ตอนที่ 28 : มูฟออนไปด้วยกัน
มูฟออนไปด้วยกัน
เวลาผ่านพ้นไปเร็วจนน่าใจหาย เผลอแป๊บเดียวพี่คินก็ขึ้นปีสี่ส่วนผมอยู่ปีสามเเล้ว ปีสี่เป็นช่วงเวลาฝึกงานของพี่คินลากยาวตั้งเเต่ปิดเทอมจนเข้าถึงช่วงเทอมหนึ่งทั้งเทอม พี่คินฝึกงานที่บริษัทของตัวเอง โชคดีที่คอนโดอยู่กึ่งกลางระหว่างบริษัทกับมหาวิทยาลัยทำให้เราสองคนยังมีเวลาให้กันบ้าง
ว่ากันว่าช่วงฝึกงานเป็นช่วงที่คนเป็นแฟนกันทะเลาะกันบ่อยจนถึงขั้นเลิกกันก็มีหลายคู่ ทั้งเรื่องของเวลาที่มีให้กันน้อยลงหรือเเม้เเต่เรื่องคนเข้าหาที่อาจจะเป็นปัญหาขึ้นมาได้ เเต่คู่เราโชคดีที่ไม่มีปัญหานั้นเกิดขึ้น
เรื่องทะเลาะหรือไม่เข้าใจย่อมมีบ้างเเต่เราจะเคลียร์กันจนจบไม่ค้างข้ามวันให้ทรมานความรู้สึกกันเเละกัน เราจะไม่มาหาว่าใครผิดใครถูก เเต่เราจะขอโทษซึ่งกันเเละกัน เเล้วช่วยกันหาทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้น
ล่าสุดที่เกือบจะทะเลาะกันคือเรื่องหึงหวงของพี่คิน เพราะกลัวจะเกิดเรื่องแบบตอนเเทนไทเจ้าตัวเลยงอเเงที่ต้องไปฝึกงานไม่ได้มาอยู่เฝ้าผม ถึงขั้นจะขอคุณพ่อเข้าฝึกงานหลังจบรับน้องเพื่อดูให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครมาจีบผมเองอีก
"พี่คินทำแบบนี้ฟ้าจะโกรธเเล้วนะ"
"เเต่พี่ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น เรายิ่งเสน่ห์เเรงอยู่เกิดมีใครมาจีบตอนพี่ไม่อยู่จะทำยังไง"
"แปลว่าพี่คินก็ไม่ไว้ใจฟ้างั้นสิ"
พูดกันดีๆไม่ชอบ ขอดึงเข้าดราม่าหน่อยเเล้วกัน
"พี่ไว้ใจฟ้า เเต่ไม่ไว้ใจคนอื่น"
"เเค่ไว้ใจฟ้าก็พอเเล้วครับ ฟ้ามีเเค่พี่คินคนเดียวนะ"
จุ๊บ!
