ตอนที่ 9 : ความน่ากลัวของอลิซ(รีไรท์และเปลี่ยนชื่อครับ)
“ห-เห็นนั่นไหม?”
ฟรานซิสส์พูดเสียงสั่นในขณะที่ยืนตาค้างอยู่
“เห็นสิย๊ะ!....ช่างเป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สุดที่เดี๊ยนเคยเห็นมาเลย!”
ชายที่แต่งหน้าจัดมากๆหรือคาเอลพูดด้วยน้ำเสียงแหลมปี๊ด
“อ่า….”
เจ้าชายฟิลลิปส์มองไปทางที่สตรีร่างบางเดินผ่านไปอย่างเหม่อลอย…ช่างงดงามเหลือเกินเขาไม่เคยคิดเลยว่ารอยยิ้มที่งดงามและบริสุทธิ์เฉกเช่นนั้นจะถูกส่งมาจากอลิซคู่หมั้นที่แสนร้ายกาจของเขา…อีกทั้งรอยยิ้มนั้นยังงดงามกว่าของมาเรียหลายเท่าตัวนี่เขา….คิดผิดหรือเปล่าที่เลือกมาเรียแทนที่จะเป็นอลิซ?
ในขณะที่คนอื่นกำลังเหม่อมาเรียก็เขย่าแขนของฟิลลิปส์
“ฟิลลิปส์คะเป็นอะไรรึเปล่า?”
เด็กชายผมทองสะท้อนแสงที่เพิ่งหลุดออกมาจากภวังค์ก็สะดุ้งแล้วหันไปยิ้มให้มาเรีย…นี่เขาเป็นอะไรไปกัน? ไม่เขาจะไม่ลังเลเด็ดขาด มาเรียคือคู่ชีวิตของเขาไม่ใช่อลิซ!
“กลับกันนะ”
เขาจูงมือเด็กสาวผมบลอนด์ขึ้นห้องเรียนของตนเดธเองก็เดินกลับเช่นกัน เอาจริงๆคือเขาเองก็อยากจะไปเรียนรู้เรื่องของมนุษย์อยู่บ้างล่ะนะไว้ค่อยไปหานางตอนเย็นก็ได้ ส่วนสมาชิกห้องFก็รีบหาที่นั่งเพื่อนกินอาหารแล้วรีบขึ้นห้องไปหาวิลเลี่ยมทันที…พอไปถึงห้องพวกเขาก็เห็นว่าสตรีร่างบางกำลังคุกเข่ากับพื้นพร้อมกับหลับตาและกุมมือทั้งสองข้างของตนขึ้นมาอยู่ในระดับอก..นางพูดอะไรบางอย่างออกมา…พวกเขารู้สึกถึงออร่าบางอย่างที่เปร่งออกมาจากร่างของนาง…ราวกับว่าสตรีผู้นี้ช่างสูงส่งและบริสุทธิ์เกินกว่าที่ใครจะแตะต้องให้นางแปดเปื้อนได้…..ความรู้สึกนี้คืออะไรกัน?...
“หืม?”
ดวงตาคู่งามลืมขึ้นแล้วมองไปยังสมาชิกในห้องคนอื่นๆที่จ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว….
“มีอะไรหรือคะ?”
วิลเลี่ยมกล่าวเสียงนุ่มพร้อมกับเอียงคอน้อยๆอย่างสงสัย
“เจ้าพูดอะไรอยู่หรออลิซ? เมื่อครู่น่ะ”
ฟรานซิสส์เป็นคนเอ่ยถามก่อนคนแรก
“อ่า….สวดมนต์น่ะ”
คำตอบของเขาสร้างความงงงวยให้ทุกคนเป็นอย่างมาก สวดมนต์คือสิ่งใดกัน?คล้ายกับท่องบทเวทย์ใช่หรือไม่?วิลเลี่ยมถอนหายใจแล้วเริ่มอธิบายขยายความเพื่อให้ทุกคนได้กระจ่างว่าสวดมนต์คืออะไร…พร้อมกับคิดไปด้วยว่า อะไรกันอายุก็มิใช่น้อยๆแล้วนะ? ทำไมถึงไม่รู้จักการสวดมนต์กัน….
