ตอนที่ 67 : คดีปริศนา
วิลเลี่ยมไม่ปล่อยให้เสียเวลา เขารีบพุ่งเพื่อไปโจมตีพวกมันทันที ไม่รู้ว่าคนที่ให้สร้อยประคำกับเขาคือใคร และต้องการอะไรเหตุใดจึงให้ของมีค่าเช่นนี้กับเขา แต่คงต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อน
ชายชุดดำพวกนี้นั้นคิดจะมาทำร้ายเขา กับรุ่นน้องของเขา เขาคงปล่อยไปไม่ได้ จัดการให้สลบแล้วนำตัวไปส่งทางการซะ เขายังไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดเสียซะเท่าไหร่ ถ้าละเว้นได้ก็ทำ คนพวกนี้เป็นมนุษย์ไม่ต่างกับเขา ไม่ใช่สัตว์ประหลาดร้ายที่ต้องฆ่าสถานเดียวถึงจะปลอดภัยเสียหน่อย...
คิดได้ดังนั้นเด็กสาวร่างหนาจึงพุ่งไปจัดการพวกนักเวทย์อย่างรวดเร็ว คนแล้วคนเล่าถูกจัดการล้มลงไปกองลงกับพื้น ชายชุดดำคนอื่นที่มีความสามารถทางกายภาพก็รุมล้อมวิลเลี่ยมเอาไว้
“ฆ่ามัน!!!”
สิ้นเสียงชายชุดดำทั้งหมดก็พุ่งเข้าหาวิลเลี่ยม เด็กสาวใช้แรงจากขาถีบตัวขึ้นสูงเหนือพวกมันทั้งหมด ก่อนจะลงมาใช้ส้นเท้าเตะเบ้าหน้าของหนึ่งในพวกมันอย่างแรงจนเลือดอาบใบหน้า
“อ๊ากกก!!!”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของมันดังขึ้น เขารู้สึกได้ว่ามีคนจะเดินไปใกล้รุ่นน้องทั้งสามของเขา วิลเลี่ยมจึงใช้ปลายเท้าเตะก้อนหินขึ้นมาแล้วปาไปที่ชายชุดดำคนที่อยู่ใกล้รุ่นน้องเขา
แรงที่โยนไปมันไม่ใช่น้อยๆเลยสักนิดเดียว ร่างของมันลอยละลิ่วไปตามแรงพร้อมกับเสียงซี่โครงที่หักจนได้ยินเสียงดังฟังชัด
กร๊อบ!!!
“อ๊ากกก!!”
อาบิเกล เมย์ และ ฟอลเลนเทียร์เกาะกันเป็นกลุ่มด้วยความหวาดผวา ไม่มีใครคิดว่าอลิซ อควาเรียสจะเป็นคนที่มีความสามารถถึงเพียงนี้ ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูไกลๆยังไงก็บอบบาง ลักษณะนิสัยที่ไม่สุงสิงกับใคร สุภาพเรียบร้อย ทำตามกฎ ยังไงก็ไม่น่าจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ถึงแม้จะได้พบเจอเหตุการณ์ในห้องสมุดครานั้นไปแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะเก่งกาจขนาดจัดการกับชายพวกนี้ทีละคนๆได้โดยไม่กระพริบตา
“มิสสวอร์นรบกวนหาที่หลบด้วยค่ะ”
วิลเลี่ยมกล่าวเตือนก่อนจะโยนร่างชายชุดดำที่มีรูปร่างกำยำไปอีกทาง เขาไม่ต้องการให้พวกนางถูกลูกหลงในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าพวกนางเจ็หนักขึ้นมาจักทำอย่างไร….
