เมื่อกลับมาถึงบ้าน วิลเลี่ยมก็ตรงไปแนะนำสัตว์เลี้ยงตนเองกับดยุกวินเซ้นต์ เรื่องสัตว์เลี้ยงของเขา ซึ่งผู้เป็นพ่อก็พยักหน้ารับแล้วให้เหล่าเมดทั้งหลายไปจัดการศึกษาเรื่องสัตว์เลี้ยงของบุตรสาว รวมถึงหาของเครื่องใช้จำเป็นอีกด้วย
หลังจากนั้นเมื่อวิลเลี่ยมเข้าห้องไปก็พบกับสายตามองแรงจากเจ้าต้นไม้และผีสาว ถึงเขาจะรู้ว่ามันไม่มีตาก็เถอะนะ แต่ทั้งสองกลับหันมาทางเขาแล้วยืนกอดอก? นิ่งเงียบไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
"ต้อนรับสมาชิกใหม่หน่อย....นี่ดิเรก นั่นแองเจลิน่า กับ เจ้าต้นไม้"
วิลเลี่ยมแนะนำตัวให้ทั้งสามตน เจ้าต้นไม้ส่งเสียงต่ำออกมาราวกับกำลังขู่ดิเรกอยู่ สาวผีสาวฉีกปากกว่างจนแทบขาดลงไปกองกับพื้น
"อย่าทำห้องข้าเลอะ"
วิลเลี่ยมกล่าวขึ้นมา เขาวางดิเรกที่ตัวเล็กมากในตอนนี้ลงกับพื้น เจ้าแพะสีน้ำเงินเรืองแสงเงยหน้ามองเจ้าต้นไม้ที่ขยับมาใกล้ๆมัน
"ห้ามกิน"
เขากล่าวดักอีกครั้ง ทั้งสามเริ่มทำความรู้จักกัน โดยที่คุยภาษาแปลกๆแต่วิลเลี่ยมก็ไม่ใคร่ใส่ใจเสียเท่าไหร่นัก เขาไหวไหล่แล้วไปหาที่นั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดอย่างสงบ
"กีกี้ กี๊กี๋!"
เจ้าต้นไม้พูดออกมา ดูเหมือนดิเรกจะไม่เข้าใจจึงเอียงคอน้อยๆ
"ปัญปัญบอกว่า เจ้ามาเพื่อตีท้ายครัวพวกเราใช่ไหม?"
แองเจลิน่าพูดขึ้นมา นางอยู่กับเจ้าต้นไม้จนแทบจะเข้าใจภาษามันรู้เรื่องอยู่แล้ว เชื่อเถอะตอนที่มาแรกๆ โดนมันหาเรื่องทะเลาะตลอด มันก็ด่าๆไปทั้งๆที่ฟังกันไม่รู้เรื่อง แต่พอนานๆเข้า แค่หันไปมองกลีบดอกสีชมพูของมันก็แทบจะรู้ใจแล้ว แต่ก็ยังทะเลาะกันเสียซะทุกครา ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
เจ้าต้นไม้ส่งเสียงครางต่ำออกมา
"ข้าหาได้มาตีท้ายครัวอะไรพวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าจะเรียกการเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวอย่างนั้น ท่านอลิซเลือกข้าเป็นสัตว์เลี้ยงด้วยความ เต็มใจ โปรดให้ความเคารพกับการตัดสินใจของนางด้วย"
แพะน้ำเงินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"กี๊!!!"
