คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 ...บทเพลงรุ่งสางแห่งนภาสีคราม...
-- โลกต่างมิติ 1 JAN 1996 --
๐ตลาด๐
“ผลไม้จ้า ~ ~ ผลไม้สดๆ”
“ผลไม้ ~ ผลไม้”
“ลุงๆ ลุงค้า >_<”
“อ้าว นู๋คลอรัล ไม่ได้เจอซะนาน มืดขึ้นเป็นกอง ^_^”
“แง้ว =_= เอาเกรสปี้*ถุงนึงอ่ะค่ะ”
“เอ้า!นี่เกรสปี้ ครั้งนี้จะอยู่นานมั้ยล่ะนี่”
“คงซัก 2-3 วันงะค่ะ ไปแระนะ”
“อืมๆ มาซื้อบ่อยๆนา -_-”
“เยส!!!”
เด็กสาวคนที่มาซื้อผลไม้ วิ่งถือถุง (กระสอบ) ผลไม้ ออกไปนอกตัวเมืองเล็กๆ เธอวิ่งตรงไปยังทุ่งหญ้าสีทอง อย่างร่าเริง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีเรื่องกวนใจมาทำให้หม่นหมองลงได้เด็กสาววิ่งตัวปลิวเข้าไปในพงหญ้าได้อย่างกลมกลืน อาจจะเป็นเพราะเส้นผมและดวงตาของเธอเป็นสีเดียวกันกับทุ่งหญ้าและดวงตะวันที่ลอยอยู่บนฟ้า อันที่จิงเธอผู้นี้เป็นคนที่น่ารักมาก รูปร่างเล็ก ผิวสีน้ำผึ้ง ผมยาวสีเหลืองสดใสคาดขึ้นสูง ดาวตาสีดวงตะวันกลมโตมี
*ผลไม้ชนิดหนึ่ง เมื่อดิบกินไม่ได้ แต่สุกแล้วจะมีสีเหลือง สวย รสหวานอมเปรี้ยว รูปร่างกลมๆคล้ายแอปเปิล
ประกายร่าเริงอยู่เสมอ แต่งตัวด้วยชุดทะมัดทะแมงแบบนักเดินทาง เอวทั้งสองข้างเหน็บอาวุธประหลาด ด้ามจับรูปร่างเหมือนฟันเฟือง ที่มีใบมีดยื่นยาวออกมา ตัวอาวุธมีสีเหลืองสลับแดง ดูแล้วก็เข้ากับผู้เป็นเจ้าของดี
เจ้าของดวงตาสีดวงตะวันวิ่งขึ้นไปบนเนินเตี้ยๆ (ยังแบกกระสอบอยู่) บนนั้นมีกระท่อมหลังเล็กๆหลังคามุงด้วยฟางหลังหนึ่ง เด็กสาวที่ชื่อ “คลอรัล” (Chlarull) วิ่งเข้าไปในตัวกระท่อม วางผลไม้ลงข้างๆโต๊ะเขียนหนังสือข้างหน้าต่างบานจ้อย ควัก!!เอาแผนที่ (พูดซะต๊กกะจัย-_-;;) ฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋า วางแผ่ลงบนโต๊ะแล้วจัดแจงให้ตัวเองนั่งปุ๊ลงบนเก้าอี้ ดึงเอาปากกาออกมา แล้วเริ่มต้นเขียนขยุกขยิกลงบนแผนที่อย่างตั้งอกตั้งจัยอย่างแรง (สูง)
“แกรก~ ~ ~ แกรกๆๆๆ~ ~ ^_^”
ตะวันลับขอบฟ้าไปนานแล้ว (ได้งัยง่ะ จะกี้ยังสว่างอยู่เรย) <นิยายเว้ยนิยาย>
(อ่อ-_-:;) ทัศนียภาพรอบบ้านมืดมัว ..มีเพียงแสงสวางจุดเล็กๆจุดเดียว จากตะเกียงน้ำมันที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ
“แกรกๆๆๆๆๆๆๆ”
คลอรัลยังไม่หยุดเขียนแผนที่ เธอยังนั่งเขียนต่อไปเรื่อยๆ (และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วย)
“ฮ้าวววววววว >_<”
(อ่าว ง่วงเฉย)
คลอรัลม้วนแผนที่ แล้วก้อกระโดดลงเตียงอย่างเร็วรวด-_-(ซะงั้นอ่า..)
“ครืนนนนน ครืนนนน โครมมมมม ครึ่กกกกกๆๆ กรี๊ดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!”
“...”