อะ เเถมให้หนึ่งจุ๊บจะได้เลิกงอเเง เเล้วก็ได้ผลสุดท้ายพี่คินก็ยอมไปฝึกงานตามกำหนดเดิม เเต่ไม่วายให้แทนไทที่ตอนนี้ขึ้นเเท่นเป็นน้องรักบวกกับองครักษ์พิทักษ์น่านฟ้ามาคอยกันซีนพวกที่จะเข้ามาจีบ เจ้าตัวถึงจะสบายใจ
ช่วงฝึกงานของพี่คินผ่านไปอย่างราบรื่น หรือเปล่านะ? ช่วงเเรกที่ไปฝึกก็กลับมาคอนโดตามเวลาปกติเเต่หลังๆเริ่มกลับมาช้าขึ้น บางสัปดาห์ถึงขั้นที่วันเสาร์อาทิตย์ยังต้องเข้าบริษัทก็มี
พี่คินบอกว่าคุณพ่ออยากให้เรียนรู้งานควบคู่ไปด้วย พอจบเเล้วจะได้เข้ามาบริหารได้ทันที ดังนั้นงานที่ทำจึงมากกว่าคนอื่นๆที่มาฝึกงาน ทั้งต้องเข้าประชุมบางครั้งก็ต้องออกพบลูกค้า เเละงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับงานบริหารพี่คินต้องเรียนรู้มันทั้งหมด
ส่วนเรื่องคนเข้าหาพี่คินเเน่นอนว่ามีอยู่เเล้ว ด้วยความที่เป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัทหน้าตารูปร่างที่โดดเด่น ใครเห็นก็อยากเข้าหากันทั้งนั้น เเต่พี่คินก็มาเล่าให้ผมฟังตลอดว่ามีใครเข้าหาบ้างเเละจัดการไปยังไง
คนที่เข้าหาพี่คินมีตั้งเเต่นักศึกษาฝึกงานด้วยกัน พนักงานเเทบจะทุกแผนก ยังไม่นับลูกหลานของผู้บริหารที่พอรู้ว่าพี่คินมาฝึกงานก็พากันเข้าหาไม่ขาดสาย เเต่พี่คินก็ชัดเจนพอที่จะบอกว่าตัวเองมีเเฟนเเล้ว เเละวางทุกคนไว้ในตำเเหน่งเพื่อนร่วมงานเท่านั้น
ผมเองก็ได้เเต่เป็นกำลังใจให้ คอยดูเเลเรื่องงานบ้านกับเรื่องส่วนตัวไม่ให้ขาด พี่คินเหนื่อยมาจากข้างนอกเเล้วกลับเข้าบ้านก็ต้องมีเเต่เรื่องดีๆที่ทำให้หายเหนื่อย เเต่อีกไม่กี่สัปดาห์พี่คินก็จะฝึกงานเสร็จเเล้ว จะได้มีเวลาพักผ่อนเพิ่มขึ้นสะที
"ฟ้า ปิดเทอมนี้พ่อกับเเม่พี่จะไปหาพ่อเเม่ฟ้านะ เห็นว่านัดกันเเล้ว"
"ไปนัดกันตอนไหนฟ้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย"
"พี่ก็เพิ่งรู้วันนี้เหมือนกัน เห็นว่าจะไปหลังฟ้าสอบเสร็จ อยู่สักอาทิตย์หนึ่ง"
"ดีจังครับ เหมือนว่าพวกท่านจะไม่ได้เจอกันหลายเดือนเเล้ว คราวนี้คงมีเรื่องให้คุยกันหลายเรื่องแน่ๆ"
จากที่คุยกันคราวก่อนโน้นพวกท่านก็หาเวลาว่างนัดเจอกันจนได้ เมื่อมีครั้งเเรกครั้งต่อๆไปย่อมตามมา จากที่นัดเจอกันช่วงที่พ่อกับเเม่ผมลงมาทำธุระหรือพ่อกับเเม่พี่คินขึ้นเชียงใหม่ไปประชุมงาน กลายเป็นว่ามีจัดทริปเที่ยวร่วมกันทั้งในประเทศเเละต่างประเทศ
ครั้งเเรกที่ไปออกทริปกันก็ดันไปญี่ปุ่นเเถมไปกันเเค่สี่คน มารู้อีกทีคือตอนที่ถ่ายเซลฟี่สี่คนอัพลงอินสตราแกรมเเล้วเเท็กพวกผมมา เล่นเอางงกันไปตามๆกันเลย
~♥~~♥~~♥~~♥~~♥~
