คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1
Romance in 2006
Chapter 1
เสียงจ๊อกแจกจอแจยามสายในวันแรกของการปิดภาคเรียนฤดูร้อนปีนี้ ดูจะคึกคักเป็นพิเศษโดยเฉพาะบนถนนออกซ์ฟอร์ด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของเหล่าบรรดานักช็อปปิ้งทั้งชาวอังกฤษเองก็ดีหรือจะเป็นชาวต่างชาติเองก็ดี บนถนนแห่งนี้มีทั้งเสื้อผ้ายี่ห้อดังและอาหารสุดหรูที่ขึ้นชื่อไม่ว่าจะเป็นอาหารอิตาลีหรือว่าอาหารไทย แม้แต่อาหารที่ใครๆก็ว่ามันเป็นอาหารขยะอย่างแม็คโดนัล ก็ยังตั้งอยู่ใจกลางถนนออกซ์ฟอร์ดเช่นเดียวกัน
หลังถนนอีกด้านหนึ่งของถนนออกซ์ฟอร์ด ดูจะผิดแผกแปลกตาและดูเงียบสงบมากกว่าที่จะเป็นย่านจับจ่ายของผู้คนชนชั้นสูง ร้านดอกไม้ชื่อดังแห่งหนึ่งตั้งอยู่หลังถนนออกซ์ฟอร์ดซึ่งมีป้ายที่ดูออกจะสีน้ำตาลเข้มและแลดูเหมือนจะผ่านการใช้งานมานาน ป้ายที่เขียนชื่อร้านไว้ค่อนข้างจะเลือนรางเล็กน้อยเพราะถูกน้ำฝนที่ตกอยู่เกือบตลอดทั้งปีกัดกร่อนจนไม้ผุ
“อรุณสวัสดิ์ครับพ่อ” เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีดำเหลือบเขียวเมื่อกระทบกับแสงไฟ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนและบางได้รูป เขาเปิดประตูกระจกใสเข้ามาบริเวณหน้าบ้านของเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านดอกไม้ “ให้ผมช่วยนะครับ” เขาเอ่ย
“เอาซิ ถ้าอย่างนั้นเราช่วยยกนี่ไปว่างตรงหน้าร้านหน่อยนะ วางไว้ติดกับกระถางดอกเดซี่” ชายร่างสูงผมสีออกเทาแสมๆอันเนื่องมาจากเขามีอายุที่มากขึ้นตามวัยอันควร
“ครับ”
เขาเดินไปยกแจกันใหญ่สีขาวนวลเดินออกไปนอกร้านแล้วตั้งข้างๆกระถางดอกเดซี่ที่พ่อของเขาบอก
“เอ้า อรุณสวัสดิ์ครับป้ามิเชล” เขาร้องทักขณะเห็นหญิงแก่ผู้หนึ่งถือตะกร้าหวายสีน้ำตาลอ่อนอยู่เบื้องหน้า
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะแฮร์รี่ ปิดเทอมแล้วซิจ๊ะ” เธอยิ้มบางๆพลางยื่นตะกร้าหวายให้กับเขา
“ครับ ก็เพิ่งจะปิดนะครับ คุณป้าสบายดีไหมครับ วันนี้ตื่นซะเช้าเลย” เขากล่าวทักพร้อมกับเดินนำเธอเข้าไปในร้าน
“ก็เหมือนเดิมจ๊ะ ป้าเองก็ตื่นเช้าอย่างนี้อยู่เป็นประจำนั่นแหละ รีบมาซื้อดอกไม้เสียก่อนที่ฝนจะตก เธอเองก็รู้นิว่าลอนดอนเป็นยังไง ป้าเองก็แก่แล้วก็ไม่อยากจะตากฝนสักเท่าไหร่ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอา” เธอหัวเราะร่วนจนเห็นรอยย่นบนใบหน้าของเธอบ่งบอกถึงช่วงอายุที่เขาแทบจะไม่ต้องเดาเลยว่า ป้ามิเชลคงจะมีอายุประมาณห้าสิบกว่าๆได้