“โครมๆๆๆๆ กรี๊ดดดดดดดดด ครึ่กๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!”
“...-_-^^^”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“โว้ยยยยยยยยย!!!! >O<^^^ มานอารายกานนักหนา ห๊า!!!!!!”
นู๋คลอรัลกระเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง ที่เพิ่งจะล้มตัวลงนอนไปหมาดๆ ม้วนแผนที่(จาเอาด้วยทามม๊ายยยย) แล้วก้าวฉับๆตรงไปยังเมืองเล็กๆ ที่ดูโกลาหลวุ่นวาย โดยไม่สังเกตท้องฟ้าเลยแม้แต่น้อย...
“อ๊ากกกกส์ เอะอะอารายก๊านนนน คนจาหลับจานอนนะเฟร้ยยยย เงียบๆกานหน่อยย!!”
“นู๋คลอรัล!!! เห้นตรานั๋นม๊ายยยย!!!”
“ช้าๆลุง พูดม่ายเปงภาษาแว้ว >_< ว่าแต่ ตราไหน?”
“ก็ตราบาปแห่งความตายบนฟ้านั่นง๊ายยย!!!!!!! >O<”
“อื๋อ?!?”
...ที่บนฟ้า...ที่เคยพราวพร่างด้วยหมู่ดาว กลับมืดสนิทราวกับเอาสีดำมาฉาบไว้...มีเพียงตรา สัญลักษ์ตราหนึ่งที่บนฟ้า เท่านั่นที่ส่องแสงสลัวสีเขียวอมเทา ตราสัญลักษ์นี้เป็นเครื่องหมายที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของชาวต่างมิติ...เพราะมัน...คือเครื่องหมายของกองทัพแห่งความมืดที่หมายปอง พลังแห่งโลก...Dead-force (กองทัพแห่งความตาย)
รูปมงกุฎที่วางอยู่บนป้ายหลุมศพ...แสดงให้เห็นถึงความหมายเด่นชัด....กลับมาแล้ว...กลับมา...เพื่ออำนาจอีกครั้ง...แสงสีเขียวอมเทาที่กระจ่างไปทั่วท้องฟ้ามืดไร้ดาว...มันแจ่มชัดราวกับจะต้องการประกาศ...ให้ทั้งโลกนี้รับรู้...โดยไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย..เพราะขณะนี้ ทั้งโลกได้รับรู้....
“อ้อ!! เหงแร้วล่ะ -_- ”
“รู้แว้วชั่ยม๊า~ เราจาทามงายกันดี๊~”
“ไม่ยู้ (-_- ) ( -_-)”
“o_O!!!!”
แต่ยังไม่มันจะพูดอะไรกัน (พูดกันไปแร้วมิชั่ยเรอะ!) มากไปกว่านี้!!!!
(อ่าว..เพล้ง~) กองทัพนับแสนจากโอเชี่ยนการ์เด้น* ก็ควบม้าครึกโครมผ่ากลางหมู่บ้าน มุ่งหน้าไปทางท่าเรือ...ชาวบ้านทุกคนที่ยืนคุยกันอยู่บริเวณนั้น แตกฮือกันหมด...ยกเว้น...คลอรัล...ผู้ซึ่งตอนนี้ถ้าจะช่วยก็ไม่ทัน..เพราะแบนติดเท้าม้าไปนู่นแว้ว >_< +_+
“อ๊ากกกกส์ แฮ่กกกกๆๆ มานเกิดรายขึ้นเนี๊ยะ หัวจายจาวายยยยย @_@”
คลอรัลของเรา...ติด (ตรีน)ม้า ของพวกโอเชี่ยนมาที่ท่าเรือเมืองคัลทิเวต**
“นี่นู๋ๆ ขึ้นเรือมั้ย นี่เป็นเรือเที่ยวสุดท้ายที่จะไปแพนทราเซีย*** แล้วนา”
“O_O!!!!แพนทราเซีย????!!!???”
“ช่าย...แพนทราเซีย”
“ปกติเค้าไม่เปิดให้เข้านินา!!!!”