"ยินดีต้อนรับค่ะพี่รุจี พี่พิภพ"
"สวัสดีค่ะน้องดารา คุณปกรณ์"
"เชิญเข้าบ้านก่อนครับ มาถึงกันเหนื่อยๆ"
หลังจากพี่คินฝึกงานเรียบร้อยเเละผมสอบเสร็จ เราสี่คนก็เดินทางมาบ้านผมที่เชียงใหม่ทันที โดยมีพี่น้ำขับรถไปรับมาจากสนามบิน
เเทบจะนับครั้งได้ที่พวกเราทุกคนได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ เพราะเเต่ละครั้งที่เจอกันส่วนใหญ่เเล้วจะเป็นพวกผู้ใหญ่สะมากกว่า เด็กๆอย่างพวกผมจะได้เจอกันจริงจังก็วันหยุดหรือช่วงปิดเทอม
เเละเป็นไปตามคาดที่ว่าพอเจอหน้ากันก็มีเรื่องมาเมาท์ได้ไม่หยุด คุยกันชนิดที่ลืมลูกหลานลืมการลืมงานไปหมดเลย หาเรื่องมาคุยกันได้ไม่หยุดหย่อนเหมือนไม่ได้คุยกันมานานทั้งๆที่เพิ่งวิดีโอคอลหากันเมื่อวานอยู่เลย
"จริงสิ ไหนๆก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งทีขอผมพูดเรื่องสำคัญหน่อยเเล้วกัน"
คุยกันไปสักพักใหญ่ อยู่ๆคุณพ่อพี่คินก็พูดถึงเรื่องสำคัญขึ้นมา ผมเลยหันไปมองหน้าพี่คินอย่างหาคำตอบว่ารู้ไหมว่าเรื่องสำคัญที่ว่าคือเรื่องอะไร พี่คินได้เเต่ยิ้มกลับมาให้เเต่มันทำให้ผมรู้เลยว่าพี่คินรู้เรื่องที่คุณพ่อจะพูด
"เรื่องสำคัญอะไรเหรอคุณพิภพ"
"เรื่องของหนูฟ้ากับตาคินค่ะคุณปกรณ์"
เรื่องของผมกับพี่คินงั้นเหรอ ว่าเเต่มันคือเรื่องอะไรกันนะ
"เด็กสองคนนี้ก็คบกันมานาน ทางผมเองก็เอ็นดูหนูฟ้าเป็นลูกชายคนหนึ่ง เเถมสองคนนี้ก็อยู่ด้วยกันเเล้ว ผมเลยจะมาขอหมั้นหนูฟ้าให้เจ้าคินก่อน ที่จริงเราควรจะคุยเรื่องนี้กันก่อนที่สองคนจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน จะได้เป็นการให้เกียรติหนูฟ้าเเล้วก็ครอบครัวด้วย"
"อะ อะไรนะครับ หมั้นเหรอ!"
"ใช่เเล้วลูก ตาคินใกล้เรียนจบเเล้วเเม่เลยอยากให้ทั้งสองคนหมั้นกันเอาไว้ก่อน พอหนูฟ้าเรียนจบค่อยเเต่งงานกัน ว่ายังไงเห็นด้วยหรือเปล่า"
"พี่คิน~"
หันไปเรียกพี่คินเสียงอ่อยเลยครับ ไม่คิดไม่ฝันว่าวันหนึ่งต้องมานั่งคุยเรื่องงานหมั้นของตัวเอง การได้เเอบรักพี่คินจนสมหวังก็เกินคาดไปมากสำหรับตัวผมเเล้ว เเต่นี้สถานะของเราสองคนกำลังจะขยับไปอีกขั้นในทิศทางที่มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
"ว่าไงฟ้า อยากหมั้นกับพี่ไหม ที่จริงเเล้วพี่อยากจัดงานเเต่งไปเลยด้วยซ้ำ เเต่คุณเเม่เบรคไว้ก่อนว่ารอให้ฟ้าเรียนจบเป็นเรื่องเป็นราวเเล้วค่อยจัดงานอีกที หรือถ้าฟ้าอยากเเต่งเลยพี่ก็ไม่ขัดข้องนะ"
"คะ คือ ฟ้าไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เเล้วพ่อกับเเม่"