"ปัญปัญบอกว่า ยอมให้แค่คราวนี้เท่านั้นล่ะ แต่อย่ามาปีนเกรียวรุ่นใหญ่อย่างพวกข้าล่ะ"
แองเจลิน่าเชิ่ดหน้าขึ้นเล็กน้อย เจ้าแพะกรอกตาไปมา....เฮ้อ...ดูเหมือนว่าชีวิตการเป็นสัตว์เลี้ยงของมันจะไม่สงบสุขเสียแล้วสิ วิญญาณตนนี้ทำตัวราวกับเด็กทารกตั้งๆที่น่าจะตายมานานแล้ว ไหนจะเจ้าดอกไม้นั่นอิ ถ้าจำไม่ผิดในเรื่องเล่าเป็นครรภ์แห่งปัญญากระมั้ง? น่าจะมีอายุเกินพันปีแล้ว เหตุใดทำตัวเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นเช่นนี้เล่า....เหนื่อยใจจริงๆ
ในขณะเดียวกัน ณ ฝั่งเดธ
"นี่พวกเจ้าคิดบ้างไหมว่าลิซซี่น่ะตายด้านมาก"
เทพแห่งความตายเปิดประเด็นขึ้นมาขณะที่ทุกคนกำลังนอนคลุมโปงกันแบบหมู่ขณะในถ้ำน้ำแข็ง
"แน่นอน ถ้าเป็นความเรียบนิ่งทางสีหน้าแทบจะทุกสถานการณ์น่ะนะ"
แซนด์ฮัลด์พูดขึ้น มันก็จริง ทุกครั้งที่วิลเลี่ยมสู้กับตนนั้น โจมตีหนักขนาดไหน พลิกแพลงการต่อสู้แบบเหนือความคาดหมายยังไง หน้าก็ยังนิ่งเป็นศิลาเหมือนเดิม ขนาดเจ้ายูกิโอะยังตีหน้านิ่งไม่ได้นานขนาดนั้นเลย
"แล้วจะทำไมล่ะ? อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดอะไรพิเรนท์ๆได้อีกแล้วน่ะ คิกๆ"
ชิลด์พูดขึ้นมาพลางหัวเราะด้วยน้ำเสียงอันน่าขนลุก กิจวัตรประจำวันของเทพแห่งสายลมอย่างเขาคือการป่วนชาวบ้านเขาทุกคน ไม่นับมิแลงเกลล์ การแกล้งนี่คือชีวิตของเทพแบบเขาชัดๆ
"แน่นอน ข้าจะพยายามทำให้หน้านิ่งของวิลเลี่ยมหายไป ข้าจะเรียกปฏิบัติการณ์นี้ว่า 'ภารกิจศีลแตก'!!"
"ชื่อโคตรเห่ยเลยว่ะ"
ชิลด์บ่นอุบอิบ เดธหันไปแยกเขี้ยวใส่สหายรัก
"เฮ้ ชื่อมันตรงตัวดีไม่ใช่รึไง เจ้าก็รู้ดีนี่ว่าลิซซี่นะเป็นพวกตรงตามศีลธรรมขนาดไหน ข้าจึงคิดว่าอยากให้ลิซซี่ศีลแตก อย่างน้อยแค่ทำผิดหลักศีลก็ได้ ไม่จำเป็นต้องหลุดหน้านิ่ง"
กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น อยากรู้จริงๆว่าสหายมนุษย์ของตนเองนั้นจะทนทำตามหลักศีลธรรมได้หรือไม่ถ้าเจอการป่วนจากเขา
"จะเริ่มแผนยังไงดีล่ะ? เริ่มจากความโกรธก่อนไหม? แบบว่า เอิ่ม แกล้งให้ลิซซี่โกรธไง แบบที่พวกอันธพาลนักเรียนมนุษย์ทำกัน ก็ให้พวกอันธพาลไปหาเรื่องซะสิ"
แซนด์ฮัลด์เสนอความคิดออกมา
"แล้วจะทำยังไงให้มีคนไปแกล้งล่ะ ฮันฮัน ใช้สมองหน่อย เจ้าก็รู้ดีนี่ว่าลิซซี่น่ะเป็นสตรีที่สตรองยิ่งกว่านักกล้ามเสียอีก จำไม่ได้หรือว่าคราวที่แล้วที่เจ้านอนจิตตกในห้องทั้งวันเพราะอะไร? เพราะเจ้าใช้เวลาฟิตกล้ามตนเองเป็นร้อยปี แต่ลิซซี่ฟิตกล้ามตนเองในเวลาไม่ถึงปีด้วยซ้้ำ แค่นั้นก็บอกได้แล้วว่าระดับนางน่ะคงหาคนมาแกล้งยาก"
ชิลด์กล่าวขึ้นมาพลางดันแว่นของตนเอง
"แหมทีแบบนี้นี่ฉลาดขึ้นมาเลยนะไอ้ก้นหอย"
เทพแห่งไฟอดจิกกัดอีกฝ่ายไม่ได้
"งั้นก็แบบ....ชีชี่ เจ้าก็ใช้พลังของตนเองให้เป็นประโยชน์สิวะ ใช้กระแสลมของเจ้าพัดองใส่ลิซเยอะๆไง! ทำให้นางโมโห!"
เดธกล่าวขึ้นมาทั้งยังแยกเขี้ยวยิ้มอย่างชั่วร้าย
"เออว่ะ ไม่บอกข้าก็คิดไม่ออกเลยนะเนี่ย เริ่มตอนไหนดี?"