*หน่วยงานคล้ายทหารที่ควบคุมดูแลความปลอดภัยทั้งโลกต่างมิติ
**เมืองที่มีชื่อเสียงด้านการเพาะปลูก ตั้งอยู่บนทวีปไลอาร์มีอาณาเขตติดกับสำนักงานใหญ่ โอเชี่ยนการ์เด้น ถ้างงดูแผนที่ได้
***เกาะโบราณที่จมอยู่ใต้ทะเลลึก ปัจจุบันโผล่ขึ้นมาแล้ว นับเป็นสถานที่ศักดิสิทธ์ของโลกต่างมิติ ตั้งอยู่กลางทะเลเซร์เพรียล
“อ้าว!!นี่ไม่รู้หรอ ว่าเค้าเปิดเป็นสนามประลอง เพื่อค้นหา ผู้กล้าแห่งนภา มาช่วยโลกจากกองทัพความตาย เหมือนครั้งที่แล้ว...O_Oอ้าว! หาย...”
ช้าไปซะแล้ว...ตาลุงกะลาสีเรือยังพูดไม่จบ เจ้าของดวงตาสีดวงตะวันก็วิ่งเข้าเรือไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย -__- ........ภายในเรือแน่นเอี๊ยด แทบไม่มีที่ว่าง คลอรัลใช้ความสามารถ อาจจะไม่ค่อยพิเศษนัก...-_- แต่ก็...นะ...ช่างเหอะ! เอาเป็นว่า คลอรัลสามารถสอดแทรกตัวเองเข้าไปในเรือได้ก็แล้วกัน (กำปั้นทุบดิน-_-;) จนหาที่วางตรงมุมหนึ่งของเรือได้ เธอเตรียมตัวที่จะกระโดดไปจับจองที่ตรงนั้น...แต่ติดตรงที่ว่า...มันมีครัยคนนึง นั่งอยู่ตรงนั้นก่อนซะแล้ว...
“เขา”ชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง สวมเสื้อคลุมสีดำขาดๆปิดทั้งตัว สวมหมวกที่ติดกับเสื้อ ปิดหน้าเกือบมิด เหลือออกมาแค่ คางเรียวยาวกับริมฝีปากบางที่ปิดสนิทเท่านั้น ไอเย็นแห่งความมืดแผ่ออกมาจากตัวเขาเล็กน้อย ทำให้ผู้คนที่เบียดเสียดบนเรือ ถอยห่างและเว้นที่ว่างเอาไว้ คลอรัล (ผู้กล้าหาญ-_-) ค่อยๆย่อง ลงนั่งข้างๆเขาคนนั้น...10 นาทีผ่านไป ก็ยังไม่มีอะรัยเกิดขึ้น เขายังนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น แทบไม่หายใจด้วยซ้ำ!!!
ตายอ๊ะป่าวเนี่ยยยยย!!!!! คลอรัลคิด พลางเอามือไปสะกิดๆที่แขน แต่ก็ต้องชักมือกลับทันที เพราะแขนของตานั่น เย็นเหมือนน้ำแข็งไม่มีผิด!!!!! กรี๊ดดดดด ตายแล้วแหง>_<
ฉับพลันนั้น!!เรือก็โคลงวูบอย่างแรง ทำเอาหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างเซถลามาชนกับตานั่นอย่างจัง แล้วเรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!!!! ชายลึกลับที่เคยนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นกลับกระเด้งขึ้นอย่างรวดเร็วหยั่งกะโดนน้ำร้อนลวก!!!พร้อมกับขาที่ยาวเรียวเตะเข้าที่ท้องของหนุ่มน้อยนั่นอย่างจัง! ทำเอากระเด็นไปกระแทกกับผนังเรืออีกฟาก สลบเหมือด!!! O_O U_U กรี๊ดดดดดดด นรกส่งตานี่มาเกิดรึยังง๊ายยยย แค่เซมาชนแค่เนี๊ยะ! คลอรัลคิด
“อ๊ากกกส์ ไอ้บ้า!!!! ม่ายมีตามาตาเรือเรอะงาย ชนมาด้ายยยย ผู้ชายนี่มันไม่มีตากันหมดรึไงนะ!!! ไอ้พวกบ้า”
“....O_O!!!....”
“ไอ้พวกเพศชั้นต่ำๆๆๆๆ !!!#$#%&%#@#@$~!!!”
....... “เพศชั้นต่ำ”????? คลอรัลทวนคำอย่าง งงๆแล้วนายม่ายช่ายเพศชายรึยังง๊าย?
“แล้วนายมะชั่ยผู้ชายเรอะงัย ว่าตัวเองซะงั้น?”
“ห๊า~ครัยเป็นผู้ชาย ช้านม่ายช่ายผู้ชาย หาว่าชั้นเป็นพวกสวะแบบนั้นได้งัย!!!”
“...น่ะ...นายเป็นเกย์หรอ????????!!O_O”
“อ่ะ...ยัยบ้า!!!!หาว่าฉันเป็นเกย์ อีกช้านเป็นผู้หญิงเฟร้ยยยยย”
“ห๊า~OoOว่างายน๊า”
“เออ!!!”