“เอ้า สวัสดีครับคุณป้า” ชายวัยกลางคนที่กำลังยกกระถางดอกไม้ที่ตั้งอยู่ด้านหลังบ้านออกมากล่าวทักทาย
“สวัสดีจ๊ะอาร์เธอร์” เธอพยักหน้า
“รับเหมือนเดิมรึเปล่าครับ” เขาส่งกระถางดอกไม้ให้กับแฮร์รี่พร้อมกับรับตะกร้าหวายจากแฮร์รี่
“จ๊ะ วันนี้ป้าขอกุหลาบสีขาวนะจ๊ะ”
“ครับ”
คุณมิเชลคือคุณป้าที่อาศัยอยู่บ้านฝั่งตรงกันข้ามซึ่งเธอมักจะออกมาซื้อดอกไม้เป็นประจำเกือบทุกวัน บางครั้งยามเย็นเธอก็มักจะออกมานั่งจิบน้ำชากับคุณยายของแฮร์รี่ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และด้วยเหตุนี้นี่เองที่ทำให้คุณมิเชลได้สนิทกับคนที่บ้านของครอบครัวของแฮร์รี่
“นี่ครับคุณป้า” อาร์เธอร์ ยื่นตะกร้าพร้อมกับรับเงินจากคุณมิเชลมา
“ขอบใจนะจ๊ะ อาร์เธอร์”
“คุณป้าครับ วันนี้แวะมาทานอาหารมื้อค่ำกับที่บ้านของพวกเราซิครับ พวกเราจะมีงานฉลองเล็กๆกัน” อาร์เธอร์ชักชวนเธอขณะที่เธอกำลังเปิดประตูออกนอกร้าน
“อ้อได้ซิ ถ้ายังไงเดี๋ยวป้าจะแวะมาเย็นๆนะจ๊ะ” เธอพยักหน้าตอบก่อนที่จะเดินกลับออกไป
ช่วงเวลาในยามเช้าอย่างนี้ แฮร์รี่ก็ได้ช่วยพ่อของเขายกกระถางดอกไม้ออกไปตั้งบริเวณหน้าร้านพร้อมกับทำความสะอาดหน้าร้านจนสะอาด ทันใดนั้นเอง
บรื้น....
เสียงมอเตอร์ไซด์คันโตเลี้ยวมาจากหัวโค้งถนนแล้วจอดที่หน้าร้านดอกไม้อย่างพอดิบพอดี
เฮ้ย...ตื่นแต่เช้าเลยนะ...
เสียงที่ฟังดูคุ้นหูคุ้นตา เขาคือเด็กหนุ่มบุตรชายคนเดียวของเจ้าของโรงงานช็อกโกแลตชื่อดังของประเทศอังกฤษผู้ที่มีโรงงานผลิตอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสและส่งออกไปยังต่างประเทศ
“เอ้า ลมอะไรหอบนายมาเนี่ย” เขาร้องทักไปที่ชายผมบรอนด์สั้นและเจาะหูอย่างเป็นเอกลักษณ์ รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ที่บวกกับบุคลิกที่ดูเจ้าชู้นิดๆของเขา ทำให้บรรดาสาวๆหลายๆคนต่างแอบปลื้มเขากันทั่วโรงเรียน
“ก็พอดีว่างๆน่ะ ฉันเลยแวะมาจะชวนนายออกไปเที่ยวซะหน่อย” เขาโอบกอดซึ่งกันและกันเป็นการกล่าวทักทายหลังจากที่เขาไม่ได้เจอกันมานาน
“นายนี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ไม่มีโทรมาบอกกันบ้างเลย” แฮร์รี่ถอดผ้ากันเปื้อนออกพลางแขวนไว้ที่ผนังขณะที่จอห์นเองก็เดินตามหลังเขาเข้ามาในร้าน “นั่งก่อนซิ”
“เออ ก็นะ ฉันอยากมาเซอร์ไพรส์นายน่ะ” เขาหัวเราะ
“เออว่าแต่เรียนเป็นไงบ้าง ที่โน่น”