"พรุ่งนี้"
เทพทั้งสามยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายเมื่อนึกถึงแผนการณ์ต่างๆที่จะทำให้สหายมนุษย์ของพวกตนตบะแตก....
อันที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้อยากรู้ว่าสหายมนุษย์ของตนตอนตบะแตกเป็นยังไงขนาดนั้นหรอก
พวกเาแค่ว่างงานมากจนไม่มีอะไรทำเท่านั้นเอง...
วันต่อมาวิลเลี่ยมก็ไปโรงเรียนตามปกติ โดยมีดิเรกแนบติดมาบนไหล่ของเขาด้วย ในตอนเช้าเขามักจะหาที่สงบๆอ่านหนังสือ จึงได้ไปนั่งที่สวนดื่มน้ำชาเพื่อที่จะอ่านหนังสืออย่างสงบ เขาปล่อยให่ดิเรกไปหาที่วิ่งเล่น
เจ้าแพะที่ได้รับอนุญาตจึงวิ่งไปมาที่สวนน้ำชาซะจนห่างไกลจากผู้เป็นเจ้านายไปมาก....
แต่ก็มีนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่ง อาสิ่งที่เรียกว่าลูกวอลเล่ย์บอลมาเล่นกันบริเวณใกล้ๆ ทำให้คนอื่นรำคาญเป็นอย่างมาก วิลก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเสียสักเท่าไหร่ แค่คิดว่าการเล่นกีฬาในสวนน้ำชามันไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่มีกฎระเบียบระบุเรื่องนี้ไว้ชัดเจนจึงไปติเตือนอะไรสาวๆกลุ่มนั้นไม่ได้
ปึ้ก!
มีลมกระแสใหญ่พัดลูกวอลเลย์บอลไปฟาดหัววิลเลี่ยมเต็มๆ....แต่เขาก็แค่ชะงักเล็กน้อยเท่านั้น วิลเลี่ยมยืนขึ้นด้วยความสูงเต็มตัว ก่อนจะหยิบลูกวอลเล่ย์ไปคืนสาวๆกลุ่มนั้น เขากลับมานั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิมแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ เขาจะย้ายที่ก็ไม่ได้เสียด้วยเพราะที่อื่นคนจองหมดแล้ว....
สักพักหนึ่งไม่นานนัก...
ปึ้ก!
ลูกวอลเล่ย์ลอยไปฟาดที่แก้มขาวเนียนของเขาอย่างจัง แต่เขาก็แค่เก็บลูกวอลเล่ย์คืนไปให้เด็กสาวกลุ่มนั้นเช่นเดิม เจ้าตัวยังคงไม่คิดอะไรเพราะด้วยความคิดที่ว่าตนเองนั้นอยู่ในระยะพอดีกระมั้ง จะเกิดขึ้นซ้ำก็ไม่แปลก...
วิลเลี่ยมเขยิบไปนั่งที่ๆต่างจากเดิมบ้าง เผื่อลูกวอลเล่ย์จะได้ไม่ลอยมาหาเขา
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด เพราะว่าลูกวอลเล่ย์นั้นลอยมาหาเขาที่กลางกระหม่อม...
สาวๆกลุ่มนั้นเริ่มทำท่าทีเลิกลั่กเพราะเล่นกันอยู่ดีๆลูกวอลเล่ย์ของพวกนางก็มักจะลอยไปหาเด็กสาวผมสีครีมตรงนั้นเสมอๆ นี่นางมีพลังงานอะไรบางอย่างที่ใช้ดูดลูกวอลเล่ย์รึเปล่านะ?
"ระวังด้วยนะคะ"
วิลเลี่ยมหยิบลูกวอลเล่ย์ไปคืนพวกนางก่อนจะเปลี่ยนไปหาที่อ่านหนังสือตรงใหม่....เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเรื่องที่ลูกวอลเล่ย์ลอยมาหาเขาสามครั้ง อุบัติเหตุเกิดที่ซ้ำๆได้อยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่งพวกนางก็ไม่ได้ตั้งใจนี่นา? ใช่ไหม?
เขาคิดในใจแล้วก็ไปหาที่นั่งในโรงอาหาร ระหว่างนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆก็มีส้อมจากคนที่ถือถาดอาหารผ่านเขานั้นตกลงมาจะทิ่มหนังสือเขา
หมับ!