พรึ่บ!! เขา เอ้ย! เธอเลิกหมวกออกเผยให้เห็นใบหน้า ขาวค่อนข้างซีด ดวงตาเย็นชาสีม่วงอ่อน ผมยาวสีม่วงถูกรวบเป็นหางม้า เป็นผู้หญิงจิงๆด้วย! แถมจัดอยู่ในขั้นสวยอีกตะ-หาก ถ้าตัดตัวออกเหลือแต่หัวล่ะก็...น่ารักมั่กเรยล่ะ
“อ๋า~ผู้หญิงจิงๆโด้ยอ่ะ...ม่ายอยากเชื่อเรย”
“.... -_-”
“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ...ขณะนี้ทางเรือของเราจำเป็นต้องรับผู้โดยสารเพิ่มจาก-
ท่าเรือลัวซีเทเนีย* ขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ”
*เมืองท่าแห่งการค้าขาย เป็นเมืองที่มั่งคั่งร่ำรวย และเต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาจเรียกได้ว่าเป็นเมืองมหาอำนาจในโลกต่างมิติได้เลย
“...แค่นี้ยังเยอะไม่พออีกรึไง...”
เธอผู้ซึ่งลึกลับเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ทนๆเอาเหอะน่า เออนี่...”
ยังไม่ทันที่คลอรัลจะพูดจบประโยค เรือก็หยุดลง แล้วเสียงผู้คนจำนวนหนึ่งก็ขึ้นมาบนเรือ ทำให้พื้นที่บนเรือที่แคบอยู่แล้ว ให้ยิ่งแคบลงอีก
“ขอโทดนะ...”
เสียงใสๆดังขึ้นข้างๆคลอรัล
“อื๋อ?...คะ?”
“นั่งด้วยได้มั้ยคะ? คือที่มันเต็มหมดแล้ว...เอ่อ..คุณกับแฟนคงไม่ว่าอะรัยนะคะ?”
“พรื่ดดดดดดดดดดดด”
เสียงของผู้หญิงลึกลับที่เพิ่งกระเดือกน้ำลงคอไป แล้วพ่นออกมาทางตะหมูก -..-
“อ่ะ...แค่กๆๆๆ อ่ะ แอ่กกกก...ม๊ายช๋ายยยยเว่ยยยยย แค่กๆๆๆ”
“อ๊าๆๆ จัยเย็นๆ ม่ะมั่ยชั่ยหรอกค่ะ เราไม่ใช่แฟนกันค่ะ คนๆนี้เค้า...๐.๐ ๐.O o๐O..”
คลอรัล หันหน้าไปพูดกับเจ้าของเสียงใส ที่กำลังเข้าจัยผิดอย่างแรง แต่แล้วก็ต้องอึ้งกะทันหันเพราะเจ้าของเสียงนั้น ใสเหมือนเสียงจิงๆ (เฮ้ย มะชั่ย มนุษยล่องหนนะ)เธอเป็นคนสวยมาก หน้าเรียวรูปไข่ ผิวขาวราวหิมะ ตัดกับริมฝีปาก บางสีชมพู ดวงตาคมกริบสีแดงสดดุจเปลวเพลิง ขนตายาวงอนเรียงกันเป็นแพ ผมยาวสลวยสีเดียวกับดวงตา ใครเห็นใครก็อึ้ง ไม่เว้นแต่ผู้หญิงด้วยกัน
“..? อะไรหรอคะ?”
“อ่า...ปะ..ปล่าว ไม่มีรัยอะครือ...”
“อ๋อ~ม่ายเปงรัยไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้ว ว่าชั้นสวย ^_^ ขอบจัย~”
“อ่ะ..อื่อ..-*-” (ม่ายค่อยจาหลงตัวเองเร้ย)
“ตกลงนั่งด้วยได้ป่ะ”
“...ได้ ชั้นกะยัยนี่ไม่ได้เป็นอะไรกัน...อีกอย่างชั้นเป็นผู้หญิง...”
ในที่สุด หญิงลึกลับก็กลับมาพูดได้อีกครั้ง -_-
“O.O!! อา~ขอโทดทีนะ ไม่รู้จิงๆ”
“ไม่เปงรัย ตอนแรกช้านก้อเข้าจัยผิดเหมียลกัล”
“อืม...”
ในที่สุด...ก็ได้เดินทางต่ออย่างซาหงบสุข...