อาบิเกลสูดลมหายใจเพื่อเรียกสติ นางรีบไปหาที่หลบทันที เมื่อวิลเลี่ยมแน่ใจแล้วว่ารุ่นน้องของเขานั้นหาที่ปลอดภัยได้เขาก็แสดงตความสามารถทางด้านการต่อสู้ระยะประชิดออกมาเต็มที่อย่างไร้กังวล
แต่พลาดตรงที่มีชายชุดดำคนหนึ่งวิ่งมาดึงสร้อยของเขาออกไป ทำให้แร่สลายพลังเวทย์นั้นไม่สามารถป้องกันอะไรตัววิลเลี่ยมได้อีก
นักเวทย์ที่เหลือรวบรวมพลังทั้งหมด ส่งไปหากันเพื่อที่จะร่ายบทเวทย์ที่สามารถกำจัดวิลเลี่ยมลงได้ โซ่ธาตุลมพันธนาการร่างของวิลเลี่ยมไว้ทันทีโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้พลาดทท่าโดนโซ่ตรึงจนขยับแทบไม่ได้ นักเวทย์ธาตุไฟร่ายลูกบอลที่ทำจากธาตุไฟออกมาแล้วส่งไปโจมตีทางวิลเลี่ยม
“โอ๊คคค!!!”
จู่ๆนักเวทย์คนหนึ่งก็ล้มตายลงอย่างฉับพลันและไม่มีใครทราบสาเหตุ ความสนใจของทุกคนจึงหันเหไปหานักเวทย์ที่ตายอย่างปริศนา ผู้ร่ายเวทย์พันธนาการเผลอลดหย่อนพลังเวทย์ของตนลงทำให้วิลเลี่ยมพังออกมาได้
วิลเลี่ยมซัดพวกมันทีละคนจนพวกมันจะลุกขึ้นมายืนไม่ได้อีก ตามตัวของเขามีรอยช้ำ และรอยถลอกมากมาย เพราะการต่อสู้แบบมือเปล่าต้องใช้ตัวเข้าแลก แม้นร่างกายสตรีจะว่องไวขนาดไหนก็ตาม ถ้ามีนักเวทย์และเหล่านักต่อสู้ปริศนาคอยเกื้อหนุนกันเพื่อต่อสู้กับเขามันก็ยากที่จะหลบ
เด็กสาวร่างหนาเอามือปาดเหงื่อแล้วเสยผมของตนเองขึ้น เสื้อผ้าขาดลุ่ยดูแทบไม่ได้ ถ้าไม่ได้ใส่ข้างในไว้อีกชั้นเขาคงทำให้อลิซ อควาเรียสขายหน้าเป็นแน่ ดวงตาสีแอเมทิกส์เหลือบมองไปยังบริเวณที่ตนเห็นเงาของใครบางคนที่แอบมาจัดการนักเวทย์คนหนึ่งเพ่อที่จะหันเหความสนใจของชายชุดดำคนอื่น
‘ขอบคุณ’
เขาพึมพำเบาๆ ถ้าไม่ได้ตาฝาดไปเขาเห็นคนๆนั้นยิ้มออกมา แต่เมื่อกะพริบตาบุคคลปริศนาผู้นั้นก็หายไปแล้ว
“เราต้องไปแจ้งทางการค่ะ”
วิลเลี่ยมเอ่ยทำลายความเงียบขณะที่ย่างเท้าไปใกล้เด็กสาวทั้งสาม พวกนางดูขวัญหนีดีฝ่อมาก เขาคิดว่าพวกนางคงจะช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“รบกวนไปแจ้งทางการด้วยนะคะ”
เมย์พยักหน้าแล้วรีบวิ่งไปทันที อาบิเกลกับฟอลเลนเทียร์เองก็ตามไปด้วยเช่นกัน
“จะเอายังไงดี?!!”
เมย์เอ่ยถาม ร่างกายของนางสั่นระริกราวกับเจ้าเข้าเพราะนางรู้ดีว่าถ้าแจ้งทางการจะเกิดอะไรขึ้น
“ทำเป็นไม่รู้เรื่องซะสิ ไอ้พวกนี้เป็นมือดียังไงมันก็ไม่ยอมบอกหรอกย่ะ!”