“อเมริกาเหรอ ก็ดีนะ สาวๆหน้ารักเต็มเลย” เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่สายตาก็มองไปรอบๆร้าน
“จริงดิ แต่สำหรับนายน่ะธรรมดาอยู่แล้วที่จะมีคนมาชอบ” แฮร์รี่เอ่ย
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ว่าแต่นายว่างช่วงไหนบ้างล่ะ อย่างน้อยข้าวเที่ยงก็ยังดี” เขายังคงเอ่ยคำชวน
“ก็ความจริงพรุ่งนี้ตอนเที่ยงก็ได้นะ แต่วันนี้ฉันยุ่งจริงๆเอาเป็นว่าพรุ่งนี้ตอนเที่ยงได้ไหมล่ะ”
“ได้ พรุ่งนี้ก็ได้ แต่วันนี้ฉันช่วยนายขายของที่นี่ก่อนละกัน ไหนๆก็มาแล้วก็”
เป็นสิ่งที่ดีมากและจอห์นก็ช่วยทุ่นแรงไปได้เยอะเลย เพราะด้วยความหล่อเหลาของเขาแล้วทำให้เรียกลูกค้าบรรดาสาวๆเข้าร้านได้เป็นอย่างดี ระหว่างที่เขากำลังขายของกันอยู่นั้น แฮร์รี่ก็เหม่อลอยมองผ่านกระจกออกไป ก็เกิดความสงสัยลึกๆเกี่ยวกับบ้านลึกลับที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านของเขา รั้วขาวที่มีประตูบานใหญ่แต่ไม่เคยเห็นมีใครใช้มันเข้าออกเลยสักครั้ง จะมีก็แต่คุณป้ามิเชลนี่แหละที่เปิดประตูไม้บานเล็กๆด้านข้างแล้วเดินออกมา
“เฮ้ย แฮร์รี่ เป็นอะไรเรียกตั้งหลายทีไม่ยอมตอบเลย” จอห์นโบกมือไปมาบนอากาศตรงเบื้องหน้าของเขาอยู่สักพักหนึ่งได้แล้ว “ลูกค้าสาวสวยเขาจะเอาดอกลินลี่น่ะ ไม่ต้องห่อนะ”
“อ้อ”
เมื่อเวลาผ่านไปหลังจากที่ลูกค้าได้ทยอยกันกลับออกไป จอห์นก็ทรุดตัวนั่งลงพร้อมกับถอนหายใจออกดังเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อย
“นายนี่เป็นอะไรนะ ชอบเหม่อ”
“เปล่า ฉันไม่ได้เหม่อ ฉันแค่สงสัยอะไรบางอย่างน่ะ” แฮร์รี่กล่าวโพล้งออกมา
“อะไรเหรอ ที่นายสงสัย” จอห์นถามขณะที่จ้องมองไปที่รั้วกำแพงสีขาวเหมือนกับที่แฮร์รี่กำลังทำอยู่
“อ้อ ฉันพอจะรู้แล้วว่านายสงสัยอะไร”
“ฉันสงสัยว่า บ้านหลังนั้นน่ะ เป็นบ้านของใครกัน”
“อ้อ ฉันรู้น่ะว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของใคร” จอห์นโพล้งพร้อมกับชี้นิ้วไปที่รั้วสีขาวฝั่งตรงกันข้ามของบ้านแฮร์รี่
“เอ๋” แฮร์รี่อุทานและหันไปหาจอห์นพร้อมฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ใช่ บ้านหลังนั้น ถ้าฉันเดาไม่ผิดน่าจะเป็นบ้านของตระกูลคาราเมล” จอห์นเอ่ย
“คาราเมลอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ เป็นคู่แข่งกับบริษัทของฉันน่ะ ผลิตช็อกโกแลตเหมือนกัน แต่เขาว่ากันว่าลูกสาวบ้านหลังนี้สวยมากเลยน้า”
“จริงเหรอ ใครล่ะ” แฮร์รี่ถาม
“เจสสิก้า คาราเมล”
ความคิดเห็น