๐บนเรือ 18.00 น.๐
“นี่ๆเรายังไม่รู้จักชื่อกันเรยนะ! แนะนำตัวกันหน่อยดีมั้ย?”
คลอรัลเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งเงียบกันไปหลายชั่วโมง
“ดีๆ ชั้นชื่อ คาร์มิว โลเร็กส์ เป็นนักรบจากป่าดำ* ยินดีที่ได้รู้จักจ้า”
หญิงสาวผมแดงเอ่ย
*ป่าดำ เป็นป่าต้องสาป ตั้งอยู่บนทวีปเมเดรีย กินเนื้อที่มากกว่าครึ่งทวีป ทางทิศตะวันออก ตะวันตก และทิศใต้ติดทะเล ทางทิศเหนือติดกับทะเลสาบความตาย ไม่มีใครที่เข้าไปในป่าแล้วรอดออกมาได้เลยซักคนเดียว
“ห๊า~ป่าดำ? บ้านเธออยู่ที่นั่นหรอ?”
“ก็ไม่เชิงเรียกว่าบ้านอ่ะนะ แต่ชั้นก็โตที่นั่นแหละ”
“อะโห~ส่วนชั้นชื่อ คลอรัล คาเนีย เป็นนักเดินทางจากทุ่งหญ้าแห่งแสงตะวัน”
“คลอรัลก็มาร่วมประลองเหมือนกันใช่ป่ะ?”
“อ๋า~คนที่จะไปแพนทราเซีย ต้องเข้าประลองหรอ?”
“ก็ ใช่น่ะสิ ยกเว้นผู้เข้าชมนะ ทางการจะให้ผู้ชมเข้าทวีปวันพรุ่งนี้ วันนี้ก้อผู้เข้าประลองทั้งนั้นแหละ”
“ช้านม่ายอยากประลองเรย T_T”
“แล้วเธอล่ะ ชื่ออะรัย?”
คาร์มิวหันไปหา หญิงลึกลับผู้ซึ่งนั่งเงียบตั้งแต่เรือออกจากท่า
“...”
ตรื้ด~ม่ายมีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก -_-
“เฮ้!ชั้นถามเธออยู่นะ”
“ท่าจะไม่ได้ผลนะ คาร์มิว เค้าเคยพยายามแว้ว >_<”
“ฮึ่มมมมมมม-__-^^^”
แต่ดูเหมือนคาร์มิวจะไม่ละความพยายามง่ายๆ -_-
.......1 ชั่วโมงผ่านปาย......
“แฮ่กๆๆๆ +.+ กรี๊ดดดดด ยัยนี่ต้องเดี้ยงแล้วแหงเรยอ่ะ คลอรัล!!! >o<”
“ไม่หรอก...แต่นี่...อยากจะทดลองอะรัยบางอย่าง ช่วยหน่อยจิคาร์มิว -.-”
“???”
“เธอไปหาผู้ชายแถวนี้มาคนนึง ส่วนเค้าจะจับยัยนี่ไว้ พอบอกว่า เอา! มะหร่ายเอานิ้วตาผู้ชายคนนั้นจิ้มยัยนี่นะ”
“?_? อืมๆ”
แล้วคาร์มิวเริ่มทำการลากนายผู้โชคร้ายเข้ามาหาคลอรัลผู้ซึ่ง จับหญิงลึกลับเอาไว้แล้ว
“เอา!!!!!”
“จึ๊ก!”
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!”
เหตุการณ์เดิมก็ซ้ำรอยอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าหนุ่มน้อยผู้โชคร้ายคนนี้จะดวงจู๋อย่างแรงเพราะแทนที่คลอรัลจะยึด ยัยลึกลับไว้ เรือกลับโคลงอย่างแรงจนมือหลุด เอ้ย! หลุดมือ (แฮ่ๆ)หนุ่มน้อยนั่นเรยโดนเตะละลิ่วตกเรือไป -___-
“ตูมมม!!!”
“เหยย!”
“การทดลองสำริดผล! -____-”
“พวกเธอเล่นอารายกานห๊า~คนกำลังหลับกำลังนอน!”
“นี่เธอว่างัยนะ!นอนงั้นหรอ!เธอจะบอกว่าไอ้ที่ผ่านมาเธอหลับอยู่ง้านหรอ!”
คาร์มิวเริ่มวีน (ก็เสียเวลาปลุกตั้งช.ม.นึง)
“เออเด่ะ!เธอคิดว่าทำอะราย ถักโครเชเรอะ!!!”