ฟอลเลยเทียร์เสนอความคิดขึ้นมา ใช่แล้ว แค่แกล้งตีเนียนไปซะ แล้วไปแจ้งทางการเพราะเป็นผู้เสียหาย ยังไงพวกนางก็ไม่น่าสงสัยหรอกแต่ตัวปัญหาคือนังอลิซเนี่ยสิ ถ้านังนี่เกิดรู้เรื่องขึ้นมากันล่ะ?! ไอ้ท่าทางเงียบสงัดสยบทุกความเคลื่อนไหวของนางมันไม่น่าไว้ใจเลย!
หรือว่านังนี่อาจจะรู้เรื่องอยู่แล้ว เห็นมันเหลือบตามายังพวกนางหลายต่อหลายครั้งในระหว่างที่จัดการกับชายชุดดำพวกนั้น ใช่ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ นังนั่นอาจจะเล่นเกมส์โดยการแอ๊บเป็นคนดี แล้วคอยมาตลบหลังทีหลังก็เป็นไปได้!
“ถ้าความคิดของพวกเราตรงกัน…เราก็คงต้องเล่นตามเกมส์นังนั่นไปก่อน แล้วค่อยจัดารฆ่าปิดปากอีกครั้ง”
อาบิเกลพยักหน้าให้กับคำพูดของฟอลเลนเทียร์ ส่วนเมย์นั้นกลัวจนสั่นไปทั้งตัว นางไม่ได้คิดว่าจะเป็นแบบนี้ อย่างมากก็แค่จัดการกับรุ่นพี่อลิซให้สลบแล้วทำให้นางเลิกยุ่งกับเดธแค่นี้อาบิเกลก็จะได้เลิกตามราวีซะทีก็พอ แต่ทำไมมันถึงได้กลายเป็นวางแผนฆ่าปิดปากกันเล่า!? นี่พวกอาบิเกลรู้รึเปล่าว่าความคิดของพวกนางนั้นจะส่งผลร้ายมากแค่ไหน…
“ม-ไม่เอาด้วยหรอก..ฮึก”
เมย์กล่าวก่อนจะสะอื้นออกมา ตอนนี้เด็กสาวร้องไห้น้ำตานองหน้าด้วยความกลัวที่สิ่งที่จะตามมาในภายหลัง
เพี๊ยะ!
อาบิเกลใช้หลังมือฟาดปากของเมย์อย่างแรง
“นังสมองฝ่อนี่!! ขี้ขลาดจริงๆนะ!! ถ้าไม่เอาด้วยก็เรื่องของมึง! แต่อย่าให้รู้ว่าปากโป้งนะไม่งั้นกูจะทำให้ชีวิตมัธยมของมึงกลายเป็นนรก!”
อาบิเกลโมโหจนหลุดคำหยาบออกมา เมย์ก้มหน้าลง นางทำได้เพียงแค่สะอื้นไปพร้อมกับพยักหน้าเท่านั้น ฟอลเลนเทียร์กรอกตา กะไว้แล้วว่าวันนี้ก็ต้องมาถึง ไม่เป็นไร ค่อยหาเบ๊คนใหม่ก็ยังไม่สาย
ทั้งสามเดินไปแจ้งเรื่องกับทางการ โดยที่เมย์ไม่พูดอะไรซักคำ เด็กสาวผมบลอนด์เป็นลอนเอ่ยพูดกับทหารว่าช่วยพานางกลับบ้านที นางไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ส่วนที่เหลือก็เดินทางกลับไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้ง อาบิเกลกับฟอลเลยเทียร์ยืนยันว่าไม่รู้อะไรกับเหตุการณ์นี้ ก่อนจะปรุงแต่งเรื่องทำให้พวกนางพ้นจากความสงสัยไปได้อย่างง่ายดาย คนต่อไปเป็นวิลเลี่ยมที่ให้การกับทหาร และผู้สืบคดี เขาอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไป ผู้สืบคดีก็มีความสงสัยว่าทำไมต้องชวนกันมาดูพืชหายากถึงนี่ด้วย แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก เด็กสมัยนี้ชอบทำอะไรเสี่ยงๆกัน อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
“พวกเราจะขอทำเรื่องนี้ต่อเองขอรับ เชิญคุณหนูกลับบ้านไปก่อนเถอะครับ ถ้ามีความคืบหน้าอะไรพวกเราจะรีบไปแจ้งโดยทันที”