“งั้นหรอ….มันเป็นอย่างนี้นี่เอง…ขอบคุณที่มาอธิบายให้พวกข้าเข้าใจนะอลิซ! จะว่าไปข้าไม่เห็นจะรู้จักว่ามีการสวดมนต์อยู่เลย ที่พวกข้ารู้โดยส่วนใหญ่คือการบริจาคเงินให้ทางศาสนจักรเพื่อให้ได้ขึ้นสวรรค์…”
หลังจากที่วิลเลี่ยมอธิบายจบ ฟรานซิสส์ก็พูดขึ้นและคนอื่นๆก็พยักหน้าไปด้วย คิ้วของวิลเลี่ยมกระตุก….บริจาคเงินแล้วจะขึ้นสวรรค์งั้นหรือ? นี่มันคำสอนแบบใดกัน! สัตว์ชั้นต่ำจากนรกขุมใดที่กล้าทำแบบนี้!
วิลเลี่ยมกำหมัดและกัดฟันแน่นใบหน้าของเขามีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา ดวงตาที่มักจะเรียบนิ่งและสงบเยือกเย็นแปรเปลี่ยนไป…มันเต็มไปด้วยความโกรธและเคียดแค้นจนทำให้เจ้าตัวนั้นดูเหมือนพญามัจจุราชที่น่ากลัวกว่าปีศาจตนไหนๆ
“อ-อลิซ”
ฟรานซิสส์เรียกอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ ทำไมจู่ๆออร่าแห่งความบริสุทธิ์นั้นถึงได้เปลี่ยนไปกัน…น-น่ากลัว นางและคนอื่นต่างคิดพร้อมกันและเริ่มถอยหนี
วิลเลี่ยมข่มตาให้หลับลงแล้วหายใจเข้าออก…อ่าไม่ได้ๆเราต้องมีสติตลอดเวลา…แต่เขาขอสาบานต่อพระบิดา ถ้าเขาพบสัตว์นรกตนนั้นเขาจะปลิดชีพมันเสีย!
เมื่อสตรีผมสีครีมกลับมาสงบนิ่งดั่งเดิมคนอื่นๆจึงถอนหายใจ...อ่าสงสัยพวกเขาคงจะตาฝาดไป….
“นั่งก่อนสิคะแล้วข้าจะอธิบายสิ่งต่างๆให้พวกเจ้าฟัง”
คนอื่นๆเดินไปนั่งกันจนครบแม้จะสงสัยว่าอีกฝ่ายต้องการจะอธิบายสิ่งใดก็ตาม แต่มันก็น่าสนใจมิใช่หรือ?
พอวิลเลี่มเห็นทุกคนนั่งจนครบแล้ววิลเลี่ยมก็เล่าเรื่องราวต่างๆที่ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ให้ทุกคนได้ฟัง และพวกเขาเองก็ฟังอย่างตั้งใจเสียด้วยพอเวลาผ่านไปทุกคนก็เริ่มจะซึมซับเกี่ยวกับมัน….แล้วพวกเขาก็ร้องไห้ออกมา…วิลเลี่ยมชะงักและหยุดเล่าทันที เขาทำอะไรผิดกัน? เหตุใดพวกเขาต้องร้องไห้ด้วย?
แต่อาจารย์ร่างบึกบึนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน คนที่กำลังร้องให้รวมถึงวิลเลี่ยมสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูดังปั้ง
“เอาล่ะข้าคือจอร์ช เบรฟเวอร์! อาจารย์สอนวิชาดาบของพวกเจ้า!”
ผู้เป็นอาจารย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัดและน่าเกรงขาม ทุกคนเช็ดน้ำตากันแบบลวกๆแล้วหันไปมองชายร่างบึกบึน
“ไปที่ลานฝึกดาบ อย่างเป็นแถวและมีระเบียบ!”
ผู้ชายลุกขึ้นแล้วไปตั้งแถวนอกห้อง ส่วนผู้หญิงก็ตามไปทีหลัง วิลเลี่ยมทำตามคนอื่นๆอย่างเคร่งครัด แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ วันนี้มีวิชาดาบ สมุนไพร และดาราศาสตร์นี่นา?
ทุกคนเดินไปถึงลานกว้างที่มีอาวุธวางไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นมีดสั้น ดาบ ดาษยักษ์ ขวาน หอก ธนู มันมีครบแทบจะทุกอย่าง
“ไปหยิบดาบมา! แล้วมายืนจัดแถวเหมือนเดิม!”