นี่ก็ตบะแตกซะแว้ว =_=
“ช่ายย่ะ!!มีรัยมะถักโครเช!!!”
“โอยยยย หยู๊ดดดดดดด ทะเลาะกันทามม๊ายยย”
“ก้อมันทะเลาะก่อนอ่ะ!/ก้อมันหาเรื่องอ่ะ!”
“เอ่อ จัยเย็น...”
“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้เรือของเราถึงทวีปแพนทราเซียแล้วค่ะ”
“ถึงแล้วๆ ป่ะ...ไปเหอะ!!!”
“เชอะ!”
“....-_-^^^”
๐แพนทราเซีย 2 ทุ่ม๐
“อ๋า กว่าจะมาถึงก็มืดตื๋อเรย =_=”
“ฮึ!”
“....-__-^^^”
“....U_U...เฮ่อออ...”
ตะวันลับแสงมานานแล้ว (แน่ล่ะ 2 ทุ่มนี่) นับตั้งแต่วันที่ กองทัพความตายปรากฏตัว ท้องฟ้าที่เคยงดงามด้วยหมู่ดาวกลับมืดมิด เหลือเพียงดวงจันทร์สีซีดทอแสงหม่น อันเยือกเย็นฉาบท้องฟ้ายามราตรี
“นี่ เธอ ชื่อรัยอ่ะ?”
คาร์มิวเอ่ยปากถามยัยลึกลับเป็นครั้งที่ร้อย
“รู้แล้ว เอาไปกินได้รึไง?”
“นี่!!!ถามดีๆนะยะ!”
คลอรัล : “อ๊า~นั่น!จานบินนนนนนน~”
คาร์มิว : “...-_-”
ยัยลึกลับ : “...”
คลอรัลอีกครั้ง : “แง้ว =_= ก็เค้าไม่ยู้จะห้ามไม่ให้ทะเลาะกันไงนินา =.=”
“งี่เง่า/งี่เง่า!!!”
“งิ้ววววววววววว =_=”
“...เลิกไร้สาระ แล้วไปลงทะเบียนซะ....”
“ย่ะ!!ยัยมืด”
“...-_-^^^”
ทั้งสาม(ตัว)เดินไปยังจุดรับลงทะเบียน ระหว่างทางมีนักรบจากทั่วทุกสารทิศนั่งชุมนุมกันอยู่ ต่างคนต่างข่มขวัญ คู่ต่อสู้อย่างสุดความสามารถ
“หึๆๆหน้าอย่างแกจะสู้อะรัยเค้าด๊ายยย”
“แกไม่รู้แล้วอย่ามาสะเออะ”
“ชั้นเป็นนู่น...นี่...นั่น...โน่น”
“เฮอะ!ไอ้พวกนี้ก็ดีแต่คุยง่ะแหละ”
เสียงบ่นของคาร์มิวที่ บังเอิญดังไปนิส เรียกความสนใจจากนักรบพวกนั้นได้เกือบทั้งหมด
“แล้วเธอล่ะ? ไอ้ที่พูดมาไม่คุยโวรึงัย?”
เสียงเล็กๆของผู้หญิงคนหนึ่ง ทักขึ้น เธอลุกขึ้นมาประจันหน้ากับคาร์มิวผู้เปล่งรัศมีความงามไปเกินหน้าเกินตาคนอื่น -_- ด้วยแสงไฟที่แขวนอยู่ที่เสา ทำให้เห็นหน้า กลมเล็ก ดวงตากลมโตสีชมพู ผมหยิกเป็นลอน สีดอกกุหลาบ น่ารักอย่างแรง >_<
“เหอะ!จะเก่งหรือไม่เก่งเค้าวัดกันในสนามย่ะ”
“จะไม่ดูขัดกับคำพูดเมื่อกี้หน่อยเหรอ?”
“เน่เธอจะเอางัยกันแน่ฮะ!!”
“ก็แล้วเธอล่ะจะเอาไง!!!”
เปรี๊ยะ!!! เสียงสายตาเพชฌฆาตของคาร์มิวผู้งดงามกะสาวน้อยผู้น่ารัก ปะทะกันกลางอากาศอย่างไม่มีใครยอมใคร
“เอ่อ...ท่านผู้เข้าแข่งขันคะห้ามทะเลาะกันก่อนการแข่งขันเริ่มค่ะ”
งั้นพอเปิดการแข่งขันก็ทะเลาะกันได้สิเนี่ย -_-;;
“ช่วยมาลงทะเบียนด้วยค่ะ”
“อ่ะ ค่ะ นู๋ก่อนนะ...ชื่อคลอรัล คาเนีย จากทุ่งหญ้าแห่งแสงตะวัน ค่ะ”
“ชิ!! คาร์มิว โลเร็กส์ จากป่าดำ” (นางเอกเรื่องนี้ย่ะ!!!จำว๊ายยยย)
“..ลูเซีย เบลราฟท์...โอเชี่ยนการ์เด้น...”