วิลเลี่บมกับสองสาวรีบเดินทางกลับคฤหาสต์ทันที เมื่อไปถึงวินเซ้นตืก็รีบถามสารทุกข์สุขดิบเพราะว่ามีทหารคนหนึ่งมาแจ้งเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว วิลเลี่ยมอธิบายว่าตนเองนั้นไม่เป็นไร ยังคงสบายดี แค่มีบาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น บนห้องเขามีโพชั่นที่จะรักษาแผลสดได้ เดี๋ยวเขาก็หายเป็นปกติแล้ว
วินเซ้นต์ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จึงได้แต่ส่งจาร์เวียไปคอยค้นหาคนที่มายุ่งกับลูกสาวเขาเท่านั้น
เมื่อวิลเลี่ยมขึ้นไปบนห้องของตนเองเจ้าต้นไม้ ผีสาว กับดิเรกก็วิ่งเข้ามาจัดการดูแลบาดแผลเขาทันที ที่เขาทำก็แค่นั่งเฉยๆให้พวกมันจัดการไปก็เท่านั้น
“ดิเรก…เจ้าแอบไปแย่งหญ้าที่โรงม้ากินอีกแล้วใช่หรือไม่”
วิลเลี่ยมเอ่ยถามเมื่อเห็นเศษหญ้าที่ควรจะอยู่ที่โรงม้าใกล้กับคฤหาสต์มันติดปากของเจ้าดิเรกมาด้วย อาหารของตนเองมีกินดีๆไม่ชอบต้องไปแย่งม้ากิน เขาก็ไม่เข้าใจมันเหมือนกันว่าทำไม?
เจ้าดิเรกแค่ฉีกยิ้มแบบแพะๆให้เท่านั้น
ครรภ์แห่งปัญญาไม่ได้ส่งเสียงร้องอะไรตั้งแต่ที่วิลเลี่ยมกลับมาราวกับว่ามันกำลังเหม่อคิดอะไรบางอย่างอยู่ แองเจลิน่าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เจ้าต้นไม้ไม่ยอมพูดอะไรด้วยมาหลายวันแล้ว
เสร็จแล้ววิลเลี่ยมก็อาบน้ำแต่งตัว สวดมนต์ แล้วเข้านอน ในตอนที่เข้าล้มตัวลงนอนนั้นวิลเลี่ยมก็ได้แต่ครุ่นคิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในตอนที่พวกอาบิเกลเดินไปเรียกทหารมาเขาได้หยิบสร้อยที่ได้รับในงานวันเกิดเข้ากระเป๋ากระโปรงมาด้วย
ของมีค่าเช่นนี้ ใครกันที่กล้าหาของขวัญแบบนี้ให้เขานะ...ของกำนัลจากS กระนั้นหรือ? ...S...S..
ช่างมันเถอะเมื่อถึงเวลาSอาจจะมาปรากฎตัวต่อหน้าเขาแล้วเฉลยทุกอย่างให้เขาก็ได้ เขาไม่ใช่คนรีบร้อน ที่เจ้าตัวทำแบบนี้อาจมีเหตุผลที่ยังไม่สามารถบอกเขาได้ก็ได้...
คิดได้ดังนั้นวิลเลี่ยมก็หลับไป
ในขณะหนึ่งอีกฝั่งของเหล่าชายชุดดำนั้น พวกมันลืมตาตื่นสนิทอยู่ในห้องขังขนาดใหญ่ที่พอจะบรรจุสมาชิกทั้งหมดของพวกมันได้อย่างใจจดใจจ่อ ไม้กายสิทธิ์ อาวุธ และอุปกรณ์ทุกอย่างของพวกมันถูกยึดไปหมดเหลือแต่ผ้าคลุมสีดำของพวกมันเพราะมันถูกลงอาคมเอาไว้ ดังนั้นต่อให้พวกมันถูกจับยังไงก็ไม่มีวันที่จะถูกเปิดเผยตัวจริงได้
ในตอนนี้พวกมันได้แต่รอความช่วยเหลือจากหนึ่งในสายลับของพวกมันเท่านั้น
ทุกอย่างง่ายขึ้นเพราะพวกทหารยามนั้นหนีไปหลับกันเสียหมด ด้วยความประมาทว่าเวทย์กระจอกๆที่สลักไว้ป้องกันไม่ให้หนีจากห้องขังของพวกมันนั้นน่าเชื่อถือพอที่จะประมาทแบบโง่ๆได้
ตึก...