มือเรียวสีน้ำนมจับส้อมนับไว้ทันก่อนที่จะลงมาโดนหนังสือเขาเพราะส้อมนี้นั้นเปื้อนซอสมะเขือเทศอยู่ ถ้าตกลงมาเปื้อนหนังสือมันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
ใบหน้าของสตรีรูปงามหันไปหาคนผู้เป็นเจ้าของส้อม ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆ
"ส้อมของเจ้าน่ะค่ะ"
วิลเลี่ยมกล่าวขณะที่ยื่นส้อมคืนให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร แต่ทว่าผู้เป็นเจ้าของกลับวิ่งหนีไปเสียแต่อย่างนั้นด้วยความกลัว เข็มกลัด RANK No.1 ของเขา....
ใครล่ะจะอยากมีเรื่องกำลัง RankNo.1ของระดับชั้น?
เขากระพริบตาปริบๆมองคนที่วิ่งหนีเขาไปอย่างมึนงงก่อนจะเดินเอาส้อมที่ได้มาไปให้แม่บ้านทำความสะอาด
วิลเลี่ยมเดินไปนั่งที่เช่นเดิมก่อนที่มือจะเปิดอ่านหนังสือต่อไป ทำไมวันนี้จึงมีเรื่องแบบนี้เกืดขึ้นกับเขานะ? สงสัยจะคิดไปเองกระมั้งว่าทุกสิ่งอย่างจะตกมาทางเขาหมด
เจ้าตัวคิดไปในทางที่ดี
แต่แล้วคราวนี้เป็นมาเรียที่ถือถาดอาหารเดินผ่านมาที่วิลเลี่ยม เขาไม่ได้มานั่งอ่านหนังสือที่โรงอาหารบ่อยนัก ทำให้มีโอกาสยากที่จะเจอเขาในโรงอาหารตอนที่อ่านหนังสืออยู่ มาเรียสะดุดล้มไปทางวิลเลี่ยม แต่ก็รู้สึกถึงแรงบางอย่างผลักนางแรงเกินไปจนนางตกใจร้องออกมาเสียงหลง
วิลเลี่ยมที่เห็นมาเรียนถลามาทางเขาจึงปล่อยหนังสือออกแล้วรับตัวนางไว้แทน แต่ก็แลกด้วยการที่ตัวเขานั้นเปรอเปื้อนอาหารจากถาดของนาง
หัวของวิลเลี่ยมเปรอะเปื้อนน้ำซุบอุ่นๆ แต่เขาก็ยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร
"ไม่เป็นไรนะคะมิสโดรานี่?"
น้ำเสียงอันอ่อนโยนเอ่ยออกมา เขารู้สึกแย่ก็จริงที่เสื้อที่เหล่าเมดอุตส่าห์ตั้งใจซักให้นั้นเปรอะเปื้อนอาหาร แต่ก็ดีใจที่เขารับตัวนางไว้ทัน ถ้านางล้มไปกับพื้นคงจะเจ็บหน้าดูจริงไหมล่ะ? ถ้าแค่เปื้อนอาหารแต่ช่วยคนๆหนึ่งจากการบาดเจ็บได้วิลเลี่ยมก็ไม่มีปัญหาอะไร
ดวงตาสีแอเมทิกส์อันอ่อนโยนบริสุทธิ์มองไปยังเด็กสาวตาสีโอรสที่เบิกกว้างขึ้น มาเรียผลักวิลเลี่ยมออกทันที
"ข-ขอโทษนะคะมาเรียไม่ได้ตั้งใจ"
กล่าวพลางทำตัวสั่น วิลเลี่ยมพยักหน้า...บางทีวันนี้พระบิดาอาจจะกำลังทดสอบอะไรเขาอยู่ก็เป็นได้ หรือไม่ก็เป็นเพราะเขาสวดสายประคำช้าไปเมื่อคืนนี้เลยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา
"ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่มิสโดรานี่ไม่บาดเจ็บก็ดีแล้ว"
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มก่อนจะถือหนังสือของตนจากไป....แย่ละสิเขาจะเข้าเรียนสภาพแบบนี้ไม่ได้นะ มีหวังทางเดิน กับโต๊ะเรียนที่เหล่าแม่บ้านหมั่นเช็ดจักเปรอะเปื้อนกันพอดี...
"บางทีฟรานซิสส์อาจช่วยได้?"