"พ่อกับเเม่ตามใจฟ้านะลูก เพราะต่อจากนี้มันคือชีวิตของฟ้าที่ฟ้าต้องเลือกเองว่าจะจัดการยังไง พวกเราเคารพในการตัดสินใจของฟ้านะ"
"อีกอย่างบ้านเราก็เอ็นดูพี่คินเหมือนลูกคนหนึ่งไม่ต่างกัน เเถมครอบครัวเรายังเข้ากันได้ดีอีก ฟ้าไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น"
"พี่โอเคอยู่เเล้วเรื่องความรักของเราสองคน เเต่พี่เห็นด้วยกับคุณป้านะที่จะหมั้นกันก่อน เรื่องเเต่งงานเอาไว้พร้อมกว่านี้ในหลายๆด้าน ค่อยจัดงานตอนนั้นก็ได้"
ผมรู้สึกมาตลอดว่าตัวเองโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวนี้ เเต่วันนี้ผมกลับรู้สึกโชคดีกว่าเดิมเป็นล้านเท่า ที่นอกจากจะมีครอบครัวผมเเล้วยังมีพี่คินเเละครอบครัวของคินที่อยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจ ให้การสนับสนุนในทุกเรื่องที่เราลงมือทำ
เเม้เเต่เรื่องความรักเองที่ถึงเเม้สังคมจะเปิดกว้าง เเต่จะมีสักกี่ครอบครัวที่สามารถยอมรับความรักในรูปแบบนี้ได้
"ร้องไห้ทำไม ไม่อยากหมั้นก็ไม่เป็นไรนะพี่รอได้"
"ฟะ ฟ้าจะหมั้นครับ! ที่ร้องเพราะฟ้าเเค่ดีใจที่ทุกคนเข้าใจความรักของเรา"
"จริงนะ! พูดจริงๆนะ! พ่อเเม่ได้ยินเหมือนผมใช่ปะ ฟ้าตกลงจะหมั้นกับผมเเล้ว"
"ได้ยินเเล้วพ่อลูกชาย มาเอาของไปหมั้นน้องไป"
พี่คินขยับไปรับกล่องของจากคุณเเม่ ก่อนจะที่นั่งลงกับพื้นต่อหน้าทุกคนผมเลยขยับตัวลงไปนั่งข้างพี่คินบ้าง
"ผมขออนุญาตหมั้นน้องไว้ก่อนนะครับ นี่เป็นกำไลข้อมือที่ผมสั่งทำขึ้นมาเป็นของหมั้น"
พี่คินเปิดฝากล่องออกข้างในมีกำไลข้อมืออยู่สองวง ตัวเรือนดูเหมือนจะทำมาจากทองคำขาว ด้านบนของกำไลวงที่เล็กกว่ามีเพชรประดับอยู่หนึ่งเม็ด ส่วนด้านในของทั้งสองวงสลักตัวอักษร KF ไขว้กันอยู่
"ส่งมือมาครับพี่สวมให้"
ยื่นมือซ้ายส่งไปให้พี่คินสวมกำไลให้ผมอย่างเบามือ สวมเสร็จเเล้วก็ยกมือผมขึ้นไปจูบหลังมืออย่างแผ่วเบา เรียกความร้อนให้ลามทั่วทั้งหน้าของผมเลย
"สวมให้พี่เขาด้วยฟ้า เเล้วอย่าลืมไหว้ขอบคุณพี่เขาด้วยนะ"
ผมมัวเเต่นั่งอึ้งจนเเม่ต้องมากระซิบบอกให้ผมสวมกำไลให้พี่คินบ้าง พี่คินยื่นมือมาให้อย่างรู้งาน ผมบรรจงใส่กำไลให้พี่คินเช่นกัน จากนั้นจึงยกมือไหว้ขอบคุณ
"ตอนนี้ก็ถือว่าทั้งสองคนหมั้นกันเรียบร้อยนะ พ่อขออวยพรให้ทั้งสองคนมีความสุขในการใช้ชีวิตคู่ คอยดูแลกันเเละกันให้ดี"
"พ่อเองก็ขอให้รักกันนานๆนะ มีปัญหาอะไรก็คุยกันให้เข้าใจ รู้จักการขอโทษเเละการให้อภัยมันไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะเป็นฝ่ายพูดก่อน ฟ้าเองก็อย่าดื้อกับพี่เขา เคารพเชื่อฟังพี่เขานะ"