ในที่สุด...ก็รู้ชื่อยัยลึกลับซะที...หามานาน-..-
“ไอลีน ออไรออนส์ เจ้าหญิงรัชทายาทจากแกรนวาเนีย*”
“เฮอะ!!เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ สู้เป็นหรือเพคะ?”(แดกดันแดกดัน)
“เป็นย่ะ!!!”-_-^^^
“เรียบร้อยแล้วค่ะ นี่คะกุญแจห้องพัก ขอให้โชคดีค่ะ”
“อ๋า~เดี๋ยวๆ ไหงมีอันเดียวอ่ะ”
คาร์มิวทักขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคว้ากุญแจจากมือคลอรัลมาด้วยความเร็วพอๆกัน...ยัยนี่...เปลี่ยนนางเอกดีมั้ยฟระ?-_-;;;
“? ก็ หนึ่งห้อง ต่อ 4 คนไงคะ”
“อ่อ...หนึ่งห้องต่อ 4 คน....เฮ้ยยยยยย!!!!!ว่างายน๊า ~”
๐............๐
ตึกๆๆๆเสียงเดินกับเสียงบ่นของคาร์มิวดังสะท้อนไปมาในอุโมงค์ทางเดิน อย่างไม่หยุดหย่อน ทำเอาคนที่เดินอยู่ด้วยหูชาไปตามๆกันจนถึงห้องในที่สุด
“โอ้ยยยย ไหงชั้นต้องมาอยู่ร่วมห้องกะพวกเธอด้วยเนี่ย”
*ประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว ทุกตารางนิ้วจะมีแต่ความงดงาม
“คิดว่าอยากอยู่นักรึงัย กะเธอน่ะ ถ้าไม่พอใจออกไปนอนข้างนอกสิ!!!”
“เรื่อง!!! ชั้นต้องออกไปทำไมพวกเธอตะหากออกปายๆ”
“อ๊ายยยย!!!เธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน ทำไมไม่รู้จักเห็นใจหรือมีน้ำใจให้คนอื่นเค้ามั่งเลย พ่อแม่ม่ายสั่งสอนรึงายห๊า ~”
กึก!! เสียงหยุดกึกกะทันหันของคาร์มิว ทำเอาทุกคนหันมามองไม่เว้นแม้แต่ลูเซีย คราวนี่ดูเหมือนไอลีนจะพูดเกินไปซะแล้ว ดวงตาที่เคยสีแดงสดใสเหมือนเปลวเพลิงกลับไหววูบเปลี่ยนเป็นดวงตาสีแดงหม่นดุจเลือดแทน พร้อมกับเปล่งจิตสังหารอันแรงกล้าโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวออกมามหาศาล ดวงตาแดงวาวโรจน์หันมาสบตากับดวงตาสีกุหลาบ ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งเฮือก น้ำเสียงเยียบเย็นเปล่งออกมาจากริมฝีปากสวยคู่นั้น ช่างน่ากลัวจับใจ...
“ถ้าคนพวกนั้น อยู่สอนชั้น...ถ้าหากชั้นได้รับน้ำใจจากคนอื่นบ้าง ชั้นคงมีน้ำใจตอบแทน...ถ้าชั้นเหมือนคนอื่นซักนิด ก็คงไม่เป็นแบบนี้...อย่างชั้น...เห็นใจใครไม่เป็นหรอก...”
คาร์มิวพูดแค่นั้น..แล้วก็เดินหายไปกับความมืด โดยไม่กลับมาอีกเลย...
...หากเพียงแต่...หากเพียงแค่...
...ดวงจันทร์...เอ่ยวาจา...โดยไร้คำตอบ...
...สะท้อนดวงตะวัน....และทุกสิ่ง...พลันจากไป...
...เด็กน้อย...ถูกทิ้งอย่างเดียวดาย....
...เหลียวรอบกาย...พบความว่างเปล่า...เป็นเพื่อน...
...จมดิ่ง...อยู่กับความมืดมิดในจิตใจ....
...หากเพียงแต่...หากเพียงแค่...
...สายลม...เอ่ยคำ...ทักทาย...