เขาพึมพำอย่างไม่แน่ใจนักก่อนที่จะเดินไปมาเพื่อหาตัวเด็กสาวผมบลอนด์ผู้เป็นหนึ่งในสหายของเขา...
ฟึ่บ...
ฟรานซิสส์พุ่งมาหาวิลเลี่ยมอย่างเร็วพลันเมื่อเห็นตัวสตรีที่นางรักและเคารพอยู่ในสภาพกึ่งเปียกกึ่งแห้ง ทั้งบนหัวยังมีผักชี กระหล่ำปี กับกระดูกไก่ติดหัวมาด้วย เกิดอะไรขึ้นกันนะ?!!
"ท่านอลิซคะ เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ?!"
นางกล่าวอย่างตื่นตระหนก
"อุบัติเหตุน่ะค่ะไม่มีอะไรหรอก...ฟรานซิสส์ช่วยไปหาที่สำหรับซักผ้ากับตากผ้าได้ไหมคะ? ข้าไม่อยากจะเข้าเรียนในสภาพแบบนี้"
วิลเลี่ยมเอ่ยถาม ฟรานซิสส์พยักหน้าหงึกๆก่อนจะดันตัววิลเลี่ยมเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำ ในขณะที่นางรีบวิ่งแจ้นไปซื้อเสื้อผ้ามาให้สตรีสุดที่รักของตนเอง
นางแอบส่องท่านอลิซทุกครั้งที่มีโอกาส ดังนั้นเรื่องเบอร์เสื้อกบักระโปรงนางจำได้แม่น ฟรานซิสส์จึงซื้อเสื้อกับกระโปรงขนาดพอดีเป๊ะมาให้วิลเลี่ยมอย่างรวดเร็ว
วิลเลี่ยมเปลี่ยนเสื้อแล้วเดินออกมาหาฟรานซิสส์ เขาเอ่ยขอบคุณอ่านซาบซึ้งก่อนจะเดินขึ้นห้องเรียนไปทั้งคู่....
ในขณะที่เดิน วิลเลี่ยมก็สะดุดล้มหน้าฟาดพื้นตรงท่านขึ้นบันได ฟรานซิสส์กรี๊ดลั่น นางรีดอุ้มสตรีที่เคารพของนางขึ้นมาในท่าเจ้าสาวก่อนจะวิ่งเข้าห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว
'ข้าว่าพอได้แล้วมั้ง สภาพลิซตอนนี้ดูไม่ได้แล้วเนี่ย ผมยังไม่ทันแห้งเลยด้วยซ้ำ'
แซนด์ฮัลด์กระซิบกับเทพอีกสองตน
'อย่าป๊อดน่าฮันฮัน แค่นั้นลิซไม่เป็นไรหรอก หนังเหนียวจะตาย'
เดธกระซิบตอบ ก่อนจะเริ่มการแกล้งต่อไป โดยเมื่อพึงห้องพยาบาลวิลเลี่ยมก็โดนโคมไฟบนเพดานตกลงมาทับ
'เห้ย เล่นแรงไปเว้ย!!!'
เดธหันไปตบหัวชิลด์
'ไหนบอกหนังเหนียวไงวะ!?'
เทพแห่งสายลมกระซิบกลับ
ฟรานซิสส์ร้องลั่นเมื่อเห็นวิลเลี่ยมถูกโคมไฟทับ แต่วิลเลี่ยมก็เงยหน้าขึ้นมาพลางยิ้มแล้วส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร...
เขาไม่มีแผลนะ...แต่แค่ช้ำๆ ปวดหนึบๆเท่านั้นเอง...
พระบิดาโปรดบอกลูกที พระองค์ไม่พอใจอันใดลูก?
วิลเลี่ยมคิดในใจ
ส่วนทางเจ้าดิเรกก็วิ่งหานายของตนไปทั่ว....นายข้า!! ท่านจะทิ้งข้าไว้ที่นี่ไม่ได้นะ!!
----------------------------
มาแล้ว เย้ >w< เมาส์ปากกายังไม่หายรวนเลย ฮืออ Q-Q เสียใจจริง ตอนรวนนี่อยากวาดภาพประกอบเยอะแยะเลย แต่ตอนนนี้ไม่มีโอกาสแล้ว
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
เดธอย่าแกล้งวิลจังมากเกินพอดีสิ
เห็นชื่อเจ้าแกะแล้วนึกถึง ตู้ อดิเรก (ใช่หรอวะ)
เองลืมน้องแกะสุดน่ารักไปได้อย่างไง!!