มีเสียงของฝีเท้าก้าวเข้ามาในชั้นของห้องขัง
"มาแล้วสินะ"
นักเวทย์ชุดดำคนหนึ่งพึมพำออกมาแต่ก็เบิกตาโพล่งเมื่อเห็นว่าบุคคลที่ก้าวเข้ามาในชั้นห้องขังนั้นไม่ใช่สายลับของพวกมัน และสายลับของพวกมันบัดนี้เหลือแต่ผ้าคลุม...ที่น่าสยดสยองไปอีกก็คือนิ้วที่ยังอยู่คาปากของเจ้าบุคคลปริศนาผู้นี้
ตุ๊บ
นิ้วถูกถุยออกมาจากปากของบุคคลปริศนา ใบหน้าช่วงตาถูกผ้าคลุมปิดเหลือแต่ปากช่วงล่างที่ไม่แสดงร่อยรอบของลักษณะอารมณ์เลยแม้เพียงนิด ชายชุดดำต่างผวากันยกใหญ่
"ก-แกเป็นใค- อ๊ากกกกก!!!"
โขคร้ายที่ไม่มีใครได้ยินเสียงที่ออกมาจากชั้นห้องขังเลย...
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อผู้สืบกับทหารเข้าไปในชั้นห้องขังต่างก็อาเจียนกันเพราะสิ่งที่ตนเห็นคือพวกชายชุดดำที่เคยอยู่กันเต็มห้องขังบัดนี้เหลือเพียงแค่เศษเนื้อบดละเอียดเละๆก้อนหนึ่งเท้านั้น ไม่เหลือแม้แต่เค้าโครงของกระดูกที่สมควรจะมี กลิ่นของเศษเนื้อลอยอบอวลไปทั่ว ในห้องขังไม่มีร่องรอยอย่างอื่นเลยนอกจากก้อนเนื้อขนาดใหญ่ก่อนนี้เท่านั้น
"น-นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย?!!"
ผู้สืบคดีตะโกนออกมา น้ำหูน้ำตาร่วง เจ้าตัวต้องก้มหน้าอ้วกอีกครั้งเมื่อได้กลิ่นคาวอันน่าขยะแขยงลอยมาอัดจมูกอีกระรอก
เกิดมายังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลยมาทั้งชีวิตนี่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเป็นเรื่องที่สยดสยองที่สุดที่เคยเห็นมา
"โอ๊กกกกก!!!"
เสียงอาเจียนดังกังวาลไปทั่วกฝห้
------
กระผมจะทำการยืดตอนอีกสองสามตอนนะครับเพราะก่อนที่จะปรับปรุงผมดันรวบรัดเกินไป(ง่วงมาก)ขออภัยครับผม :-:
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พวกชะนีน้อยนางso noob มากๆ
คือ I don't know ว่าพวกคุณ ชะนีทั้งสองต้องการอะไรกันแน่ เขาไม่เอาก็คือไม่เอาสิ ชะม้า?
ฮืมม? โอ้วว!!!ช่ายยยทั้งสองคร้าาา เพราะหนูเมย์แค่อยากมีเพื่อนนนนนางไม่ผิดดดด เดี๋ยวหนูวิลก็จะเป็นแม่พระมาโปรดหนูเมย์เองแหละเนอะ!!
ข้ามเราปายยยเรามาวว
อยากบอกว่าวิล(ขอย่อชื่อ)เก่งเกิน(ทำไมกุไม่เป็นงี้บ้างวะ)
ในทีสุดก็กลายเป็น เทวา ซะทีนึกว่าต้องรออีกนาน จะเป็นไงต่อ รอๆๆๆ