...ท้องทะเล...ร่ำร้อง...บอกคำลา...
...เด็กน้อย...ก้าวเดิน...อย่างมืดบอด...
...มีเพียง...ความว่างเปล่าให้กำลังใจ...
...มีเพียง...ความเหงาให้คำ...ปลอบโยน...
...มีเพียง...ความหวังริบหรี่...ที่ไม่มีวันเป็นจริง...
บทเพลงแสนเศร้าที่ลอยมาตามสายลม...แม้ไม่ได้เห็นหน้า...ก็รู้ได้ทันทีว่า...ผู้ร้องนั้นโศกเศร้าเพียงใด...แม้เสียงที่ร้อง...จะใสเหมือนระฆังแก้วใบเล็กที่ดังกังวาน...หากแต่แฝงไปด้วยความเหงาและความเศร้า... “เขา”...เพียงแต่ต้องการจะออกมาเดินรับลมเท่านั้น...หากแต่หูก็สำเหนียกเสียงเพลงอันไพเราะที่ล่องลอยมาตามสายลมนั่นได้ และเดินตามเสียงมาอย่างไม่รู้ตัว...จนมาหยุดอยู่ที่...หญิงสาวคนหนึ่ง...ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ว่า ได้มีผู้ลุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตแห่งเสียงเพลงของเธอแล้ว...เขามองเธอที่นั่งอยู่บนโขดหินริมทะเล
ช่างเหมือนรูปวาดยิ่งนัก...เขาคิด (ดูเหมือนว่าไอ้ Autumn จะเปลี่ยนรูปแบบการเขียนซะแว้ว) แสงจันทร์ที่สาดส่องเผยให้เห็นใบหน้าเรียวรูปไข่ ขาวราวกับหิมะต้องแสงตะวัน (เอ้า!เน่าต่อๆ) ปางเรียวบางขยับเล็กน้อยตามเนื้อแสนเศร้าของบทเพลง เส้นผมยาวสลวยปลิวสยายไปตามลม และที่ติดตาเขาที่สุดเห็นจะเป็น ดวงตาเศร้าหมองสีเปลวเพลิงที่เหม่อมองออกไปยัง ท้องทะเลอันกว้างใหญ่...ในที่สุดเขาก็อดที่จะยืนดูอยู่เฉยๆต่อไปไม่ได้
“เอ่อ...เธอ...”
ควับ! เจ้าของดวงเนตรสีเพลิงหยุดร้องเพลงและหันขวับมายังต้นเสียงที่ทักเธอ
“...นายเป็นใคร?”
“ชั้นจะเป็นใครไม่สำคัญหรอก...แต่เธอดูเศร้าจังนะ”
“ไหน?..ใครเศร้า...ชั้นเศร้าไม่เป็นหรอก”
เฮ้ย!! ก็เศร้าอยู่เห็นๆ
“ไม่มีใครหรอกนะ...ที่จะเศร้าไม่เป็น...คนทุกคนก็มีความเศร้าทั้งนั้นแหละ”
“...ถ้าชั้นเป็นคน...ชั้นก็คงเศร้าอย่างที่นายบอกแล้วล่ะ...แต่นี่..มันไม่...”
“เอาเหอะ...แต่ดูเหมือนเพลงนี่จะยังไม่จบนะ”
“อืม...ชั้นแต่งไม่จบ...”
“ช่วยเอามั้ยล่ะ?”
“...ก็เอาสิ...”
.........ตะวัน...ยอแสงแล้ว...ปรากฏเป็นเส้นสีทองบนท้องฟ้า...เสียงนกการ้องทักกันเจื้อยแจ้ว...สายลมเย็นฉ่ำในตอนเช้าพัดหวีดหวิว...ราวกับจะร้องทักเหล่านกน้อย...ในตอนนี้ท้องฟ้าไม่มืดอีกต่อไป..แสงสีทองของดวงตะวันแผ่กระจายไปทั่วขอบฟ้า...นับเป็นวันแรก...ที่มีท้องนภาสีคราม...บทเพลงที่คนสองคนช่วยกันขับร้อง...เป็นทำนองสูงต่ำเหมือนสายลม...นุ่มละมุนดุจปุยเมฆ...ได้ถูกสายลมพัดไป..แว่วดังเหมือนบทเพลงรุ่งสาง...แห่งนภาสีคราม....
/จบตอน บทเพลงรุ่งสางแห่งนภาสีคราม/
ตอนต่อไป “ปลดระวางแห่งอดีตแล้วเริ่มต้นใหม่”
ความคิดเห็น