สิ้นเสียงคำสั่งทุกคนจึงเดินไปหยิบดาบกันทันทีหลายๆคนหยิบดาบออกมาจากที่เก็บและนกกันไม่ขึ้น! บ้าเอ๊ยอะไรจะหนักได้ขนาดนี้เลย! พวกเขาคิดพร้อมกัน ส่วนวิลเลี่ยมนั้นหยิบดาบออกจากที่เก็บได้ แต่ถคงกระนั้นสำหรับเขาดาบพวกนี้ยังหนักมากทีเดียวคงเพราะเขาอยู่ในร่างสตรีด้วยแหละมั้ง?
ทุกคนพยายามลากดาบอันหนักอึ้งออกจากที่เก็บและมันก็สำเร็จ จากนั้นจึงไปตั้งแถวกันอย่างช้าๆ เพราะน้ำหนักของดาบที่ทำให้พวกเขาแทบจะเดินไม่ไหวนั่นเอง
“ดีมาก! เอาล่ะ ข้าอยากให้พวกเจ้าต่อสู้กันเอง ไม่ต้องห่วง ข้ามีโพชั่นรักษาบาดแผล เอ้า! จับคู่กันแล้วสู้ให้เต็มที่ เดี๋ยวข้าจะคอยจับตาดูพวกเจ้า!”
อาจารย์นั่งอยู่ตรงพื้นแล้วมองไปยังกลุ่มนักเรียนอย่างกดดัน พวกเขาจึงเริ่มจับคู่กันเอง....จนคนอื่นเขาเริ่มมีคู่กันแล้ววิลเลี่ยมนั้นยังหาคู่ของตนเองมิได้เลย….แต่ก็มีเด็กหนุ่มที่มีผิวสีแทน และผมสีทองทอประกายเดินมาหาเขา
“เอ่อเจ้าคู่...กับข้าได้ไหม? พอดีว่าไม่มีใครอยากคู่กับข้าน่ะ”
เขาจับไหล่องวิลเลี่ยมแล้วพูดขึ้น วิลเลี่ยมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ได้สิ”
เขาตอบกลับ ทั้งสองคนจึงเดินไปหาตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะสู้กัน…
“ขอโทษนะ จริงๆข้าก็ไม่อยากทำร้ายผู้หญิงเลยยิ่งเป็นเจ้าอีก แต่อาจารย์เขาสั่งมาแล้วข้าก็หาคู่ไม่ได้แล้วด้วย”
เด็กหนุ่มกล่าวขึ้นมา วิลเลี่ยมยักไหล่อย่างมิใคร่ใส่ใจนัก อีกฝ่ายนับว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยที่กล่าวแบบนี้ขึ้นมาก่อน แต่ก็นะ ถึงร่างนี้จะเป็นอิสตรีแต่จิตวิญญาณของเขานั้นเป็นบุรุษนี่? จะถือว่าเป็นผู้หญิงรึเปล่า?
วิลเลี่ยมยืนรอให้อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาก่อน เขาถนัดการตั้งรับมากกว่าการเป็นฝ่ายบุกเข้าไปก่อน เมื่อไม่มีวี่แววว่าสตรีร่างบางจะเป็นผู้เริ่มเด็กหนุ่มผมทองจึงพุ่งเข้าไปหาทันที วิลเลี่ยมเอียงตัวหลบ....ถึงแม้สตรีจะอ่อนด้อยด้านพละกำลังแต่ความเร็วเองก็มิด้อยกว่าใครเลย...วิลเลี่ยมคิดเพราะร่างนี้สามารถหลบอีกฝ่ายได้อย่างง่ายๆ ขอเพียงแค่รู้จังหวะเท่านั้น...
“อ๊ะ?!”
เด็กหนุ่มร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อสตรีร่างบางนั้นหลบการโจมตีของเขาได้ยังง่ายดาย เขาหยุดแล้วพุ่งไปฟันที่แขนของนาง
“ไม่เลว”
เสียงที่ไพเราะแต่เต็มไปด้วยความสงบเยือกเย็นพูดขึ้น วิลเลี่ยมเอาดาบรับแล้วใช้เท้าถีบไปที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างรุนแรงเท่าที่ร่างนี้จะทำได้
“อุ๊ก?!”
เคร้ง!
เด็กหนุ่มร้องออกมาแล้วปล่อยดาบลงเพื่อที่จะกุมท้องของตน แรงถีบเมื่อกี้มันมิใช่น้อยๆเลยให้ตายสิ!เห็นตัวเล็กแค่นี้มือเท้าหนักชะมัด!