"ขอบคุณครับ/ขอบคุณครับ"
คุณพ่อทั้งสองบ้านเป็นตัวเเทนของครอบครัวอวยพรเราสองคน หลังจากท่านอวยพรจบผมกับพี่คินก็เข้ากราบพวกท่านทั้งสี่เเละไหว้พี่น้ำอีกคน
~♥~~♥~~♥~~♥~~♥~
Kerin Charoensirikun with NanFah Satjatam
1 hours ago
My Fiance
(แนบรูป มือที่จับกันอยู่ บนข้อมือเห็นกำไลทั้งสองวง)
988 Like 732 Comments 521 Shares
หมับ
ฟอด
"ดูอะไรอยู่ หืมมม"
"ดูโพสต์ของพี่คินครับ คนไลก์คนเเชร์กันเยอะเลย พวกพี่ๆคอมเมนต์เเซวกันใหญ่"
"พวกขี้อิจฉาก็แบบนี้แหละ"
จบพิธีสวมกำไลหมั้นหมายเล็กๆของเรา ก็ถึงเวลามื้อเที่ยงพอดีเเละหลังจบมื้อเที่ยงผมกับพี่คินก็แยกออกมาเดินเล่นที่ลำธารหลังสวน
"ฟ้ามีความสุขจังเลยครับ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะมีวันนี้"
"พี่ก็มีความสุขเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าจากความสนใจในวันนั้นจะเปลี่ยนมาเป็นคำว่ารักในวันนี้ พี่รักฟ้านะ"
"ฟ้าก็รักพี่คินครับ"
"ขอบคุณฟ้านะที่ยังไม่มูฟออนไปจากพี่สะก่อน"
"ที่จริงฟ้าพยายามเเล้วครับ เเต่มันดันมูฟออนเป็นวงกลมสะได้"
พี่คินก้มหน้าลงจูบผมอย่างแผ่วเบา ขบเม้มริมฝีปากบนล่างอย่างอ้อยอิ่ง มือข้างหนึ่งกระชับเอวผมเข้าหาส่วนอีกข้างเลื่อนมาที่ท้ายทอยขยับปรับองศาให้การจูบของเราแนบเเน่นมากยิ่งขึ้น
จากจูบอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นจูบร้อนเเรง ลิ้นร้อนค่อยๆสอดเเทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของผม ควานลิ้นไปทั่วโพรงปากสร้างความหวาบหวามในช่องท้องของผม ก่อนที่พี่คินจะผละออกไปอย่างเชื่องช้า
"งั้นต่อจากนี้เรามามูฟออนไปด้วยกันนะ"
ขอบคุณตัวเองในวันนั้นที่มูฟออนเป็นวงกลม จนในตอนนี้ผมมีพี่คินมามูฟออนไปด้วยกันเเล้ว
end
#moveon_เป็นวงกลม
Caramel Macchiato's talk
ดำเนินมาจนถึงตอนจบเเล้ว เย้!!!!!
ในที่สุดนิยายเรื่องเเรกของเมลก็จบลงเเล้ว ต้องบอกก่อนว่าไม่เคยคิดเลยว่าจะเเต่งจนจบเเละมีคนอ่านเยอะขนาดนี้มาก่อน เป็นอะไรที่เกินคาดสุดๆไปเลย
เมลขอบคุณนักอ่านทุกคนนะคะที่ให้โอกาสนักเขียนหน้าใหม่อย่างเมล ขอบคุณทุกยอดอ่าน ยอดเฟบ เเละคอมเมนต์ต่างๆด้วยค่ะ
ไหนๆก็เป็นตอนสุดท้ายขอเรื่องเเล้วเมลอยากขอกำลังใจจากนักอ่านทุกคนเเละอยากรู้ฟีดเเบคของนิยายเรื่องนี้ว่าเป็นยังไงบ้าง เมลรออ่านคอมเมนต์จากทุกคนอยู่นะคะ
ติดตามข่าวสารการอัพเดทและพูดคุยติ-ชมนิยาย ได้ที่ทวิตเตอร์ @CaramelWritter เเละ #moveon_เป็นวงกลม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารัก ขอบคุณค่ะ