ะ”
“ครับ....สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
ในที่สุดบทสนทนาก็สิ้นสุดลง โจอี้กระโดดลอยขึ้นด้วยความตื่นเต้นและตกลงมา ทำให้มือพลาดไปโดนเก้าอี้ล้มลงกลับพื้นดังโครม ทำให้ซาร่าต้องเดินออกมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ระวังหน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวก็แขนขาหักกันพอดี” เธอทำหน้าดุใส่โจอี้
“ครับแม่” โจอี้ยกมือขึ้นมาเกาหัวและจัดเก้าอี้เข้าที่เดิม
    คืนนี้เป็นคืนฝันหวานสำหรับเขา หลังจากที่ได้ผ่านเรื่องร้ายๆจากเมื่อวานนี้มา แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็รู้สึกไม่ดีที่ต้องทำตัวลับๆล่อๆกับเธอ เขายังคงไม่เข้าใจว่าทำไมแม่เธอถึงไม่อยากให้เขาและเธอคุยกัน แบบเพื่อนก็ยังดี เป็นสิ่งที่เขายังคงคิดไม่ตกในทุกๆวัน แต่ในเมื่อวันนี้มีสุข เรื่องทุกข์ทั้งหมดก็สมควรที่จะลืม แต่สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ ผิดกับโรส เธอเองก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับเขาเช่นเดียวกัน และก็ยังคิดไม่ตกว่าเธอจะทำอย่างไรให้แอนนาเปิดใจยอมรับเขา ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม แต่มีสิ่งๆหนึ่งที่เขาสัมผัสและรู้สึกถึงได้ โจอี้ ก็คือคนดีคนหนึ่ง และเธอเองก็รู้สึกดีกับเขามากเช่นเดียวกันกับที่โจอี้รู้สึกในตอนนี้ 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น