“ในการต่อสู้จริงๆน่ะต่อให้เจ็บเจียนตายก็ห้ามปล่อยดาบหรือละสายตาออกจากคู่ต่อสู้นะ”
วิลเลี่ยมพูดอย่างเฉยชาเขาพุ่งไปหาอีกฝ่ายทันที! เด็กหนุ่มผมทองหลับตาแน่นและตัวสั่นระริก….แต่วิลเลี่ยมกลับหยุดก่อนที่ดาบจะพุ่งไปโดนใบหน้าของอีกฝ่าย...
“อย่าหลับตาสิ....ไม่ได้เรื่อง”
จากตอนแรกที่เขาบอกว่าอีกฝ่ายไม่เลวด้านการใช้ดาบนั้นเปลี่ยนไปเป็นไม่ได้เรื่องแทน เขาก็พอจะเข้าใจล่ะนะว่าอีกฝ่ายเป็นเด็ก จะมาสู้กับเขาที่เคยผ่านสงครามอย่างโชกโชนมาตั้งเต่เยาว์วัยได้อย่างไรกัน? แต่ด้วยที่ว่าอีกฝ่ายเป็นบุรุษและร่างกายนี้ของเขาเป็นสตรี ก็ควรจะทำได้ดีกว่านี้นะ ไม่ไหวๆ
วิลเลี่ยมส่ายหน้าไปมาสองสามทีแล้วปักดาบลงกับพื้นดิน...เด็กหนุ่มผมทองมองอีกฝ่ายอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย...อะไรกัน? เมื่อครู่นี้มันอะไร? ทำไมสตรีตัวเล็กแค่นี้ดูอย่างไรก็อ่อนแอและเปราะบาง...กลับน่ากลัวได้ถึงขนาดนี้..
“ยอดเยี่ยม!!! ยอดเยี่ยม!!”
อาจารย์ลุกขึ้นแล้วปรบมือพร้อมกับหัวเราะเสียงดังลั่นไปทั่วเรียกความสนใจจากทุกคนได้ดีเลยทีเดียว
“เจ้ายอดเยี่ยมมากจริงๆ เจ้าต้องได้เกรดA+ วิชาข้าแน่ๆ!”
ผู้เป็นอาจารย์เดินไปเขย่าไหล่ของวิลเลี่ยม เจ้าตัวเลิกคิ้วเล็กน้อย
“สนไปมาเข้าชมรมดาบของข้าไหม?”
“ไม่ค่ะ”
วิลเลี่ยมตอบไปอย่างไม่ลังเลอะไรเลย.... จอร์ชพ่นลมออกทางจมูกแล้วมองเด็กสาวอย่างเสียดาย เด็กอายุน้อยที่ดูจะมีพรสวรรค์ในด้านดาบแถมยังเป็นอิสตรีมิได้หาได้ง่ายๆหรอกนะ...
“เอาล่ะเลิกคาบแล้ว! ไปเรียนวิชาต่อไปได้”
จู่ๆอาจารย์ก็พูดขึ้นแล้วเดินกระทื้บเท้าตึ้งๆไปที่ห้องพักครูของตนเอง อารมร์เสีย อารมณ์เสียชะมัด! ทำไมนางถึงไม่ตอบรับคำเชิญของข้านะ!
ส่วนนักเรียนที่ได้ยินดังนั้นก็ปล่อยดาบลงกับพื้นและไม่ยอมไปเก็บเข้าที่....แค่ถือดาบก็เหนื่อยจะตายแล้วยังต้องสู้กันแถมต้องเอาไปเก็บอีก!ไม่เอาขี้เกียจ! แล้วพวกเขาก็เดินขึ้นห้องไป โดยที่เด็กหนุ่มที่ได้จับคู่กับวิลเลี่ยมนั้นยังนั่นอยู่กับพื้นแล้วมองวิลเลี่ยมที่เดินขึ้นห้องไปอย่างสง่างามโดยไม่วางตา....
ตัววิลเลี่ยมนั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าตนเองนั้นเริ่มจะกลายเป็นจุดเด่นไปแล้ว...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยังไงเค้าก็คนๆเดียวกันอยู่แล้วหนิ...
อ่านรวดเดียวจบเลย
ไปทำหน้าใครแถวนั่นแตก 55555
nice